|
Shinzanmono ยอดนักสืบโอทอปส์
ระยะนี้ดูซีรีย์ญี่ปุ่นแนวสืบสวนสอบสวน เสียเต็มหลายสวน ที่กองไว้อยู่หน้าตัก ก็มี Conceited Detective ,Meitantei no Okite Tantei Gakuen Q และ shinzanmono แต่ครั้งนี้ จะขอร่ายในส่วนของซีรีย์ที่คิดว่าน่าสนใจร่าย เอาไว้ก่อน เหตุที่มันน่าสนใจนะเหรอ ด้วยดัชนีวัดจริตส่วนตัว แบ่งความต้องการได้เป็นสี่อย่าง
ประการแรก มาจากต้นฉบับคนเดียวกันกับที่เขียนเรือ่ง Gelileo ประการที่สอง ผ่านมือผู้กำกับอย่าง หมอจิน และมิสเตอร์เบรนด์ ประการที่สาม เราจะได้เห็นลุงอาเบะ รับบทแนวๆเหมือนครั้งหนึ่งใน Dragon Zakura ประการที่สี่ที่สำคัญไม่แพ้กับสองประการแรก คือ ได้นางเอกหน้าคม "คุโรกิ เมอิสะ" ทื่เพิ่งขี่ยานลงโรงบ้านเรา ใน Spaceship Battle Yamato มาแย่งซีนดารากับเขาด้วย
Shinzanmono ในความหมายของภาษาญี่ปุ่น หมายถึง ฉายานามที่ยกให้สำหรับผู้มาใหม่ (newcomer) ในที่นี้ก็คือ "ลุงฮิโรชิ อาเบะ" ที่รับบท ตำรวจนักสืบช่างสังเกตุสังกา "คางะ เคียวอิชิโร่" ผู้ต้องมาสืบสวนการฆาตกรรมของหญิงสาววัยกลางคนคนหนึ่ง ในย่านนินเกียวโช เขตพื้นที่เมืองนิฮอนบาชิ -โตเกียว แต่เงื่อนงำบางอย่างที่ถูกปกปิดเอาไว้ ท่ามกลางเขตย่านเมืองของตัวชุมชนอันสงบ นักสืบหน้าใหม่แต่เก๋าเกมส์อย่าง เคียวอิชิโร่ จำต้องสืบสาวราวเรือ่งถึงที่มาที่ไป ความสัมพันธ์ของผู้ตาย ในช่วงเวลาสุดท้ายกอ่นเกิดเหตุฆาตกรรม ทั้งในฐานะตัวพยาน และปมเหตุของแรงจูงใจในการฆาตกรรม อันนำไปสู่การหาฆาตกรตัวจริง
"People lie to escape from their sins and to live their lives lie is a shadow of trust.
(ผู้คนต่างโกหกเพื่อจะหลุดพ้นออกจากบาปที่เขาสร้างขึ้นและกลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติ การโกหกจึงไม่ต่างอะไรไปจาก การเป็นเงาของความจริง)
it's weak, yet strong , it's gentle, yet sad
(แม้อ่อนนอกแต่ก็ยังแข็งใน ดูหน้าชื่นแต่ข้างในแสนอกตรม)
there are many kinds of truth in a lie and you know it all.
(มีสรรพสิ่งของความจริงอีกมากมาย ที่ล้วนเป็นแรื่องที่หลอกหลวง และคุณจะได้รู้มันทั้งหมด)
ครับ เรือ่งราวซีรีย์มีเท่านี้จริงๆ แต่เอาเข้าจริง Shinzanmono ทำไมถึงโดดเด่นไปกว่าซีรีย์เเนวสืบสองสวน แล้วมานั่งล้อมรั้วหลังจากเกิดเหตุ ด้วยวิธีการเล่าเรือ่งที่ไม่ได้มุ่งเน้นตาม แนวสืบสวนทีละเคสต์แบบจบในตอน โดยแยกชำแหละกันเป็นกรณีๆไป เพราะส่วนใหญ่ตามที่เข้าใจ ซีรีย์ญี่ปุ่นแนวนี้ มักจะนำเสนอการคลี่คลายเหตุฆาตกรรม แบบ "ศพละตอน" เพื่อให้พระเอกนางเอก ได้แสดงอิทธิฤทธิ์ความเฉลี่ยวฉลาดแบบโชว์พาวด์ อย่างที่เคยเห็นใน Mr.Brain ,Puzzel,Galileo เป็นต้น จึงหนีไม่พ้น ที่จะต้องมีแขกรับเชิญประเภท "เชิญมาเป็นชั่วคราว ก่อนที่จะตายนานๆ" หรือจะติต่างเอาก็ได้ว่า เชิญมาเป็น "อาจารย์ใหญ่" ให้กับงานสืบสวนคลี่คลายปม แต่ใน Shinzanmono กลับสร้างกรรมวิธีที่ต่างไปกว่านั้น เพราะในตลอดทั้งสิบตอน มีแค่เพียงศพเดียว ซึ่งก็เป็นหญิงวัยกลางคนปริศนา ซึ่งปรากฎการตายตั้งแต่นาทีแรก จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการสืบเสาะเลาะหาความจริง ทั้งในสว่นของผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ตายในวันก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ฆาตกรรม ตลอดรวมถึงญาติสนิทมิตรครอบครัว ที่อาจจะเป็นมูลเหตุฆาตกรรมอำพรางคดี ซึ่งทั้งหมดนี้ นักสืบเคียวอิชิโระจำต้องตีแผ่คดีโดยการรวบรวมข้อมูลภาคสนามเพิ่มเติม โดยมุ่งประเด็นที่เกี่ยวกับตัวผู้ตาย เพื่อนำไปสู่เงื่อนงำบางอย่าง แต่ในขณะเดียวกัน แนวทางการสืบสวนที่ฉีกกรอบจากแนวทางของสำนักงานตำรวจทั่วไป ทำให้เขาเข้าถึงความจริงของผู้ต้องสงสัยรายอื่นๆ ซึ่งทุกคนต่างก็เก็บงำความลับ ส่วนบุคคลที่ไม่อาจเปิดเผยให้ทราบได้ ซึ่งเป็นผลให้คดีมีความซับซ้อนยากยิ่งไปกว่าเดิม ทั้งในแง่ความสัมพันธ์ส่วนตัวของผู้ต้องสงสัย ความเกี่ยวข้องแบบไม่เป็นทางการกับผู้ตาย และการคลี่คลายเงือ่นปมไปทีละเปาะ โดยจะไปเกี่ยวโยงกับผู้ต้องสงสัยรายอื่นๆ ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมด ล้วนแล้วแต่สัมพันธ์ซึ่้งกันและกันในขอบเขตท้องที่นินเกียวโช ย่านเล็กๆ ที่ผู้ต้องสงสัยทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องมาตะลึงงันในแนวการสืบสวนแบบแนวๆ ของนักสืบเคียวอิชิโระ ว่าความสามารถในเชิงสอบสวน(แฝงด้วยความเจ้าเล่ห์)เช่นนี้ ไม่น่าเชือ่ที่จะมาเป็นเพียงแค่ตำรวจสอบสวนต๊อกต๋อยในเมืองเล็กๆ เช่นนี้ได้เลย
ใครที่เคยชอบการแสดงของลุงอาเบะ ในบท ครูทนายจอมเหี้ยบซากุรางิ เคนจิ จากซีรีย์ Dragon Zukura ของค่าย TBS เมือ่สักหกปีก่อน มาคราวนี้ลุงท่านก็งัดกระบวนท่านั้น มาตอบสนองมิตรรักแฟนลุงแบบเท่ห์แต่มีท่า อีกทั้งบทในเรื่องก็ทำให้ลุงแกดูโชว์เหนือ แบบไม่ต้องแอ็คชั่นโชว์พาวด์อะไรมากมาย จึงเป็นการแสดงที่เสมือนดูประหนึ่งว่า "เหนื่อยน้อย" แต่ทว่าส่งผลออกฤทธิ์ต่อความรู้สึกค่อนข้างมาก เป็นความนิ่งที่สยบความเคลื่อนไหวภายในใจของคู่ต่อกร ที่้ร้อนรนไปด้วยความลับที่จำต้องเก็บงำ และต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร ซึ่งไอ้ความไม่รู้ไม่เห็นนี้แหละ ที่ไม่เคยรอดสายตาที่จดจ้องตรงเขมง ของนักสืบมาใหม่เคียวอิชิโระได้เลย และอาเบะก็มีพลังของเซ้นต์มิติพิเศษในจุดนี้ ยิ่งเสริมความนิ่งของตัวละครที่บอกอะไรไม่ชัด เลยทำให้ตัวละครนักสืบที่ลุงอาเบะรับเล่น มีชั้นเชิงพันลึกที่คนดูอย่างเรารู้สึกได้เลยว่า ถ้าพระเจ้าหยั่งรู้ถึงความจริงในทุกสรรพสิ่งของโลก เคียวอิชิโระก็อาจจะหน่อที่ตกหล่นในย่านการค้า ที่บังเอิญเกิดเหตุฆาตกรรมก็เป็นได้ ส่วนที่ไม่รู้ว่าจะเรียกว่า นางเอกได้รึเปล่าสำหรับ คุโรกิ เมอิสะ ในบท "อาโอยามะ อามิ" ตามบทแล้ว เธอเป็นเพียงนักข่าวท้องถิ่นที่ต้องประกอบอาชีพเสริม ซึ่งมีคนรักเป็นเด็กหนุ่มมหาลัยผู้คลั่งไคล้การละคร "คิโยเซะ โคกิ" ที่แสดงโดย โอซามุ มุไค (จาก Osen,Futatsu no Spica,Hotaru2) แน่นอนว่าในบท คนทั้งคู่ถ้าเทียบบารมีแล้ว คงเป็นได้แค่พระรองของลุงอาเบะเขา จนมิวายท้ายสุด ก็ต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวเนือ่ง ซึ่งในอัตราความเป็นพ่อรองนี้ ก็สูสีกับ "มัตซึมิยะ ชุนเป" คู่หูของพระเอกเคียวอิชิโระ ที่คุณน้องมิซึทาบะ จุนเป ยังคงหากินได้ดี ในบทผู้ช่วยสืบสวนแบบทีเคยเห็นในซีรีย์ Boss อย่างที่ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ผู้เขียนออกจะตื่นตา ในสว่นของนักแสดงรองสมทบและแขกรับเชิญมากกว่า เพราะใช้อัตราจ้างรวมพลคนรุ่นเดอะมากประสบการณ์ อาทิ ลุงคิมุระ จากซีรีย์ Nobuta wa Produce ,ปู่อิซุมิยะ จาก หมอโคโตะ ลุงมิอุระ จาก Flowershop without Roses ลุงโคบายะชิจาก Mr.Brain คงไม่ต้องบอกนะว่า เป็นซีรีย์เจาะตลาดคนกลุ่มใด ดังนั้นถ้าจะหาซีรีย์หล่อสวยใสอะไรเอ่ย ไม่เน้นสาระ ซีรีย์นี้คงมาไม่ถูกทางเป็นแน่
หากให้บอกถึงความชื่นชมส่วนตัวแล้ว ถือได้ว่าบทเรือ่งนี้แข็งและรัดกุมแบบทำการบ้านได้ดียิ่งจากวรรณกรรมเล่มล่าสุด ที่ชื่อ "Kyoichiro Kaga" ภายใต้เจ้าของบทประพันธ์ "ฮิกาชิโนะ เคอิโกะ" ผู้เคยสร้างวรรณกรรมฟิสิกส์สืบ Galileo อันลือเลื่อง ถึงขั้นตีพิมพ์เป็นภาษาไทยถึงสองเล่มพร้อมกัน ขณะที่ภาคซีรีย์ไทยพีบีเอส ก็เข็นมาฉายทั้งปกติและสเปเชียลเมื่อต้นปีใหม่มานี้ จะเสียดายก็ตรง Galileo ฉบับหนังใหญ่กับยังไม่ได้รับโอกาสฉาย แม้อาทิตย์ที่แล้ว ช่องเจ็ดจะได้นำ Hero the Movie มากำนัลสายตาท่านผู้ชมชาวไทย (นอกจากนี้ รวมถึงซีรีย์อย่าง Byakuyakō และต้นฉบับหนังใน Himitsu) ชอบที่เขาเอาปริศนาฆาตกรรมของหญิงวัยกลางคนเป็นแก่นเรือ่ง ในขณะเดียวกัน ของแต่ละตอน ก็ไปคลี่คลายปมปัญหาชีวิตส่วนตัวของผู้ต้องสงสัย ที่ไม่กล้าเปิดเผยความลับส่วนตัว อาทิ แม่บ้านคิดตี้จัง ช่างนาฬิกาหน้ามุ้ย นายประกันปากแข็ง สาวท้องรอคลอด เป็นต้น เท่ากับยิ่งเป็นการส่งเสริมข้อสันนิษฐานชั้นต้นของฝ่ายตำรวจเป็นเท่าตัว แต่พอถูกคลี่คลายอะไรเอ่ยโดยนักสืบเคียวอิชิโระเข้า ความลับดังกล่าวก็กลายเป็นเรือ่งโอ้ละพ่อ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับมูลเหตุของคดีแต่ประการใด แต่จะไปได้มิตรจิตมิตรใจและความประทับใจซาบซึ้งในเชิงความสัมพันธ์ของผู้ต้องสงสัยแทน จนได้มาซึ่งกุญแจปริศนาบางเสี้ยว ที่ไล่เลาะปะติดปะต่อจนเป็นรูปเป็นร่าง ของปริศนาฆาตกรที่แท้จริงในที่สุด
ผู้กำกับ "ยามามูระ ไดสุเกะ" ยังคงเป็นผู้กำกับมือเก๋าของค่าย TBS ที่ถือเป็น "ไฟล์บังคับ" ในการเลือกดูซีรีย์ของผู้เขียนไปในตัว พอที่จะเชื่อใจในคุณภาพงานเนี้ยบได้เหมือนเคย ชนิดมาตราฐานกำกับดีไม่มีตก นับตั้งแต่ไล่ตามติดงานเฮีย อาทิ Tomorrow ,Love Suffle, Mr.Brain และ Jin (แต่แปลกที่เพิ่งจะได้รางวัลTDAAประดับฝาบ้านจากJin เพียงเรือ่งเดียว) ขณะเดียวกันได้ผู้กำกับลูกมือ "ฮิราโนะ ชินิชิ" ที่ชื่อชักนำเข้าสู่ภาวกึ๋ยอย่างฉับพลัน เพราะฐานประวัติ เฮียเคยเป็นผู้กำกับ Bloody Monday ทั้งสองภาค แต่โดยรวม โอเค! ไม่มีกลิ่นคาวเลือดวันจันทร์ให้ระแคะระคายใน shinzanmono เพราะงานนี้ เขาไม่เน้นไฮโซไอที เอบี เอบี seclect start แต่อาศัยเครือ่งมืออย่าง เอกลักษณ์เฉพาะของบรรดาขนมนมเนย และสินค้าโอท้อปเฉพาะเมืองนินเกียวโช ที่ไม่ได้เน้นจะขายของออกสื่อ ตรงกันข้ามกับถูกใช้เป็นเนวิเกเตอร์คดีอย่างแยบยล เป็นตัวเดินเรื่องและอีกทาง ก็เชื่อมโยงประสานปมเพื่อเข้าถึงผูกมัดผู้ต้องสงสัย อย่างชาญฉลาดและต้องชังสังเกตสังการะดับคนคิดมากสักนิด เพราะอย่างที่บอก shinzanmono เรือ่งนี้ ถือเป็นการฉีกกรอบการนำเสนอแบบเคยๆในแนว detective Japanese television drama ที่น่าสนใจท่ามกลางความเฟ้อของแต่ละสถานี ซึ่งคอซาดิสต์ซีรีย์ อาจจะไม่บริโภคเสพย์สุขนัก ด้วยข้อจำกัดเพียง"หนึ่งศพ"เท่านั้น
ส่วนในภาคของตอนพิเศษก็น่าสนใจ เพราะทางค่ายทีบีเอส ขยายต่อความคิดถึงในอีกหนึ่งปีให้หลัง โดยยอ้นกลับไปตั้งต้น ให้เห็นถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของยอดนักสืบโคอิชิโระ โดยประเด็นเน้นย้ำถึงเรื่อง ความสัมพันธ์อันระหองระแหงของครอบครัว ถึงปมที่โคอิชิโระถูกพ่อทิ้ง และพ่อของโคอิชิโระที่ไปได้กับแม่คนใหม่ ซึ่งก็เป็นแม่ของจุนเฮ ที่ทำอาชีพนักสืบตำรวจในสน.เดียวกัน (ซึ่งจะมาหลอนในภาคปัจจุบัน แต่เปลี่ยนรสชาติมาเป็นลูกฮาที่เพิ่มขึ้น) การที่หยิบยกประเด็นเรื่องของครอบครัว ในตอนพิเศษ ก็จะไปสัมพันธ์กันกับคดีฆาตกรรมเด็กผู้หญิงรายหนึ่ง ซึ่งซีรีย์ตอนพิเศษบ่งชี้ชัดเจนถึงการฆาตกรรมของครอบครัวชนชั้นกลางครอบครัวหนึ่ง ที่สามีเป็นพนักงานขยันเอางานเอาการ แต่ขาดความสามารถในการบริหารคนในบ้าน แถมมีภาระแม่ผัวที่เป็นอัลไซเมอร์ที่ภรรยาตัวเองไม่ชอบ และมีลูกชายเป็นเด็กออติสทิกส์ กลายเป็นshinzanmonoภาคดาร์กที่ให้อารมณ์คล้าย Galileo the Movie ที่จริงจังเข้มข้น และไม่เอนเตอร์เทนเอาใจท่านผู้ดูภาคปกติ ที่ผู้เขียนต้อง สำรอกเสียงออกมาดังๆว่า "เคโงะมาเล่นเราอีกแล้ว"
........
อวยข้อมูลจาก
dramawiki and wikipedia
(ขอบพระคุณท่านBe Coffee สำหรับคำแนะนำเพลงเพราะๆของ Yamashita Tatsuro )
Create Date : 29 มกราคม 2554 | | |
Last Update : 8 กันยายน 2555 12:07:16 น. |
Counter : 5946 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เห็นแย้งและคล้อยตามกับบทความ "ละครน้ำเน่ากับชนชั้นกลางเอเชีย"
เกิดซุกซนทางความคิดเล็กน้อย หลังจากที่ได้ไปอ่านคอลัมภ์ ของ "อ. นิธิ เอี่ยวศรีวงศ์" ในหัวข้อ ละครน้ำเน่ากับชนชั้นกลางในเอเชีย" ของมติชนสุดฯเล่มล่า ไม่ใช่บทความที่ประนามความเป็นน้ำเน่าเชิงประชดประชัน แต่เป็นการตีโจทย์อย่างแยบคาย ซึ่งไร้ความหยาบคายอย่างยิ่ง กระนั้น ก็ผุดคำถามในใจในหลายๆประเด็น ทั้งคล้อยตาม เห็นแย้งและต่อยอดในความคิด เพียงแต่ ไม่รู้จะชี้แจงในประเด็นอย่างไร จะพิมพ์ลอกกระทู้ในหน้ากระดาษ ก็จะเป็นการอลังการซะ มิได้ชักชวนให้กระดื้บยอดขายของทางสำนักพิมพ์เขา จะไปโต้ตอบ FB ของอาจารย์ซะ ก็searchรายชื่อซะไม่เห็นเจอ ก็เลย ทำมาเป็น "อัพ" ใส่ลงในบล็อกให้กลายเป็นประเด็นสาธารณะกันเล่นๆ ส่วนใครที่จะเห็นต่าง เห็นแย้ง หรือใส่เสื้อต่างสี อันนี้ก็จะยิ่งเป็นการดีเลย สำหรับมิตรรักซีรีย์ หรือจะเรียกเข้าใจว่าละคร ก็เชิญเลย
อ.นิธิ หยิบยกประเด็นความนิยมของละครไทยบนแผ่นดินจีน ที่กำลังเป็นปรากฎการณ์ค่าเงินหยวนลอยตัว บินมาหาเมืองไทย ฮิตชนิดที่เบียดความนิยมกับซีรีย์เกาหลี สร้างกลุ่มแฟนคลับดาราไทย หรือคลั่งไคล้ใหญ่ชนิดตีตั๋วมาดูตัวเป็นๆ ก็มีไม่น้อย ซึ่งไม่ต้องอธิบายอะไรกันมาก แค่เอาหัวอกนักดูละครชาวไทยมาใส่ กูรู้เช่นเห็นชาติกันอยู่ ในขณะที่ซีรีย์ฝรั่ง ดูจะลดน้อยถอยลงไปตามลำดับ ทั้งหมดนี้ มันมีนัยยะทางชนชั้นนะครับ ส่วนหนึ่ง ว่าด้วยความผันแปรไปตามกระแส ฟังแล้วก็ไม่ใช่เรือ่งแปลก อันนี้คิดเองได้ แต่ที่คิดไม่ถึงกล่าวนั้นตามอาจารย์ คือเรือ่ง "ชนชั้นกลาง"
แล้ว "ชนชั้นกลาง" เกี่ยวกันอย่างไร? อย่าลืมนะครับว่า อะไรเป็นเครือ่งมือกำหนดแผนผังสถานี ถ้าไม่ใช่ "เอเจนซี่โฆษณา" แล้วพวกเขาเหล่านี้เอาอะไรเป็นเกณฑ์วัดละ ถ้าไม่ใช่ "ฐานของผู้ชม" ครับ อาจารย์นิธิกำลังจะบอกว่า ชนชั้นกลางมีอิทธิพลในการกำหนดการทำละคร ตลอดจนไปกว้านซื้อลิขสิทธิ์ ด้วยเหตุผล หนึ่ง-วัฒนธรรมชนชั้นกลางครอบงำ สอง-กำลังซือ้สูงสุด คงเกิดคำถามว่า แล้ววัฒนธรรมของชนชั้นกลางคืออะไร? อืม่ งงเต๊กเหมือนผมเลย!! อ.นิธิหยิบยกว่าแบบกว้างๆว่า "พันธะทางสังคมที่ดิ้นไม่หลุด" เป็น dilemma ที่คาบเกี่ยวระหว่าง "ความต้องการส่วนตัว" และ "พันธที่มีต่อกลุ่มตามจารีต" พูดอย่างนี้อาจคลุมเครือ แต่อ.แกยกตัวอย่างแล้วก็ต้องร้องอ้อ อย่างเช่น คุณแม่ใจดำในซีรีย์เกาหลี มรดกของอาก๋งในซีรีย์ไต้หวัน หรือแก็งมาเฟียของซีรีย์ฮ่องกง เป็นต้น ขณะที่ ซีรีย์มะกันจะเน้นความเป็นปัญหาของปัจเจกชน ซึ่งตัวอย่างของอ. ฟังดูยากเพราะเป็นซีรีย์รุ่นเก่าโคตร แต่ตัวผมเอง อาจคุ้นกว่า ในปัญหาคุณแม่บ้านของซีรีย์แม่บ้าน desperated housewife มิตรภาพของกลุ่มเพื่อนบ้านเดียวกัน ใน Friends ซึ่งสุดท้าย ก็คอ่ยๆทะยอยจากไป เพราะไม่ได้ไปตอบโจทย์ ของนักชมทีวีบ้านเรา ซึ่งเป็นคนชั้นกลางโดยส่วนใหญ่ หรือจะฮิตได้ ก็ต้องมีฐานจากความเป็น "พันธะที่บุคคลมีต่อกลุ่ม" ซึ่งอันนี้ผมขอเสริมอีกอย่างว่า "มีอะไรที่ลิงค์กันติดทางสังคม" ดูอย่าง่ x-file หรือ CSR พหุเมือง ก็ยังถูกรนเวลาฉายเสียกลางบ่าย สุดท้าย ก็ไม่ได้ตอบโจทย์นักชมเพราะเป็นเวลาของฐานคุณแม่บ้าน
อ.นิธิ ยังหยิบยกเรือ่งของ "ช่วงชั้นทางสังคม" ที่เป็นโจทย์ที่ชั่วชีวิตหนึ่ง ตัวผมเองก็คิดไม่ถึง และไม่เคยได้หยิบในงานวิชาการทางนิเทศศาสตร์สักเล่ม (แม้ปีที่แล้ว จะได้อ่านแค่สองถึงสามเล่ม แล้วทำเป็นอ้าง!) ส่วนนี้ ผมอธิบายย่อๆละกันว่า มันมีเรือ่งของโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เป็นตัวเกี่ยวเนือ่งและโน้มนำ โดยเฉพาะ ประเทศกำลังพัฒนา จะซาบซึ้งได้ไม่ยากโดยเฉพาะ ความรักระหว่างต่างชนชั้น ที่ถือเป็นสูตรบังคับที่กินใจไม่รู้หาย (หรือสร้างต่อก็ได้สตงสตางค์ คนดูติดตรึมแม้จะรีเมกเป็นสิบครั้งก็เหอะ) ไม่แปลกที่คนดูชาวจีน จะมาเพิ่งเสพย์ติดละครไทย เพราะหลังจากการปรับเปลี่ยนจาก ระบบคอมมิวนิสต์มาเป็นกึ่งทุนนิยม โครงสร้างของช่องว่างทางเศรษฐกิจระหว่างชนชั้น ถีบตัวสูงขึ้น อันนี้อยากเสริมเป็นสูตรงานวิจัยเลยว่า ยิ่งห่างมาก โอกาสของความน้ำเน่าแบบกินใจ น่าจะซาบซึ้งได้มาก (โดยที่โครงสร้างทางสังคมยังต้องไม่ก้าวข้ามปท.พัฒนาแล้ว)
และประเด็นหนึ่งที่ไม่เคยคิด คือ "การรักษาบัญญัติทางจริยธรรมที่เป็นสมบัติส่วนรวมของชนชั้นกลาง" อันนี้มีองค์ประกอบแฝงเร้นมากมาย ทั้งลัทธิความเชื่อ หลักศาสนา และการเพิ่งบัญญัติขึ้นใหม่ ทั้งเป็นข้อกฎหมายและประเพณีใหม่ ซึ่งข้อกำหนดเหล่านี้ อาจมีให้เห็นอย่างชินตา ประเภท โกงบริษัทของตระกูลในซีรีย์ฮ่องกง หักหลังกลุ่มร่วมสาบานในซีรีย์เกาหลี และเตะต่อยบุพการีในละครไทย หรือรวมกระทั่งศีลธรรมคาบลูกคาบดอก (ผมนิยามความเอาเอง) ที่แม่ไปขโมยของ เพื่อให้ลูกทานคลายหิวจนถูกทางห้างจับติด มันมีความผันแปรด้านจริยธรรม ที่ชนชั้นกลางกำลังปรับตัวตามเงือ่นไข ของสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทั้งกระแสโลกาภิวัฒน์ ทุนนิยมข้ามชาติ ซึ่งจะไปกระทบธรรมเนียมเก่า ทั้งระเบียบระหว่างตระกูล ความสัมพันธ์ในครอบครับขยาย การเคารพอาวุโส เป็นต้น ปัญหาความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ จะสะท้อนยังบทละคร ให้เห็นความเป็นปัญหาร่วมกันของชนชั้นกลาง อย่าง นักเรียนนอกเย่อหยิ่ง ไม่ซื่อตรงกับใครแม้กับนางเอก
ความเป็นนักไต้เต้า ที่จน (แต่หล่อ) อันนี้ ผมเห็นด้วยในความเป็นละครที่ตอบสนองในชนชั้นกลาง แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่อาจตอบโจทย์ว่า ไม่มีในซีรีย์ของประเทศพัฒนาแล้ว จะว่าไปเป็นหลักปรัชญาของหนึ่งของการทำละครในสากลโลก แต่ทว่า ในแง่ของการกลบประเด็นให้เนียนตา ยอมรับว่าตลาดของชนชั้นกลาง ต้องการการจับต้องที่เห็นได้ชัด สัมผัสได้ และเล่าได้อย่างเป็นรูปธรรมได้ง่ายกว่า และเห็นด้วยกับอาจารย์ว่า ไม่ต้องรากเลือดเหมือนยังในละคร และที่สำคัญต้องมีคุณธรรมประจำใจ เพราะการไต่เต้าของคนจน เป็นข้อยืนยันระบบเปิดให้คนที่มีคุณธรรม สามารถฉวยโอกาสได้เท่าเทียมกัน ซึ่ง messageนี้ น่าจะเป็นแนวคิดของโลกตะวันออก เพราะอย่างในซีรีย์ญี่ปุ่น ถือว่าขาดกันไม่ได้ แต่ข้องใจว่าทำไม อ. ถึงบอกว่า ไม่เกี่ยวกับ "ประชาธิปไตย" เมือ่พูดถึง ความไม่เท่าเทียมกันในการเข้าถึงทรัพยากรหรือทุน จึงมองอย่างอื่นไม่ได้ นอกเสียจากระบบอุปถัมภ์ ที่ พ่อแม่รวย วงศ์ญาติเป็นผู้มากด้วยบารมี หรือเมียเป็นลูกเจ้าสัว ซึ่งถ้าคิดอย่างงี้ ค่อยอ้อหน่อยว่า ไม่เห็นในซีรีย์ฝรั่งให้พอกระเซ็นตา
และประเด็นสุดท้าย อ.นิธิ กล่าวถึงกลุ่ม "คณาธิปไตย" ที่โผล่มา ไม่ใช่ฐานะของตัวละคร แต่ถูกอ้างหรือแก้ปัญหาในบั้นปลาย เช่น ตำรวจ ศาล พรรค หรือกองทัพ อันนี้อาจารย์นิธิ เหมารวมถึงละครเอเชีย แล้วยกอ้างถึงในวงเล็บ ที่มี จีน ไทย เกาหลี ฮ่องกง โดยไม่มีตัวสรุป อย่างเป็นต้น หรือ ฯลฯ ที่เหมารวมแบบเบ็ดเสร็จ แต่ไม่เด็ดขาด แล้ว อ. คิดว่าเป็นเรือ่ง ข้อห้างไม่ให้แสดงความบกพร่องของกลุ่มคณาธิปไตย ซีรีย์ที่อ.กล่าวไว้ในวงเล็บ อาจเป็นเรือ่งไม่สันทัดของตัวผม แต่ถ้าในฐานะซีรีย์ญี่ปุ่นแล้ว หลายเรือ่งสะท้อนความอ่อนด้อย ช่องว่าง ปัญหา และอำนาจที่ไม่ครอบคลุม หรือมีประสิทธิภาพไม่เหมาะสมกับยุคสมัย ระดับที่เรียกว่า กำลังเป็นกระแสของงานสร้าง อาทิ Hero ที่กระทบกระเทียบอัยการ Jocker ที่ต้องสร้างฮีโร่นอกสน. Smile ที่ยกตัวอย่างให้เห็นของระบบอำนาจศาล หรือ change ที่ต้องให้บุคคลผู้มีศีลธรรมงัดค้างกับระบบรัฐสภา สุดท้ายกลายเป็นว่า จะให้ผมคิดลึก และจินตนาการเลยเทิดไปเองว่า "ละครน้ำเน่า" เป็นเครือ่งมือเอาใจของกลุ่มคณาธิปไตย (ซึ่งใครก็ไม่รู้) เพื่อสร้างความสบายใจหน้าจอทีวี มากว่าการต้องมาคิดเสียดายค่า "หมาแดก" ซึ่งจ่ายไปแก่สมาชิกกลุ่มคณาธิปไตย (ซึ่งต้องนี้ ผมอ่านแล้วไม่เคลียร์ ส่วนใครเคลียร์ ช่วยปล่อยอักษรยอ่หน่อย) ตรงจุดนี้ ผมเองถ้าให้ถอดชำแหละสิ่งที่แฝงอยู่ในละครน้ำเน่า ว่าเป็นประโยชน์ในการสร้างสิ่งมึนเมา เพื่อข้ามประเด็นหรือกลบประเด็น ในบางสิ่งบางอย่าง อันนี้เห็นว่า คงมีกลุ่มอื่นมีหลายที่เอื้อค่าหมาแดก ที่อาจไม่ใช่แค่กลุ่มหรือสองกลุ่ม บางทีอาจเป็นเรื่องของระบบ จริยธรรมของตลาด ซึ่งคงจับผิดกันเพลินมากกว่าจะหาโฆษณาแฝงว่ามีกี่ป้ายกันแน่
และผมชอบประการสุดท้าย ที่ดูเหมือนจะเป็นทางออกข้อหนึ่ง ของอ. ที่บอกว่า "ชนชั้นกลางเอเชียขาดการอบรมให้เข้าถึงศิลปะตามจารีตของสังคมตัวเอง" หรือมีก็ถูกนำมาอ้างในละคร อย่างตื้นเขินและผิวเผิน ขาดซึ่งในรายละเอียด เพราะไอ้ตอนแรก พยายามคิดต่างว่า บางทีมันอาจจะถูกแฝงในรูปขนบ ธรรมเนียมประเพณี จนเป็นเนื้อเดียวกัน จนมิตของกาละและเวลา ไม่อาจกลายเป็นเรื่องขัดขวาง โดยเหมาเอาเองจาก ประเพณชาวจีนหรือวัฒนธรรมมุสลิมที่สืบทอดต่อกันมา ซึ่งถ้าเชือ่ในแบบนั้น เท่ากับว่าศิลปะตามจารีตแทบไม่ได้มีส่วนเปลี่ยนแปลง ลักษณะวิสัยของคนดูกลุ่มชนชั้นกลางแต่อย่างใด แต่คลายความสงสัยประการหนึ่ง ที่อ.กล่าวถึง พวกตะวันตกที่ใช้อัตลักษณ์ในการเป็นเครือ่งมือต่อรองในโลกาภิวัฒน์ เพราะนั้นทำให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า ทำไมละครน้ำเน่ารีเมก ถึงได้กลับมาหลอกหลอนท่านผู้ชมลูกหลาน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยหลอกหลอนตัวผมเอง ในหลายสิบปีก่อน ทั้งๆที่ ยุคนั้นกว่าจะขอโทรศัทพ์ใช้ทีก็แสนยาก มีเครือ่งบินก็เป็นพาหนะอุปถัมภ์ของชนชั้นสูง และการศัลยกรรมข้ามเพศยังไม่บรรเจิด จนกระทั่งพัฒนาการขับเคลื่อนเปลี่ยนโลกอย่างรวดเร็ว ใยยังติดในเงือ่นไขหลงสภาพการณ์ทางละครได้อย่างน่าตกใจ แม้ทีวีนั้ น เปลี่ยนมาใช้รีโมทแล้วก็ตามที ........
Create Date : 23 มกราคม 2554 | | |
Last Update : 23 มกราคม 2554 19:39:00 น. |
Counter : 1258 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|