Strawberry Night ขบวนการนักสืบแห่งรัตติกาล
นั บตั้งแต่ต้นปีของปีนี้ มีซีรีย์ญี่ปุ่นแนวสืบสวนดีๆที่น่าสนใจอยู่สองเรือ่ง โดยที่ทั้งสองเรื่องอันกำลังจะกล่าวถึง ล้วนแล้วแต่เป็นงานสร้างของฝั่งค่ายฟูจิทีวีทั้งคู่ เรื่องแรกเลย คือ Lucky Seven แนวนักสืบเอกชนคอเมดี้ที่ได้นักแสดงเลยรุ่น อย่าง มัตซึโมโตะ จุน,เอตะซัง,นากะ ริสะ,คาโดโนะ ทาคุโซและมัตสุชิมา นานาโกะ แต่ทนดูได้เพียงสองตอน ก็ต้องบอกศาลาเลิกเพราะเนื้อเรื่องมันดูเละเทะสะเปะสะปะ ไม่เห็นจะสนุกไปกับการตามสืบ อีกทั้งตัวละครที่ดูแสนจะน่ารำค๊านรำคาญ ความหวังสุดท้ายของผู้เขียนจึงต้องฝากให้กับอีกซีรีย์อีกเรือ่ง อย่างStrawberry Night ที่แม้เวลาออกฉายจะเริ่มต้นสตาร์กไปพร้อมกัน ทว่ามันก็เป็นการฉายกันคนละวัน จุดเริ่มต้นที่น่าสนใจ ดูเหมือนในตอนแรกของLucky Sevenดูจะมีความน่าสนใจกว่า เพราะถูกเลือกฉายในตอนสามทุ่มคืนวันจันทร์(Getsuku) อันเป็นเวลาทองของช่องทีวีที่โน้น อีกทั้งเรื่องลำดับเวลาของซีรีย์Strawberry Night มันก็ดูแปลกๆ เพราะเดิมต่อยอดมาจาก ฉบับสเปเชียลมูฟวี่(Tanpatsu)ตอนเดียวจบ ที่เคยฉายเมื่อกลางพฤศจิกา เมื่อปี๒๐๑๐โน้น สงสัยว่า ถ้าอยากจะดูให้รู้เรื่องเห็นทีคงต้องไล่วิ่งคว้านหาเวอร์ชั่นเมื่อสองปีก่อนหน้า มาทำการปูพื้นเสียก่อนกระมัง จากนั้นจึงค่อยปรับทัศนะรับชมในภาคปกติกันต่อไป เพียงแค่คิด มันก็ทำให้รูปแบบประสบการณ์รับชมแบบเดิมๆต้องเปลี่ยนแปลงไป ถึงขึ้นอาจจำเป็นต้องปฏิวัติวัฒนธรรมการชมกันเสียใหม่ เพราะแต่ไหนแต่ไรมาเขาก็มีแต่ ฉายในสว่นของภาคปกติก่อน จนปีหนึ่งผ่านไปจึงค่อยทิ้งช่วงมาลงทำภาคสเปเชียลให้หายคิดถึงกัน เมื่อผู้เขียนสุดวิสัยที่จะตามหาเวอร์ชั่น Strawberry Nightภาคสเปเขียลที่ว่านั้น อีกทั้งLucky Seven ก็ไม่อาจจะเป็นงานบันเทิงให้รื่นเริงได้อย่างส่าแก่ใจ (แม้จะได้หญิงตัวเก๋า อย่างป้านานาโกะกับอีสาวคนใหม่อย่างริกะมาเฮโลแล้วก็ตาม) จึงเป็นอันว่า ผู้เขียนเลยต้องจับเสี่ยงในงานที่มีการจัดวางกันแบบแปลกๆของ Strawberry Night ภาคปกติต่อยอดจากภาคสเปเชียลปี๒๐๑๒ เพราะถึงจะมั่วมากอย่างไร มันก็ยังได้อานิสงส์จากนางเอก ทาเคอุชิ ยูโกะ ที่การันตีได้ว่างานออกมาทุกชิ้น ไม่เคยทำให้เป็นที่ต้องผิดหวัง เพียงได้แสยะยิ้มเป็นต้องคุ้ม แต่เอาเข้าจริงหาได้เป็นเช่นนั้นเลย เกิดskepticหวาดกลัวข้างต้นขึ้นมากมาย เพราะเรื่องนี้ นอกจากจับนับกระหยิมยิ้มจากเธอได้ยากแล้ว ยังถือเป็นการฉีกบทที่แล้วมาแบบกระจุย อย่างที่ไม่เคยได้เห็นในตัวของทาเคอุชิ ยูโกะ (และขอบอกว่า โปสเตอร์ของStrawberry Nightก็สยองไม่แพ้โปสเตอร์ของSadaka 3D ที่กำลังเข้าฉายในญี่ปุ่น ด้วยเป็นรูปพื้นผิวสตรอเบอร์รี่ที่เต็มไปด้วยดวงตามากมายส่งสาย กระพริบตาระยิบระยับ) ครั้งนี้ทาเคอุชิ ยูโกะต้องรับบทเป็น "ฮิเมคาวะ เรโกะ" หัวหน้าตำรวจนักสืบในเขตท้องที่หน่วย๑ แห่งกองตำรวจสอบสวนนครบาลกรุงโตเกียว (for squad 1 of the Tokyo Metropolitan) ที่จะต้องรับผิดชอบหน่วยสนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน่วยอื่น โดยมุ่งเน้นแต่คดีที่เกี่ยวกับการฆาตกรรม (merciless murder) ซึ่งก็มักจะมีความเชื่อมโยงไปถึงปมความแค้น การทารุณกรรมต่อเด็ก ยาเสพย์ติด องค์กรยากุซา ผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองขาใหญ่ หัวหน้านักสืบเรโกะ จึงต้องฝ่าฟันในการที่จะต้องเผชิญกับปัญหาหลายด้าน ทั้งในเรื่อง เงื่อนงำทางคดีที่เป็นหลักใหญ่ใจความสำคัญ การประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน การขออนุมัติเพื่อมีอำนาจตรวจค้น และอคติของระหว่างเพศ ทั้งหมดล้วนมีผลต่อประสิทธิภาพ ในการคลี่คลายทางคดีแทบทั้งสิ้น เพราะโดยส่วนใหญ่ ซีรีย์แนวสืบสวนจะไม่ค่อยให้รายละเอียด ในแง่การประสานงานระหว่างหน่วยเท่าไรนัก มักจะปล่อยให้เป็นความสัมพันธ์อำนาจโดยตรง ของบังคับบัญชาระหว่างหัวหน้างานกับลูกน้องเป็นหลัก หรือไม่เช่นนั้นก็กล่าวถึงแบบไม่ลงลึก เอาไว้ขัดแข้งขัดขาดูถูกดูแคลนพอเป็นพิธี เพื่อสร้างเป็นพลังผลักดันให้ตัวเอกของเรือ่งพิสูจน์ ขีดสามารถของตนเองเพื่อลบกับคำสบประมาท ซึ่งจะผิดกับเรื่องนี้ ที่เราจะเห็นพัฒนาการ แบบคนมีวุฒิภาวะปรากฎให้เห็นอย่างเด่นชัด เห็นถึงด้านบวกและด้านลบกันทั้งสองฝ่าย ลงไปในรายละเอียดเชิงลึกถึงความจำเป็นที่ต้องมีความเห็นที่แตกต่าง เพราะเรโกะมักจะเชื่อ ไปตามสัญชาติญาณและความน่าจะเป็น ซึ่งสมมติฐานนี้ไม่อาจเป็นหลักฐานเพียงพอสำหรับการอนุมัติ ซึ่งจะเข้าข่ายมองได้ว่า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตามพลการและไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนที่จะมอบอำนาจสั่งการแทน ถึงจุดเชื่อมโยงใด ที่จะสามารถออกคำสั่งที่อาจจะกระทบต่อสิทธิของผู้ต้องหา ที่ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ ดังนั้น คำสั่งจากเบื้องบนที่จะอนุมัติได้ ทีมงานจึงต้องเร่งมืออย่างหนักในการลงพื้นที่เพื่อหาหลักฐาน ตัวผู้เห็นเหตุการณ์ ความเชื่อมโยงของคดี สิ่งบอกเหตุและนิติวิทยาศาสตร์ อย่างรัดกุมและรอบคอบ จึงเกิดการแข่งขันกันขึ้นระหว่างหน่วยงาน เพื่อสร้างผลงานให้เข้าตาผู้ใหญ่ อีกทั้งจะเป็นการ คานอำนาจในการนำเสนอเชิงข้อมูลหลักฐานของอีกฝ่าย หากเกิดความเห็นแย้งไม่ตรงกัน ก็เท่ากับ ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่งจำเป็นต้องลงพื้นที่เพื่อหาข้อมูลชุดใหม่ขึ้นมาคานกัน ให้ได้การกลั่นกรองในสมมติฐานนั้นอย่างชัดเจนที่สุด สิ้นข้อสงสัย ก่อนที่จะอนุมัติการจับกุมตัวJust like that.all kind of resentment and hatred is being released everyday and infecting many people scary times maybe ahead of us. (เช่นเดียวกันในทุกความขุ่นเคืองและเกลียดชังนั้น ที่ถูกปลดปล่อยแทบทุกวัน และผู้คนต่างก็ติดเชื้อความหวาดกลัวนั้นตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่เบื้องหน้าของเราเอง) But a certain person taught me that.l had to live on. That l had to fight in order to go on living that l had to fight to overcome the criminal and myself. (แต่เคยมีใครบางคนสอนฉันว่า ตัวฉันนั้นจำเป็นต้องดำเนินชีวิตอยู่ต่อไป ต้องต่อสู้เพื่อการที่จะมีชีวิตอยู่ ซึ่งฉันจะต้องต่อสู้เพื่อสยบต่อพวกอาชญากรรมและเพื่อตัวฉันเอง) สิ่งหนึ่งที่ทำให้แผนกสืบกองหนึ่งของเรโกะมักจะคลี่คลายคดีสำคัญๆได้ ส่วนสำคัญ คือ การร่วมใจทำงานกันเป็นทีมเวิร์ค แม้จะมีหัวหน้าเป็นผู้หญิงสองศอกก็ตาม ทีมนี้ประกอบด้วย"คิคุตะ คาซุโอะ" (แสดงโดยนิชิจิมา ฮิเดโตชิจากBoku to Star 99 NichiและUnfair) เป็นบัดดี้คู่หูของหัวหน้าเรโกะ ที่มีความสามารถในการต่อสู้ด้วยมือเปล่าและดูจะเข้าอกเข้าใจ ตัวหัวหน้าเป็นอย่างดี ในบทดูจะมีสิทธิ์พัฒนาความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเกินกว่าหัวหน้ากับลูกน้องด้วย"ฮายามะ โนริยุกิ" (แสดงโดยโคอิเดะ เคสุเกะ จากjin และRookies) เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เพิ่งประจำใหม่ และเคยเรียนที่เดียวกันกับหัวหน้าเรโกะ มีปมอดีตที่เคยเห็นผู้หญิงถูกแทง แต่ตัวเองไม่ได้เข้าไปช่วยอะไร เลยกลายเป็นคนขลาดกลัวในการที่ต้องตัดสินใจ ในสถานการณ์อันหน้าสิ่วหน้าขวาน "อิโอกะ ฮิโรมิสุ" (แสดงโดยนามาเสะ คัตสุฮิสะจาก4Shimai Tantei DanและGokuzen) แม้จะไม่ได้สังกัดอยู่หน่วยกองหนึ่ง แต่มักจะด้อมๆมองๆและพยายามตามจีบหัวหน้าเรโกะ เป็นคนที่เรโกะเห็นแต่ไกลเป็นต้องผวาไว้ก่อน ความที่ยังไม่เคยได้ชมภาคปฐมเหตุของเรื่อง เรื่องจึงดำเนินไปแบบลงหลักปักฐานเรียบร้อย ที่เหลือจึงว่ากันด้วยเรื่องของคดีเพียงอย่างเดียว ในขณะที่รูปแบบทีมเวิร์คก็ไม่ต้องเรียกร้องอะไรกันมาก แง่ปฏิบัติงาน หัวหน้าเรโกะเองแทบไม่จำเป็นต้องออกคำสั่ง แต่จะได้รับการอาสาของลูกทีมโดยฉับพลัน การสังสรรค์กันในวงเหล้าก็ยังสะท้อนการเป็นทีมเวิร์คนอกเวลาราชการ ก็อดที่จะไม่คุยเรือ่งงานเสียไม่ได้ ที่ทำให้คดีกลายเป็นเรื่องไม่เคร่งเครียด และสามารถพูดเปิดอกได้ในแบบที่ไม่อาจจะพูดกันได้ ในเวลาปกติทำงาน เคยได้ยินมาว่า การสังสันทน์ทำนองนี้ไม่ใช่แค่การช่วยผ่อนคลายเท่านั้น ยังเป็นการสมานกลุ่มให้แน่นเหนียว และโดยธรรมเนียมญี่ปุ่นก็นิยมที่จะเจรจาธุรกิจในร้านอาหาร ไม่ใช่อะไรอื่นมาก เพราะมันง่ายดีไม่ต้องเพาเวอร์พอร์ยอะไรมากมาย สิ่งที่จะเป็นลางบอกเหตุถือการรับประกันในเรื่องคุณภาพ ตั้งแต่มีแผนจะเริ่มสร้าง คือ ซีรีย์ได้พลังจากนักแสดงรุ่นเดอะมากความสามารถ ที่เห็นชื่อแล้วรู้เลยว่าเรือ่งนี้ไม่ธรรมดา แต่เอาที่เป็นเมนหลัก (แบบไม่คัดเอาตัวประกอบ ซึ่งก็มีเป็นรุ่นใหญ่ร่วมแจมหลายเช่นกัน)"หัวหน้าผู้กำกับฮาชิซุเมะ " (แสดงโดยวาตานาเบะ อิคเคะ จากTokujo Kabachi!!และOsen) ดำรงอำนาจใหญ่สุดของนครบาล ชอบระบายอารมณ์และยึดความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ไม่เคยลงรอยสักความเห็นกับสิ่งที่ลูกน้องนำเสนอ "รองผู้กำกับอิมะอิซุมิ" (แสดงโดยทากาชิมา มาซาฮิโระจากBloody MondayและFutatsu no Spica) เป็นสายประนีประนอม พยายามช่วยไกล่เกลี่ยและมีอำนาจตัดสินใจรองลงมาจากผู้กำกับอีกชั้น ในกรณีที่ผู้กำกับและผู้ใต้บังคับบัญชาเกิดมีความคิดที่ไม่ลงรอยกัน ซึ่งจะเข้าใจลูกน้องได้ดีกว่า นอกจากถ้านับตัวเป้งๆ ที่เหลือจากนี้ก็จะเป็นในสว่นของหัวหน้าต่างกองที่จะเป็น ไม้เบื่อไม้เมากันตลอดทั้งคู่อย่าง"หัวหน้าคุซาคุ มาโมรุ" แสดงโดยเอนโด้ เคอิชิ จากIryu 3 และShiroi Haru) ที่เชือ่เรื่องของหลักฐานยืนยันมากกว่าเป็นไปตามสัญชาติญาณ ถนัดการทำงานเชิงเดี่ยว"หัวหน้าคัตซึมาตะ เคนซาคุ" (แสดงโดยทาเคดะ ทัตซึยจากByakuyako และJin) ผู้ไม่สนว่าจะใช้วิธีการสกปรกประเภทไหน ขอให้ได้เข้าถึงข้อมูลหลักฐานเป็นสำคัญ นักแสดงอาวุโสพวกนี้คงไม่ต้องอะไรกันมาก แค่ปล่อยพื้นที่ให้เขาเล่นตามประสบการณ์แสนโชก ก็น่าจะเพียงพอ และถือเป็นตัวละครที่่ส่งผลในแง่ของบทคอ่นข้างมาก โดยเฉพาะ จุดที่เป็นความขัดแย้งซึ่งนางเอกและคณะหน่วยหนึ่งทุกคนต้องก้าวผ่าน นอกเหนือไปจาก การสร่างในรูปคดี ดีหน่อยว่าในความเป็นคดี เรื่องนี้ดูจะไม่เปรี้ยงหงายเหงิบสักเท่าไรนัก แต่จะไปได้ในส่วนของความเป็นดราม่าเสียค่อนข้างเยอะ เพราะถึงจะเห็นจัดเต็ม๑๑ตอนเช่นนี้ แต่ถ้านับเอาประเภท ที่เป็นเรื่องราวเป็นราวจริงๆก็มีเพียงแค่๖ตอน และมีประเภทจบในตอน เพียงแค่๒ตอนเท่านั้น ที่เหลือล้วนเป็นภาระที่ท่านผู้ชมควรจะต้องติดตามตอนต่อไปในสัปดาห์หน้า ซึ่งผู้เขียนเองก็ค่อนข้างเห็นด้วย ซีรีย์ประเภทตอนเดียวจบหลายต่อหลายเรื่องความจริงพล็อกก็ดี แต่เมื่อต้องรีบไปขมวดให้จบภายในตอนเดียว แล้วรู้สึกเสียของ ตลอดจนเสียดายทรัพยากร ในการที่ต้องบีบอัดกระชับพื้นที่แล้วดูผิดแปร่งอย่างไรชอบกล แต่กลยุทธนี้มีได้ก็ต้องมีเสีย โดยเฉพาะกับคนที่เพิ่งมาเปิดทีวีแล้วไม่ได้ตามจากตอนเดิมที่แล้ว ต่อให้มีการเท้าความจากตอนเดิม อย่างน้อยก็กันคนพวกขาจรได้ส่วนหนึ่ง ในแง่ของแรงจูงใจที่อยากดูอะไรที่สมบูรณ์ครบถ้วน และน่าจะจริง โดยดูจากตอนที่เป็นTo be Continue เรตติ้งมักจะลดเมื่อเทียบกับตอนแรก ในแทบทุกตอน ถึงแม้ลดไม่มากแต่ในแง่การตลาดถึงว่าไม่สัมฤทธิ์ในผลเป็นบวก อาจแสดงว่า คนดูส่วนหนึ่งไม่สนใจต่อคำเฉลยหรือไม่ก็ฝากให้เป็นภาระของเพื่อนบ้าน แล้วค่อยไปเมาท์ก่อนจ่ายตลาด หรือหาอ่านตามเว็บบอร์ดคาเฟ่แบบไม่ต้องพึ่งโฆษณา สำหรับความที่ผู้เขียนไม่ได้ชมภาคสเปเชียล ที่ถือเป็นภาคกำเนิด จะถือว่ามีปัญหาอยู่บ้างไหม? ก็คิดว่ามันต้องมีแน่.....มันทำให้ผู้เขียนคล้ายกับตัวละคร "ฮายามะ โนริยุกิ" (ที่คุณตี๋ไคสุเกะเล่น) คือ อยู่ๆก็มาเป็นหน้าใหม่ในสังกัดของท้องที่กองหนึ่ง ไม่รู้เหวอะไรทั้งน่านต่อเรื่องที่่เกิดขึ้นก่อนหน้า ก็เลยอาจจะดูบื้อๆ ค่อยสังเกตจับจุดนั้นจุดนี้ ตัวละครตัวนั้นตัวนี้ เพราะซีรีย์โผล่มาก็เดินเรือ่งไม่ได้เล่าอะไรย้อนของภาคก่อนเท่าไรนัก ไม่มีการอธิบายนิสัยตัวละคร เดินหน้าปฏิบัติงานตามหน่วยแทบจะทันทีทันใด ถ้าเป็นซีรีย์อื่นๆ คงมีการแนะนำตัวกันพอเป็นพิธี แต่ที่นี้ดูไม่ชอบอะไรที่เป็นพิธีรีตอง แถมการเล่าเรื่อง ก็ไปอย่างรวดเร็วไม่มีประเภทเดินเนิบ รอคอยให้คนดูคิดตามทัน หน่วยงานเดียวไม่เท่าไร แต่ถ้าประเภทคนละหน่วยแข่งกันลงพื้นที่เพื่อหาข้อมูลจนใกล้พบความจริง อันนี้ต้องขมวดรวมปมกันนิดนึง ส่วนถ้าไม่อินมากตอนท้ายนางเอกหัวหน้านักสืบเรโกะ เธอก็จะมาอธิบายภาพรวมให้อีกที ให้เป็นที่เข้าใจกัน ซึ่งการหวังน้ำบ่อท้ายอย่างงี้ มันจะไปสนุกกันทีไหนละครับท่านผู้ชม ความจริงแค่การได้รู้ว่า จะได้ดูยูโกะ ทาเคอุชิ แค่นี้ก็การันตีในงานคุณภาพได้ระดับหนึ่งเป็นการถาวรอยู่แล้ว จะว่าไปสิบปีไล่หลัง ยูโกะจังแทบจะเป็นขาประจำให้กับค่ายทีวีฟูจิอย่างเต็มจตัว ตลอดชีวิตการแสดงที่ผ่านมา ก็ได้ปะฉะดะกับพระเอกตัวเป้งแห่งวงการไม่ซ้ำหน้า เรียกว่าเกือบครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น คิมูระ ทาคุยะ ในPride ,คาโตริ ชินโง ในBara no nai Hanaya,เอกูชิ โยสุเกะและซึมาบุกิ ซาโตชิ ในLunch no Joou,นากาเสะ โทโมยะ ในMy Husband โดโมโตะ ทซึโยชิในGakkou no Sensei หรือแม้กระทั่งข้ามรุ่นกินเด็ก อย่างมัตซึโมโตะ จุนในSummer Romance Shines in Rainbow Color เธอก็ทำมาแล้ว โกอินเตอร์ค่ายทีวีอเมริกากับค่าย ABC อันนี้ก็เคย (แต่ไม่เคยดู) มีรางวัลการันตีจากคนในวงการบันเทิงมากมายจนขี้เกียจเอย (เพราะเอยไปแล้่ว) แต่ที่น่าแปลกใจ คือ ในStrawberry Night แม้เหมือนตำแหน่งพระเอกจะตกเป็นของนักแสดงที่ผู้เขียนไม่คุ้นหน้า "นิชิจิมา ฮิเดโยชิ" ถึงแม้จะเคยได้ดูซีรีย์ที่เขาเล่นอยู่บ้าง ทว่าก็นานโคตรเอาการ อย่าง Asunaro Hakusho(๑๙๙๓) เรื่องของโศกฎกรรมของเพื่อนรักห้าคนที่หนึ่งในนั้นมีนายทาคุยะ วัยละอ่อนสวมแว่นหนาเตอะ และทำท่าว่าหลังจากเล่นเรื่องนี้เสร็จพี่แกจะทิ้งวงการทีวี โดยหันไปเอาดีในสายภาพยนตร์ จนอีกสิบปีให้หลังจึงค่อยดำเนินเดินตามเส้นทางทีวีอีกครั้ง แต่ประทานโทษตัวพี่เล่นเป็นตัวไหนในเรื่องนั้น ผู้เขียนก็จำไมได้เลย และเหมือนว่า ในช่วงปีสองปีนี้ น่าจะมีขบวนการพยายามกลับมาปั้นพี่ให้ดังผ่านทางหน้าจอทีวีอีกครั้ง ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนค่ายฟูจิทีวีนี้แหละภูมิใจนำเสนอ เพราะเห็นเส้นทางการแสดงของคุณพี่ ดูชุกขึ้นผิดสังเกต อย่างน้อ่ยๆที่เห็นเป็นหลักแล้วก็มี Boku to Star no 99 Nichi เรื่องของบอร์ดดี้การ์ดเซเลปเกาหลีที่ท่านPrysangเพิ่งพรรณนา แม้บัดนี้วัยพี่ท่าน วัยก็สี่สิบปีกำลังเริ่มน่าจะมีงานประกบดาราวัยสามสิบคานอีกหลายนางต่อไปในอนาคต เข้าใจว่าตลาดซีรีย์ที่เจาะสาวกลุ่มนี้น่าจะได้เห็นหน้าหมอนี้กันจนเพลินนะเชียว การแสดงของยูโกะ ทาเคอุชิ ก็ต้องถือว่าเธอได้ก้าวข้ามการแสดงที่ฉีกจากแนวเดิม ที่หนีไม่พ้นสวยหวานหยาด หรือไม่ก็แก่นกระโหลก อย่างที่เคยเห็นทั่วไป ขึ้นชื่อว่าเป็นหัวหน้านักสืบตำรวจ ย่อมต้องมีความบู๊ ดุดันและแฝงเร้นไปด้วยอำนาจบารมี ซึ่งต้องพิสูจน์มากกว่าชายอกสามศอกเป็นเรื่องธรรมดา ในอันที่จะทำให้ลูกน้องและบริวารยอมรับ นอกเหนือจากอำนาจบังคับบัญชาที่มีอยู่เดิม พร้อมกับเอกลักษณ์การเสยผมที่บ่งถึงการ เอาจริงเอาจังในการคลี่คลายคดีผ่านกระบวนการทักษะพิเศษบางอย่างที่ไม่ได้มาด้วยโชคช่วย ขณะเดียวกันเสน่ห์ในแบบฉบับความเป็นผู้หญิงก็ต้องไม่เสียไปด้วย (ในซีรีย์Bossก็ย้ำจุดนี้เช่นกัน) ยอ่มไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเมื่ออำนาจคำสั่งจากเบื้องบน ไม่ตรงกับสัญชาติญาณภายในใจที่ปักธงไว้ เพราะวัฒนธรรมการสั่งงานแบบญี่ปุ่นที่เรียกว่า"เนมาวาชิ" เป็นการมอบนโยบายผ่านสายงาน เป็นลำดับขั้นไปสู่ผู้บริหารระดับสูง ถ้ามองในแง่ดี อาจถือได้ว่าให้โอกาสพนักงานผู้น้อย ได้มีส่วนร่วมกำหนดนโยบาย แต่เอาเข้าจริงกลับเป็นการที่หัวหน้างานแต่ละหน่วย จะต้องพยายามโน้มน้าวใจให้เห็นด้วยสอดคล้องกันนโยบายในสังกัด ซึ่งเอาเข้าจริง ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเดิมจากนโยบายที่ผู้ใหญ่ได้จัดวางเอาไว้ ในStrawberry Night จึงมีการปะทะทางความคิดนี้อย่างมาก และทุกครั้งนางเอกก็พิสูจน์ ตามความเชื่อในสัญชาติญาณที่มี ซึ่งหมายถึงเธอและทีมงานจำต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า (แทนที่จะตีกินสบายๆ แบบราชการเกียร์ว่างของบางสำนัก)When l observed , Disregarding the fact that she's a woman like you said.And l've come to acknowledge a lot of things about her. (หลังจากที่ผมได้เฝ้าติดตามมา ลองได้ปล่อยวางกับข้อเท็จจริงที่ว่าหัวหน้าเองเป็นผู้หญิงแบบที่นาย เพิ่งจะพูดสักครู่ และผมคิดว่าตัวผมเองกลับได้รับความรู้หลายสิ่งหลายอย่างจากตัวเธอ) That being said l still don't think a woman should be out in the field like this. (ซึ่งผมอยากจะพูดว่าผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าผู้หญิงสมควรที่จะออกลงสู่พื้นที่ภาคสนามเช่นนี้ได้) และความท้าทายที่เพิ่มขึ้นอีกอย่างในตัวละคร หัวหน้านักสืบเรโกะ นอกจากการพิสูจน์อคติทางเพศที่ผู้ชายเป็นใหญ่ (ชนิดใหญ่คับสน.เพราะเป็นหญิงเพียงคนเดียว) ขณะเดียวกัน เธอต้องพิสูจน์ตัวเองเพื่อข้ามพ้นปมแห่งอดีต ซึ่งเธอเคยตกเป็นเหยื่อการถูกข่มขืน และยังถูกทำร้ายด้วยมีดในสมัยมัธยม แน่นอนว่าเรื่องนี้รู้กันในเฉพาะวงครอบครัวของเธอเท่านั้น เลยเป็นเหตุให้ ความปรารถนาสูงสุดในชีวิตของเรโกะ คือ การสอบเข้าเป็นเจ้าหน้าที่กรมตำรวจ และมุ่งมั่นกับอาชีพนี้จนได้รับการเลื่อนชั้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็ต้องแลกกับการมีชีวิตครอบครัว การเปิดใจรับเพือ่นที่รู้ใจ และปัญหาระหองระแหงกับแม่ที่ไม่อยากให้เธอทำงานในกรมตำรวจ และได้มีชีวิตครอบครัวที่สุขสมหวัง จนลืมฝันร้ายที่ผ่านพ้นมา เป็นตัวละครที่ใครเห็นแล้วก็ อยากจะเอาใจช่วย ที่นอกเหนือจากความเก่ง ความสวยและผมสลวยยังกะนางแบบซันซิล ผู้เขียนว่า เรโกะเป็นตัวละครที่ยังมีอะไรให้น่าค้นหาและจะน่าเสียดายที่หากจะมาจบภาค ด้วยการฉายในโรงภาพยนตร์เวลาเพียงชั่วโมงครึ่ง แทนที่จะต่อภาคสองตามหน้าจอทีวีทั่วไป Strawberry Night จะว่าไปมีส่วนคล้ายคลึงกับซีรีย์เรื่องBossอยู่บ้าง ในแง่ที่ได้สร้างตัวละครหญิง ให้มีภาวะผู้นำในองค์กรที่ขึ้นชื่อว่าเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ในส่วนของคดีฆาตกรรม ซึ่งไม่คิดว่าสตรีเพศจะทำได้ ถ้าให้มองในแง่ "ความเก๋า" ซีรีย์Boss ดูจะตอบโจทย์และโชว์ศักยภาพความเป็นผู้นำ ซี่งป้าอายูมิ ยูกิในบทของ หัวหน้าโอซาวะ เอริโกะ ซึ่งจะทำได้ดีกว่าและเป็นกระดูกเบอร์หนาที่ดารารุ่นน้องยากจะเทียบ ป้าอายูมิจะได้เเปรียบกว่า เพราะในBossปล่อยบทให้เธอได้พื้นที่เล่นไม่ต้องเบียดแย่งกับเพื่อนรุ่นหลาน (ถ้าเอาเธอมาปล่อยใน Strawberry Night ก็เชื่อว่าป้าอายูมิคงเอาอยู่แม้จะเข้าวงการทีวีหลังยูโกะ แต่ประกายความเป็นปูชนียบุคคลผู้เขียนยกให้ป้าแบบไม่ถนอมน้ำใจกัน) แต่ถ้าในแง่เนื้อหาสาระอื่นๆแล้ว อันนี้ไปกับคนละทาง Strawberry Nightจะเน้นในส่วนของ ความเข้มข้น จริงจังและบรรยากาศที่อืมครึมเกือบทั้งเรื่อง ขณะที่Bossมีส่วนผสม ของความทีเล่นทีจริง ยิ่งในภาคสองก็ผันตัวเองออกไปโทนตลกไร้สาระเยอะขึ้นกว่าเก่า ผิดกับStrawberry Nightที่ดำเนินเส้นทางตั้งแต่ตอนแรกอย่างไร ก็ยังปูในเส้นทางใน บรรยากาศตามเดิมอย่างนั้น เสียดายนิดอยู่ว่าการพัฒนาของเนื้อหาคดีและการลุ้นระทึกจนปวดตับ ค่อนข้างจะทรงตัวระนาบเดียวกันเกือบทุกตอน ไม่ค่อยมีตอนใดที่เด่นเป็นพิเศษ แต่ซีรีย์ ก็ไม่พยายามลากตัวเองให้กลายเป็นดราม่าทริลเลอร์หนักๆ ยังพอมียิงมุกเพื่อปรับบรรยากาศ ผ่านตัวละครบางตัวหรือดึงมุกให้ก้ำกึ่งเป็นคดีเด็ดให้พอขำขำ แล้วที่น่าแปลกใจอยู่อย่างหนึ่ง คือ การกำกับของยูอิจิ ซาโต้ ปกติงานที่แกกำกับมักจะไม่ค่อยสมูทและไหลลื่นสักเท่าไร โดยวัดจากที่เคยได้ดูผ่านมา อย่าง Attention Please,Shibatora และKyumei Byoto 24 Ji 4 มันจะต้องมีลูกขาดๆเกินๆโผล่มาบ้าง แต่กับเรื่องนี้ทำได้ในระนาบที่รู้สึกได้ว่าเป็นเนื้อเดียวกัน ถ้าถือว่าจังหวะการรนำเสนอเขาดี ไม่ค่อยมีจังหวะให้ได้แช่กล้องสักเท่าไร ซีรีย์จึงเดินเรือ่งไปได้เร็ว จนบางทีรู้สึกเอาเองว่า ซีรีย์เนื้อหาค่อนข้างเยอะทั้งๆที่ไม่ได้มีการขยายเวลามากกว่าเรื่องอื่นๆแต่อย่างใดNo matter what kind of mistake you make. You can start over.l believe people've the strength to do so. (ไม่ว่าเธอเองจะเคยผิดพลาดมาอย่างไรก็ตาม เธอสามารถที่จะเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้ง ฉันเชื่อว่ามันจะทำให้คนแกร่งยิ่งกว่าเก่า) เห็นว่าจริงๆแล้ว ซีรีย์เรื่องนี้ในตอนที่ยังเป็นภาคสเปเชียลเมื่อสองปีก่อน มาจากงานในแนวปริศนาฆาตกรรมขายดีของนักเขียนฮอนดะ เท็ตซึยะ (ที่ขายได้กว่า๑.๕ล้านเล่ม) ที่ชื่อ Strawberry Night ซึ่งเป็นฉายาที่นางเอกเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรมในภาคสเปเชียลนั่นเอง ส่วนในภาคที่ฉายทีวีอย่างที่กำลังอยู่ในขณะนี้ มาจากในส่วนของภาคต่อที่ชื่อ Symmetry (และมีการพัฒนาบทให้เหมาะสมกับทีวี) ส่วนวิธีการที่ทำให้ซีรีย์ มีสว่นขยายจากภาคสเปเชียลที่เดิมฉายเพียง๒ชั่วโมง มาเป็น๑๑ตอนในภาคทีวีซีรีย์ปกติ เข้าไปแหล่งข้อมูลก็ดูงงๆ เพราะทางtokyohiveบอกเพียงว่าเป็นซีรีย์ที่ถูกปรับแต่งขยายเพิ่ม (full-fledged drama adaption) แต่ในIMDB บอกได้ละเอียดกว่านั้นว่า ถ้าไม่นับเฉพาะตอนที่สองกับสามที่ฉายออกไป ตอนที่เหลือล้วนแล้วแต่อิงมาจากนิยายแทบทั้งสิ้น (based on the novel) เอาไงดีละ?ไม่เคยอ่านฉบับนิยายด้วยสิ (ไม่รู้มาจากมังงะหรือเป็นนิยาย) เข้าใจว่ายังไม่เคยมีสนพ.กำลิขสิทธิ์เรือ่งนี้เอาไว้ด้วย และบ้านเราชื่อนักเขียนนี้ดูจะยังไม่ป็อปสักเท่าไร แต่อ้างอิงจากIMDBแล้ว ผลงานของหมอนี้กำลังค่อยๆทยอยถูกนำไปสร้างในหนังและทีวี อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี ๒๐๑๐ ปีเดียวกันกับที่ Strawberry Night สเปเชียลถูกฉาย Bushido Sixteen ก็ได้ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ผ่านการกำกับของโทโมยูกิ ฟุรุมายา เป็นเรื่องของสองสาวเคนโดะมัธยมที่ชิงความเป็นหนึ่งกัน ได้โดยนักแสดงวัยรุ่น นารุมิ ริโกะมาปะทะกับคิตาโนะ ไคอิ มาฟาดกบาลกัน พอปีต่อมา Jiu - Special Investigation Team ก็เป็นซีรีย์เก้าตอนฉายทางช่องอาซาฮีทีวี ก็ไม่พ้นเรื่องถนัดในแนวตำรวจสอบสวนแห่งสังกัดหน่วยS.I.T. ที่สองสาวจากสองหน่วย ต้องมาทำงานประสานกัน ซึ่งก็ได้คุโรกิ เมสะกับคิทาโกะ ทาเบะ มาเรียกเรตติ้ง ซึ่งก็เห็นว่าเรตติ้งดีใช้ได้เลย พอเข้าปีนี้ก็เลยถูกทางฟูจิทีวีหยั่งถึงกระแส เลยจัดหนัก ขยายลิขสิทธิ์เดิมที่เคยทำเป็นมูฟวีทีวีในปี๒๐๑๐ Strawberry Night ระดมเรียกนักแสดงชุดเดิม มาผสมกับนักแสดงหน้าใหม่บางคนเต็มอัตรา ชนิดยูโกะให้สัมภาษณ์ชียังแสดงอาการเครื่องร้อน ส่วนจบจากนี้ ความชัดเจนในข่าวในส่วนของภาคต่อหรือจะเป็นภาคจบยังไม่ชัดเจน ทั้งหมดอยู่ในขั้นตอนของ pre-production ไม่อยากเชื่อข่าวลือมาก เพราะเข็ดจากตอนที่ถูกหลอก ในJinภาคต่อ จนปล่อยให้ผู้เขียนไปหมั่นอัพเดทโปรแกรมหนังใหม่ โผล่มาอีกทีก็ไปเจอะ เป็นเวอร์ชั่นจบในช่องทีวีต่อสักงั้น สู้รอให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างอาจจะช้าหน่อย แต่ก็มีกว่าเดินหลงผิดซอยให้เสียเวลา สู้เสียช้าแต่มาแน่.....จะได้ไม่หลงประเด็น........ Update เพิ่มเติมเพราะเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า Strawberry Night ได้ฤกษ์ลงจอแล้วจริงๆด้วยตามอ่านข่าวความคืบหน้า ได้จากหมวดข่าว Strawberry Nightได้ฤกษ์ปล่อยตัวอย่างฉบับเต็มเพื่อเตรียมขึ้นสู่จอเงิน อ้างอิงข้อมูลจาก Dramawiki,Dramacrazy.Wikipedia,Tokyohive
Create Date : 27 เมษายน 2555
Last Update : 14 ธันวาคม 2555 22:52:31 น.
Counter : 11682 Pageviews.
Magerarenai Onna สาวแกร่ง...แรงที่สุด
ห ลังจากที่เคยได้รีวิวซีรีย์ฆาตกรรมคาห้องเรียนมัธยม (ซึ่งครูอังคณาไม่เกี่ยว) ในWatashitachi no Kyokasho ปลายเดือนพฤศจิกาของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลให้ผู้เขียน จำต้องปรับเปลี่ยนการประเมินคุณค่าทางการแสดงของ "คันโนะ มิโฮะ" เสียใหม่ ซึ่งแต่เดิม ก็รู้สึกธรรมดาออกจะเฉยเมยเสียด้วยซ้ำ จากเรื่องที่เคยได้ยินได้ชมมากอ่น อาทิ Dance Drill,Last Present,Tomorrow หรือ Kiina โดยส่วนใหญ่ ล้วนเป็นผลงานซึ่งผู้เขียนมีโอกาสไล่ตามงานในยุคล่าสุดแทบทั้งสิ้น แม้ว่า ดาราหญิงที่มีศักดิ์เรียกว่า "ป้า" ก็ยังได้ จะเริ่มเข้าวงการซีรีย์ทีวีมาตั้งแต่ปี ๑๙๙๔ แล้วมาได้รางวี่รางวัลจริงๆในสาขาทีวีครั้งแรก ก็เหมาะเจาะในปี๒๐๐๐พอดี ถ้านับเอางาน ที่เรียกว่าเป็นสาขารางวัลนำหญิงจริงๆ ก็มีWatashitachi no Kyokasho ที่เคยรีวิวได้ไปแล้ว เฉกเช่นเดียวกันกับ Kiina ซึ่งเรื่องนี้ออกจะเสมอตัวไม่น่าจะได้รับรางวัลสักเท่าไร เอาเท่าที่โอกาสจะพอหาได้ตอนนี้ ที่เหลือก็คงมีแค่Hataraki Manกับ Magerarenai Onna ซึ่งเป็นของค่าย NTVทั้งคู่ บังเอิญว่าเรื่องหลังเพิ่งเป็นเรื่องที่ผู้เขียนได้ชมมาแล้ว จึงขอโอกาสเล่าสู่กันฟัง ตามประสาความปลื้มป้าเป็นการส่วนตัว ส่วนจะเชียร์ขึ้นไหม อันนี้ ก็แล้วแต่วิจารณญาณของท่านผู้อ่านหลงเชื่อกันเอาเองM agerarenai Onna เป็นซีรีย์ในปี ๒๐๑๐ แห่งค่ายNTV ที่ยังได้คันโนะ มิโฮะคนเดิม สองสามผลงานหลังมานี้ การเลือกเล่นกับค่ายทีวีค่ายนี้ มักจะหนีไม่พ้นบทนางเอกเนิร์ดๆ เอนเนอร์จี้สูง ดังนั้นMagerarenai Onnaก็หนีไม่พ้นเช่นกัน ที่ว่าถึงวิกฤตของหญิงวัยสามสิบอัพ "โอจิวาระ ซากิ" พนักงานทนายฝึกหัด ที่สอบการเป็นทนายเป็นต้องตกทุกครั้งตลอดเก้าปีซ้อน ขณะที่ตัวแฟนหนุ่มที่เด็กกว่า"ซากาโมโตะ มาซาโตะ" (แสดงโดยทซึกาโมโตะ ทาเกชิจากKekkon Dekinai OtokoและFire Boys) รุ่นน้องซึ่งพบรักกันตอนที่ซากินั้นอยู่ปีสี่ แต่มาสาโตะเพิ่งจะเข้าปีหนึ่ง และปัจจุบันมาซาโตะ ก็ได้เลื่อนชั้น สอบผ่านการเป็นทนายตั้งแต่การสอบครั้งแรก แต่ตัวซากิเองยังคงย่ำอยู่ที่เดิม กระนั้น ซากิเองก็ไม่เคยละความพยายามของการที่จะเป็นทนาย ด้วยปมในวัยเด็กเธอเคยมีพ่อ ที่เพิ่งสอบได้เป็่นทนายแต่ต้องประสบอุบัติเหตุตกจากที่สูงเสียชีวิตเพื่อช่วยเหลือเด็กทารกคนหนึ่ง มันจึงเป็นทั้งแรงบันดาลใจและการชดเชยความหวังของผู้เป็นบิดา ซึ่งนั้นก็ทำให้ซากิ ต้องมามีปัญหาไม่กินเส้นกับแม่ของเธอ ที่ไม่อยากให้ลูกสาวเดินตามทางของผู้เป็นพ่อ แม้ว่าความพยายามดังกล่าว จะล้มเหลวมาครั้งแล้วครั้งเล่าก็ตาม A lawyer's job isn't to chase after justice. It's to protect the interest of our clients in the right or not doesn't have anything to do with it. (งานของทนาย ไม่ใช่การไล่ล่าหาความยุติธรรม มันเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของลูกความของเรา ไม่ว่ามันจะถูกหรือผิดมาก็ตาม หวังว่าเราคงจะไม่ทำอะไรให้มากกว่าไปกว่านี้) Clear,that it would be far more profitable to us. (เอาเป็นว่าเคลียร์นะ มันก็เพื่อผลประโยชน์ระยะยาวของพวกเราทุกคน) That's why l have no intention of declining to be the legal adviser for the company side. (นั้นจึงเป็นสาเหตุว่า ทำไมฉันจึงไม่ลดความตั้งใจในการเป็นที่ปรึกษา โดยเลือกข้างของบริษัทเป็นสำคัญ)
ช ะตาชีวิตของซากิก็เหมือนสายฟ้าฟาด เมื่อหัวหน้างานพยายามจะเกลี่ยกล่อมเธอ ให้หันมาย้ายแผนกงานในฝ่ายธุรการ เพราะหมดความอดทนกับความไม่มีพรสวรรค์ในตัว แต่ตัวซากิเองก็ยืนกรานที่จะเข้าสอบเข้าเป็นทนายอีกหน แม้ว่าตัวเธอจะถูกเยาะเย้ยถากถางเพียงใด ทั้งจากหัวหน้างาน และการปฏิโลมจากแฟนหนุ่มที่ทำงานในสำนักงานทนายความเดียวกัน ด้วยทิฐิมานะที่ถือมั่นในตัวของซากิเอง จนกระทั่งวันประชุมกำหนดนโยบายของทางบริษัท ที่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ทนายของบริษัท พยายามรับทำคดีโดยมุ่งประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ จนเป็นเหตุให้ ซากิรับไม่ได้กับวิธีการดำเนินงานและขอลาออกในที่สุด โดยสุดท้าย ซากิเลือกที่จะรักษาอุดมการณ์มากกว่าการอยู่ให้เป็น เพื่อที่จะอยู่รอด A person in a weak position who does the right thing and who as a result is treated unfairly. (เมื่อใครคนหนึ่งอยู่ในสถานะที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ เขาก็ควรจะได้รับสิทธิคุ้มครองตรงนั้น รวมถึงผลลัพธ์จากการได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม) That may be right as a lawyer but it's wrong as a human being. (สำหรับการเป็นอาชีพกฎหมายนั้นคุณอาจจะถูก แต่มันผิดสำหรับหัวอกความเป็นมนุษย์)
ด้ วยบุคลิกส่วนตัวของโอกิวาระ ซากิ เรียกได้ว่าเป็นสาวทึนทึก-มีทิฐิที่สูงปี๊ด เธอจึงไม่ค่อย ไม่สิต้องเรียกว่าไม่พยายามเรียนรู้ในการปรับตัวเข้ากับสังคม หมุกมุนอยู่กับการอ่าน หนังสือสอบเนติฯทั้งเวลาพักเที่ยง ไม่เว้นแม้แต่เวลานอนจนมืดค่ำตีหนึ่งตีสอง เพื่อให้ไปถึงเป้าประสงค์ที่เป็นเสมือนจุดปฏิญาณตามความฝันให้สำเร็จ เธอเลยตั้งกฎกับตัวเองว่า จะไม่ทานแชมเปญแกล้มกับชีสต์จนกว่าจะสอบบรรจุเป็นเนติบัณฑิตให้จงได้ (ผลเลยทำให้ในห้อง ของซากิมีเเชมเปญวางเรียงเป็นตับถึงเก้าขวด จนแขกใดใครมาต้องหวังดีจะเปิดทานเสียทุกครั้ง) ด้วยการตั้งกฎระดับเข้มข้นเช่นนี้ แต่ซากิก็มีวิธีการผ่อนคลายตามแบบฉบับของตัวเธอเอง ที่มองเข้าข่ายว่าชีเพี้ยนก็มองได้ อย่างเช่น เต้นฝืนสังขารตามจังหวะเพลงผ่านเครื่องไอพอดนาโน ที่บรรจุอัลบั้มเพลงของไมเคิลแจ็คสัน ตั้งแต่ยังเป็นคณะเจสันไฟว์จนถึงอัลบั้มชุดล่า ก่อนพี่ไมเคิลจะตายลาหนี การได้ขย้ำกระดาษแล้วปาให้ลงถังอย่างแม่นยำ หรือกระทั่งบันทึกไดอารีรายวันแบบสั้นๆ ซึ่งแต่เดิมมักจะจดประโยคที่เป็นเหมือนการสะกดจิตตนเอง เพื่อให้สอบได้สำเร็จ การได้มีเพื่อนสองคนที่เดินก้าวเข้ามาในชีวิต มันก็ช่วยให้ไดอารีเล่มประจำของซากิมีบันทึกที่เปลี่ยนไป ..................................เ พื่อนสองคนที่เธอได้พบเป็นการบังเอิญที่อาจจะเรียกได้ว่า เป็นปาฎิหารย์ครั้งสำคัญของชีวิตก็ว่าได้ คนหนึ่งเป็นเพื่อนสมัยมัธยมเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว"ฮาสุมิ ริโกะ "(แสดงโดยนากาซาคุ ฮิโรมิ จาก Last PresentและClosed Note) ผู้มีชีวิตครอบครัวที่หวานอมขมกลืน แถมเป็นชนิดกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ด้วยตัวสามีแอบไปมีกิ๊ก เท่านั้นไม่พอแม่ของสามีก็ยังให้ท้าย อีกทั้งควบคุมอำนาจเสร็จสรรพ ไม่เว้นลูกของเธอเองอีกสองคน ริโกะจึงต้องพยายามแสร้งเป็นหน้าชื่นยินดีเหมือนว่าไม่มีอะไร จึงทำให้เธอเชื่อไปเองว่าการโกหก เป็นความสามารถพิเศษที่จะโกหกในเรื่องที่โกหกได้ โดยไม่รู้ว่านี้เป็นเรื่องที่โกหกหรือว่าเป็นความจริงกันแน่ ส่วนเพือ่นอีกคนเป็นถึงสารวัตรใหญ่ ด้วยบารมีมีพ่อเป็นถึงผู้กำกับ"ไอดะ โคอุกิ" (แสดงโดยทานิฮาร่า โชสุเกะจากLove ShuffleและTop Caster) หนุ่มเพลย์บอยที่ไม่เคยรู้จักรักแท้ และรู้สึกถูกชะตากับนางเอกซากิตั้งแต่แรกเห็น จึงพยายามตีสนิทเฮฮาตามเรื่องตามราว โดยไม่มีคราบของความเป็นสารวัตรตำรวจให้คนอื่นเกรงขาม แต่จริงๆแล้ว สารวัตรไอดะซังก็มีชีวิตขมขื่นไม่แพ้กัน แม้จะดำรงตำแหน่งใหญ่โตแต่จริงๆแล้ว เป็นคนใจเสาะ ไม่กล้าออกไปดำเนินคดีในพื้นที่จริง ตลอดเวลาที่เป็นตำรวจมักจะปัดภาระความรับผิดชอบ จนแยกไม่ออกว่า เกิดจากวัฒนธรรมขององค์กรตำรวจที่สังกัดหรือเพราะลักษณะนิสัยเป็นการส่วนตัวพู ดถึงการแสดง ก็ยอมรับมีความโดดเด่นในแง่ของบทเป็นทุนตั้งต้นอยู่แล้ว แต่ประสบการณ์การรับชมส่วนตัว ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นการฉีกอะไรไปจากเดิมของบรรดานักแสดงทั้งหลาย อย่างบทของสารวัตรไอดะที่พี่โชสุเกะเล่น ก็มาในแพตเทิร์นที่เคยเล่นไว้ในMob Girlของค่ายอาซาฮี เพียงแต่ว่าความเจ้าชู้ครั้งนั้น มันไม่ได้ใช้กับนางเอกที่เล่นโดยคิตากาวะ เคอิโกะสักเท่าไร ทว่าในเรื่องอารมณ์เจ้าสำราญคล้ายคลึงกัน ถือเป็นการโคจรร่วมงานกันอีกครั้ง ระหว่างท่านพี่โชสุเกะกับนางเอกมิโฮะ หลังจากที่สามปีที่แล้วเคยร่วมแจมในดราม่าทริลเลอร์เข้มๆ ในWatashitachi no Kyokasho ซึ่งก็เป็นบทอาชีพทนายเฉกเช่นเดียวกันอีก ทว่าผู้เขียน จะไปได้ใจในตัวละครเพื่อนนางเอกอย่างริโกะแทน เพราะมันเหมือนจะได้ความสดจากการแสดงของนากาซากุ ฮิโรมิ ซึ่งจะว่าไป เธอก็ไม่ได้ใหม่ในวงการสักเท่าไรนัก จะว่าไปอีกนั้นฮิโรมิของเราเธอก็เข้าวงการทีวีในปีเดียวกันกับ นางเอกคันโนะ มิโฮะเสียด้วยซ้ำ สมัยยังเอ๊าะๆเธอเป็นตัวหลักแห่งวงกรุ๊ปป๊อปสามสาวที่ชื่อRibbon (ที่ประกอบด้วยอาริมิ มัตสุโนะ,ไอโกะ ซาโตะและตัวเธอ ออกซิงเกิ้ลแรกในปี๘๙ และถูกยุบวงในปี ๙๔) ระยะหลังเห็นเธออ้วนท่วมบวมสักอย่างนี้ก็อย่าได้แปลกใจ เพราะเธอต้องไปเป็นคอมเมนเตเตอร์ ให้กับเกมโชว์ตัดสินทำอาหาร Iron Chefทางช่องฟูจิทีวี ได้พบเจอกับสามีซึ่งเป็นfilmmaker ในปี๒๐๐๕ โดยทั้งคู่ร่วมงานกันกำกับสินค้าโฆษณายี่ห้อนึง ไม่รู้กำกับอีท่าไหนอย่างไร ปลายปีก็แต่งงานสายฟ้าฟาดกันเฉยเลย ตอนนี้ก็มีลูกชายทันใช้แล้วด้วย ส่วนการแสดงของซากาโมโตะ มาซาโตะ ความที่ติดตามผลงานมาน้อย ประเภทไม่ตั้งใจแต่ดันติดตามห้อยสอยกันมา ในเรือ่งนี้ถือว่าได้รับบทเด่นอยู่ เพียงแต่เล่นได้เสมอตัว ยิ่งการที่ไม่กล้าที่จะสละออกจากงานตามซากิ ไอ้นั้นไม่เท่าไร แถมยังขับไล่ไฉเฉดนางเอกทั้งๆที่เพิ่งตกงานด้วยแล้ว ความได้ใจตัวละครตัวนี้ เลยหายไป ความจริงพี่ก็หน้าตาจัดว่าหล่อดีนะ แต่บารมีความเป็นดารนำไม่ค่อยจะเกิด ตอนเริ่มเล่นหนังBattle Royaleก็อยู่ไม่เด่น ไปเป็นพระเอกเต็มตัวใน Midnight Sun ผู้เขียนจำได้แต่นางเอกนักร้องยูอินั่งแบกะดินดีดกีต้าร์ร้องเสียงเเหง้วๆกับบรรยากาศมืดตึ๊ดตื๋อ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น แต่ก็ได้ข่าวว่าพี่ท่านได้ภรรยานอกวงการที่แต่งในปี๒๐๐๗ ตอนนี้ก็เป็นลูกหนึ่งไปแล้ว นึกแล้วก็ใจหายที่ดาราร่วมรุ่นสมัยผู้เขียนก็ทยอยมีลูกทันใช้ จากที่เคยเล่นหนังวัยรุ่นแว้บๆ ก็เป็นพ่อคน-แม่คนกันไปหมดแล้วย กเว้น .....ก็แต่นางเอกของเรื่องที่คันโนะ มิโฮ ขอตำหนิการออกแบบโปสเตอร์ของค่าย NTV อีกสักครั้งหน่อยเหอะ เพราะใบปิดที่โปรยไว้ กับรูปแบบข้างในแทบจะเป็นคนละเรื่องเดียวกันเลย ตัวซากิเอง อย่างที่เห็นในสิบตอน ก็ไม่ได้มีภาพลักษณะที่ปรากฎอย่างเช่นท่าสมาธิโยคะนั่งชันเข่าพับเพียบเจแปน อะไรอย่างนั้นสักทีไหน ผมเผ้าก็ไม่ได้ยาวสลวยมัดซ่อนวงในแบบขึ้นปกแต่อย่างใด แล้วที่โผล่หัวดาราสามคนมุมขวาล่าง ก็ช่างให้ค่าพวกเขาสักเหลือเกินทั้งๆที่บทเยอะไม่แพ้กัน อย่างนี้เขาเรียกว่าผลิตภัณฑ์ฉลากไม่ตรงกับสรรพคุณ ในอดีตก็เคยเจอะ กับอาร์ทญี่ปุ่นประเภทไม่ตรงปกอยู่บ้าง แต่เป็นคนละพีเรียด ไอ้นั้นต้องไปซื้อแถวลานจอดรถ ชักนอกเรื่องแล้ว ก่อนหน้านี้ก็เคยโอดกับปกของซีรีย์Motherไปที จะว่ารวมถึงแม่บ้านมิตะ ในKaseifu no Mita ด้วยก็ยังได้ เพราะมันแทบไม่บอกอะไร ถ้าไม่มีใครรีวิวให้ฟัง ผู้บริโภคก็จำต้องเสี่ยงชีวิตเข้าชิมเองเป็นสำคัญ เข้าเรื่องการแสดงของมิโฮะเธอดีกว่า ก็โออยู่สำหรับการดีไซด์สาวโรบอตซากิ ที่ดูแตกต่างจากการแสดงแบบอื่นๆ ที่เธอเคยเล่นมา ในครั้งที่เป็นKiinaนักสืบเนิร์ดอัจฉริยะ ก็คิดว่าคงเป็นสุดๆครั้งหนึ่งของเธอแล้ว เจอะเรื่องนี้หนักข้อยิ่งกว่า แต่ก็เป็นไปคนละแบบ ถ้าในแง่ลูกอารมณ์ ในMagerarenai Onna ดูจะปรวนแปร เก็บกดและลดละกับใครเขาเป็นสักทีไหน การได้รางวัลนักแสดงหญิงในTelevision Drama Academy ครั้งที่๖๔ จะได้ก็ไม่ว่า แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ ต้องถือว่าฤดูนั้นคู่แข่งสายค่อนข้างจะอ่อน ไม่ว่าจะเป็น Code Blue 2,Fumo Chitai และAibou 8 แต่ที่ดูทรงนำหญิงสูสีหน่อย ในฤดูนั้น เห็นจะเป็นเออิกุระ นานะจาก Naka nai to Kimeta Hi เรื่องเกี่ยวกับนักศึกษาจากมหาลัยเกรดสองจบใหม่ ที่ต้องเผชิญกับการกลั่นแกล้งทุกรูปแบบ จากที่ทำงานใหม่ แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ทรง เพราะคำว่า"ทรง" มีความหมายกึ่งๆนิยามว่า ยังไม่ดูที แต่ขอนั่งเทียนอวดรู้เอาไว้ก่อน (ซึ่งก็มักจะผิดเสมอเพราะซีรีย์มักจะพุ่งไปอีกแนว) แต่เสน่ห์ส่วนตัวที่ชอบเป็นการเฉพาะสำหรับตัวละครซากิในในMagerarenai Onnaตัวนี้ คือ นิสัยพูดตรงฉะดะ ซึ่งเกือบทุกครั้งมักจะชวนให้กลายเป็นตลกร้ายปนขำ แต่มันแย่หน่อย เพราะความขำนั้น มักจะชวนให้ขำไม่ออกกับความจริงที่ซากิได้พูดไป แม้ไม่มีใครตาย แต่หน้าตายของเธอ บางทีก็ทำให้นึกถึงแม่บ้านมิตะจากKaseifu no Mita หรือครูมายะในQueen's Classroomได้เช่นกัน Where's you Itadakimasu? (ไหนละคำว่า "อิทาดาคิมัส") Why do we've to say such a think for? (ทำไมพวกหนูต้องพูดด้วยละ?) That's because you weren't the ones who made this and it also wasn't bought with money you had earned. (นั่นก็เพราะว่าพวกเธอเอง ไม่มีใครสักคนที่ลงมือทำอาหารพวกนี้ และอาหารพวกนี้ ก็ไม่ซื้อมาด้วยกระตังค์ของที่หาด้วยน้ำพักน้ำแรงของพวกเธอ) Besides,it's only natural to show your gratitude to saying "ITADAKIMASE" (นอกจากนี้ โดยธรรมชาติแล้วมันแสดงถึงการสำนึกรู้คุณของพวกเธอเอง ที่จะเอ่ยคำว่า อิทาดาคิมัส)
ซี รีย์พยายามเปรียบเทียบให้เห็นถึงความเป็นเปลือกนอกที่ห่อหุ้ม แต่กับชั้นในแล้วเป็นคนละอย่าง ซากินางเอกที่อย่างไรเสีย คนภายนอกก็ต้องมองดูว่าเป็นคนขี้แพ้ แต่จริงๆแล้วชีวิตเธอไม่เคยสิ้นหวัง ซึ่งเคล็ดลับอย่างหนึ่งที่ทำให้เธอดูแกร่ง คือ ความพยายามสร้างบุคลิกที่เรียกได้ว่า robotic behavior ที่ดูเหมือนจะไม่รู้ร้อน รู้หนาวต่อสิ่งกระทบกระเทียบผัสสะให้เกิดวิญญาณธาตุใดใด ซึ่งภายในใจ หาได้เป็นอย่างนั้นสักทีไหน และสุดท้ายก็ลงเอยด้วยการระเบิดอารมณ์ออกมา ซึ่งวิถีชีวิตของเธอจะดูไปต่างจากคนข้างกายทั้งสาม ไม่ว่าจะเป็น ริโกะที่แต่งงานมีครอบครัวเป็นตัวเป็นตน มีลูกทันใช้มีผัวทันขับขี่ ไอดะที่เป็นถึงสารวัตรลูกท่านผู้กำกับ หรือแฟนหนุ่มมาซาโตะที่สอบทนายได้ แต่ก็เป็นเพียงหน้าฉากที่ดูสวยหรูตามหน้าตาทางสังคม ทว่าเนื้อในแล้วคนทั้งสามต่างอกตรม โดยเฉพาะแฟนหนุ่มมาซาโตะ ยอมที่จะถูกกลืนไปกับนโยบายของทางบริษัทเพื่อความอยู่รอด ซึ่งมีผลให้ชีวิตคู่ระหว่างเขากับซากิ จำต้องแยกทางกันสักระยะ ก็จะเป็นการเปิดช่องให้ ซากิใช้ชีวิตอย่างอิสระตัวคนเดียว และมีเวลาที่จะได้เรียนรู้ชีวิตอีกด้านถึงมิตรภาพใหม่ ที่สำคัญไม่แพ้กัน เพราะไม่มีพันธะในแง่ที่จะครอบครอง แต่เป็นการเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ไม่มีความเห็นแก่ตัว มีแต่ความบริสุทธิ์ใจที่จะช่วยเหลือ ซึ่งก็จะเป็นเหตุให้แฟนหนุ่มมาซาโตะ ได้มีโอกาสกลับมาทบทวนความขุ่นข้องหมองใจของตัวเอง ทว่าการกลับมาครั้งนี้ก็ไม่ใช่เรือ่งง่าย เพราะเขาต้องมาพบกับคู่แข่งคนสำคัญอย่าง ไอดะ ที่มีทีท่าว่าจะทีเล่นทีจริง และทุ่มใส่อย่างสุดตัวกับสาวบุคลิกพิเศษที่มีเสน่ห์แบบเป็นตัวของตัวเองโคตร l was able to get back the friends l had lost.Help me. (ฉันไม่สามารถกลับไปมีเพื่อนอย่างเก่าอย่างที่ฉันเคยมี โปรดช่วยฉันด้วย) l guess that without you two.l just can't do it. (ฉันเดาว่าการปราศจากเธอทั้งสอง ฉันจะไม่สามารถทนรับมันได้) Those two started taking steps to live their own live. (ต่อไปเธอทั้งสองคงจะก้าวไปตามหนทางชีวิตของตัวเธอเอง)
ถึ งกระนั้น ซีรีย์ก็ดูจะไม่ค่อยมีน้ำหนักในแง่ความสมเหตุสมผลและความน่าเชื่อถือ ด้วยเหตุผลบางประการ ที่ผู้เขียนคงเล่าไม่ได้ด้วยเข้าข่ายความเป็นสปอยล์ (ถึงแม้อาจจะมีบางคนหาได้แคร์กับจุดสปอยล์นี้นัก-แต่ผู้เขียนแคร์) แต่เห็นโคร่งเรื่องอ่อนอย่างนี้ แต่จะไปได้การชดเชยจาก จุดแข็งของความเป็นบุคลิกภาพของตัวละครที่ชัดเจน ทำให้สามารถคาดเดาถึงผลที่จะตามมาและเป็นไปของสถานการณ์แม้จะพลิกผันเพียงใด ก็โปรดมั่นใจได้ว่า ตัวละครหาได้อ่อนไหวตามไปไม่ ....................แ ต่ปัญหาโดยสว่นตัวของผู้เขียนเองสำหรับเรือ่งนี้ มีอยู่หลายจุด อย่างแรก ซีรีย์เรือ่งนี้ผู้เขียนไม่ได้รู้สึกเอาใจช่วยตัวละครเอาเสียเลย แม้จะมาเริ่มต้น ดูน่าสนใจชวนติดตาม ประเด็นในเรื่องก็ชัดเจนดีไม่อ้อมค้อมอะไรกันมาก แต่ความที่ถูกfit ค่อนข้างตายตัวของตัวละคร แม้ตัวละครจะมีการพัฒนาไปในแต่ละตอน ก็เป็นการพัฒนาที่สอดคล้องไปกับเหตุการณ์ ไม่ได้สอดคล้องในแง่วิธีการที่รู้สึกถูกอกถูกใจ แต่ประการใด การระเบิดอารมณ์ของซากิในแต่ละตอน แม้จะเป็นการเปิดเผยอารมณ์เบือ้งลึก ในสภาวะทิ้งตัวแบบเต็มเหนี่ยว ไอ้ช่วงหนแรกหนสองก็ดูเข้าท่าอยู่ แต่พอในท้ายทุกตอน มันก็ชักรู้สึกเฟ้อๆ แบบที่เคยรู้สึกในGokuzen ที่สุดท้ายครูคุมิโกะต้องมาสลัดผมแกละ กระโดดลงมาเตะต่อยกับพวกอันธพาล แม้จะเป็นการเปิดใจแต่มันเป็นการเปิดที่เป็นสูตรไปสักหนอย ไมใช่อะไรหรอก ไอ้ท่าพุ่งมาขย้ำแขนนี้ยังพอทนด้วยฟิวส์สีหน้าเจ๊มาสุดหยุดตรงที่นี้ แต่ไอ้ประเภทมาแหกปากโหว้กว้ากโวยวาย มันทำให้ผู้เขียนต้องลุกขึ้นมาปรับโวลุ่มเสียทุกครั้ง ถามหน่อยเหอะเพื่ออะไร?ก็เข้าใจนะว่ามันจำเป็น ไม่งั้นจะไม่ได้ลูกจดจำเพิ่มเติมสำหรับตัวละครนี้เลย ประการต่อมา นอกจากความสมเหตุสมผล โดยเฉพาะในแง่การตัดสินใจของตัวละคร ที่ยากจะยอมรับอย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว (หรือคนญี่ปุ่นเขาเหนื่อยหน่ายกับความมีเหตุผลกันแล้ว) ผู้เขียนว่าจุดคลี่คลายนี้มันได้ลดทอนความน่าจะชมลงไปเรื่อยๆ (อันนี้เป็นเฉพาะคนคิดของผู้เขียนฝ่ายเดียว เพราะไปอ่านในเว็บบอร์ดทั้ง dramacrazy และ jdorama ส่วนใหญ่มันก็บอกถึงความคุ้มค่าอันน่าดูชม ยิ่งไปดูระดับเรตติ้งของคนญี่ปุ่นด้วยแล้ว ยิ่งใกล้จบเรตยิ่งกระเตื้องดีวันดีคืน) เลยในตอนท้ายๆ ก็สักดูให้มันจบๆ ไม่ได้อยากรู้หรืออยากลุ้นอะไรว่ามันจะจบลงอีกท่าไหน ใครจะเป็นใครจะตาย นางเอกจะสอบได้รึไม่? หรือนางเอกจะคลิกกับใคร เรียกได้ว่า ผู้เขียนอยู่ในสภาพ "หมดลุ้น" มันคล้ายๆกับครั้งที่ได้ชม Kekkon Dekinai Otoko กล่าวคือ ตัวละครมันเกินเยียวยาที่จะลุ้น เพราะรู้ว่าอย่างไรมันก็คงอัตสภาวะเหมือนเคย ทางที่ดีที่สุดก็เลย ปล่่อยให้มันดำเนินไปตามใจที่มันอยากจะเป็น สุดท้ายก็เลยกลายเป็น เรื่องที่สรุปได้เอาเองว่า เพราะความไม่ได้ดั่งใจมันเลยทำให้ตัวละครดูน่าสนใจ แต่เมื่อไม่สอดคล้องกับเรื่องราวที่น่าใคร่ มันจึงค่อยๆหมดไฟ (แต่ก็ดูจนจบแหะ) ซึ่งเมื่อมาดูรายชื่อคนเขียนบท ก็อืม....กะเอาไว้แล้วเชียวเ มื่อดูโดยภาพรวมแล้ว ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับมาตราฐานที่ดีของผู้เขียนบท "ยูกาวะ คาซูฮิโกะ" ที่ยังสร้างตัวละครหญิงวัยฉกรรจ์ ให้เป็นตัวละครเอกของเรือ่ง เหมือนที่ปู่เคยสร้างให้ อามามิ ยูโกะเป็นครูไหวใจร้ายใน Queen's Classroom สร้างให้ซากิ ไอบุ เป็นสาวสวยหุ่นสลิมในRebound ตลอดจนสร้่างมัตซึชิตะ นานาโกะ ให้กลายเป็นแม่บ้านลึกลับ ในKaseifu no Mita (ทำให้ผู้เขียนฟันธงได้คร่าวๆว่ายูกาวาซัง ลุงแกต้องมีปมที่ไม่ชอบขี้หน้าเด็กเป็นแน่) เพียงแต่เรื่องนี้อาจจะทำได้ไม่ถูกใจไปให้สุด สำหรับผู้เขียนก็เป็นได้มั้ง? เท่าที่สังเกตงานของยูกาวะมักจะถูกใจความมหาชนเสมอ แต่สำหรับความชอบส่วนบุคคลแล้ว ก็ประมาณหนึ่งซึ่งก็มักหาลูกติจากงานเขียนของปู่ (เพราะผู้เขียนอายุจะหกสิบรำมะล่อ) และกฎข้อหนึ่งที่ผู้เขียนชื่นชมแกมาก คือ ต่อให้งานจะฮิตเปรี้ยงกระชากเรตติ้งสักแค่ไหน ปู่แกก็ไม่คิดจะเขียนภาคต่อด้วยเหตุผลว่า มันแสนจะเฟอร์เฟ็กซ์ดีอยู่แล้ว ได้แค่นี้ก็ดีถมปะติเถๆๆ แต่อย่างน้อยๆ สองส่วนแง่คิดที่ได้จากเรื่องนี้แบบชี้ชัดๆกว่าเรือ่งใดใดสไตลฺ์สุทธิชัย หยุ่น คงเป็นเรื่อง วิถีที่แน่วแน่ในการดำเนินชีวิต (uncompromising way of life) กับ คติเรื่องแต่งไปใช่ว่าจะแฮปปี้ (a girl has to be married to be happy) ซึ่งถ้าสองข้อนี้ใครยังขาดแคลนอยู่ Magerarenai Onna น่าจะเป็นซีรีย์บ่อหน้าที่ดีเรื่องนี้สำหรับใครหลายๆคน........ อ้างอิงข้อมูลจาก Dramawiki,Wikipedia.Tokyohive,Jdorama
Create Date : 11 เมษายน 2555
Last Update : 17 เมษายน 2555 0:13:20 น.
Counter : 3260 Pageviews.