A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 
Control นักสืบจิตวิทยา กับ Mop Girl สาวไม้ถูพื้นพลังจิตสัมผัส



สองอาทิตย์ที่ผ่านมา ผู้เขียนฟาดชงซีรีย์ญี่ปุ่นในแนว Suspect-Investigation
ไปสองเรือ่ง เป็นอารมณ์แบบหนึ่งกึ่งคาดหวัง และอีกเรื่องแบบกึ่งไม่คาดหวังเท่าไรนัก
แต่ผลปรากฎว่า ไอ้ที่จะคาดหวังมันดันกลับไม่สมหวัง ขณะที่เรื่องอันไม่น่าจะคาดหวัง
กลับให้ผลเกินคาดอย่างไม่น่าเชื่อ งานนี้
ก็เลยต้องนำมาเข้าสู่กระบวนการเปรียบเทียบแบบสองเรื่องควบอีกวาระหนึ่ง
ซึ่งสูตรนี้เคยใช้มาได้ดี ให้เห็นภาพชัดๆ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยใช้เหมาควบซีรีย์ญี่ปุ่นแนวเดียวกัน
ตอน Kiina และ Unubore Deka น่าจะสักสี่เดือนล่วงมาแล้ว




เริ่มจากเรื่องที่ผู้เขียนคาดหวังไว้ดิบดี สำหรับซีรีย์เรื่องแรก
"Control (Hanzai Shinri Sousa)" ของค่ายฟูจิทีวี ที่ฉายเมื่อต้นเดือนมกราที่ผ่านมา
เพราะโดยรูปสูตรแล้ว มาแนวซีรีย์ปลุกกระแส "สืบจากศพ" Galileo (ปี ๒๐๐๗)
ที่ทางฟูจิค่ายทีวีเดียวกันนี้แหละ เคยสร้างกระแสเปรี้ยงปร้างเรตติ้งสูงชัน-รางวัลมากมาย
เอาไปขยายต่อสร้างภาค ทั้งตอนพิเศษและลงโรงภาพยนตร์ รับทรัพย์เอนกอนันต์
ซึ่งในซีรีย์ Galileo จากต้นฉบับของฮิราชิโนะ เคย์โงะ สร้างสูตรวิธีการสอบสวน
ด้วยองค์ประกอบทีมงานที่ต่างออกไป ที่ไม่ใช่แค่เรื่องเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
แต่เป็นการเอาท์ซอร์ส โดยพึ่งพาวิสัยทัศน์แบบวิทยาศาสตร์ผ่านอาจารย์ฟิสิกส์มหาลัย
จนได้รับฉายาว่านักสืบกาลิเลโอ (Tantei Galileo) กับ ตำรวจสาวมือใหม่ (rookie cop)
พอย่างก้าว ค.ศ. นี้ ฟูจิทีวีจึงโคลนนิงวิธีการ โดยไล่หาศาสตราจารย์คนละแผนก
เลยเป็นผลให้ control กลายเป็นซีรีย์ detective police
ที่คลี่คลายผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมเป็นตอนๆ ผ่านคู่โคขาใหม่ ระหว่าง
ศาสตราจารย์ทางจิตวิทยา(psychology professor) "นากูโมะ จูน" (แสดงโดย นาโอฮิโตะ ฟูจิกิ)
จากมหาลัยเรียวนัน ผสมกับ ตำรวจสาว "เซกาวะ ริโอะ"
ที่เพิ่งถูกยิงสวนกับคนร้าย หลังจากพักรักษาหายดีแล้ว
เธอก็ถูกย้ายให้เข้ามาช่วยราชการเขตนครบาล ในแผนกคดีฆาตกรรมอุฉกรรจ์
(Tokyo Metropolitan Police’s Violent Crimes Division)
ด้วยความที่ริโอะ ไม่อาจจะคดีคลายในการเข้าถึงเบาะแสคดีฆาตกรรมที่รับผิดชอบได้
สุดท้าย จึงมักจะต้องมาพึ่งการวิเคราะห์ทางจิต จากปรมาจารย์เชี่ยวชาญ ดูไปดูมา
มันก็คล้ายๆ กับหนังฮอลิวูดเรือ่ง The Silence of the Lambs Poster ในปี ๑๙๙๑
ที่ยอดตำรวจสาวคลาริส สตาร์ริง ต้องแบกสังขารถึงห้องขังเพื่อรับฟังการวิเคราะห์
จากนักโทษอันตราย ฮานิบาล แล็กเธอร์ อดีตศาสตราจารย์เอกอุด้านจิตวิทยา
เพื่อตามหาฆาตกรต่อเนื่องฉายา บัฟฟาโล บิลล์







อย่าคิดว่า control จะคลี่คลายแต่ละคดีด้วยกลวิธีวิจิตรพิสดารนะครับ
แบบอย่างที่ galileo รุ่นพี่ได้เคยทำเอาไว้ ดังนั้นไอ้ที่ผู้เขียนกะมาเก็งด้วย
สูตรทฤษฎีจิตวิทยาเต็มขั้น มาเต็มหลักสูตร ประเภท ปมอิดีปุสของฟรอยด์
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขของพาฟลอฟ หรือ พัฒนาการทางบุคลิกภาพของอิริคสัน
เป็นต้น ไอ้อย่างนั้นมันคิดเสียลึกไป ทางสถานีเขาจัดให้ไม่ถึงใจหรอกครับ
แต่จะไปโทษสถานีเขาก็ไม่ได้ เพราะจริงๆแล้ว แรกเริ่มเขาก็โปรยหัวในปกไว้ชัดแจ้ง
ว่าพระเอกของเรื่องนากุโมะซัง เขาเป็นศาสตรจารย์จิตวิทยาเอกก็จริง
แต่เฉพาะด้านในสาขา eccentric psychology ที่มุ่งเน้นในเรื่องของการวิเคราะห์พฤติกรรม
(behavioral analysis) ที่เป็นคีย์หลักใหญ่ใจความในการแกะรอยคดี (tracking down criminal)
ดังนั้นจะโทษใครไม่ได้ นอกจากการอ่านฉลาก อันไม่ฉลาดละเอียดของตัวผู้เขียนเอง
ดังนั้น วังวนของซีรีย์จึงหนีไม่พ้นพระเอกพยายามทำตัวเป็นเรื่องจับเท็จเคลื่อนที่
ซึ่งสูตรของการสังเกตก็ไม่ยาก บางทีมันง่ายเสียจนคนดูจับติดตั้งแต่แรกเห็นด้วยซ้ำ
ประเภทตากลอก-หลอกแหลก-แบกความทุกข์ไว้เต็มบ่า-หน้าบอกบุญไม่รับ-ครับทีหันซ้ายหันขวา






Naturally was on expression of sorrow but at the same time
there was relief.

(ถ้าดูโดยตามธรรมชาติแล้ว ความโศกทุกข์ระทมไม่น่าจะมีความรู้สึกโล่งใจตามมาด้วย)

There was disparity between left and right in your expression of
sorrow with your very eyes.

(แต่นี้มันดันมีความไม่เหมือนกันระหว่างซ้ายกับขวาในความโศกระทมนั้นในดวงตาของคุณ)

Rather than a state of tension from shock and sorrow your
respiratory condition reflected an extremely relaxed state.

(น้ำหนักค่อนข้างมากในภาวะอารมณ์นั้นมาจากอาการช็อกและความเศร้าโศกในตัวคุณ
สภาวะทางเดินหายใจในตอนนั้น แลดูผ่อนคลายเอามากๆ)

On,there's no use putting on an act my eyes see
what's behind it.

(เปล่าประโยชน์ที่จะเสแสร้งอาการเช่นนั้น เพราะสายตาผมมองทะลุโจ่งแจ้ง
คุณกำลังเก็บอะไรไว้อยู่กันแน่)






ความสนุกที่คาดหวังสำหรับ control จึงไม่ได้อยู่ที่การโชว์เหนือทางจิตวิทยา
เพราะสุดท้ายก็จะกลับมาในลูกอีหรอบเดิมทุกเดิม แต่มันจะไปได้ความกลอมแกลม
กับเรือ่งของ "หน่วยงาน" กับการ "ประสานระหว่างฝ่าย" ไปๆมาๆ
ตัวละครแวดล้อมมีส่วนช่วยให้เรื่องดำเนินอย่างมีสีสันค่อนข้างโดดเด่นกว่าซีรีย์แนวเดียวกัน
ไม่ว่าจะเป็น "โยโกฮามา ยู" (จากHidarime Tantei EYE) ในบทตำรวจนักสืบหนุ่มไฟแรงทาราชิมา
"คัทสึมุระ มาซาโนบุ"(SmileและCode Blue2)ในบทสารวัตรจอมพรีเซ็นท์ในงานแถลงข่าว
"อิซุมิยะ ชิเกรุ" (จากVoiceและDr.Koto) ในบทตำรวจนักสืบอาวุโสที่ทุกนายต่างเคารพ
"คิตะมุระ ยุกิยะ" (จากMy GirlและTop Sale) ตำรวจนักสืบจอมขัดแข้งขัดขา
"ซาโต้ จิโระ" (จากjin และRescue) เจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติวิทยาศาสตร์
เป็นเเฟนพันธ์แท้ของอ.นากูโมะ ที่ผลจากการพิสูจน์มักจะช่วยแก้ต่าง
ซึ่งไปสวนทางกับการปักใจเชื่อของหน่วยงานตำรวจ เป็นต้น






ตัวละครเหล่านี้ เลยช่วยหักล้างพระเอก "นาโอฮิโกะ ฟุจิกิ" ของเรา
จะรับบทเป็นโปรเฟสเซอร์จิตวิทยาที่ชอบหลบมุมแวะหม่ำแซมวิชเบอร์เกอร์แถวข้างทาง
แม้ครั้งนี้ จะพยายามเปลี่ยนลุกส์ โดยหันมาไว้หนวดไว้เคราอยู่หน่อย
แบบที่ศาตราจารย์ทางจิตวิทยาเขานิยมไว้กัน
แต่การที่เอาอาจารย์มหาลัยมาแก้ไขความซับซ้อนของคดีฆาตกรรม
ซึ่งเป็นพล็อกไม่สดสำหรับวงการซีรีย์พ.ศ.นี้ อย่างน้อยความเก๋าของฟุจิกิก็พอเอาตัวรอดไปได้
แต่คนที่น่าจะเเบกเรื่องนี้สูสีไม่แพ้กัน คงหนีไม่พ้นตำรวจนางเอกริโอะ ที่รับบทโดย
"มัตซึชิตะ นาโอะ" ด้วยสูงตั้ง ๑๗๕ ซม ก็โดดเด่นเสียจนหาตัวพระเอกมาจับเขย่งแข่งกับเธอได้ยาก
ผู้เขียนอาจผ่านสายตาจากเธอเพียงไม่กี่เรือ่ง เท่าที่นึกได้ก็มี ซีรีย์สองเรื่องในปี ๒๐๐๖ ทั้งคู่
คือ Taiyo no Uta ของค่ายทีบีเอส กับ Top Caster ของค่ายฟูจิ
ก็เป็นงานระดับกลางๆ ไมได้รู้สึกดูดดื่มแต่อย่างใด แต่สำหรับ Control แล้ว
รู้สึกว่าเธอมีพลังพอจะเอาอยู่ อย่างน้อยๆ บทนักสืบเซกาวะ ริโอะ ก็มีความซับซ้อนมีเนื้อมีหนัง
มากกว่าตัวบทอุซึมิ คาโอรุ ที่เจ๊โค ชิบาซากิ ได้เล่นไว้ในซีรีย์ Galileo เสียอีก
(แม้ตัวละครทั้งคู่ จะเต็มไปด้วยพละอินทรีย์๕ อยู่เต็มสูบ อันประกอบด้วย
ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา ในการแก้ไขเคสต์ของแต่ละคดี)
อย่างน้อยๆ ก็ไม่ให้ศาสตรจารย์ข่มแย่งพื้นที่บท จนต้องเป็นฝ่ายตามแต่ฝ่ายเดียว
ถือเป็นจุดแก้ที่ดีที่ผู้เขียนบท "โทชิโอะ ทาราดะ" พอจะฉีกแนวในกรณีที่ถูกเปรียบเทียบ
เแบบม็ดต่อเม็ดกับซีรีย์ Galileo ซี่งคงหลีกเลี่ยงการถูกนำไปเปรียบเทียบได้ยาก
ซึ่งจุดที่คอมเมนต์ส่วนใหญ่ ให้น้ำหนักกับคำว่า "Easy to watch"
อันนี้ก็เป็นได้ทั้งจุดดีและจุดเสีย แต่โดยอคติส่วนตัวแล้ว
เมื่อเก็งไว้ผิดแนว มันก็เลยค่อนข้างไม่ถึงใจสักเท่าไรนัก






ผิดกับเรื่องที่สอง "Mop Girl เด็กหญิงไม้ถูพื้น" ของค่าย ทีวีอาซาฮี
ที่่ดูทรงอย่างไร ก็ไม่น่าจะเป็นแนวเดียวกันกับ Control ไปได้
แถมตอนแรก นึกว่าจะเป็นผลงานล่าสุดของนางเอก "คิตากาวา เคอิโกะ"
แต่พอไปดูปฏิทินผลงาน ตรงกันข้ามกับเลย ดันเป็นงานชิ้นลำดับต้นของเคอิโกะเสียด้วยซ้ำ
(คือ ปี ๒๐๐๗ ตอนนั้นรับงานยังไม่มาก แต่ตอนนี้อย่าให้พูด)
ผู้เขียนเคยยินชือ่เสียงเรื่องนี้มาพอสมควร ถึงอรรถรสความสนุก
แต่ทว่า ความที่ไปติดแบนด์ของค่ายอาซาฮีทีวี ว่าเขาเป็นสถานีที่เน้นซีรีย์สาย
brand of mystery comedy อย่างสามเรื่องที่ผ่านตา ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง
troubleman ,trick หรือ puzzle ก็ทำให้รู้เลยว่า การเค้นเสน่ห์ของนักแสดง
เป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ โดยอย่าได้ไปคาดหวังองค์ประกอบที่เหลืออันจำกัดจำเขียดยิ่ง
การได้เคอิโกะมาเป็นตัวชูโรงใน Mop Girl ถือว่าต้องพึ่งพาแอนเนอร์จีเธออย่างสูง
แม้เริ่มต้นจะตะหงิดๆว่า ไปลอกพล็อกมาจากหนังญี่ปุ่นรางวัลออสการ์อย่าง
Departures มาเต็มๆ (แต่จริงดีพาร์ทเชอร์น่าจะลอกซีรีย์มามากกว่า)
เป็นเรื่องของสาวน้อย "ฮาเซกาวา โมโมโกะ" (แสดงโดย นางเอกเคอิโกะ)
ที่เพิ่งถูกไล่ออกจากเจ้าหน้าที่บริการงานแต่ง (wedding planner)
จนได้เห็นใบประกาศสมัครงานของบริษัท Little Angels เธอเลยนึกว่า
บริษัทที่กำลังสมัคร คงจะรับอีเว้นท์งานแต่งเหมือนกับงานก่อนหน้าที่เธอทำ
แต่ไปๆมาๆ ถึงมาเคลียร์ได้ว่า Little Angels คือ บริษัทที่รับจัดการงานศพนี้เอง ( funeral services)






ส่วนดีของ Mop Girl คือ เป็นการดัดแปลงมาจากฉบับการ์ตูน
ในชื่อเดียวกันของผู้วาด "คาโตะ มิอากิ" เลยทำให้พล็อกเรื่องมีความเป็นการ์ตูนจ๋า
เสียจนไม่คิดว่าคนในประเทศไหนจะสามารถสร้างได้ และไม่ติดกรอบสามัญยลักษณะทั่วไป
นอกจากนางเอกจะจับพลัดจับพลู เป็นเจ้าหน้าที่บริการงานศพ ที่มีขอบข่ายการท่ำงาน
ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่ ทำความสะอาดคราบเลือด แบกศพ เปลี่ยนชุด แต่งหน้า
และพาออกหน้าร้าน (หมายถึงจัดพิธีงานศพนะ) เลยเป็นเหตุให้
"ฮาเซกาวะ โมโมโกะ" เข้าไปเกี่ยวกับกับเบื้องหน้าเบื้องหลังคดีฆาตกรรม
ที่ไม่ได้หมายถึง การเข้าไปสืบหาความจริงหรอกนะ
หรือเรียกให้ถูกก็ต้องว่าเป็นสัปเหร่อเตรียมงาน แต่ญาณวิเศษสิ่งหนึ่งที่ติดตัวเธอมาตั้งแต่เด็ก
คือ หากเธอได้เข้าไปสัมผัสวัตถุพยานบางอย่างที่เกี่ยวกับผู้ตายด้วยไซร้แล้ว
เธอจะสามารถเดินทางกลับย้อนเวลาตั้งต้น ก่อนที่จะเกิดเหตุฆาตกรรมกับพยานท่านนั้นๆ
แน่ละ ความที่มีพรหมวิหารธรรมเกือบจะครบถ้วน ทั้งเมตา กรุณา มุทิตา เป็นสรณะ
แต่บังเอิญ เจ้าอุเบกขาธรรมที่จะปล่อยวางดูจะซึมเข้ากบาลเจ้าหล่อนยาก
เลยเป็นเหตุให้โมโมโกะ ที่รู้ญานในอนาคต จึงวางแผนทางแก้ไขตามแบบแผนที่เรียนรู้
จากอดีตครั้งก่อน ซึ่งก็เป็นไปตามอนุสัยตั้งต้นที่มีมา (คงเพราะพ่อเป็นผอ.โรงบาลด้วย)
การชอบช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก และพิศมัยหุ่นเพาะกาย
ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลประการแรกมากกว่า ที่ทำให้เธอมีโอกาสเข้าไปเปลี่ยนแปลงโชคชะตา
สืบสาวถึงสาเหตุเเห่งแรงจูงใจของการฆาตกรรมและเปิดเผยมุมมองความเป็นมุนษย์ของผู้ต้องหา
ซึ่งก็แน่ละ ย่อมพลิกคดีที่ทางตำรวจปักใจเชื่อไว้ตั้งแต่ต้น ด้วยประติกรรมสวยหรู ว่า "จัดฉาก"






As soon as,l touched person belongings.
l returned to the past.When l realized this.

(ทันทีที่ฉันได้สัมผัสสิ่งของของคนนั้นๆเมื่อไร
มันจะนำพาให้ฉันย้อนไปสู่อดีต ในสถานการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นมา)

l changed everything and saved that.

(ฉันอดที่จะเข้าไปเปลี่ยนและพลิกสถานการณ์เสียไม่ได้)

Now l wonder what's happening around me
and if l'll go into the past again?
l still don't understand what happened.

(ถึงบัดนี้ ฉันเองก็ยังไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
และสมมติว่าถ้าฉันได้ย้อนกลับไปอดีตอีกครั้ง
ฉันก็ยังไม่แน่ใจว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไร)






ซีรีย์ยังได้พระเอก "ทานิฮารา โชสุเกะ" มารับบทเป็นรุ่นพี่โอโตโมะ โชตาโร
แห่งบ. Little Angels ที่มีรสนิยมขี้หลีแต่สาวนอก และชอบยักยอกปกปิดทรัพย์สินของบริษัท
จนเป็นเหตุให้นางเอก มักจะเอาสองข้อที่ว่านี้มาแบ็กเมล์เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือ
ถือเป็นการฉีกกฎการรับบทครั้งหนึ่งในชีวิตของพี่ท่านโชสุเกะ ที่มักจะได้บทหล่อเนียบนิ๊ง
แบบที่เห็นใน Gokusen 2 ,Top Caster หรือ Love Shuffle เป็นต้น
โดยใน Mop Girl พี่ท่านต้องมารับบทหนุ่มเจ้าชู้จอมกระล่อน
และติดปลายนวมใส่นางเอกยามที่ไม่ได้ดั่งใจ เลยมีฉากซาดิสต์ได้ใจแบบชายผู้เป็นใหญ่
คล้ายๆ ที่รุ่นพี่จิอากิไล่กระทืบซ้ำโนดาเมะ อะไรปานนั้น






ส่วนนักแสดงท่านอื่น ถือว่าองค์ประกอบไม่มาก
ก็มี เพื่อนของนางเอกเรียนสมัยมัธยมกันมา "ฮีนะ" (รับบทโดยอาสามิ เรอินะ
จาก Hotaru no Hikari) ที่มักตกตะลึงถึงการหยั่งรู้อนาคตของเพื่อนเกลอคนนี้
"ชิเกโอซัง" (รับบทโดยทาจิ ซาโต้ มาโผล่เรือ่งนี้ด้วย) เป็นหัวหน้าบริษัท Little Angels
ที่มักกองงานให้นางเอกเอาไปสานต่อ และเจ้าหน้าที่อัตซึซัง (รับบทโดย มาจิอิซัง
จาก Gokusen 2 และKimi wa Pet ) หัวหน้าตำรวจจอมพัดโบก
ที่มักมาปิดคดีท้่ายรายการเสมอ แต่โดยรวมเมื่อเทียบกับทีมงานของ Control
สีสันอาจดูน้อยจัดจ้านลงไปเป็นกอง ไม่นับ นางเอกคิตากาวะ เคอิโกะ
ชีถือเป็นสีสันถอดแบบ clumsy girl ที่แบกน้ำหนักเกือบจะทั้งเรื่อง
หรือเข้าใจง่ายๆเลย คือ ชีกะมาเกิดกับเรือ่งนี้โดยเฉพาะ เน้นมาฮาไม่แคร์อาชีพนางแบบ
(ซึ่งถ้าเป้กนั่นหมายความว่าโอกาสจะมีซีรีย์ให้ได้เล่น อาจจะเป็นปีละเรื่อง
หรือไม่ก็สัมภเวสีไปเป็นแขกรับเชิญเรือ่งนั้นเรือ่งนี้ตามแต่เอเจนซี่จะอำนวย)
จากสาวน้อยผู้เข้าประกวด Miss Seventeen ในปี ๒๐๐๓ จนมาสู่หน้าจอซีรีย์
ณ บัดนี้ก็มี Mob Girl นี้แหละที่ทำให้เธอพอการันตีในคุณภาพจากงาน
TDAA ครั้งที่ ๕๕ ในสาขา Special Award ซึ่งรับรู้ได้ว่าเล่นดีเสียจนต้องหา
บางรางวัลเพื่อมาแก้เก้อ (รางวัลนี้น้องหนูโนโซมิ ก็เคยได้ใน Shiroi Haru)






สารภาพตามตรงว่า ตอนแรกที่ได้ Mop Girl ไว้ในการครอบครอง
หลงนึกเสียใกล้เลยว่า คงเป็นซีรีย์ผลงานชิ้นล่าสุดของเคอิโกะจังแน่เลย
โดยไปเทียบเคียงประเมินเอาเองว่า โปรดิวเซอร์คงไปสัมผัสจุดฮาในตัวเธอ
ตอนที่เผลอไปกดรีโมทข้ามช่องแล้วประจักษ์ใน Buzzer Beat
ซีรีย์ว่าไม่ใช่แค่จะมาสวยสไตล์นางเอกทั่วไป แต่ยังสร้างมูลค่าเพิ่มในมุมตลก
แบบที่นางเอกหลายๆคนพยายามฉีกแนว แต่ก็ฉีกได้ไม่สุด
พอมาไทม์ไลน์ของเคอิโกะ ถึงได้หลงไปไกลเสียทีมา Mop Girl นั้น
มากอ่น Buzzer Beat ถึงสองปี จึงต้องเปลี่ยนมุมมองว่า
โปรดิวเซอร์ของค่ายฟูจิ คงเห็นมุมที่มากกว่าความตลกติ๊งต๊อง
ก็เลยยัดใส่บทชิราคาวา ไรโกะ ให้มาเป็นพระนางคู่กับโทโมฮิสะซะเลย






เมื่อดูสนุกฮาเคร้งเช่นนี้ จึงจำต้องไล่หาดูประวัติมือเขียนบทหน่อยสิ
ว่าเคยทำคุณประโยชน์ดีๆอะไรก่อนหน้าบ้าง ตอนแรกนึกเอาว่าจะเป็นเจ๊โอโมริ มิกะ
เจ้าประจำที่ผู้เขียนไล่ตามอยู่ แต่พอเช็คดูแล้วกับไม่ใช่เลย
งานนี้ได้มือเขียนจอมดัดแปลงบทลงจอทีวี สองท่าน
หนึ่ง คือ "ชูโกะ อาราอิ" เคยสร้างชื่อมาจากดัดแปลงการ์ตูนของคามิโอะ โยโกะ
ลงเป็นซีรีย์ทีวี ช่องเจ็ดฉายจนครบตอน ที่ชื่อ Hana Yori Dango
ส่วนมือเขียนบทแจมอีกคน คือ "มาชิบะ อาซุมิ"
คนนี้ เธอเป็นศรีภรรยาของนักแสดงรุ่นเดอะ โอกายามะ ฮาจิเมะ
และเพราะบารมีของตัวเธอมั้ง เคยลากคุณสามีไปเล่นซีรีย์ Futatsu no Spica
วรรณกรรมของทซึซุอิ ยาสุตากะ ที่เธอเป็นคนดัดแปลงบทเสียด้วยสิ
ช่างเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนที่ยากจะเข้าใจจริงๆ ........









Create Date : 04 ตุลาคม 2554
Last Update : 4 ตุลาคม 2554 21:02:40 น. 3 comments
Counter : 4931 Pageviews.

 
เรื่องแรกอ่านแล้วก็ให้นึกถึงGalileo จริงๆด้วยค่ะ
พล็อตเรื่องคล้ายกันมาก แค่เปลี่ยนบทพระเอก
จากอาจารย์ทางฟิสิกส์ มาเป็นอาจารย์ทางจิตวิทยา
คงเพื่อต้องการให้เห็นการวิเคราะห์คดีอีกมุมมองหนึ่งมังคะ
โดยเป็นการวิเคราะห์ผ่านพฤติกรรม ซึ่งในความเป็นจริง
การสืบสวนสอบสวนแบบนี้ น่าจะมีการใช้กันเยอะนะคะ
ประเภทวิเคราะห์ว่าพฤติกรรมแบบนี้มีแนวโน้มที่จะก่อคดีอะไรได้บ้าง
แต่อ่านดูแล้วเหมือนว่าจะไม่ใช่นะคะ
เพราะบอกว่าพระเอกทำตัวเหมือนเครื่องจับเท็จเคลื่อนที่
ซึ่งก็กลายเป็นว่าคนทั่วไปก็มองออก
โดยไม่ต้องอาศัยอาจารย์ทางจิตวิทยาก็ได้
อย่างนี้ต้องบอกว่าคนเขียนบทยังไม่เจ๋งพอได้ไหมคะ
ส่วนนาโอฮิโตะ ฟูจิกิ หน้าตาในเรื่องนี้ดูแล้วตลกดีนะคะ
ไว้หนวดไว้เคราเพื่อจะให้ดูเหมือนเป็นศาสตราจารย์สติเฟื่องหรือเปล่าคะ
ดูแล้วเรื่องนี้คงไม่ใช่ตัวเลือกที่ควรจะหยิบขึ้นมาดูเป็นลำดับแรกๆนะคะ
ส่วนเรื่องที่สองMop Girl ต้องบอกว่าชอบนางเอกเป็นการส่วนตัว
ชอบที่เธอสวยน่ารัก ติดใจเธอมาจากเรื่องBuzzer Beat น่ะค่ะ
ส่วนเนื้อเรื่องที่ปูพื้นบอกไว้ตอนต้นเรื่องอย่างกะ Departures จริงๆด้วยค่ะ
แต่รายละเอียดของเนื้อหาคนละอย่าง คนละแนวเลยนะคะ
เพราะ Departures ดราม่าหนัก แต่เรื่องนี้ดูเหมือนจะเน้นฮาเป็นหลัก
แล้วมีการให้ย้อนเวลากลับไปในอดีตได้ด้วย
แต่คงไม่มีเรื่องของเงื่อนเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องใช่ไหมคะ
และดูท่าว่าเรื่องนี้นางเอกคงจะเล่นแบบไม่ห่วงสวยด้วยใช่ไหมคะ
เมื่อเนื้อเรื่องก็น่าดู ดาราก็ถูกใจ คงจะต้องหามาดูให้ได้ซะล่ะน๊า


โดย: มะนาวเพคะ IP: 101.109.188.138 วันที่: 4 ตุลาคม 2554 เวลา:22:59:42 น.  

 
โชคดีจังที่ไม่ถูกชะตา นาโอฮิโตะ มาแต่ไหนแต่ไร ประหยัดเวลาไปได้เรื่องนึง สาเหตุเดียวกันนี้แหละถึงยังไม่ยอมดู สาวปลาแห้ง ที่ชื่อเรื่องก็ยังติดอยู่ในลิตท์ตลอด แต่ชอบการตั้งชื่อเรื่องนะคะ สั้นๆ ง่ายๆ Control


Mop girl ก็เคยเล็งไว้กับเขาเหมือนกันสมัยที่กำลังตกหลุมรัก เคโกะ จาก buzzer beat แต่พอย้อนอดีตก็เลยยั้งๆ ไว้ก่อน มักจะมีอคติกับแนวนี้ อย่าง operation love กว่าจะดูก็โดนแบนไว้นาน ที่ดูได้เพราะได้พลังของยามะพี เหมือนกัน เรื่องไหนที่มันจะทะลุไปในโลกอนาคต ก็จะไม่ค่อยเกิดกิเลยเท่าไหร่ แต่อย่าง long love letter ก็ได้พลังของโยสุเกะ คุโบสุกะล้วน

เมื่อสาวสวยเคโกะก็ย้อนอดีตไปกับเขาบ้าง ...พลังของนักแสดงหญิงที่มีอิทธิพลต่อผู้ชมหญิง ย่อมอ่อนแรงกว่าพลังหนุ่มๆ และอ่อนล้าไปตามกาลเวลา เพราะหลังจาก moon lover ที่แป๊ก ก็ไม่พบว่าเคโกะแสดงในเรื่องไหนที่มีพล็อตเรื่องทำให้รู้สึกว่า อยากดูอีกเลย แต่เรื่องหน้าตาสุดสวยน่ารักมากๆ ของเธอนั้น รับรอง ลืมไม่ลง


โดย: prysang วันที่: 7 ตุลาคม 2554 เวลา:0:02:06 น.  

 
แอบมาหาอะไรดูครับ ^^


โดย: BoonsermLover วันที่: 20 ตุลาคม 2554 เวลา:6:35:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.