A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 
Kyumei byoto 24 ji 2 แผนกกู้ชีพฉุกเฉิน๒๔ชั่วโมง


อาทิตย์ที่แล้วเพิ่งเขียนซีรีย์เรือ่งMother แล้วนึกถึงงานเก่าๆ
ของนางเอก "มัตซึยุกิ ยาสุโกะ" มาครั้งนี้จึงอยากจะขอย้อนความหลัง
ถึงงานแสดงในครั้งๆก่อนของคุณเธอ แต่จะเอามาเล่าเอาสักหมด
มีหวังผู้เขียนคงได้อ่วมหลายเดือน เพราะเจ๊เธอได้ฝากผลงานไว้มากมายหลายสิบเรื่อง
เพราะเจ๊เริ่มเข้าวงการประมาณยุคต้นปี ๙๐ ที่ยังรักษาระยะในตำแหน่งแห่งงาน
แม้แต่เพื่อนร่วมอาชีพหลายท่าน จะเฟดตัวเองไปรับบทสมทบตัวเสริมตามสัจจะอาชีพ
ตรงกันข้ามกับเธอ ที่ผู้จัดและฝ่ายเคสติ้ง ก็ยังยกให้เธอกับบทนางเอกจนถึงปัจจุบัน
(แม้จะสมทบ แต่บทเธอก็ยังเด่นเกทับหน้าตานักแสดงหญิงนำอยู่ดี)




ใจจริงอยากจะเขียนเรื่อง Shiratori Reiko de Gozaimasu!
ที่ถือเป็นงานdebut ซีรีย์เรื่องแรกก็ดังเปรี้ยง เพราะเรือ่งนี้
ถูกเอามาทำภาคต่อยังไม่พอ ยังมีการขึ้นหอลงโรงภาพยนตร์รับทรัพย์กันอิ่มเปรม
สถานีฟูจิในช่วงปี ๑๙๙๓ พล็อกเรื่องก็ไม่มีอะไรมาก เป็นความรักระหว่าง
สาวไฮโซเรโกะกับหนุ่มโลโซทัตซึยะ ที่เคยเป็นเพื่อนวิ่งเล่นอีมอญซ่อนผ้าตั้งแต่สมัยเด็ก
แต่ความที่จำเนือ้เรื่องอะไรไม่ค่อยจะปะติดปะต่อ จะไปอ้างอิงข้อมูลก็แสนจะขาดแคลน
จึงเป็นเหตุให้ต้องข้ามเรื่องนี้ไป เขยิบไล่ทะเบียนรับงาน สงสัยคงต้องเอาซีรีย์ยุคมิลเลเนียม
เลยมาได้ซีรีย์แนวๆหมอในตำนาน อย่างKyumei Byoto 24 Ji 2 หรือแปลเป็นไทยได้ว่า
"แผนกกู้ชีพฉุกเฉินยี่สิบสี่ชั่วโมง ภาคสอง"





ภาคสอง? นั่นต้องหมายความว่า มันเคยมีการสร้างภาคหนึ่งกันมาแล้ว
ซึ่งก็ทุกต้องแล้วครับ ใจจริงอยากจะเขียนเรือ่งนี้มานานแล้ว
เพราะกึ่งศาสดาให้กับแนวซีรีย์หมอๆ ของญี่ปุ่นในทุกวันนี้
ล้วนแล้วแต่ ได้รับอิทธิพลหยิบฉวยและนำไปใช้แทบทั้งสิ้น
Kyumei Byoto 24 Ji ภาคแรกถูกฉายในปี ๑๙๙๙ เป็นเรือ่งเกี่ยวกับแผนกหน่วยฉุกเฉิน
ที่ต้องรับมือกับเคสต์ของคนไข้ในหลายรูปแบบและในหลายๆสถานการณ์อันไม่คาดฝัน
โดยมี "ชินโดะ อิเสะ" หมอในแผนกEmergency Room
(แสดงโดยเอกูชิ โยสุเกะ จาก101st Marriage ProposalและTriangle)
ผู้มีฝีไม้ลายมือในการรักษาขั้นเทพ แต่ขั้นมารในเรือ่งของพฤติกรรมส่วนตัว
มักจะผ่าเหล่าผ่ากอในเรือ่งของระเบียบขั้นตอนการรักษา โดยยึดประโยชน์ของชีวิต
คนไข้เป็นหลัก ทำให้เป็นที่ขัดคอขัดใจกับผู้บริหารทางการแพทย์ ที่ห่วงเฉพาะในเรือ่ง
ของชื่อเสียง ผลกำไรและตำแหน่งฐานะ ตอนหลังซีรีย์มาเฉลยว่า ที่หมอชินโดะ
ยอมมารับงานในแผนกฉุกเฉินที่ถือว่าหนักสาหัสสากรรจ์ อันไม่คุ้มกับความสามารถ
เพราะเพียงเพื่อต้องการจะมาดูแลภรรยาที่ป่วยหนักอยู่ในห้องไอซียู
จะได้คอยเฝ้าดูอยู่ไม่ห่างและชดเชยความรู้สึกผิดที่ไม่อาจจะช่วยปกป้องแก่เธอได้
อุ้ย! เผลอเล่าตอนจบไปแล้ว แต่ไม่สำคัญหรอก เพราะที่จะเล่า คือภาคสองเสียต่างหาก





ในภาคสอง หมอชินโดะได้ลาออกจากการเป็นหมอฉุนเฉิน
โดยเปลี่ยนแผนกมาเป็นรักษาผู้ป่วยทั่วไป หลังจากที่ต้องสูญเสียภรรยา
ซีรีย์ภาคสองเปิดตัวด้วยเฮลิคอปเตอร์กู้ชีพที่นำส่งคนเจ็บ ในเครื่องมีอดีตหมอชินโงะอยู่ด้วย
แต่เขาเป็นเพียงพลเมืองดีที่พอมีความรู้ด้านแพทย์อยู่บ้าง จึงเอาหลอดทิ่มหลอดลมคนไข้
เพื่อยื้อชิวิตขณะลำเลียงผู้ป่วย สร้างความฉงนให้กับหัวหน้าแผนกฉุนเฉิน "โอดากิริ"
(แสดงโดย วาตานาเบ อิเคอิ จากOsenและGalileo) ดีว่ามีเจ้าหน้าที่พยาบาล
"ซากุระอิ" ซึ่งเคยทำงานร่วมกับหมอชินโงะที่โรงพยาบาลก่อน และรู้ประวัตินิสัย
ของหมอชินโดะเป็นอย่างดี หัวหน้าโอดากิริจึงพยายามที่จะชักชวนให้ชินโดะ
มาร่วมกับทีมแผนกแพทย์ฉุกเฉินที่เพิ่งจะเปิดใหม่ ขณะเดียวกัน
"หมอโคซากะ ทามากิ" (แสดงโดยมัตซึยุกิ ยาสุโกะจากFirst KissและMother)
ที่ต้องจับผลัดจับผลูมาอยู่แผนกฉุกเฉินเป็นการชั่วคราว ทั้งๆที่ใจอยากจะทำงาน
ในแผนกศัลยแพทย์หัวใจซึ่งเธอเชื่อว่างานวิจัยจะช่วยชีวิตผู้คนได้มากกว่า
แต่เพราะไปวิจารณ์งานวิจัยยาของผอ. จึงมีคำสั่งฟ้าผ่าให้มาประจำแผนกฉุกเฉินที่เพิ่งเปิดใหม่
เธอได้แต่รอเวลาที่ผู้บริหารจะเรียกตัวเพื่อคืนแผนก และกลับมาทำงานงานวิจัยเรือ่งหัวใจที่ค้างคา
จนกระทั่งการที่อดีตหมอชินโดะ เข้ามาจุ้นจ้านอย่างกระตือรือล้น
ทำให้เธอมีอคติกับอดีตหมอชินโดะซึ่งเป็นคนนอกตั้งแต่แรกเห็น แต่เธอก็พยายาม
เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ด้วยการเกลี่ยกล่อมด้วยตนเองเพื่อให้อดีตหมอชินโดะ
มาเป็นส่วนหนึ่งของแผนกฉุกเฉินอย่างจริงๆจังๆ
อย่างน้อยๆ เมื่อมีแพทย์ที่ชำนาญในสายแผนกเพิ่มมาอีกหนึ่ง คงจะง่ายเข้า
หากเธอจะทำเรือ่งขอตัวเองย้ายกับไปแผนกศัลยกรรมหัวใจอย่างที่ตั้งใจไว้แต่เเรก





เมื่อหัวหน้าแผนกโอดาริกิมารู้ความจริงว่า เหตุที่โรงพยาบาลตั้งแผนกฉุกเฉินขึ้นมา
เพียงเพื่อหวังงบประมาณสนับสนุนจากทางภาครัฐบาล มูลค่าหลายร้อยล้าน
โดยเชื่อว่าระยะเพียงไม่กี่ปี ก็จะช่วยคืนทุนให้กับทางโรงพยาบาลเพื่อมาโปะส่วนที่ขาดทุน
ของแผนกอื่นๆในโรงพยาบาล ยิ่งทำให้กำลังใจของบุคลากรในแผนกลดต่ำลงไป
แต่สุดท้าย ด้วยเหตุระเบิดในโรงงานซึ่งอดีตหมอชินโดะอยู่ในเหตุการณ์ด้วย
จึงได้มีส่วนช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนจะส่งตัวแอดมิดคนไข้
แต่เนื่องด้วยมีคนเจ็บจำนวนมาก หมอชินโดะจึงต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในการรักษา
พร้อมกับเจ้าหน้าที่แผนกฉุกเฉิน และสถานการณ์ท่าบานปลาย เมื่อผู้บริหารได้ทราบข่าวว่า
ทางแผนกรับคนเจ็บเกินอัตราที่กำหนดโดยเทียบกับจำนวนแพทย์ในแผนกที่มีอยู่
อดีตหมอชินโดะเลยออกหน้ารับแทนว่า ตัวเองก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนกฉุกเฉิน
และเข้ามาช่วย โดยได้รับการชักชวนของหัวหน้าแผนกโอดากิริ





ซีรีย์ตอนที่เหลือ ก็เป็นเรือ่งของการคลี่คลายสถานการณ์
เจียนอยู่เจียนยุบของแผนกหอ้งฉุกเฉิน ไปพร้อมๆกับความสัมพันธ์ในปัญหาส่วนตัว
ของบุคลากรในแผนกหน่วนฉุกเฉิน ก็ต้องเรียกว่า เป็น "แหล่งซ่องสุ่ม"
ของยอดฝีมือ ที่ทุกวันนี้ต่างก็มีซีรีย์จนชุกมือ ไม่ว่าจะเป็น
"หมอคาบายาชิ" (แสดงโดย โคฮินาตะ ฟูมิโยะ Taiyo to Umi no KyoshitsuและJIN)
"แพทย์ฝึกหัดยาเบะ" (แสดงโดยอิโตะ ฮิเดกิ จากFirst KissและBuzzer Beat)
"แพทย์ฝึกหัดโอกาตาวะ" (แสดงโดยทาบาตะ โทโมโกะจากAishiteru และLast Present)
"หมอบาบะ" (แสดงโดยมิยาซาโกะ ฮิโรยุกิ จากZettai Reido และAt Home Dad)
"พยาบาลยามาชิโระ"(แสดงโดยสุโดะ ริซะ จากTop CasterและDensha Otoko)
"หมอจุนชิมะ" (แสดงโดย ทานิฮารา ชุนสุเกะ จากMop GirlและTriangle
และเรือ่งนี้ทำให้พบรักกับเอมี่ มิยาเกะ ดาราในเรื่องจนได้เข้าวิวาห์กัน)
โดยยังคงใช้สูตรแบ่งตอนกันเล่น ซึ่งจะค่อยๆสโค้ปชีวิตของแต่ละคน
แบ่งเป็น "เบื้องหลังชีวิต" เพื่อให้คนดูทำความเข้าใจตัวตนที่เป็นของหมอหรือพยาบาลท่านนั้นๆ
และ "เบื้องหน้าขีวิต" อันหมายถึงคนไข้ในเขตความรับผิดชอบของตน ที่จะเป็นสิ่งพิสูจน์
การข้ามผ่านเพื่อที่จะบรรลุคุณวุฒิและวัยวุฒิ โดยมีชีวิตของคนไข้เป็นเดิมพัน
ในแบบที่ซีรีย์สมัยหนึ่งเคยทำกันมา ก่อนจะปะติดปะต่อเป็นภาพรวมของแผนก
ที่ไม่ได้มีแต่เพียงเรื่องของพระเอก-นางเอก เดินเรือ่งกันสองต่อสองเท่านั้น
ความร้ายกาจของซีรีย์ประเภทนี้ คือ จำลองภาพหน่วยงานในเบื้องต้นด้วยต้นทุนด้านลบ
ไม่ว่าจะเป็น จุดคุ้มทุน ค่าเสียโอกาส ค่าความเสี่ยง อนาคตในเบื้องหน้า
หรือสร้างการเปรียบเทียบกับค่านิยมของคนในสังคม จากนั้นก็จะค่อยๆ
ฉายในต้นทุนด้านบวกไปทีละนิดละน้อย พร้อมกับการตั้งคำถามถึงความสำคัญ
ที่จะไปสัมพันธ์กันระหว่างหน้าที่กับความรับผิดชอบ และผลลัพธ์ที่จะตามมา
ซึ่งผลลัพธ์ไม่ได้มีเพียงแค่ "ชิ้นงาน"เท่านั้น แต่จะควบคู่ไปกับการปลูกฝัง "จิตวิญญาณ"
ของคนๆนั้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายต่อสังคม เพื่อนมนุษย์ และอุคมคติ
ที่สูงส่งไปกว่า ลาภ ชื่อเสียง เกียรติยศ หรือเงินทอง อันจะนำไปสู่ความแตกแยก
ทางกลุ่มก้อนสมาชิกด้วยผลประโยชน์ที่ขัดกัน อันไม่ใช่หลักภราดรภาพที่ดีนัก
(อย่างน้อยๆ ก็ในสังคมบ้าพลังกลุ่มแบบญี่ปุ่น)





ในแง่การแสดง เมื่อเป็นซีรีย์รวบพลคนรุ่นเดอะ
ที่เป็นยอดฝีมือในปัจจุบัน แฟนซีรีย์ญี่ปุ่นคงไม่ต้องตั้งคำถามอะไรมากมาย
(ตรงกันข้ามต้องตั้งคำถามกลับเสียด้วยซ้ำว่าทำไมซีรีย์ฟอร์มยักษ์หลายต่อหลายเรื่อง
ถึงขาดเขาเหล่านั้นไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น ลุงฟูมิโยะ ลุงมิโฮยุกิ ป้าริสะ
แถมนักแสดงดาวรุ่งบางคนก็อัพเกรดไปเป็นดาราจั๋วหัวไปแล้ว เช่น
เจ้าฮิเดอากิ พี่โชสุเกะ เป็นต้น) หลังจากที่ติดตาในบทบาทของพระเอก "โยสุเกะ"
จากงานซีรีย์ยุคแรกๆ ไม่ว่าจะเป็น 101st Marriage ProposalและTokyo Love Story
ที่ยังเป็นหนุ่มเจ้าสำอางกุ๊กกิ๊กเมโลดรามา พอมาเจอะบทหมอนักบู๊ชินโดะจากเรื่องนี้
เล่นเอาอึ้งได้อยู่เหมือนกัน มีทั้งฉากการใช้กัญชา เอาสว่านช่างมาเจาะสมอง
สูบบุหรี่ หรือด่าญาติผู้ป่วยที่ทำตัวงี่เง่าอย่างไม่ไว้หน้า
ด้วยบุคลิกที่แลดูเฉียบขาด เข้มแข็งและดูเอาจริงเอาจัง
รั้นหัวชนฝา อีกทั้งผมเผ้าไม่ยาวแลดูเป็นคน น่าจะเป็นยุคต้นๆกับพระเอกฮีโร่
"คุณธรรมหัวกบฎ" ต่อต้านความอยุติธรรมกับวัฒนธรรมองค์กรด้วยหลักคุณธรรมแบบปัจเจก
เลยทำให้ Kyumei Byoto 24 Ji เป็นซีรีย์ที่พระเอกโยสุเกะสามารถเก็บกินได้ไปจนตาย
และแม้บุคลากรในแผนกกู้ชีพฉุกเฉิน จะมาจากคนร้อยพ่อพันแม่
มีจุดหมายและวัตถุประสงค์แตกต่างกันไป บางคนอาจจะมาเพราะรอตำแหน่ง
บางคนอาจจะมาอยู่เพราะเหมาะสมกับนิสัย บางคนมาเพียงเพื่อฝึกหัดชั่วคราว
หรือบางคนมาเพราะอยากจะลืมปัญหาครอบครัว แต่ด้วยทุกคนต่างมีจุดศูนย์รวม
เดียวกัน คือ "จรรยาบรรณทางวิชาชีพ" ที่ปลูกฝังมาตั้งแต่วัยเด็กหรือได้รับผ่องถ่ายเรียนรู้
เป็นการสงวนจุดต่างเพื่อประสานจุดรวม ทำให้ทุกเคสต์กรณีที่มีชีวิตของคนไข้เป็นเดิมพัน
เป็นภารกิจสำคัญ ที่คนในแผนกกู้ชีพฉุกเฉินพร้อมจะสละประโยชน์สว่นตน
โดยที่ไม่ต้องมานั่งเขี่ยลูกคิดเทียบเคียงจุดดีจุดคุ้ม หรือผลลัพธ์ด้านร้ายที่จะตามมา





ส่วนนางเอก "มัตซุยุกิ ยาสุโกะ" การมารับเล่นเรื่องนี้
ก็อยู่ในช่วงวัยกำลังก้าวย่างสามสิบ ประสบการณ์งานแสดงก็ระดับทศวรรษ
ผู้เขียนชอบบทบาทเธอจากเรือ่งนี้ มากกว่าใน Motherซีรีย์ที่มีรางวัลห้อยท้ายสักอีก
เพราะอย่างน้อยๆ ก็สะท้อนความเป็นมนุษย์ปุถุชน มีความใฝ่ฝัน
มักใหญ่ใฝ่สูง กล้าแสดงออกในความรู้สึกลึกๆของตนเองที่อาจจะขัดใจท่านผู้ฟัง
กล้าเข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่เพื่อแสดงให้รู้ถึงความต้องการของตัวเองหรือวิจารณ์ในสิ่งที่เชื่อ
มีความป่วนแปรทางอารมณ์แบบสาววัยกลางคน แต่ขณะเดียวกัน
ก็มีจิตวิญญาณของความเป็นแพทย์มืออาชีพ ที่อาจจะไม่พอใจคำถูกตำหนิ
แต่ในวันรุ่งขึ้น เธอก็จะไปศึกษาข้อมูลเพื่อนำมาแก้ไขและปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น
แม้คนในหน่วยจะรู้ว่า ตัวเธอพร้อมจะไปทุกเมื่อหากมีการเรียกตัว
แต่ความเป็นมืออาชีพ ก็ทำให้ทุกคนต่างยอมรับในขีดความสามารถ
ไม่ได้ตั้งอคติเล่นแง่ เพราะรู้ว่าเป้าหมายทางอาชีพของแต่ละคนคืออะไร





เวลาที่เพิ่งในดู Kyumei Byoto 24 jiอาจจะรู้สึกกึ๋ยๆสักนิด เพราะอิทธิพลที่ว่า
แทบจะมีในซีรีย์หมอๆที่เน้นความตื้นเต้นโฉบเฉียวเกือบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น
ฉากด็อกเตอร์คอปเตอร์ใน Code Blue บทห่ามๆของหมออาซาดะใน
Team Medical Dragon,สืบสานปณิธานทางการแพทย์ใน
Godhand Teru สะท้อนปัญหาระบบทุนนิยมในสถานพยาบาลแบบ Tomorrow
หรือโฮสพิตอลคอเมดี้เม้าท์แตกใน Nurse's AoiและNurseman
ถึงได้รู้ว่า มันเป็น "ขนบวิธี" ที่เป็นภาคบังคับเบื้องต้นสำหรับการเขียนบท
(ซึ่งถ้าเลียน ก็คงต้องเลี่ยงด้วยการไปดูซีรีย์หมอฝั่งตะวันตกแทน)
ดูเหมือนจะไม่ค่อยมุ่งเน้นในเรือ่งของโชว์ดะกรรมวิธีแบบซีรีย์หมอญี่ปุ่นอย่างในยุคปัจจุบัน
แต่จะไปใส่ในเรื่องของศัพ่ท์แสงเทคนิกในวงแพทย์แทน และความดราม่าน้ำตาตกใน
ก็มีดีกรีเจือจางไปสักหน่อย เพราะส่วนใหญ่เขาให้เวลาความสัมพันธ์กับหมู่มวลสมาชิก
และการเรียนรู้ซึ่งกันและกันระหว่างแพทย์ต่อแพทย์ แพทย์กับคนไข้และพื้นที่ภาคสนาม
อีกทั้งรู้สึกโชคดีอยู่หน่อย อย่างน้อยๆ Kyumei Byoto 24 ji ก็มีบทส่ง
ในเรื่องของความรักกุ๊กกิ๊กของคนในแผนก เพื่อให้ได้ชุ่มชื่นคอเมดี้หัวใจ
ผิดกับสมัยนี้ ที่ซีรีย์ญี่ปุ่นมุ่งเน้นแต่หลักอุดมคติ หน้าที่นิยม และเป้าหมายวิชาชีพ
เสมือนตัวละครมันไม่มีหัวใจ และวันๆจับเจ่าอยู่กับการติดชะงักปมหลัง
ที่ต้องรอผู้หลักผู้ใหญ่หรือคนไข้มาชี้ทางสว่าง ช่วยถ่ายถอนปัญหาคาปมนั้นทิ้ง
ซึ่งบางปมก็เฉลยกันตั้งแต่ตอนแรก แต่กว่าจะหนีบมันออกมาได้ก็ตอนจบโน้นไปเลย
ต้องเข้าใจว่า ป่วยกายนั้นหมอรักษาเองได้ แต่ถ้า "ป่วยใจ" ด็อกเตอร์จบนอก
ฝีมือผ่าตัดเก่งฉกาจขนาดไหน เป็นต้องเสร็จทุกราย





ถ้าจะนับซีรีย์ภาคชุดที่สร้างต่อเนื่องเกินสิบปี แล้วยังประสบความสำเร็จด้วยดี
ในเรือ่งของเรตติ้งคนดู Kyumei Byoto 24 ถือเป็นหนึ่งในนั้น
(ภาคแรก-? ภาคสอง-๒๐.๒ ภาคสาม-๑๙.๑ ภาคสี่-๑๙.๑ แม้iryu แค่เส้นเฉลี่ย
ยังห่างชั้นกว่าเยอะ) ความจริงอาจถือได้ว่ามัตซุยุกิ ยาสุโกะ
เป็นเพียงนางเอกตัวคั่นชั่วคราวเพื่อให้Kyumei Byoto 24 ภาคสองดำเนินเรือ่งได้ต่อไป
เพราะหลังจากนั้นในภาคสามและสี่ ทางฟูจิทีวียังคงกลับมาใช้บริการนางเอกจากภาคแรก
ซึ่งเล่นโดย "มัตซึชิมะ นานาโกะ" (นักชมซีรีย์คงรู้จักเธอจาก Hana Yori DangoและGTO
และในจีทีโอก็ทำให้เจ๊เธอพบรักกับสามี "ทาเคชิ โซริมาจิ" จนมีบุตรีเบิ้ลไปสักสอง)
ซึ่งกว่าจะสัมฤทธิ์ผลให้ประจักษ์ในฝีมือ กับบทแพทย์สาวโคจิมา คาเอเดะ
ที่ปาจนภาคล่าสุด เมื่อสถาบันTDAAยอมอ่อนใจ เลยยกรางวัล
นักแสดงหญิงยอดเยี่ยมครั้งที่ ๖๒ เฉือนหนูคิตางาวะ เคอิโกะจากBuzzer Beat
ที่คล้ายจะเต็งมา เลยทำให้เคอิโกะจังแก้เกี่ยวไปรับผลโหวตจากNikkan Sportsครั้งที่๑๓ไปแทน






แว้บไปดูคอมเม้นต์ใน Jdorama เจ้าประจำ ดูเหมือนว่า
คนส่วนใหญ่ไม่น้อย จะยกให้ Kyumei byoto 24 Ji ซีซันสองเป็นภาคที่สนุกที่สุด
เพราะจัดซะให้ครบรสสักขนาดนั้น อีกทั้งดาราดังก็ท่วมจอ (ด้วยค่าตัวยังไม่แพง)
เป็นภาคที่เรตติ้งดีที่สุด และยังไม่แต่งสรรปันเรื่องสักอัศจรรย์เกินงาม
(เพราะซีซันสาม หมอชินโดะเตลิดไปไกล หนีไปเป็นหมอยูเอ็นที่อัฟริกา
กลับออกมาก็เผชิญกับแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในโตเกียว จนได้พบกับนางเอกภาคแรกอีกครั้ง
พอซีซันสี่ อิงแตะการเมืองระดับประเทศ เมื่อต้องมามีส่วนรวมกับการยกเครื่องวางแผนปฏิรูป
ระบบแพทย์และพยาบาล) เป็น ER ภาคตะวันออกที่มีไอเดียและวิธีคิด
ที่เข้ากับคนเอเชียได้ดีกว่า โครงเรื่องก็ไม่ซับซ้อนอะไร ไม่เน้นบิ้วอารม์น้ำหูน้ำตาไหล
และตอนจบก็เป็นเรื่องที่น่าจะพอเข้าใจกันได้ว่าจะมาอีหรอบไหน
ยิ่งใครที่เป็นแฟนมัตซุยุกิ ยาสุโกะ คงยิ่งอยากสวดอิติปิโส หวังให้เธอกลับมารีเทิร์นใน
Kyumei byoto 24 Ji ภาค 5 เสียเหลือเกิน



อ้างอิงข้อมูล

Jdorama , wikipedia และ dramawiki




Create Date : 16 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2554 21:16:46 น. 4 comments
Counter : 2896 Pageviews.

 
พระเอกเอกุชิ โยสุเกะนี้ มีซีรีส์เล่นเยอะเหมือนกันนะคะ
แต่ทำไมถึงได้ดูซีรีส์ที่เขาเล่นเพียงเรื่องเดียวก็ไม่รู้
ส่วนนางเอกนี้เรียกว่าไม่เคยดูซีรีส์ที่เธอแสดงเลยค่ะ
ดูจากภาพในเรื่องMotherก็ว่าหน้าเธอนิ่งๆติดจะเฉยชา
แต่ในเรื่องนี้ ดูมีภาพที่เธอยิ้มด้วยนะคะ สวยเชียว
ส่วนเนื้อเรื่องของเรื่องนี้เหมือนผสมผเสระหว่าง
Iryu Team Medical Dragon ,Code Blue และHouse Md.
เพราะลักษณะนิสัยของพระเอกบอกว่ามีพฤติกรรมส่วนตัวขั้นมาร
ซึ่งไม่เข้าด้วยกับพระเอกของ Iryu และCode Blue
แต่ไพล่ไปเหมือนหมอเฮ้าส์ จากHouse Md.มากกว่า
แต่เนื้อหาที่ลงไว้คร่าวๆไปคล้ายกับเรื่องIryu Team Medical Dragon
ส่วนเหตุการณ์ที่ให้เกิดขึ้นก็ให้ไปคล้ายกับCode Blue
ก็เลยอาจพูดได้ว่าเรื่องนี้คงส่งอิทธิพลต่อIryu และCode Blue ได้สินะคะ
แต่เรื่องนี้แปลกดีนะคะที่บอกว่าซีซั่น2 เรทติ้งดีที่สุด
ปกติจะเจอแต่ภาค1 ที่เรทติ้งดีที่สุด แล้วทั้งสี่ภาคนี้
ใช้คนเขียนบท และกำกับคนเดียวกันตลอดเลยหรือเปล่าคะ
หรือว่าแต่ละซีซั่น คนเขียนบทก็คนละคน
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ต้องบอกว่า คนเขียนบทซีซั่น2 นี้ก็คงเจ๋งที่สุด
ส่วนดาราก็บอกว่าซีซั่นนี้จัดหนัก จัดเต็มมากฝีมือทั้งนั้น
แล้วซีซั่นนี้ คว้าTDAA มาได้บ้างหรือเปล่าคะ
เพราะที่ลงไว้เป็นTDAA ของมัตซึชิมะ นานาโกะจากซีซั่น4เท่านั้น


โดย: มะนาวเพคะ IP: 125.24.89.93 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2554 เวลา:22:05:31 น.  

 
อ้าวเหรอ ไม่ได้บอกตัวผู้เขียนบทไว้เหรอคับ?
อืม จะว่าไปในตอนต้นๆ เนื้อเรื่องยังค่อนข้าง
สะเปะสะปะ เพราะระดมมือเขียนบทสิ้นเปลืองมาก
เรื่องหนึ่ง
โดยเฉพาะภาคสองที่นำเสนอ ใช้มือเขียนบทถึงหกคน
แต่ที่เป็นตัวหลักๆ คงจะเป็นฟุกุดะ ยาสุชิ
(ที่เขียนHero,Change,Galileo)
กับฮาชิเบะ อัตสึโกะ (ที่เขียนAround 40,
Fumo Chitai)
แต่พอภาคสามเหลือเพียงฟุกุดะ ยาสุชิ ที่รับเหมาคนเดียว
ส่วนภาคสี่ เรียกว่ายกเครื่องใหม่ทั้งผู้กำกับ
(ที่ใช้เปลืองจนขี้เกียจอ้าง)และคนเขียนบท
ซึ่งมาจากไหนไม่รู้ แว้บไปดูภาคสี่มา
ก็อารมณ์เปลี่ยนอย่างกับคนละเรื่อง
กลายเป็นดราม่าชีวิตที่หนักพอสมควร
ไม่รู้ว่าจะคล้าย House Md.ของฝั่งมะกันรึเปล่า
แต่เรือ่งนี้ ยังไม่ค่อยดิบเท่าไรและพวกสบถหยาบคายไม่มีให้ปรากฎ
ยกเว้นกิริยามารยาทเข้าพรวดไปหนอ่ย
แต่โดยรวม ภาคสองกลมกล่อมครบรส
กึ่งๆทีมประสานแนวๆ Hero เห็นจะได้ รุ่นใหญ่
เขาโคเข้าขากันดี แต่ไม่ตลกฮากลิ้ง
แต่ก็ดำเนินเรือ่งได้อย่างเพลิดเพลินจำเริญดี

คงด้วยเอกภาพในเรือ่งไม่ค่อยจะมั่นคง
จึงดีได้แค่เรตติ้ง แต่ในแง่ถ้วยก็เห็นอย่างที่บอก
ไว้ในบล็อกละครับ ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าคงดีจริง
ถึงทำให้หนูเคอิโกะพลาดไปอย่างไม่น่าจะเป็น


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 16 พฤศจิกายน 2554 เวลา:22:50:00 น.  

 
ทำกันมาตั้ง 4 ภาคแล้วเหรอคะ แสดงว่าของเขาแน่จริง อย่างนี้ IRYU จะคิดแข่งอีกสักภาคไหม แต่อย่าเลย พอเหอะ เพราะถ้าหมออาซาดะไม่มีทางจะพัฒนา เก่งและดีผิดมนุษย์มนาไปมากกว่านี้อีกแล้ว

ดาราหน้าตาคุ้นเคยทั้งนั้นเลย โดยเฉพาะดาราอาวุโส ลุงฟุมิโยะ ที่ดูยังไงก็ดูเป็นคนใจดีตลอด

ซีรีย์ญี่ปุ่นนี่มีเรื่องหมอๆ อยู่เยอะมากจริงๆ นะคะ ดังนั้นเมื่อมีหลายหมอให้เลือก ต้องเลือกหมอหล่อๆ ให้อยู่แถวหน้ามาก่อนอย่าง Tomorrow (55 เน้นหน้าตาอย่างนี้ หมอโคโตะ คงอยู่ท้ายคิวแหงนหน้ารอเก้ออยู่เช่นเคย) แต่ Jin ได้มาวินก่อนใคร เพราะมีแผ่นในครอบครองละ

อ่านพลอตเรื่องนี้ก็ดูไม่ฮีโร่จ๋ามากนัก เหมือนอย่าง IRYU นะคะ นางเอกหน้าตาเป็นผู้ใหญ่ ก็ 30 ใช่ไหมคะ 30 นี่เรียกวัยกลางคนแล้วเหรอ ถ้างั้นเราควรสมมติฐานว่ามนุษย์จะมีชีวิตอยู่ราวๆ 70 ปีนะคะ จะได้เรียกวัยกลางคนตอนอายุ 35 อิอิ

พระเอกคนนี้ก็อีกเช่นเคย ไม่เคยดูเลย แต่เข้าใจเอาเองว่าน่าจะเป็นพระเอกดังมาก่อน เพิ่งดูซีรีย์ญี่ปุ่นมา 3 ปี จึงเหมือนว่าจะไม่ทันยุคของพี่ท่าน แต่ตอนมองหาซีรีย์ในอินเตอร์เน็ตก็จะเห็นหน้าของท่านเกลื่อนจนคุ้นเคย และเข้าใจว่าคงจะฝีมือและเป็นที่นิยมและยังเป็นนักแสดงรุ่นใหญ่ที่จะประดับวงการไปเรื่อยๆ


โดย: prysang วันที่: 28 พฤศจิกายน 2554 เวลา:18:53:57 น.  

 
ความจริงคงเทียบกับ iryu ในแง่เป็นซีรีย์ตระกูล
แพทย์คนละอย่างกัน iryu มันอัศจรรย์การแพทย์ แบบการ์ตูน
แต่ใน Kyumei byoto มันกึ่งซิกคอมเมดิคอล
สนุกสนานจากการพบปะสนทนา มีสถานการณ์เข้ามาข้องเกี่ยว
อยู่บ้าง

ถูกแล้วละครับ เป็นซีรีย์ของคนรุ่นเดอะ
ดูแล้วต้องใช้เซนท์แบบจับกลุ่มคนมีอายุสักหน่อย
เสียดายที่ท่านเกิดโตไม่ทันยุคลุงโยสุเกะนะครับ
ในปี ๙๐ นี้เขาดังมาก เป็นป๋าเบิร์ดของวงการซีรีย์
การันตีเลยว่า เล่นเรื่องไหนเรตติ้งล้วนดีตลอด


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 29 พฤศจิกายน 2554 เวลา:13:10:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.