|
Saikou no Jinsei no Owarikata(Ending Planner) บริษัทส่งเสริมความตายอย่างเป็นสุข
เมื่อสามถึงสี่ปีก่อน หลายคนอาจจะประทับใจกับหนังรางวัลออสการ์สาขาต่างประเทศ อย่าง Departures (Okuribito) ของผู้กำกับโยจิโร ทากิตะ กันมาบ้างแล้ว จากวันล่วงเลย บางท่านอาจจะถวิลหาหนังที่ให้อารมณ์ละมุนลุ่มลึก หรือแม้อยากโดดตึกตาย แต่ก็อยากจะให้ความตายนั้น มีความหมายอะไรสักอย่างสำหรับชีวิต ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น บังเอิญมีข่าวดีต้นปีนี้อยู่อย่างว่า แต่จะว่าไปก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความเป็น Departuresภาคสองแต่อย่างใด เพียงทว่ามันได้มีซีรีย์ญี่ปุ่นอยู่เรื่องที่มีเนื้อหาใกล้เคียง กับความเป็นDeparturesอย่างมาก และที่สำคัญในการดึงดูดคุณสาวๆ เพราะได้ยามาชิตะ โทโมฮิสะ หรือพระเอกยามะพี ที่มักตะล่อนเมืองพัทยาของไทย มารับบททายาทรุ่นลำดับต่อของคนที่มีอาชีพใกล้เคียงว่า "สัปเหร่อ"
Saikou no Jinsei no Owarikata หรือเข้าใจง่ายๆในภาษาสากลว่า Ending Planner เป็นซีรีย์ของค่ายทีบีเอส ที่เริ่มฉายเมื่อต้นเดือนมกราปีนี้ เบ็ดเสร็จรวมสิบตอน เริ่มต้นองค์ประกอบดูดีเชียว เพราะได้ทีมนักแสดงใหม่และเก่ามาผสมกัน และที่สำคัญ หากใครที่ได้ดูแล้วจะรู้เลยว่าซีรีย์เรื่องนี้รับอิทธิพลจากความเป็นDeparturesมาเต็มๆ ที่จะเลี่ยงบาลี ในแบบที่ซีรีย์เกาหลีแอบหยิบเอาพล็อกซีรีย์หมอจินแล้วมาทำเป็นไม่รู้อิโน่นอิเหน่ได้ยาก เมื่อ "ยามะพี" จะต้องมารับบทเป็น พี่ชายคนรองอายุยี่สิบหกของตระกูลอิฮาระ ฮิฮาระ มาซาโตะ ผู้ซึ่งบรับภาระสืบทอดกิจการร้านรับจัดงานศพ (funeral service shop) หลังจากที่บิดาเพิ่งเสียชีวิตลง แม้ประโยคสุดท้ายก่อนตาย จะสั่งเสียให้ลูกๆทำการปิดกิจการร้าน และให้ต่างคนพี่น้อง ต่างเลือกทางเดินเป็นของตัวเอง ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่มาซาโตะ กำลังมีปัญหากับที่ทำงานซึ่งเดิมทีเขามีตำแหน่งใหญ่เป็น ผู้จัดการสาขาที่ต้องมั่นคอยเช็คยอดขายของแต่ละร้าน เพื่อไปสรุปรายงานให้กับทางบริษัทแม่ แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจเงินฝืดและเป้ายอดขายรายเดือนที่สูงขึ้น ทำให้มาซาโตะต้องบีบให้ผู้จัดการร้าน ในสาขาที่ตัวเองรับผิดชอบเร่งทำยอดขายให้เพิ่มขึ้น ไม่อย่างงั้นจำเป็นที่เขาต้องทำการปลดผู้จัดการร้าน คนนั้นออกเสีย แต่ด้วยความที่เขาใจอ่อนโดยยังให้โอกาสกับผู้จัดการท่านนั้น เลยเป็นเหตุให้ทางบริษัทแม่ ลงมาดำเนินงานด้วยการปลดผู้จัดการคนนั้นเสีย แล้วลดตำแหน่งของมาซาโตะจากผู้จัดการสาขา ลงเหลือเพียงผู้จัดการร้านนั้นเเทน เมื่อประจบกับการสูญเสียพ่อไปอย่างกะทันหัน เลยทำให้เขาต้องเลือกระหว่าง การสืบทอดกิจการที่เขาไม่ปลื้มกับหนทางที่ไม่ราบรื่นที่เขาเคยได้เลือกเดิน
Death-That was something that was always nearby.
(ความตาย ช่างเป็นอะไรที่อยู่ใกล้เราเสมอ)
The reason for that was because my family owned a funeral parlor.
(เหตุผลก็เพราะว่าครอบครัวของผมทำธุรกิจร้านจัดพิธีศพ)
365 days a year,24 hours a day. The phone would ring letting us know that somebody had died.
(สามร้อยหกสิบห้าวันในหนึ่งปี ยี่สิบสี่ชั่วโมงในหนึ่งวัน เสียงโทรศัพท์ที่ดังระหม เพื่อบอกเราให้รู้ว่า มีใครสักคนเพิ่งตายจากไป)
เหตุที่มาซาโตะไม่ปลื้ม เพราะเนื่องจากตัวมาซาโตะกับพ่อไม่กินเส้นกันมาแต่ไหนแต่ไร จนถึงขั้นแตกหัก เมื่อเขาขอเลือกทางเดินสำหรับชีวิตตัวเองมากกว่าการสืบทอดกิจการร้าน ที่ตัวเขามักจะถูกเพื่อนๆล้อมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งก็มิใช่มาซาโตะคนแรกที่คิดจะแยกทาง เพราะก่อนหน้าพี่ชายคนโต อิฮาระ เคนโตะ (แสดงโดยโซริมาจิ ทาเคชิ จากBeach Boys และGTO) ก็ได้หนีออกจากบ้านจนขาดการติดต่อ เพื่อสานฝันธุรกิจบาร์เหล้าที่เขาเคยใฝ่ฝัน ดังนั้น ในช่วงที่พี่ชายคนโตและพี่ชายคนรองหาทางเดินให้กับชีวิตตนเอง ภาระความช่วยเหลือที่เหลือ จึงต้องตกกับน้องลำดับที่สาม อิฮาระ ฮารุกะ (แสดงโดยมาเอดะ อัตสึโกะจากQ10,วงAKB48) ที่แม้จะพิการทางการเดินเพราะประสบอุบัติเหตุตั้งแต่เล็ก แต่ก็เป็นลูกมือเพียงคนเดียวที่ช่วยเหลือพ่อ ในตอนที่พี่ๆไม่อยู่ และการเลือกสืบทอดกิจการจึงเป็นเหตุให้ฮารุกะไม่ค่อยมีความเชื่อมั่นทั้งการออกเดท และการเข้าสังคม นอกจากนั้นครอบครัวตระกูลอิฮาระ ยังประกอบด้วยน้องชายอีกคน อิฮาระ ฮายาโตะ (แสดงโดยชิเนน ยูริ จาก1 Pound no FukuinและวงHey!Say!JUMP) นักศึกษามหาลัย และมีแฟนที่กำลังคบหาดูใจ ดูเหมือนว่าหากจบการศึกษาเมื่อไรเขาก็จะเลือกไปประกอบสัมมาอาชีพ ที่ไม่ใช่กิจการร้านตามแบบพี่ชายทั้งสอง ส่วนน้องสาวคนสุดท้อง อิฮาระ โมโมโกะ (แสดงโดย โอโนะ อิโตะ จากNankyoku TairikuและKokosei Restaurant) เรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย ไปแอบรักกับอาจารย์ซึ่งมีครอบครัวแล้ว มักจะเป็นคู่ปากคู่ปรับกับพี่สาวคนโตฮารุกะเสมอ เป็นต้องสาดอักขระโมแป้งใส่กันทันที เป็นต้องสร้างความเวียนเกล้าให้ผู้ชายในบ้านเสมอ ดังนั้นในแต่ละตอน จึงเป็นเรื่องของการอิงทรัพยากรบุคคลโดยมักจะเป็นประเด็นวนเวียน ที่ไปเกี่ยวข้องของคนสนิทที่บรรดาพี่ๆน้องๆได้เข้าไปเกี่ยวข้อง จนต้องมีอันเป็นไปตามกาล และการตายของคนที่รู้จัก ก็จะเข้าไปมีผลกระทบต่อความรู้สึก ประสบการณ์และเป็นเครื่องชี้สอน ไปสู่การก้าวข้ามความเป็นผู้ใหญ่ ส่วนไอ้ที่ใหญ่อยู่แล้วก็จะนำไปสู่การบรรลุธรรมที่สูงขึ้นตามวุฒิภาวะ สุดท้าย ............ก็นำมาสู่การประสานจากเดิมที่ระหองระแหงไม่กินแหนงแคลงใจในวงพี่น้อง ให้รู้สึกอยากที่จะผูกพัน ก่อนที่วันเวลาชีวิตอันแสนสั้นนั้นจะเวียนมาถึง ตราบใดที่ความตายทุกลมหายใจ มันได้เฉียดเข้าใกล้แค่เพียงมีสติระลึกถึง และสิ่งหนึ่งที่ดีที่สุด คือ การที่มีความตายได้ปรากฎอยู่ในเบื้องหน้านั้นเอง จึงเข้าข่ายกับสำนวนตามอาชีพ ไม่เห็นโลงศพ-ไม่หลั่งน้ำ ........................
กระนั้น แม้ฟังพล็อกเรื่องและดูทรงแบบไม่ต้องเข้าร่าง มันก็ชวนให้นึกว่าซีรีย์เรือ่งนี้ คงจะมาแนวดราม่าหนักๆอิงน้ำตาสุดซึ้งในแนวกุสลาธัมมาฯ ตามขนบวิธีแบบDepartures แต่เอาเข้าจริงแล้ว ถึงมีอยู่บ้างก็เป็นส่วนน้อยเพราะจะว่าไป ซีรีย์เรือ่งนี้ก็มาตามสมัยนิยม คือมาในแนวตำรวจสอบสวน (Detective Police) เพียงแต่อาศัยเงื่อนไขในภาคบังคับ ที่ทุกๆงานประเภทนี้ จะต้องมีอาชีพตำรวจเป็นตัวตั้งในฐานะผู้มีอำนาจการจับกุมอันชอบธรรม (ส่วนจะออกทำงานแล้วสัมฤทธิ์ผลรึไม่อีกเรื่องนึง) เพียงแต่เรื่องนี้ตำรวจดูเป็นพระเอกน้อยไปนิด ซีรีย์เขาใจปล้ำ ยกให้เป็นนางเอกของเรื่องซึ่งแสดงโดยนางเอกหน้าใหม่ "อิเอะกุระ นานะ" ในบทของเจ้าหน้าที่ตำรวจสาวซากามากิ ยูกิ จะว่าใหม่เลยก็ไม่ใช่ เพราะอยู่วงการนานกว่าสิบปี เพียงแต่เธอมักจะได้รับบทรองๆ ก่อนที่ช่วงปีสองปีมานี้จะถูกเข็นให้รับบทเด่น นานะเธอเคยมีดีกรีเป็นนักแสดงสมบทยอดเยี่ยมจากการโหวตของNikkan Sports Drama Grand Prix จากเรื่องProposal Daisakusen ซึ่งยามะพีก็ร่วมเล่น (เพียงแต่อ้ายหมอนี้หน้าตาดีดีกรีนักร้อง เลยได้เกิดเป็นพระเอกเร็วกว่าชาวบ้านอยู่หน่อย) แต่ความที่บทตำรวจสาวยูกิดูต๊องๆบ๊ะเหรอะบ๊ะเหร๋อ ก็เลยไม่ได้ช่วยอัตราการเร่งให้ชวนลุ้นให้แจ้งเกิดสักเท่าไร จะว่าไปกลับถูกพี่น้องครอบครัวอิฮาระ กลบกินเรียบสักมากกว่า
All people are bound to die one day, so it makes you wonder why we are even born.
(คนทุกผู้ทุกนามที่ผูกพันย่อมตายไปสักวัน มันจึงทำให้เราหันมาสงสัยว่าทำไมเราจึงเกิดมา)
กระนั้น ........................ ซีรีย์ก็ไม่ได้ถ่ายน้ำหนักไปให้กับฝ่ายตำรวจเป็นใหญ่ แต่จะขนานกันไปกับการช่วยแคะแกะเกา เพื่อเชื่อมค้นหาปริศนาการตายของคุณลูกค้า ซึ่งจะช่วยอวยอานิสงส์นั้นในการสร่างคดี ให้กับฝ่ายตำรวจไปอีกทาง จะว่าไปคดีก็ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมากเป็นเรื่องที่เข้าใจได้โดยง่าย เพราะเป้าหมายของซีรีย์เรื่องนี้ เขาเน้นสายดราม่าน้ำแตกตกใน ซึ่งจะว่าไป มันก็ไม่ได้ลูกอารมณ์ดราม่าเข้มข้นสักเท่าไร ออกจะเรียบๆพื้นๆทั่วๆไป ซึ่งการมาแนวสืบสวน สำหรับเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรให้หักมุมมากนักในแบบซีรีย์นักสืบเรื่องอื่นๆ แต่เจ๊มือเขียนบท "วาตานาเบะ ชิโฮะ" เธอคงดูจับจุดซีรีย์ความเฟ้อไอ้แนวพวกนี้ แล้วเกิดความสงสัยขึ้นว่า "แทนที่เราจะมั่วไปสรรค์สร้าง อัจฉริยะอาชีพที่คิดทำงานแทนตำรวจ ทำไมเราไม่มาใส่ใจเจ้าหน้าที่หน่วยบรรจุหีบห่อของหลักฐานชั้นต้น อย่างสัปเหร่อเคลื่อนที่ดูบ้าง" ว่าแล้วเธอก็คงจัดแจงเรื่องราวก่อนจะมาเป็นSaikou no Jinsei no Owarikata
แต่สุดท้าย ...........................เธอคงต้องยอมรับอย่างดุษฎีที่ว่า คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงข้อครหาที่ว่าหลอกบทDeparturesมาเห็นๆ ดังนั้นทางทีบีเอสสถานีที่ถ่ายทอดคงเห็นว่า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว คงเลี่ยงในเชิงกระทบนี้ไปไม่ได้ สุดท้ายก็เลยจำต้องอัญเชิญปู่ยามาซากิ ทซึโตะมุ ในฐานะที่เคยรับบทเด่นจากหนังเรื่องDepartures ในบทของเจ้าของร้านงานศพNK Agent มาร่วมแจมในบทปู่ปริศนา อิวาตะ อิทสึโอะ ที่มักจะมาสอนปรัชญาชีวิตให้กับพระเอกมาซาโตะ บริเวณสวนริมหลังบ้านของทุกตอนท้ายเรื่อง ซึ่งมาซาโตะก็หลงเชื่อไปนานสองนานว่าวัยปู่ก็ปานนี้ สงสัยแกคงเป็นเพื่อนพ่อแน่เลย แต่เมื่อซีรีย์เรื่องนี้มาเล่นกับชีวิตหลังความตาย คงพอเดากันออกนะว่าปู่อิวาตะคนนี้ย่อมไม่ธรรมดา แม้จะเป็นการกลับมาร่วมงานระหว่างปู่ทซึโตะมุกับยามะพีอีกครั้ง หลังจากเคยได้ร่วมงานเมื่อหกปีที่แล้ว ในซีรีย์อาชญกรพันหน้าKurosagi และอายุบัดนี้ก็ล่วงเจ็ดสิบห้าแล้ว จึงไม่ค่อยมีโอกาสรับงานถี่เท่าไร การได้ดูปู่ทซึโตะมุเล่น ก็ถือเป็นกุศลบุญอย่างยิ่ง คิดว่าคงจะเล่นได้อีกไม่นานเท่าไร อันนี้ไม่ได้แช่ง แต่ธรรมเนียมอายุขัยใกล้ฝั่งอย่างนี้เขามักเฟดตัวเองไปเลี้ยงหลานอยู่กับบ้านมากกว่า เหมือนทกับครั้งหนึ่งที่คุณยายเซนคุกุ โนริโกะ เฟดตัวเองหันหลังให้กับวงการบันเทิง เลยไม่เห็นยายแกมารับบทในหมอโคโตภาคสองในบทยายแก่เหี้ยวๆ ปล่อยให้คนดูคอยเล่นสักงั้น
เมื่อกล่าวโดยภาพรวมแล้ว Saikou no Jinsei no Owarikata เป็นซีรีย์ที่แนวคิดผสมผสานแหวกดี โดยจับประเด็นเรื่องมรณสติและกฎไตรลักษณ์ ที่่เป็นจุดแข็งแบบแนวคิดตะวันออก จึงทำให้มีทั้งคำคมดีๆ และข้อคิดในเรื่องสัจธรรมของชีวิตที่พลิกผัน ทั้งความไม่เที่ยงของชีวิต การจากไปของคนที่รัก กับ ความรักของคนที่ถูกพลัดพราก ความรู้รักสามัคคีของพี่น้อง การดำรงอยู่ของความต่อเนื่องในวิถีของตระกูล เพียงแต่ว่า จากเท่าที่ฟังคอมเมนต์มา(ซึ่งตอบรับไม่ค่อยดีอย่างที่หวัง)มาซีรีย์บิ้วจุดซึ้งได้ไม่ถึง พอไปได้ไม่สุด จะพลิกมาให้สนุกก็ทำไม่ได้ ทั้งๆที่โครงสร้างของเรื่องดูแข็งแรง ทั้งทีมหน้าตานักแสดง โปรดักชั่น องค์ประกอบฉากและเสน่ห์เฉพาะแบบญี่ปุ่น อารมณ์ของซีรีย์ก็เล่าเรื่องไปแบบเรียบๆ อยู่ในทิศทางเดียว ความน่าติดตามในความเป็นปริศนาก็ทำงานได้ระดับหนึ่ง ชวนให้สงสัย แต่ไม่ถึงขั้นต้องรู้ให้ถึงที่สุด และที่สำคัญที่ดูจะขาดแบบสู้เรื่องอื่นไม่ได้ คือ ความรู้สึกเอาใจช่วยตัวละครแบบที่ซกมก แต่ตอนห้าตอนหกกลับเอาใจเลือกข้างเฉยเลย เเปลก~! เรื่องนี้กับไม่ปรากฎ แม้จะได้พลังป๊อปสตาร์จากยามะพีหรือมาเอดะจังแล้วก็ตาม จะไปได้ตัวละครที่ครึ่งเรื่องแรกบทบาทไม่ค่อยเยอะ แต่มาเก็บกินโดดเด่นกว่าตัวน้องๆ ซึ่งจะเป็นใครไม่ได้นอกเสียจากพี่ใหญ่ ที่แสดงโดยพี่โซริมาจิของเรา ทำให้เห็นสัจธรรมว่า ความเก๋่า..............ย่อมเป็๋นสิ่งพึ่งพาได้เสมอสำหรับการริจะปลุกปั้นสตาร์เจเนเรชั่นหนึ่ง แต่ยังปรารถนารับการการันตีในเชิงคุณภาพ ซึ่งบางทีคนรุ่นเล็กอาจจะการันตีได้ไม่ถึง ที่ทำให้ "ความเป็นดราม่า" ยังพอให้รับการอ้างถึง แม้กว่าครึ่งจะโดดการแสดงหน้าตายปกคลุมเกือบตลอดก็ตาม
Even if those people are gone.There're still many traces of them left. The item,money or the proof of his life.
(ถึงแม้ว่าผู้คนต้องตายจาก เหลือทิ้งไว้ซึ่งทรัพย์สิน เงินทองและสิ่งที่พิสูจน์ว่าเคยมีชีวิตอยู่)
On the other hand.After we die.We can't bring anything with us.
(ตรงกันข้าม หลังจากที่เราตายไปเราไม่สามารถนำสิ่งของพวกนี้ไปกับเราได้
That's what l thought .For first time. Feel the love from others.l've a promotion. Even after l die,l'll being this feeling with me to heaven.
(แต่มันทำให้ผมคิดได้ว่า หากเป็นได้จริงในอันดับแรกผมจะมอบความรักนี้ให้กับคนทุกคน จนหลังจากที่ผมได้ตายไป ผมจะนำความรู้สึกนี้ไว้ไปพร้อมกันในสวรรค์)
เมื่อดูจากต้นจนจบ ผู้เขียนรู้สึกว่า "ความตาย" สำหรับคนญี่ปุ่นแล้ว ก็มีความคิดเห็นไม่แตกต่างจากสภาพสังคมไทยเท่าไรนัก ยังเต็มด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ เป็นสิ่งสกปรก เป็นโลกที่แตกต่าง การหยิบมาพูดถึงเป็นเรื่องอัปมงคล แม้แต่คนที่มีอาชีพเกี่ยวข้อง ก็ถูกมองแบบเหยียดไม่ต่างกัน แต่ขณะเดียวกัน มันก็กลายเป็นสิ่งที่สำมะคัญแบบที่ขาดเสียไม่ได้ เป็นหลักประกันชั้นต้นประการหนึ่งที่แสดงถึงความเคารพต่อผู้ที่จากไป เป็นเรื่องหน้าตาทางสังคม และเป็นการประสานเครือข่ายย่อยๆส่วนบุคคลของผู้ที่รู้จักมักเคย แม้จะเคยบาดหมางไม่เผาผีกันก็ตาม แต่การขอขมาลาโทษยามที่จาก ก็ลบล้างความรู้สึกผิดในรูปของอัตตาแม้ว่าจะไม่อาจพูดได้ตอนที่ยังเป็นๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องของความสัมพันธ์ความขัดแย้งระดับบุคคลต่อบุคคล แต่เป็นเรื่องของความขัดแย้งในจิตใจ ดูไปก็ไม่ต่างจากการของอโหสิกรรมแบบชาวพุทธสักเท่าไร เพียงแต่คนญี่ปุ่นดูจะข้องแวะกับความเป็น รูปแบบพิธีกรรมมากกว่าหลักความเชื่อทางศาสนา หรือจะพูดว่าศาสนาจะมีคุณค่าต่อคนญี่ปุ่น ก็ต่อเมื่อมีใครสักคนได้ซี๊ม้องเท้งเป็นที่เรียบร้อย ขณะเดียวกัน"ความตาย" ก็เป็นเสมือน การเปลี่ยนรูปจากตัวตนหนึ่งไปสู่ภพหนึ่ง ไม่ได้เป็นแนวคิดแบบ "สิ้นสุด" แบบในแนวอุจเฉททิฏฐิ (ความเห็นว่าขาดสูญ) แต่เริ่มต้นที่ไหนแล้วจะไปสิ้นสุดเมื่อไร ดูจะไม่เป็นคำตอบสาระสำคัญอะไร (แม้แต่เรื่องนี้ "พระ" ในแง่สมณบุคคลก็ไม่มีปรากฎโผล่ให้เห็น กลายเป็นกิจกรรมที่เป็นตัวเชื่อม ระหว่างผู้ตายกับเครือญาติและบริวารของผู้เป็นแทน) เหมือนเพียงแค่รู้ว่า โลกนี้เป็นเพียงแค่ภพผ่าน ดังนั้นเมื่อดูจนจบผู้เขียนก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่า นี้เป็นซีรีย์ที่มาสนับสนุนเสริมสร้างกำลังใจในการมีชีวิต หรือปลดปลงความคิดเพื่อมิให้ยึดติดถือมั่น เพราะมันสำคัญอยู่ที่การตั้งคำถาม เพื่อให้คนดูนั้นแสวงหาคำตอบกันเอง ซะอย่างนั้น........
อิงข้อมูลจาก
Dramawiki,Tokyohive,Dramacrazy
อิงภาพจาก
Dramacrazy
Create Date : 23 พฤษภาคม 2555 |
Last Update : 3 กรกฎาคม 2555 19:05:16 น. |
|
5 comments
|
Counter : 4618 Pageviews. |
|
|
|
โดย: prysang วันที่: 23 พฤษภาคม 2555 เวลา:18:43:44 น. |
|
|
|
โดย: มะนาวเพคะ IP: 101.51.188.54 วันที่: 25 พฤษภาคม 2555 เวลา:19:56:18 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งกระเด้ง (lovelyging ) วันที่: 28 พฤษภาคม 2555 เวลา:21:02:04 น. |
|
|
|
โดย: Discount Oakley radar IP: 94.23.252.21 วันที่: 3 สิงหาคม 2557 เวลา:17:44:05 น. |
|
|
|
| |
|
|
น่าสนใจตรง ยามะพีเล่นนี่แหละค่ะ..
แล้วทำเป็นDVDแล้วหรือยัง..?
จะได้ไปหาตามคลองถม หรือสีลม..
ขอบคุณที่แนะนำนะค่ะ
ขอให้มีความสุขมากๆในทุกๆวันนะค่ะ