Morning Kitchen: A Little Kitchen For a Little Chef
Group Blog
 
All Blogs
 

แกงส้มไข่ปลาเซียว(ปลาริวกิว) กับหมูกรอบคุณสวิญญ์ ^^


ช่วงนี้ทำอาหารบ่อยกว่าขนมแหละ เนื่องจากยุ่งๆเลยขาดจินตนาการในการทำขนมใหม่ๆ T_T เหนื่อยจัง ชีวิต เมื่อไหร่จะมีสีสันๆกะเค้าบ้างนะ






 มาดูกันเลยจ้า แกงส้มไข่ปลาริวกิว พอดีเจอเจ้าไข่นี่ที่ทอป เลยรีบซื้อกลับมาทำเลย เวลาจะทำที ส่วนใหญ่ต้องไปตลาดชลแหนะ แต่ไม่ค่อยสดสะใจเท่าไหร่ ไม่ส้มและเม็ดใหญ่เท่าที่ควร 






 



จริงๆมันทำง่ายมากเลยแหละ แต่ถ้าใครทำไม่เป็น จะเหม็นคาวและ เหนียวเป็นหนังสติก มาดูวิธีทำกันเลยจ้า วันนี้เช้าไม่ได้ตำเครื่องแกงเองนะ หมดแรง ^^ 



 



ก่อนอื่น ก็ต้องมีเครื่องแกงส้ม เช้าใช้แม่เกตุ 1 ซอง เอาความหอม แล้วก็ของอะไรก็ได้ อีกเท่าที่อยากจะใส่ เครื่องปรุงเป็นน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำมะขามเปียก ใครไม่มีน้ำตาลปี๊บจะใช้น้ำตาลทรายก็ได้ แต่เราว่าไม่อร่อยเท่า้น้ำตาลปี๊บ 






ผักอะไรก็ได้ที่อยากจะใส่ เช้าใช้ผักกระเฉด ผักบุ้ง หัวไชเท้า แล้วก็ baby corn 



สุดท้าย พระเอกของเรา ไข่ปลาริวกิวจ้า






ก่อนอื่นต้องมาทำไข่ปลากันก่อนเลย เริ่มจากต้มน้ำให้เดือดพล่าน ใส่น้ำส้มสายชูนิดหน่อย ใช้ดับกลิ่นคาวจ๊ะ 



 



พอเดือดแล้วโยนไข่ปลาลงไป นับ 1 - 10 แล้วปิดไฟ เอามาล้างน้ำเย็น ให้สีขาวขุ่นหมดไป







ลอกออกจากเปลือกมัน ให้เป็นเม็ดๆ ล้างอีกที ให้หมดเมือกคาว แล้วแยกใส่ถ้วยไว้จ๊ะ 






 



ต้มน้ำแกงส้ม โดยตั้งน้ำเดือดใส่เครื่องแกง และหัวไชเท้าก่อน ปรุงรสให้จัดจ้านไว้ เปรี้ยวหวานนำ เค็มตาม ^^ ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก แนะนำให้เปียกมะขามไว้ล่วงหน้าจ๊ะ



 



พอได้รสชาติที่ต้องการแล้วก็ ต้มให้เดือดพร่านเหมือนเดิม ใส่ข้าวโพดอ่อนต้มให้สุก พอสุก ก็ใส่ผักบุ้งผักกระเฉด และไข่ปลาลงไป ปิดไฟทันที เดี๋ยวผักจะสลด และไข่ปลาจะสุกเอง ตักใส่ชามทานได้เลย









 



ส่วนเครื่องเคียงของเช้าเป็นหมูกรอบจ้า ง่ายมากๆ ไม่ได้ถ่ายรูปวิธีทำไว้ คือ เอาหมูสามชั้นมาทาเกลือให้ัทั่ว แล้วตากพัดลมให้หนังแห้ง ตากซักสองชั่วโมงกำลังงามเลย จากนั้นบั้งหนังไว้ก่อนเป็นชิ้นๆตามที่ต้องการ อบ 230 C เอาหนังไว้ด้านล่างถาด ซักครึ่งชั่วโมงให้เนื้อสุก จากนั้นพลิกกลับเอาด้านหนังขึ้น เปิดไฟบนอย่างเดียว อบต่อ 10 - 15 นาที ให้กรอบเหลืองสวย (น้ำมันหมูจะออกมาเยอะเลยแหละ เอาไว้ทอดไข่เจียวอร่อยนักแล) เอามาหั่นแยกชิ้น กรอบอร่อยอย่าบอกใครเลยแหละ 



 



ช่วงนี้กลับไปดูหนังเก่าๆ ที่ชอบ ไปเจอประโยคนึงเข้า โดนมากๆ ถึงจะโหดร้ายแต่ก็แสนจะจริง



 



"เมื่อคุณยิ้ม โลกก็จะยิ้มไปกับคุณ เมื่อคุณร้องไห้ คุณก็ร้องไปคนเดียวสิ"



 





 

Create Date : 13 ตุลาคม 2552    
Last Update : 13 ตุลาคม 2552 9:58:23 น.
Counter : 2955 Pageviews.  

กุ้งสมุนไพร~


หายหน้าหายตากันไปน๊านนาน สงสัยจะลืมเช้ากันหมดแล้ว 5555 เอาเมนูที่เก่าเก็บมาลงค่า จริงๆลงในกระทู้ห้องก้นครัวไปแล้วหล่ะ





เจ้ากุ้งสมุนไพรนี้ เช้าประยุคเอากับปลาสามรสที่ที่บ้านทำค่ะ ที่บ้านเช้า เวลาทำอาหารไทย ส่วนใหญ่จะไม่ใช้น้ำตาลทราย กับน้ำมะนาวค่ะ มักจะใช้น้ำมะขาม กับน้ำตาลปึกหรือปี๊บ (น้ำตาลโตนดหรือ น้ำตาลมะพร้าวก็ได้ แต่โตนดอรอ่ยกว่าค่ะ) ซึ่งเช้าก็ชอบมากค่ะ เพราะรสชาติมันจะเข้มข้นและกลมกล่อมมากกว่าในหลายๆเมนู



อ้อ ลืมบอกว่ากุ้งที่นมาทำ อย่าลืมทำให้เด้งก่อนนะคะ ดูในกระทู้เก่าเช้าได้เลย


ซอยเครื่องต่างๆเอาไว้เลยค่ะ ตะใคร้กับใบมะกรูดต้องซอยละเอียดนะคะ ไม่งั้นเดี๋ยวคนทานเคี้ยวไม่ออก จานนี้จะอรอ่ย ก็ตอนเคี้ยวเจ้าพวกสมุนไพรเหล่านี้ไปพร้อมกับเนื้อกุ้งกรอบเด้งหวานนี่แหละค่ะ










เช้าเองก็ยังซอยไม่สวย ซอยได้ไม่สม่ำเสมอเท่ากัน เล็กบ้างใหญ่บ้างแต่ก้ยังเคี้ยวได้ไม่ขัดใจ ^^



อันนี้เป็นวิธีซอยใบมะกรูดของเช้านะคะ เช้าจะจับมันดึงก้านที่แข็งค่ะ (ถ้าใบอ่อนก็จะไม่ดึงก้าน จากนั้นเอามาซ้อนกันทำหลายๆใบก็ได้ค่ะ แล้วม้วน ม้วนแล้วซอยค่ะ











เคล็ดไม่ลับของการซอยทุกสิ่งอย่างนี้ คือ มีดต้องคมค่ะ เช้าจะลับมีดกับหลังชามก่อนทุกครั้งที่จะซอย (ไม่มีหินลับมีดในครัวในตึกค่ะ มีแต่ครัวหลังบ้านขี้เกียจไปเอา)




ต่อมาก็คั่วถั่วค่ะ!! กว่าถั่วจะสุก ท้องก็ร้อง (ไม่ใชงาไหม้)






จากนั้นก็เคี่ยวน้ำยำมะขามค่ะ











ก่อนอื่นเคี่ยวน้ำตาลปี๊บน้ำปลาน้ำมะขามเข้าด้วยกันก่อนเลยค่ะ ชิมตามใจชอบ ใส่น้ำสุกตามสมควรค่ะ



จากนั้นใส่หอมแดงซอยกับพริกแห้งให้ได้กลิ่นหอม ชิมเป็นรอบสุดท้ายยกลงเลยค่ะ



จัดจานไว้ก่อนเลยค่ะ จะทานแล้วค่อยราดน้ำ






ราดซอสเลยพร้อมหม่ำค่า






แถมท้าย ตั้งแต่ซื้อเครื่องปั่นไอติมมาที่บ้านอ้วนกระจาย อันนี้เมนูสูตรใหม่ของเช้า พร้อมเค้กกล้วยหอมสูตรเดิมในบ้าน exteen ค่ะ Raspberry Cheesecake Icecream กับเค้กกล้วยหอม















 

Create Date : 29 กันยายน 2552    
Last Update : 29 กันยายน 2552 11:15:53 น.
Counter : 2638 Pageviews.  

Beef Wellington สวรรค์ของคนรักเนื้อ ปะทะ Tuna Fillet w. Red wine Chocolate Sauce สำหรับคนรักปลา

เนื่องจากเช้าได้เนื้อ Grassfed จากออซซี่มาสองกิโล ไม่รู้จะทำอะไรดี แล้วเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเห็นกระทู้นึงในพันทิพของคุณ Swin เค้าก็ทำแบบ individual (กรรมวิธีคล้ายกัน แต่ว่าส่วนผสมต่างกันเยอะ) ทำให้เช้าคิดถึงอารมปาตี้ ที่กินแบบสันในก้อนยาวๆเลยแหละ ก็เลยเอาวะ ตัดเนื้อมาครึ่งกิโลแล้วทำกันเต๊อะ!!



เปิดตู้เย็นมารื้อของก่อนเลย เรามีอะไรในตู้เย็นบ้าง มี


Black Forrest Ham อยู่ ---> Add to inventory 


ตับบดแบบหยาบรสหัวหอม ---> Add to inventory


มันฝรั่ง ---> Add to inventory (ก็ได้ฟระ)-->กลายร่างเป็นมันบด


Watercress --> Add ก็ได้ฟระอีกรอบ ---> กลายร่างเป็นSalad


สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือเนื้อสันใน และแป้งพายชั้น (เช้าซื้อสำเร็จรูปจาก Foodland จ๊ะ)


 


1. ก่อนอื่นเราต้องทำการหมักก่อน โดยสูตรตามด้านล่างเลยจ้า 




  • เนื้อสันใน ขอเป็นท่อนๆ

  • น้ำมันมะกอก

  • ไวน์แดงปริมาณเท่าน้ำมันมะกอก

  • Balsamic 1 ช้อนโต๊ะ

  • Bay leaf

  • Rosemary

  • Black Pepper

  • Salt


หมักไว้เลยค่ะ 2 ชั่วโมง


 


2. หมักแล้วก็ต้องนำเนื้อมาซีลโดยการนาบกระทะร้อนๆด้านละ 1 นาที กันความชื้นออกจากเนื้อจ๊ะ



 


3. ซีลแล้วเอา Wrap วางไว้ เอาแฮมเรียงกัน



 


4.ปาดตับบดปาดดดดด


 


 


5.เรียง Bay leaf


 


 6.ห่อ wrap แช่เย็น 15 นาที



7.คลี่แป้งพายให้พอดีห่อเนื้อ เชื่อมรอยต่อด้วยไข่จ๊ะ (ตีไข่ธรรมดาเลย)


8.เอาเจ้าที่แช่เย็นไว้มาหอแป้งพาย แช่เย็นอีก 5 นาทีให้แป้งอยู่ตัวจ๊ะ


9.เอาออกจากตู้เย็น วางลงบนถาดอบ ทาเนยให้ทั่วถาดอบด้วย รองกระดาษไขก็ต้องทาเนยเหมือนกันจ๊ะ เพราะมันจะติด กรีดหน้าเป็นลายตามชอบ แล้วก้ทาไข่


10. เอาเข้าเตาอบ 220 C จนกระทั่งแป้งพายสุกเหลืองหอมกรอบ เย่ (เช้าใช้เวลาประมาณ 20 นาที ไม่รู้เตามั่วไม่มั่ว 555)



เพียงเท่านี้ก็ได้แล้ว Beef Wellington


ปาดแล้วเป็นเช่นนี้



 


ส่วนผู้ไม่บริโภคเนื้อก็มีอีกเมนู เป็น Tuna Fillet with Red wine chocolate sauce ได้แรงบันดาลใจมาจากเชฟกอดอน กับน้องปอ(เช่)แหละ ^^เลยทำซอสสูตรนี้ขึ้นมา



เริ่มจาก เอาปลามาทามะนาวบางๆทุกด้าน โรยเกลือพริกไทยดำ กระเทียมสับ แช่ทิ้งไว้ซักสิบห้านาที แล้วนาบกระทะด้านขอบด้านละ 1 นาที ด้านหน้าด้านหลัง ด้านละสามนาที ใส่น้ำนิดหน่อย ปิดฝา ทิ้งไว้อีกซักสามนาที ให้ข้างในไม่สุกมากค่ะ



ส่วนซอสไวน์แดงชอกโก้นี่ใช้


ไวน์แดง น้ำสตอกหมู(หรือไก่ หรือเนื้อ) อย่างละเท่าๆกัน จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ ใส่หอมแดง กระเทียมสับ เบลีฟ โรสแมรี่ พริกไทยดำ (คือเท่าที่มีในตู้เย็นตอนนี้แหละค่ะ 555) เฮอชี่ไซรับ 2 ชอ้นชา คิดซะว่าเป็นซีอิ้วหวาน 555  ราวๆนั้น ผงโกโก้นิดเดียวค่ะ พอให้มีกลิ่น รีดิวซ์ให้เข้มข้นค่ะ กะๆเอาให้เหลือซัก 1/3 แต่งรสด้วยเกลือค่ะ อยากแต่งรสอะไรยังไงก็ใส่ๆไปตามใจชอบเลย  รสชอกโกเล็ตไม่ออกหรอกนะคะ มีแต่กลิ่น รสจะเหมือนซอสไวน์แดงตามปกติค่ะ


ทานกับมันบด และสลัดวอเทอเครสค่ะ


หั่นแล้วเป็นแบบนี้ เย่



ส่วนขนมเป็น สูตรคิดแบบโง่ๆ แต่สำเร็จได้แบบไม่น่าเชื่อ ชอบกันทั้งบ้านเลย มันคือ Pear Chocolate Meringue Pie คือมีแพร์อยู่ อยากกินชอกโก้มูส และมีไข่ขาวเหลือจากการทำมันบด(ใส่ไข่แดงในมันบดด้วยเพิ่มความเจ้มจ้น~)


สูตรนี้เมอแรงไม่กรอบกรุ๊บๆ เพราโดนความชื้นจากชอกมูสค่ะ แต่ว่ามันนุ่มละมุนละลายในปากหายวั๊บไปหมดเลย หอมกลิ่น VSOP อ่อนๆด้วย ฮี๊ยวว~ 


สูตรนี้ถ้ามีเวลาเดี๋ยวเอาลงใน My little Bakery อีกทีค่า



 


 





 

Create Date : 23 สิงหาคม 2552    
Last Update : 24 สิงหาคม 2552 7:58:12 น.
Counter : 3150 Pageviews.  

Mom's Day: Vanilla Cod with หลายๆสิ่ง

 


Vanilla Cod with Cream Sauce, Balsami Syrup and Cream Mushroom/Spinach


ควันหลงมากจากระทุ้ Red Velvet Cake ในหน้าขนมนะคะ ก็ขอ Add Main dish ของวันแม่ลงมาด้วยละกัน


สูตรนี้ไม่ได้กลิ่นวานิลลาหอมฟุ้งเหมือนขนมหรอกค่ะ แต่จะได้กลิ่นๆอ่อนๆ ผสมกับเครื่องเทศอื่นๆ แล้วทำให้ผ่อนคลาย ละมุนละไมมากกว่า




บนเห็ดเป็นพามิเจียโน่ ขูดค่ะ


Vanilla Cod จานนี้ง่ายมาก แต่ Combine หลายอย่างเข้าด้วยกัน ประกอบด้วย


1. Pan Fry Vanilla Cod


2. Cream Sauce


3. Balsamic Syrup


4.Cream Spinash


5. Cream Mushroom


มาดูวิธีทำแต่ละอย่างกันเลย


เริ่มจากทำ Balsamic Syrup ก่อนเลยค่ะ


ส่วนผสมง่ายมาก


ฺBalsamic + น้ำตาลทราย ประมาณ 3:1 เกลือปลายช้อน


วิธีทำ


ตั้งไฟค่ะ คนให้น้ำตาลละลาย กลิ่นจะขึ้นจมูกมากเลยนะ เพราะน้ำส้มมันละเหย ดูให้ส่วนผสมงวดลงค่ะ กะให้เย็นแล้วเหนียวข้นก็เป็นอันยกลง



ต่อมาเป็น Cream Mushroom ค่ะ


ส่วนผสม


เห็ดหอมสด1 แพค หั่นสไลด์


กระเทียมสับ


เกลือ พริกไทย แต่งรส


ไทม์สด แต่งกลิ่น


วิปปิ้งครีมประมาณ 1 ถ้วย ผสมกับแป้งสาลีประมาณ 1 ช้อนชา


เนยประมาณ 25 g และน้ำมันมะกอก นิดหน่อยค่ะ


วิธีำทำ


 1. ใส่น้ำมันมะกอกในกะทะ


2. เอากระเทียมลงผัด พอหอมตามด้วยเห็ด แต่งรส และกลิ่นด้วยเกลือพริกไทย ใบไทม์


3. ใส่เนย 25 กรัมผัดจนเห็ดเหี่ยว 555 


4. พอทุกอย่างหอมและดูดี ก็ใส่ครีมที่ผสมแป้งไว้เลยค่ะ



 ต่อมาก็ Cream Spinash


ส่วนผสม


1. ผักโขมจีน เด็ดเอาแต่ไป หั่นหยาบๆ


2. เนยเยอะเหมือนกันนะ เอาให้ผัดแล้วผักไม่เหม็นเขียวแต่มีกลิ่นเนยอะ


3. กระเทียม


4. เกลือพริกไทย


5. ครีมช้อนโต๊ะเดียวพอ


วิธีทำ


1. ผัดเนยกับกระเทียม


2. ตามด้วยผักโขมลงไป


3. ถ้าเนยไม่พอเติมเนยได้จ๊ะ ปรุงรส


4. พอผักนิ่มเละดีแล้วเติมครีม 1 ช้อนที่เตรียมไว้



สุดท้ายเลย พระเอกของพวกเรา Vanilla Cod


ส่วนผสม


1. ปลา cod สามารถ ใช้ปลากระพงขาว fillet แทนได้ นำมาหมักในน้ำมันมะกอก ใส่ผิวมะนาว ผักวานิลา(ที่เก็บเมล็ดไว้ทำซอสแล้ว) และใบไทม์สด ไว้ 2-3 ชั่วโมง


2. Clearify Butter1 ส่วน


3. น้ำมันมะกอก1 ส่วน


วิธีทำ


1. นำ Clearify Butter ผสมกับน้ำมันมะกอก ตั้งไฟให้ร้อน (เอาไว้ท่วม 1/3 ชิ้นปลานะ)


2. เอาปลาลงไปทอดให้เอาด้านหนังลงก่อนจ๊ะ หนังจะได้กรอบ


3. พลิกได้ แต่ระวังชิ้นปลาแตก


4. อย่าทอดนานไป กะๆให้สุก แล้วตักใส่จานเลยจ๊ะ


5. น้ำมันอย่าทิ้งหมดนะ ทิ้งบางส่วนแล้วเก็บไว้ทำซอส


 


Cream Sauce 


1. น้ำมันติดก้นกะทะ


2. ครีม ผสมกับแป้งสาลีนิดหน่อย


3. เกลือพริกไทย ใบไทม์


4. เมล็ดจากฝักวานิลลาที่ใช้หมักปลา


วิธีทำ


1. เทน้ำมันออกจากกระทะ ให้เหลือติดก้นกระทะนิดหน่อย


2. เอา ครีมผสมกับเมล็ดวานิลลา แล้วเทใส่กะทะเลยย


3. แต่งรสและกลิ่นให้พอใจ


4. พอหนืด ก็ราดปลาได้เลยจ๊ะ


สุดท้ายก็ประกอบร่างตามใจชอบเลย 


 


 


เป็นไงละคะ เสร็จแล้ว น่าทานมั้ยละ  ง่ายด้วยนะ






Free TextEditor




 

Create Date : 13 สิงหาคม 2552    
Last Update : 13 สิงหาคม 2552 11:20:49 น.
Counter : 2299 Pageviews.  

~Rosmary Fillet Steak With Pan Gravy~


ก๊อบมาจาก exteen เช่นเดิมค่ะ ตั้งแต่วันพ่อปีที่แล้ว ย้ายมาทั้งดุ้น ตั้งหน้าตั้งตาย้ายบ้านๆ จะได้มาอยู่ที่นี่ให้หมดซะที



วันนี้วันพ่อค่ะ!! แน่นอน ต้องเป็นคอสเมนูเหมือนเดิมค่ะ จริงๆมีสลัด กับ แอสพารากัสขาว ราดด้วย ฮอลองแดส ซอส ตามมาด้วย Rosemary Fillet Steak และ ตบท้ายด้วยพายแอปเปิ้ล กับฟองดูชอกโกเล็ต อ้อ วันนี้มีช่างภาพพิเศษมาถ่ายให้ด้วย เย้~ มีรุปตัวเองตอนทำซะที



ส่วนสมาชิกร่วมโต๊ะวันนี้ก็มี คุณพ่อ คุณแม่ เช้า และ ลูกชายคนอื่นอีกสองคน (บอย กับ กิจ) มีเบงกอล มาจอยเป็นระยะๆ



มาดูหน้าตาอาหารกันก่อนเลย



~White Asparagust With Hollandaise~






~Rosmary Fillet Steak With Pan Gravy~






~Home Style Apple Pie~



 



~Chocolate Fondu~






 



วันนี้อาจจะมาแปลกไปบ้าง ที่ลงวิธีทำของคาว แต่ก็นะ อยากให้ทุกคนทำสเตคเป็นค่ะ เพราะว่า ตามร้านขายแพงกันเหลือเกิน ฟิิลเล หนาๆแบบนี้ รสชาติแบบนี้เห็นขายกัน 600 โดยประมาณ ถูกจริงๆก็สี่ร้อย แต่ทำเอาจริงๆ ทำห้าชิ้น ตกราคาชิ้นละ ไม่ถึงสองร้อยบาทอะ = ="



 



มาดูส่วนประกอบกันก่อนเลย



เนื้อสันในหั่นหนา 5 ชิ้น (หั่นไว้ก่อนเลย)






ตัวซอสหมัก



-โรสแมรี่แห้งหรือสดก็ได้ ถ้าสด ก็ฉีกๆ ขยี้ๆใส่ซักสองสามกิ่ง ถ้าแห้ง ก็ซักสองสามหยิบมือ



- ไวน์แดง1/4-1/3 ส่วนของน้ำมันมะกอก



- น้ำมันมะกอก



- น้ำส้มสายชูบัลซามิก ซักช้อนโต๊ะ (เอาให้เนื้อนุ่มมิใช่รสชาติ) 



- เกลือซักครึ่งช้อนชาค่ะ



เกรวี่



-น้ำมันและน้ำที่เหลือจากทอดเนื้อ 



-น้ำที่เหลือจากอบ



-เนย



-พาสเล่นิดหน่อย



- เกลือพริกไทยตามชอบ



- ครีมตามชอบ (กะๆรสชาติและความข้นมันเอาค่ะ)



- แป้งสาลีละลายในน้ำนิดหน่อย



วิธีทำ



- ผสมน้ำหมัก โดยใส่ทุกอย่างรวมกัน






- เอาเนื้อไปหมักไว้ซักสี่ห้าัชั่วโมง






- ทอดเนื้อในกระทะ โดยใช้เนยละลาย หรือ Clarify butterได้จะยิ่งดี  (เช้าใช้ Clarify แบบที่เป็นสีน้ำตาลนิดหน่อยอะ ต้องเอาเนยมาทำเองนะคะ ไว้ว่างๆจะสอนทำ) นาบแค่พอสุกทั้งสองด้าน (ต้องตั้งกะทะด้วยไฟแรงก่อนนะ นาบแล้วจะได้สีน้ำตาลสวย เก็บน้ำมัน และน้ำในกะทะไว้ทำเกรวี่ต่อ






-  นำเนื้อมาอบในเตาต่อ 5 -10 นาที แล้วแต่ระดับความสุกที่ต้องการค่ะ 10 นาทีนี่จะเริ่มสุกมาก อย่าเกิน 15 นาทีนะคะ อบเสร็จ เอาน้ำที่ได้จากการอบมาใส่รวมกับน้ำในกะทะค่ะ(ถ้าใครไม่มีเตาอบ ให้ใช้ทอดในกะทะ แต่ลดไฟลงนะคะ กะความสุกดีๆ อย่าทอดนานไป เนื้อยิ่งแข็งแปลว่ายิ่งสุกค่ะ แต่ถ้านิ่มมาก ไม่มีความหยุ่นเลยแปลว่ายิ่งดิบ)






 



-  เคี่ยวเกรวี่โดยการเอาไอ้เจ้าน้ำทั้งสองตัว มาใส่แป้ง ใส่ครีม ใส่เนย แล้วตั้งไฟ พอเริ่มข้น ใส่พาสเล่สับ พริกไทย เกลือ ชิมรส ราดลงบนสเต็คที่เตรียมไว้เลยจ๊ะ



 - ลืมถ่ายรุปตอนทำเกรวี่ มันง่ายไป-



 



เห็นมั้ย ง่ายยยยยนิดเดีว = =" อย่าเสียตังไปกินนอกบ้านเลยนะ ถ้าใครไม่ชอบกลิ่นไวน์แดง หรือโรสแมรี่ ก็เปลี่ยนเป็นใส่อย่างอื่นหรือไม่ใส่ก็ได้ค่ะ สิ่งที่สลับสับเปลี่ยนไปก็เป็นพวกเครือ่งเทศ หรือ แอลกอฮอลต่างชนิดกัน เช่น VSOP วอดก้า... เคยกินเนื้อกวาง หมักกับลูกสน ใบสน(แบบที่กินได้) และวอดก้า ก็อรอ่ยไปอีกแบบ 



สุดท้าย ขอให้ Happy กันทุกคนนะคะ คราวหน้าจะมาอัพสูตร อื่นๆ  อยากได้อันไหนก็บอกน้า 



 แล้วก็อวดโฉมหน้าสมาชิกโต๊ะ






ป๊ะป๋า



-รูปแม่ไม่จ๋วย ไม่เอาลงเสียชื่อ-






ลูกใครไม่รู้ 555






ลูกเช้าเอง 555



 





 

Create Date : 03 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 3 กรกฎาคม 2552 11:14:12 น.
Counter : 2381 Pageviews.  

1  2  3  

Chibiasa
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




I'm a cat but not just a CAT.
Friends' blogs
[Add Chibiasa's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.