A ........ Z
Group Blog
 
All blogs
 
Miporin no Ekubo ลักยิ้มของมิโบริน



Miporin no Ekubo เป็นซีรีย์ชุดพิเศษที่ทางค่ายNTV นำมาฉายปลายปีที่แล้ว
โดยอ้างอิงจากเหตุการณ์จริงในปี๒๐๐๓ เป็นเรื่องของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ "โอกาซากิ มิโฮะ"
ซึ่งป่วยด้วยโรคleukemia ในวัยเด็ก และพัฒนาการกลายเป็นเนือ้งอกในสมองในเวลาต่อมา
จนกระทั่งได้เสียชีวิตในที่สุด โดยก่อนที่เธอกำลังจะตาย
เธอได้ทิ้งโปสการ์ดภาพ ที่เธอได้รวบรวมสะสมผ่านการวาดของเธอเอง ไม่น้อยกว่า 359 รูป
เพื่อบอกเล่าจินตนาการ ความฝันและแรงปรารถนาสุดท้าย ในช่วงที่เธอยังมีชีวิตอยู่





Miporin no Ekubo อันหมายถึง "ลักยิ้มของหนูมิโบริน"
เป็นซีรีย์แนวดราม่าแฟมีลี ที่มีอารมณ์ประมาณคล้ายกับซีรีย์รุ่นพี่อย่าง 1 Litre no Namida
ของค่ายฟูจิทีวี แต่เป็นภาคที่ผู้เยาว์กว่า เพราะใน Miporin no Ekubo บอกเล่าถึง
บุตรีคนสุดท้องของครอบครัวโอกาซากิ ที่ประกอบไปด้วยบุตรีสองคน คือ
"มินามิ" ในฐานะที่เป็นพี่สาว (ที่แสดงโดย ฟุคุดะ มายูโกะ)
และ "มิโฮะ" ในฐานะน้องสาวคนเล็ก (แสดงโดย คิมูระ นามาซึ)
เด็กน้อยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม และมีมุมมองชีวิตอย่างรื่นรมย์
แม้ว่าเธอจะเหลือเวลา ในอีกเพียงแค่หนึ่งปีที่จะใช้ชีวิตร่วมอยู่กับครอบครัวของเธอ
หลังจากถูกพบว่า มีอาการเนื้องอกที่สมองในขั้นระยะสุดท้าย ต่อจากนี้ที่เหลือจึงเป็นเรื่องของ
การทำในทุกวิถีทางของคนเป็นพ่อเป็นแม่ ที่พยายามจะยื้อรักษาชีวิตของลูกสาวไว้ให้นานที่สุด
โดยไม่ทำให้บรรยากาศแบบเดิมๆ ภายในบ้านต้องแปรเปลี่ยนไป แม้รู้ว่าใครบ้างคน
อาจจะต้องจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ






This is my Dad,Having a dubious personality.
Once he gets an interest in something he'll go out
and buy into it without thinking about the consequences.

(นี้แหละ พ่อของฉัน ท่านเป็นคนมีบุคลิกขี้สงสัย หากได้สนใจอะไรสักอย่างแล้ว
เขาจะเป็นคนทุ่มสุดตัวและซื้ออะไรแบบไม่คิดหน้าคิดหลังเสมอ)


This is my Sister,She studies the mandolin and
is very good at it.But sometimes she treats me like
a child,and that's problem.

(คนต่อไปพี่สาวของฉัน หลอ่นกำลังเรียนเครื่องสายแมนโดลินอยู่
และดูเหมือนว่ากำลังจะไปได้สวย แต่บางครั้งหล่อนก็ชอบกระทบกระเทียบฉัน
ทำยังกับว่าฉันไม่รู้จักโต นี้ละปัญหา)


This is my mom,unlike my dad,she's a firm realist
that's why she and dad are always fighting.
I wonder why these two got married?

(คนนี้ก็แม่ของฉัน ท่านไม่เหมือนกับพ่อของฉันเอาซะเลย
เธอเป็นคนจริงจังมั่นคง และนั้นก็เป็นเหตุให้แม่กับพ่อ มีวิวาทะกันอยู่เป็นประจำ
มักทำให้ฉันตั้งคำถามว่าทำไมนอ? สองคนนี้ถึงมาแต่งงานกันได้อย่างไร)






ความน่าสนใจของ Miporin no Ekubo นอกจากสร้างมาจากเรื่องจริงแล้ว
ทีมนักแสดงในส่วนเฉพาะของครอบครัวโอกาซากิ ก็ถือว่าใช้บริการระดับเจ้าฝีมือ
"นางาเซะ โทโมยะ" ในบทของพ่อ ที่คราวนี้ไม่ได้มาทำท่าตลกฮาทะเล้นแบบเคยๆ
ตรงกันข้าม ต้องมารับบทหัวหน้าครอบครัวที่กำลังจะสูญเสียลูกสาวคนเล็ก
พร้อมกันนั้น ก็ต้องให้กำลังใจภรรยาที่ไม่อาจรับความเปลี่ยนแปลงแบบกะทันหัน
อาจจะเป็นบทดราม่าที่หนักที่สุดในชีวิตของโทโมยะ ก็เป็นไปได้
(เพียงแต่ว่า ผู้เขียนยังดูมาไม่ครบ จึงไม่อาจจะขอฟันธงใน ณ ที่นี้ได้)
ส่วนบทของแม่ก็ใช่ยอ่ย ได้ "เรียวโกะ ฮีโระสุเอะ" แค่ชื่อก็รับประกันในฝีมือ
นึกแล้วก็ใจหาย ยังจำคุณน้องในบทสาวแก่นจาก beach boys และ Long Vacation
พอมาบัดนี้ ต้องหันมาใช้บริการคำใหม่ อย่าง "คุณแม่" เสียแล้ว
ใน Miporin no Ekubo จึงเป็นการกลับมาโชว์ฝีมือตัวแม่ หลังจากที่เทียวกั๊กเทียวปล่อย
จากซีรีย์ค่าย NTV นี้แหละ ใน Yasuko to Kenji แล้วรู้สึกเขาเอาเรียวโกะ
มา "ทำป้า" อะไรในร้านดอกไม้ละเนี่ย!!





ในขณะที่ ตัวคุณน้องจริงๆ อย่างบุตรสาวสองคน
มีคนหนึ่ง ที่ผู้เขียนมุ่งมั่นปฏิญานมาตั้งแต่ครั้งที่ได้ติดตามซีรีย์ Q10 เมื่อต้นปี
แล้วรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อน จนขอปวารณาตามติดในงานชิ้นอื่นๆ ซึ่งครั้งก่อนโน้นโอดไปว่า
ผ่านตามาตั้งหลาย แต่จำคุณเธอไม่ได้สักกะที มาครั้งนี้
"ฟูกูดะ มายูโกะ" เธอรับบทเป็นพี่สาวคนโต จะว่าไปถือเป็น "บทกลางๆ" ที่ดูจะเป็นตัวละครลอยๆ
เพราะความโดดเด่นเกือบทั้งหมด ดันไปตกใส่ในตัวละครน้องคนเล็ก "มิโบริน"
อันเป็นนามแฝงของผลงานโปรการ์ดภาพ (poscard-picture)
ซึ่งเป็นผลงานที่สะท้อนความมีพรสรรค์ทางการวาดภาพ ที่ต้องอาศัยความมุ่งมั่น
ใส่จินตนาการและมุมมอง ในการมองโลกที่แตกต่างจากคนอื่นทั่วไป
ทีมงานเขาก็ช่างคัดเด็ก จนได้หนู "คิมูระ ทากาซึ" ที่ดูจะเปิดฤกษ์จากเรื่องนี้
(ปท.นี้เขามีทรัพยากรเยาวชนดีๆ ทยอยมาอยู่เรือ่ยๆ จนผู้เขียนแทบจะใช้
สายตารับเลี้ยงต๊อยไม่ทัน ไหนจะหนูโนโซมิ จากซีรีย์ shiroi haru
และไหนจะนอ้งหนูยูกิ จาก Flowershop without Roses อีก)
ซึ่งทำให้เชื่อได้ว่า แม้คนดูจะไม่เคยรู้จักตัวจริงของมิโบรินเลยมาก่อน
แต่ซีรีย์ ก็ทำให้มิโบรินกลายเป็นบุคคลเด็กที่น่าจดจำ ในวีรกรรมน้อยๆ
ที่ร้อยเรียงสิ่งละอันพันละน้อยในความคิดแบบเด็กๆ ที่อ่อนเยาว์ ไร้เดียงสา
และเต็มไปด้วยอิสระในจินตนาการในโลกกว้าง แม้ตลอดชีวิตของเธอกว่าครึ่ง
จะนอนอยู่บนเตียงแคบๆ และทุกข์ทรมานจากโรคร้ายที่รอวันคร่าชีวิตอยู่ทุกเวลา






All l saw at that time was the ceiling
For me,each of the squares
......was like looking out a tiny window.

(ทุกครั้งที่ฉันมองขึ้นบนเพดาน สำหรับฉันแล้วในทุกๆแผ่นฝา
มันเหมือนกับการได้มองผ่านเข้าไปในกรอบหน้าต่างเล็กๆ)






ถ้าวัดกันในเชิงปริมาณความเป็นดราม่าแล้ว Miporin no Ekubo ให้ปริมาณความเป็นมวลสาร
เมื่อเทียบกับ 1 Litre no Namida ต้องถือว่ามีปริมาณที่อ่อนกว่ามาก
สืบเนื่องจากผู้กำกับ "ซาโต้ โทยะ" เลือกเสนอมุมมองในโลกทัศน์ทางบวกสำหรับทุกตัวละคร
ไม่ว่าจะเป็น คนในครอบครัวโอกาซากิ (แม้คุณแม่จะปี๊ดแตก แต่คุณพ่อท่านก็ประคองให้กำลังใจเสมอ)
พี่สาวที่ทำท่าว่า พ่อแม่จะไม่รักโดยไม่ใส่ใจงานแสดงประจำปีในฐานะมือโซโล่แมนดาริน
แต่พอรู้ถึงชะตากรรมของนอ้งสาว ก็เข้าใจอะไรๆที่ดีขึ้น (ซึ่งซีรีย์ก็ลากให้กว่าจะรู้ ก็นานพอสมควร)
ไม่เว้นแม้กระทั่ง ทางคุณหมอที่ต้องเออออห่อหมกไปตามสภาพ เพราะทางครอบครัว
อยากจะให้มิโบรินจดจำช่วงเวลาแห่งความสุขครั้งสุดท้ายในการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่
เรียกได้ว่า "พลังครอบครัว" ช่างอุดมอบอุ่นเสียจนทำให้โศกนาฎกรรมเศร้าๆ
เป็นเรื่องสุดวิสัยในโชคชะตา เท่าที่ครอบครัวหนึ่งจะสามารถประคองรักษาเอาไว้ได้
จนมาถึงประเด็น ที่ทางซีรีย์พยายามลาก เพื่อที่จะต้องการนำเป็นจุดขาย นั่นคือ
"จดหมายภาพ" (poscard-picture) ในฐานะที่เป็นเครือ่งมือที่มิโบรินพยายามสื่อสาร
กับโลกภายนอก ผ่านงานศิลปะที่เป็นพรสวรรค์พิเศษด้วยทัศนะมองโลกในมุมที่สนุกสนานไปกับชีวิต
และความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาในช่วงของวัยเด็ก เป็นความน่าถนุถนอมเสียจน
ความเป็นจริง บางทีก็โหดร้ายเกินกว่าที่จะไปให้รับรู้ในช่วงชีวิตที่ยังไม่ถึงการบรรลุนิติภาวะ
ดีหน่อยที่ผกก.โทยะ แกอาจเป็นผู้กำกับที่เก่งในการเล่าเรื่องให้สนุก (อาศัยจากที่เคยสังเกต
จากซีรีย์ Gokuzen ,Haken no Hinkaku ,Sexy Voice and Robo )
แต่ในแง่การขยี้ผ่านสัญลักษณ์ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมอันร้ายกาจจุดหนึ่งของหนังญี่ปุ่น
ผลก็เลยนำมาสู่ตอนจบที่รู้ว่าไอ้จม.ภาพนี้มาแน่ แต่ในแง่การออกฤทธิ์แล้ว
ออกจะละมุนละไม-ปรานีประนอม ที่เน้นการซึมซับมากกว่าที่จะซับน้ำตา
แต่ถ้าไปตกในมือของผู้กำกับ มุราคามิ มาสาโนริ จาก 1 Litre no Namida
อันนี้ก็ไม่แน่ว่าจะพล็อยน้ำตาร่วงได้หนักหน่วงสักแค่ไหน





Poscard-picture : Instead of just sending a postcard,
people are increasingly drawing their own.
Instead of making a diary.

(โปสการ์ดภาพ สามารถใช้แทนการส่งจดหมายได้
ผู้ใช้ยังสามารถเพิ่มเติมด้วยงานศิลป์ด้วยตัวเอง
อีกทั้งยังสามารถใช้แทนเป็นไดอารีได้อีกด้วย)







เสน่ห์ของซีรีย์ญี่ปุ่นอย่างหนึ่ง คือ ในแง่การเชิดชูวีรบุรษ หรือวีรสตรี (Hero or Heroine)
ไม่จำเป็นจะต้องสโค้ปอัตชีวิประวัติท่านเจ้าสัว หรือแม่ทัพนายกองคลั่งชาติแต่ประการเดียว
แต่ยังมีพื้นที่ให้สำหรับคนธรรมดา คนเล็กคนน้อย โดยเฉพาะยุวชนใฝ่ดี ใฝ่สร้างสรรค์
ไม่ย้อท้อต่ออุปสรรคโรคาพยาธิ อดทนสู้อุตสาห์ต่อความเจ็บไข้ ใช้ชีวิตแต่ละวินาที
ที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่า และเป็นตัวอย่างให้กับคนปกติสองมือสองเท้า ที่เจ็บนิดอะไรหน่อย
ก็โอดครวญโอ้ยว้ายไม่เข้าท่า แต่ใช่ว่าชีวิตของคนธรรมดาทุกคน
จะสามารถหยิบคว้าเอามาทำเป็นหนังเป็นละครกันได้ อย่างน้อยๆ ก็ต้่องมีหลักประกับางอย่าง
ให้เห็นเป็นรูปธรรมอยู่บ้าง อย่างใน1 Litre no Namida จะให้อายะโลดแล่นหน้าจออยู่ได้
ก่อนหน้ามันก็มีหนังสือไดอารี ที่ชื่อ "A Diary of Tears" ก็มียอดจำหน่ายจนเป็นที่รู้จักปากต่อปาก
ของบรรดาสิงห์่นักอ่าน ถึงชีวิตของเด็กสาววัยสิบห้า ที่เผชิญกับโรคspinocerebellar Degeneration
ใน Miporin no Ekubo ก็เช่นกัน อย่างน้่อยนิทรรศการ "โปสการ์ดภาพ 359ภาพ ลักยิ้มของมิโบริน"
(Mipolin Dimple:Publication commemoration Okazaki Miho Drawing Exhibition 359 Letter)
ก็เป็นตัวจุดฉนวนให้สาธารณะภายนอกรู้จัก ศิลปะเล็กๆแต่ยิ่งใหญ่ในจิตใจของผู้คน
มิใช่เที่ยวไปเดินดักรอ ขอความเมตตาจากสถานีผู้สร้างแบบหน้าซื่อๆสักเมือ่ไร




ทางเว็บไซด์ของซีรีย์เรือ่งนี้ เขายังได้รวบรวมภาพวาดที่น้องหนู โอกาซากิ มิโฮะ
หรือ มิโบริน ฝากเอาไว้ก่อนลับจากโลกนี้ไปอย่างสงบ ซึ่งเป็นผลงานภาพคัดสรร
จากจำนวนสามร้อยกว่าชิ้นอย่างที่บอก ผ่านความยินยอมพร้อมใจของทางครอบครัวเอง
ที่ประสงค์จะแบ่งปันจินตนาการความฝัน ในยามที่เธอยังสามารถจับดินสอสี
ลุกขึ้นมาเขียนได้ ก็แนะนำให้ลองเข้าตามลิงค์ official site ของ NTV ละกัน........




//www.ntv.co.jp/24h/contents/drama2010/letter/index.html




........................................................


อวยข้อมูลโดย

d-addict.com และ NTV website





Create Date : 03 กรกฎาคม 2554
Last Update : 29 ตุลาคม 2555 17:02:31 น. 2 comments
Counter : 2280 Pageviews.

 
อ่านแล้วสะเทือนใจค่ะที่บอกว่าเธอทิ้งโปสการ์ด
ที่บอกเล่าถึงจินตนาการ ความฝันและแรงปราถนาของตัวเองไว้
ก่อนที่จะเสียชีวิต ฟังดูแล้วชีวิตโหดร้ายจัง
ชื่อเรื่องความหมายดีนะคะ"ลักยิ้มของมิโบริน"
แต่คิดว่าจะดีกว่านี้ถ้าใช้ว่า"รอยยิ้มของมิโบริน"ค่ะ
เพราะให้ความรู้สึกกระทบใจได้ดีกว่าน่ะค่ะ
ตอนอ่านบทเกริ่นของรีวิวคิดว่าน่าจะเป็นแนวเดียวกับ1 Litre of Tears
แล้วบอกว่าตัวละครเด็กกว่าอีก คิดว่าคงต้องเสียน้ำตามากกว่า1 Litre แน่ๆ
เพราะเนื้อเรื่องทำให้สะเทือนใจได้ไม่ยากโดยเฉพาะที่บอกว่า
"การรักษาบรรยากาศเดิมๆภายในบ้านไว้โดยไม่ต้องแปรเปลี่ยนไป"
เพราะมันจะเป็นสภาพ"หน้ายิ้มแย้มแต่ใจร้องไห้"
ซึ่งทำให้คนดูอึดอัดและบ่อน้ำตาแตกได้ง่ายมาก
แล้วที่ผิดคาดคือโทโมยะ นางาเสะ แสดงเป็นพ่อ
เพราะยังติดตากับภาพaction over ของเขาในบทเพี้ยนๆบวมๆอยู่เลยค่ะ
แต่อ่านดูเหมือนว่าโทโมยะ จะสอบผ่านนะคะในบทดราม่าหนักๆ(แม้จขบ.ไม่แน่ใจ)
อ่านไปๆบอกว่าเรื่องนี้ไม่ได้เศร้าสะเทือนใจเท่า1 Litre of Tears
ออกมาในแนวประนีประนอมความรู้สึก ผู้สร้างคงเห็นใจคนดูมังคะ
คงไม่อยากให้ตาบวมปวดหัว เหมือนดู1 Litre of Tears มั๊ง
แล้วที่แปะลิงค์ให้เข้าไปดูภาพวาดของหนูมิโบริน ไม่จุใจเลยค่ะ
มีแค่ภาพเดียวเอง แต่เป็นภาพวาดของเด็กที่สวยนะคะ


โดย: มะนาวเพคะ IP: 182.53.37.246 วันที่: 3 กรกฎาคม 2554 เวลา:17:32:19 น.  

 
นักแสดงได้ใจ ยิ่งถ้าบอกว่าเบากว่า 1 litre of tear ยิ่งน่าดูมากขึ้นอีก เพราะหากบอกว่าอยู่ความสามารถในการทำน้ำตาอยู่ในระดับเดียวกันคงจะต้องคิดหนัก ระยะนี้สภาพสังขารและจิตใจยังไม่พร้อมสำหรับการหลั่งน้ำให้ซีรีย์

ท่าทางจะยังไม่มีซับไทย และก็คาดหวังไม่ได้สินะคะ ว่าจะมีคนทำหรือเปล่า ซีรีย์ลักษณะนี้บางทีก็อยากดูซับไทยมากกว่า


โดย: prysang วันที่: 3 กรกฎาคม 2554 เวลา:21:28:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr.Chanpanakrit
Location :
สงขลา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Chanpanakrit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.