ดึ๋ง ดึ่ง ดึ่ง ดึ๊ง
Group Blog
 
All blogs
 

REVIEW รีวิว Vivite Snail White อาบ สครับ และทา เพื่อผิวเนียนนุ่มกระจ่างใส





ไหนๆๆ สาวๆคนไหนกำลังประสบปัญหาหน้าขาวกว่าตัว เอ้ายกมือขึ้นนนนน…
เบลล์เองก็ต้องชูมือสูงๆค่ะ ฮ่าๆๆ คือว่าที่ผ่านๆมาก็เน้นประโคมบำรุง ดูแลผิวหน้าเป็นพิเศษ
จนหลายๆครั้งก็แอบลืม หรืออาจจะละเลยผิวกายไปบ้าง
รู้ตัวอีกที อุ๊ยตายแหลววววว หน้าไบร์ทแต่ตัวหมองคล้ำซะงั้น
วันนี้เบลล์เลยจะมาแนะนำกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่จากแบรนด์ ViVite ที่จะมาช่วยกู้ผิวหมองๆของเรากันค่ะ

ของใหม่ที่กำลังพูดถึงก็คือ ViVite Snail White (วีไวต์ สเนล ไวท์)
เป็นกลุ่มที่เน้นการดูแลผิวกายโดยเฉพาะ ด้วยคุณค่า สารสกัดจากเมือกหอยทางที่เลี้ยงด้วยโสม
ช่วยให้ผิวกระจ่างใส เนียนนุ่มชุ่มชื้น (ช่วยเติมมอยซ์เจอร์ให้ผิวได้ดีกว่าเมือกหอยทากทั่วไป 10 เท่า )
ตามคอนเซ็ปต์ “White & Natural เพื่อผิวกระจ่างใส สุขภาพดีจากธรรมชาติ”
ViVite Snail White จะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวถึงขีดสุด ปรับผิวให้แลดูกระจ่างใส
เรียบเนียนขึ้นจนสัมผัสได้ ดูสุขภาพดีมีออร่า แลดูไบร์ทสู้ผิวหน้าได้สบายๆ



งานนี้ ViVite Snail White เค้าไม่ได้มาเดี่ยวๆนะจ๊ะ เค้ามาทีเดียวสามชิ้น สามขั้นตอน ได้แก่
1. ขั้นตอนการอาบน้ำด้วย ViVite Snail White Shower Cream
2. ขั้นตอนการสครับผิวด้วย Vivite Snail White Body Scrub และ
3. ขั้นตอนการทาบำรุงผิวกายด้วย ViVite Snail White Instant White Serum
เรียกได้ว่า ครบขั้นตอนการดูแลผิวกายในชีวิตประจำวันเลยทีเดียวค่ะ
เรามาดูกันทีละชิ้นเลยดีกว่าค่ะ เริ่มจากชิ้นแรก ครีมอาบน้ำ


Vivite Snail White Shower Cream (วีไวต์ สเนล ไวท์ ชาวเวอร์ ครีม)
เป็นครีมอาบน้ำสำหรับผิวหมองคล้ำ แห้งกร้าน
ช่วยให้ผิวสะอาดล้ำลึก ขาวใส เผยผิวสุขภาพดี ล้างออกง่าย หอมติดผิวนาน


คุณสมบัติเด่น (ตามคำเคลม)
จุดเริ่มต้นของการเผยผิวกระจ่างใสต้องเริ่มจากการทำความสะอาดที่ล้ำลึก
พร้อมเติมเต็มความชุ่มชื้นไม่ให้แห้งตึงเพื่อเปิดผิวสู่การบำรุงด้วยสารสกัดพิเศษจากธรรมชาติ
ที่ช่วยปรับผิวให้สว่างใส เปล่งประกาย เรียบเนียน ช่วยปลอบประโลมผิวให้กระจ่างใสด้วย

• MUCIN สารสกัดที่ได้จากเมือกหอยทาก ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิวที่แห้งกร้าน ให้กลับมาเปล่งปลั่ง
• AHA ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่หมองคล้ำให้หลุดออก พร้อมเผยผิวใหม่ที่เนียนนุ่ม กระจ่างใส
• Alpha Arbutin ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ให้คุณสัมผัสได้ถึงผิวสุขภาพดีแบบมีออร่า



บรรจุภัณฑ์
มาในรูปแบบขวดปั๊ม ฝามีตัวล๊อก เวลาใช้งานครั้งแรก เพียงแค่บิด หัวปั๊มก็จะเด้งขึ้นมา ใช้งานได้เลยค่ะ


เนื้อสัมผัส
เนื้อครีมสีขาวนวล ไม่หนืดเกินไป ขณะถูกับน้ำ จะมีความรู้สึกลื่นๆบนผิว
เป็นจุดที่แตกต่างจากสบู่เหลว หรือครีมอาบน้ำทั่วไป
ครีมอาบน้ำ ViVite Snail White Shower Cream เวลาเจอน้ำเค้าจะกิดฟองง่ายมาก
ถูไปแป๊บๆฟองเต็มตัวเลยค่ะใครที่ชอบอาบน้ำแบบมีฟองฟอด น่าจะถูกใจค่ะ
ยิ่งถ้าใช้ร่วมกับตาข่ายตีฟองนะ โอ้โห! ฟองฟูนุ่มมว๊ากกกก
แต่เห็นฟองเยอะขนาดนี้ บอกเลยว่าล้างออกง่ายมากนะคะ


ความรู้สึกหลังใช้
หลังจากลองอาบน้ำด้วย ViVite Snail White Shower Cream ก็รู้สึกว่าผิวนุ่มสะอาดดีค่ะ
ผิวไม่แห้งจนตึง ใครชอบแบบสะอาดเอี๊ยด อันนี้ตอบโจทย์นะคะ
อาบแล้วมีกลิ่นหอมติดผิวนานทีเดียวไม่ได้หอมจนฉุนเวียนหัวนะคะ
กลิ่นเค้าจะออกแนวกลิ่นน้ำหอม ฟลอรัลนิดๆ แต่เป็นกลิ่นกลางๆ ไม่หวานแหววแต่ก็ไม่ได้แมนจ๋า
สามารถใช้ได้ทุกคน กลิ่นที่ติดตัวหลังอาบจะออกนมๆนิดๆค่ะ ใครชอบกลิ่นแนวๆนี้น่าจะชอบค่ะ



เบลล์ได้ลองใช้ประมาณสองวีค แล้วถ่ายภาพเก็บไว้ แอบรู้สึกว่าผิวสว่างขึ้นนิดนึง ไม่รู้คิดไปเองมั้ย
หรือกล้องอาจจะวัดแสงคลาดเคลื่อนได้บ้าง แต่ทั้งสองภาพถ่ายจากการจัดไฟแบบเดียวกัน
ก็คิดว่าดูมีแนวโน้มว่าน่าจะเริ่ดอยู่น๊า แบบนี้ต้องลองใช้ไปยาวๆ แล้วมาดูกันอีกทีค่ะ

Vivite Snail White Body Scrub (วีไวต์ สเนล ไวท์ บอดี้ สครับ)
สำหรับผิวหมองคล้ำ แห้งกร้าน สครับเนื้อนุ่ม อ่อนโยน ไม่บาดผิว
เป็นสครับรูปแบบเกลือน้ำนมที่มีความละเอียดสุดๆ ไม่บาดผิว
ขัดได้บ่อย หลังอาบน้ำผิวนุ่ม เนียนขึ้นทันที


คุณสมบัติเด่น (ตามคำเคลม)
ช่วยขจัดความหมองคล้ำ จากมลภาวะที่ติดบนผิวได้ล้ำลึก ผลัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพ
เผยผิวใหม่ที่กระจ่างใส เกลี้ยงเกลา นุ่มเนียน น่าสัมผัส
พร้อมผสานการบำรุงด้วยสารสกัดพิเศษจากธรรมชาติที่ช่วยปรับผิวให้สว่างใส
ล้างออกง่าย ใช้ได้บ่อย ให้คุณมีความสุขทุกครั้งที่สัมผัส เผยผิวกระจ่างใสด้วย

• AHA ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่หมองคล้ำให้หลุดออก
• Sea Salt ช่วยขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วเพื่อผิวใหม่กระจ่างใส
• น้ำนม เพิ่มการบำรุงผิวให้เนียนนุ่มไม่แห้งตึง
• MUCIN สารสกัดที่ได้จากเมือกหอยทาก ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิวที่แห้งกร้าน ขาดน้ำ
ให้กลับมาเปล่งปลั่งกระจ่างใส พร้อมเผยผิวใหม่ที่เนียนนุ่ม
ให้คุณมีสัมผัสได้ถึงผิวสุขภาพดีแบบมีออร่า



บรรจุภัณฑ์
เป็นหลอดบีบ ฝาแค๊ปเหมือนเซรั่มทาผิวเลยค่ะ
แต่ด้วยความที่เนื้อสครับเค้ามีความข้นและมีเกล็ด มีเม็ดสครับเยอะ
เลยทำให้บีบออกมาใช้ยากนิดหน่อยค่ะ แต่ก็ไม่เป็นปัญหาค่ะ เบลล์หมุนฝาเกลียวออกมาใช้เลย 55555

เนื้อสัมผัส
เนื้อสครับจะเป็นเกล็ดเกลือในน้ำนม ขาวๆ เกล็ดละเอียดสุดๆ
(ลองดูจากรูปซูมๆได้เลย ว่าละเอียดมากจริงๆ)
มีความข้น เกาะผิวดี นวดสครับได้นานๆ


ความรู้สึกหลังใช้
ขัดแล้วไม่บาดผิวเลยค่ะ ขัดได้เพลินๆ ได้เรื่อยๆตามต้องการ
เนื้อสครับเค้าผสมอยู่ในครีมน้ำนม เวลาขัดจะมีฟองเล็กน้อย ขัดง่าย ลื่นๆผิวแต่ล้างออกง่าย
ล้างแล้วผิวไม่แห้งตึง แต่กลับนุ่มมว๊ากกกกก
อันนี้ชอบจริงจัง เบลล์อยากให้ลองค่ะส่วนกลิ่นก็เป็นกลิ่นหอมแนวดอกไม้ๆ
แต่ไม่ได้หอมหวานจนเลี่ยน ไม่ฉุนเวียนหัว นับว่ายังเป็นกลิ่นที่ผู้ชายก็ยังใช้ได้โดยไม่ เคอะเขินค่ะ


Vivite Snail White Instant White Serum
(วีไวต์ สเนล ไวท์ อินสแตนท์ไวท์เซรั่ม)

ไขความลับจากธรรมชาติ เผยผิวกระจ่างใสกับวีไวต์
ช่วยปรับผิวขาวขึ้นทันที เนื้อเซรั่มเกลี่ยง่าย ไม่เหนอะหนะ

คุณสมบัติเด่น(ตามคำเคลม)
ด้วยเซรั่มบำรุงผิวกายที่มีสารสกัดพิเศษจากธรรมชาติ บำรุงล้ำลึก
เติมเต็มความชุ่มชื้น ฟื้นคืนความเรียบเนียน ด้วยสัมผัสบางเบา ซึมซาบสู่ชั้นผิว
เพื่อผิวสุขภาพดีจากภายใน เปล่งประกาย ดูสุขภาพดีมีออร่าจนคุณสัมผัสได้
ปรับผิวกระจ่างใสขึ้นทันทีที่ใช้ ชุ่มชื้น เรียบเนียนใสขึ้นจนสัมผัสได้ ด้วย

• MUCIN-LS สารสกัดธรรมชาติจากเมือกหอยทาก เติมน้ำให้เซลล์ผิว
และเก็บกักความชุ่มชื้นไว้ในผิวได้ยาวนาน สัมผัสได้ว่าผิวนุ่มเรียบเนียนเด้งขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์
ดูสุขภาพดีแบบขาวอมชมพู *ขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
• Arbutin ยังยั้งการเกิดจุดด่างดำ ปรับโทนสีผิวให้กระจ่างใสได้เร็วขึ้น
• UV Filter ปกป้องผิวจากรังสียูวีจากแสงแดด ที่ผ่านการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง



บรรจุภัณฑ์
มาในรูปแบบหลอดบีบ ฝาแค๊ปปิดสนิท รูที่ให้ครีมไหลออกมาค่อนข้างเล็กค่ะ
บีบออกมาเป็นเส้นเล็กๆทำให้กะปริมาณได้ดี



เนื้อสัมผัส

เนื้อครีมสีขาวทึบแสง ค่อนข้างข้นแต่เกลี่ยง่าย เนื้อครีมจะปรับสีผิวให้ดูขาวขึ้นทันทีที่ทาค่ะ
เหมือนเนื้อเซรั่มจะเคลือบผิวเราไว้บางๆ ส่วนกลิ่นก็แนวเดียวกับครีมอาบน้ำเลยค่ะ



ความรู้สึกหลังใช้
เนื้อเซรั่มทาแล้วแนบกลืนไปกับผิวดี ไม่กอง ไม่เหนอะหนะ ไม่มันเลยค่ะ ติดค่อนข้างทน
สามารถทาออกไปเดินเล่น outdoor ได้สบายๆ เบลล์ลองทาที่แขนให้ดูข้างนึงนะคะ
จะเห็นเลยว่าผิวดูขาวขึ้นเลยจริงๆ แนะนำให้ค่อยๆทาทีละบางๆ ค่อยบิ้วทับให้ได้ความขาวตามต้องการค่ะ
แต่ถ้าทาตัวนี้แล้ว ควรทาให้ทั่วทุกส่วนที่โผล่พ้นเสื้อผ้านะคะ จะได้ไม่โป๊ะ
ตั้งใจโชว์ผิวที่ขาวเสมอกันทั้งตัวไปเลยค่ะ



เอาล่ะ เบลล์ก็รีวิวครบแล้วทั้งสามชิ้น
ก็นับว่า ViVite Snail White เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียวค่ะ
เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหมอง หยาบกร้าน อยากมีผิวนุ่ม กระจ่างใส
ตัวครีมอาบน้ำก็ทำความสะอาดได้ดี มีฟองฟูนุ่มอาบสนุก ล้างสะอาด
ตัวเซรั่มทาผิวก็ให้เอฟเฟกต์ผิวขาวทันใจ แถมมีสารบำรุง สารกันแดดในตัว
เป็นอะไรที่ทาตัวเดียวจบ และในส่วนของสครับนั้น ชอบมากจริงๆ เม็ดสครับละเอียด
ไม่คม ไม่บาดผิว ล้างง่าย ล้างแล้วผิวนุ่มมากๆ แนะนำให้หามาลองกันค่ะ


หากเพื่อนๆสนใจ อยากลองหาซื้อมาใช้ดูบ้าง ตอนนี้สามารถหาซื้อได้ที่ช่องทางต่างๆตามนี้ค่ะ
ห้างสรรพสินค้า TESCO, THE MALL, 7-catalog ,ร้านTSURUHA, ห้างTOKYU
และในอนาคตมีแพลนวางขายที่ Watson และ Big C ด้วยค่ะ

สำหรับราคาแต่ละชิ้น ตามนี้เลยจ้า
• ครีมอาบน้ำ : 125 B
• สครับ : 89 B
• เซรั่ม : 149 B
นอกจากนี้ เพื่อนๆยังสามารถสอบถาม หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/vivitethailand/ ค่ะ
#VIVITE #SnailWhite #ขาวเว่อร์ #ขาวใส #ขาวทันใจ

สำหรับรีวิวนี้ก็คงจบเพียงเท่านี้ เอาไว้มีอะไรออกใหม่จะอัพเดตกันอีกแน่นอนค่ะ
ขอตัวไปอาบน้ำ ขัดผิวต่อละค่ะ กลัวตัวจะสวยไม่ทันหน้า 55555

บายๆจ้า Smiley




 

Create Date : 21 มิถุนายน 2559    
Last Update : 21 มิถุนายน 2559 7:58:17 น.
Counter : 7847 Pageviews.  

REVIEW รีวิว VICHY IDEAL WHITE SLEEPING MASK ผิวใส นุ่มเด้งในชั่วข้ามคืน



สวัสดีจ้าสาวๆ วันนี้ขอมาอัพบล็อกแบบไวๆ หลังจากได้ลองใช้ VICHY IDEAL WHITE SLEEPING MASK มาระยะใหญ่ๆแล้ว 

แอบรู้สึกว่ามันก็เวิร์คแฮะ เลยจับมาเขียนรีวิวลงบล็อกให้อ่านกัน 
และแอบกระซิบว่า ท้ายบล็อก เบลล์มีแจกให้เพื่อนๆที่เข้ามาอ่านบล็อกนี้ เอาไปลองใช้อีก 2 รางวัลด้วยกันค่ะ 

เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า...
VICHY IDEAL WHITE SLEEPING MASK เป็นมาส์ก ชนิดที่ทาแล้วไม่ต้องล้างออก ทาแล้วนอนไปได้เลย 
เบลล์ว่ามันก็เป็นอะไรที่สะดวกดี เวลาที่เพลียๆทาไปแล้วหลับไปได้เลย ไม่ต้องพะวงว่าต้องรอล้างออก หรือลอกออก 
และ Sleeping Mask ตัวนี้ ยังใช้แทน Night Cream ได้เลย คือตัวเดียวจบสำหรับการดูแลผิวก่อนนอน ชอบมากค่ะ



คุณสมบัติและจุดเด่นของ VICHY IDEAL WHITE SLEEPING MASK
(ขออ้างอิงตามคำเคลมของทางแบรนด์นะคะ) 
เป็นมาส์กบำรุงผิว เพื่อผิวหน้ากระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำและมอบความชุ่มชื่นเพียงข้ามคืน 
ออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างความสมดุลของผิว เผยผิวขาวเปล่งปลั่ง เพียงข้ามคืน 
สัมผัสได้ถึงความชุ่มชื่น ผิวดูขาวเปล่งประกาย สีผิวแลดูสม่ำเสมอมีสุขภาพดี หลังการใช้เพียง 8 สัปดาห์ 
จุดด่างดำและสีผิวหมองคล้ำดูลดเลือนลงและยังเหมาะกับทุกสภาพผิว 
ด้วยสูตร Paraben Free และ เป็นสูตรที่มีโอกาสการเกิดการแพ้ได้ต่ำ 
สาวๆที่มีผิวแพ้ง่ายก็สบายใจได้เลยค่ะ 

บรรจุภัณฑ์VICHY IDEAL WHITE SLEEPING MASK
เค้าจะมาในกล่องสีเหลี่ยมสีขาว ดูคลีนๆตามสไตล์ของ VICHY 
ตัวมาส์กบรรจุมาในกระปุกแก้วสีขาวขุ่น 



ฝาสีชมพูมีกระจกแปะด้านบน สวยงามสมราคา 
กระปุกปิดแน่นหนา มีฝาสองชั้น ทำให้เนื้อมาส์กไม่หกเลอะเทอะ 



ปริมาณและราคา 
75 ml/ 1600.- 

เนื้อสัมผัส 
เป็นเนื้อเจลสีชมพูนุ่มๆๆหยุ่นๆหอมๆ มีเม็ดบีดส์เล็กๆกระจายตัวอยู่ทั่วๆเนื้อมาส์ก 
เวลาใช้งานจะต้องทาลงผิวแล้วนวดๆๆๆให้เม็ดบีดส์แตกตัวลงสู่ผิว 
จากนั้นทิ้งเนื้อมาส์กไว้บนผิว แล้วเข้านอนได้เลย 
โดยเค้าแนะนำให้พอกหนาๆ สัปดาห์ละสองครั้ง เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนค่ะ



ผลการทดลองใช้
จากที่ลองใช้แล้วก็รู้สึกว่าเนื้อมาส์กชุ่มชื้นดีมาก แม้ว่าทาไปแล้วเนื้อมาส์กจะไม่ได้ซึมลงผิวจนเซ็ทตัวแบบการทา Night cream 
แต่ด้วยความเป็น Sleeping Mask เนื้อเค้าจะกองๆพอกๆบนผิว ทาทิ้งไว้ทั้งคืนก็ไม่เหนียวรำคาญผิวแต่อย่างใด 
ใช้ครั้งแรกตื่นมาผิวนุ่มมากๆๆๆ คือรู้สึกดี วันไหนรู้สึกว่าโทรมๆ มาส์กตัวนี้แล้วนอน ตื่นมาผิวโอเคมาก 
และจากที่เบลล์ใช้ทาแทน Night Cream ด้วย 
(ทาบางๆทุกคืน และพอกหนาๆวีคละสองครั้ง) 
ใช้มาราวๆ2สัปดาห์ ก็รู้สึกว่าผิวเราขาวขึ้น 
แอบเสียดายเบลล์ไม่ได้เซ็ทไฟถ่ายรูป Before เอาไว้ แต่ทำไมถึงรู้สึกว่าขาวขึ้น… เป็นเพราะ 
มีอยู่วันนึงหยิบรองพื้นตัวที่ใช้ทาออกงานประจำ เอามาทาแล้วรู้สึกว่ารองพื้นสีมันเริ่มจะพอดีผิว 
จากที่ปกติใช้แล้วมันสีสว่างผิวราวๆ1เฉดนะ ก็รู้เลยว่าเป็นผลมาจาก Sleeping Mask ตัวนี้แน่ๆ 
เพราะเบลล์ยังใช้สกินแคร์เซ็ทเดิมอยู่ เพิ่มเติมคือมาส์กนี้ตัวเดียว 



จากรูปคือช่วงหลังจากที่ใช้มาส์กไปราวๆ 2 สัปดาห์นะคะ
จะเห็นว่าส่วนที่ป้ายรองพื้น สีค่อนข้างกลืนๆ ถ้าทาพื้นที่กว้างๆจะเห็นเลยว่าสีเริ่มเข้มกว่าหน้าแล้ว
สงสัยว่าใช้ไปเรื่อยๆ หน้าขาวขึ้นอาจจะต้องเปลี่ยนสีรองพื้นให้ขาวขึ้นอีกแหงๆ 555

เอาเป็นว่า สำหรับเบลล์ เบลล์ใช้แล้วมันโอเคนะ เห็นผล ผิวนุ่มดีมาก และในเรื่องความกระจ่างใสเค้าก็ทำได้ 
เบลล์ก็จะใช้ต่อจนหมด และน่าจะมีกระปุกถัดๆไปค่ะ 

สำหรับเพื่อนๆที่สนใจ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ช่องทางต่างๆตามนี้ค่ะ

และสุดท้ายสำหรับบล็อกนี้ อย่างที่เกริ่นในตอนแรกแล้วว่า 
“บล็อกนี้เรามีแจก” 
เบลล์ได้ลองใช้ลองพิสูจน์แล้ว ก็อยากจะแบ่งให้เพื่อนๆที่ติดตามบล็อกเบลล์ได้ลองใช้เหมือนกัน 

กติกา
1. Shareบล็อกนี้ใน FB ตั้งค่าแบบ Public เพื่อที่เบลล์จะเข้าไปเช็คได้ 
2. Comment ใต้บล็อกนี้ว่า ทำไมถึงสนใจอยากลองใช้ 
VICHY IDEAL WHITE SLEEPING MASK 
พร้อมลงชื่อที่ใช้ใน FB และ email ที่ติดต่อได้ 

ร่วมกิจกรรมได้ถึงวันอาทิตย์ที่ 29 พค. 2559 เวลา 23.50 น. 

การตัดสิน
เบลล์จะสุ่มจับรายชื่อที่ทำถูกกติกา จำนวน 2 รางวัล 
ติดตามประกาศผลได้ที่เพจเบลล์ค่ะ เบลล์จะประกาศผลพร้อมกิจกรรมก่อนหน้านี้ในเพจ 
แจกรวม 5 รางวัล ประกาศผลวันพุธที่ 1 มิย.59 ค่ะ (อาจะบวกลบสองวันนะคะ)

** สำหรับกิจกรรมที่จัดไปแล้วในเพจ (3 รางวัลแรก) 
จะทำการจัดส่งของรางวัลให้ตามที่อยู่ที่คอมเม้นท์ไว้ โดยไม่ได้แจ้ง inbox ล่วงหน้านะคะ
ส่วนผู้โชคดีจากกิจกรรมในบล็อก เบลล์จะติดต่อไปทาง inbox ใน FB ค่ะ
หากไม่มีการตอบรับภายในเที่ยงคืนวันศุกร์ที่ 3 มิย.59 
ขอสงวนสิทธิ์ในการตัดสิทธิ์รับรางวัลทันทีค่ะ **

สำหรับบล็อกนี้ก็จบเพียงเท่านี้ เจอกันใหม่รีวิวหน้านะคะ 
ขอให้ทุกคนโชคดีค่า 
Smiley





 

Create Date : 21 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 21 พฤษภาคม 2559 20:43:54 น.
Counter : 12712 Pageviews.  

REVIEW รีวิว คุชชั่น YSL FUSION INK CUSHION FOUNDATION




สวัสดีจ้าสาวๆ วันนี้เบลล์มีของเด็ดมารีวิวให้ชมกันอีกแล้ว 

ของเด็ดที่จะนำมารีวิวก็คือ สิ่งนี้เลย…. 
YSL LE CUSHION ENCRE DE PEAU หรือ YSL FUSION INK CUSHION FOUNDATION



กรี๊ดมากกกกกกกกกกก คือแค่เห็นตลับก็ต้องกรีดร้อง 
สวยมากกกกก สวยจริงๆ ดูหรูหราตามสไตล์ YSL แต่เดี๋ยวก่อน คุณคะ… 
Cushion YSL ตัวนี้ เค้าไม่ได้มีดีแค่ตลับสวยนะจ๊ะ อยากบอกว่าใช้ดีด้วยล่ะเออ 

เบลล์ลองใช้มาพักใหญ่ๆแล้ว ค่อยนำมาเขียนรีวิวนี้ 
ต้องบอกก่อนเลยว่า ปกติเป็นคนไม่ค่อยใช้คุชชั่นนะคะ 
วันปกติธรรมดาจะใช้แค่กันแดดแล้วตบแป้งรองพื้นเลย 
หรือถ้าวันไหนออกงานก็จัดเต็มรองพื้นแบบน้ำไปเลย 
คุชชั่นเลยจะหยิบมาใช้แค่ช่วงหนาวๆ หรือไปต่างประเทศ เอาไว้ทาหน้าฉ่ำสู้อากาศเย็นๆ 
ซึ่งจะเอามาใช้ในบ้านเรา มันก็แอบไม่เหมาะกับ lifestyle และสภาพอากาศ 
แต่พอมาเจอคุชชั่นตัวนี้ของ YSL แล้วกลายเป็นว่าหยิบมาใช้ทุกวันเลยจ้า 555 
ในช่วงที่อากาศร้อนๆแบบนี้ ก็ยังกล้าหยิบมาใช้นะ จะเพราะอะไร ขอให้ลองอ่านรีวิวนี้ดูค่ะ ☺ 



คุณสมบัติเด่นของ YSL FUSION INK CUSHION FOUNDATION 
• เป็นรองพื้นในรูปแบบตลับหมึก หรือ “คุชชั่น” สูตรแรกของ YSL 
พกพาสะดวก สามารถเติมหน้าได้ตามต้องการ 
• ให้ผิวแบบ LUMINOUS MATTE FINISH คือ ไม่ได้แมทจนดูแห้งด้าน 
แต่จะดูเปล่งปลั่งเป็นธรรมชาติ ผิวไม่มัน 
• เป็นสูตร LONG-LASTING AND BUILDABLE COVERAGE 
คือ ติดทนยาวนานและสามารถเพิ่มระดับการปกปิดได้ 
• มาพร้อมกับค่าการกันแดด SPF 23 / PA++ 
• วางจำหน่ายทั้งหมด 6 เฉดสี มีหลายระดับความเข้มให้เลือก 
สาวๆผิวเข้มน่าจะถูกใจโทนสีคุชชั่นรุ่นนี้ค่ะ



บรรจุภัณฑ์ 
ขอเริ่มที่แพคเกจภายนอกกันก่อน 
เค้าจะมาในกล่องสีทองอร่าม สวยหรูตามสไตล์ YSL 
มีระบุรายละเอียดต่างๆครบถ้วน รวมถึงฉลากภาษาไทย



เมื่อแกะกล่องออกมา ก็จะเจอกับตลับคุชชั่นสีดำเงาวับ ขอบสีทอง พร้อมโลโก้ YSL สีทองปังๆอยู่ด้านบน





ด้านหลังตลับก็มีรายละเอียดต่างๆ พร้อมเบอร์สีระบุเอาไว้ชัดเจน ตัวตลับมีน้ำหนักเบาพกพาสะดวก 
ควักออกมาเติมก็สวยเด่น เหมือนเป็นหนึ่งใน accessories ติดตัว 



เมื่อกดปุ่มด้านหน้าตลับ เปิดฝาออกจะเจอกับกระจกเต็มบาน และพัฟเค้าเป็นแบบ air puff 
ด้านบนสีดำพร้อมสายคาดริบบิ้นสีดำเงา ทอลาย YSL เหลือบๆเอาไว้ พัฟด้านล่างเป็นสีขาวนุ่มๆ 
เวลาใช้งานก็แค่สอดนิ้วมือเข้าไปสามนิ้ว แล้วยกพัฟขึ้น ก็สามารถใช้งานได้ทันที


ตัวตลับจะแบ่งเป็นสองชั้น ด้านบนเป็นถาดวางพัฟ 
เมื่อเปิดออกด้านข้าง ก็จะเจอกับฝากระดาษสีขาว ซีลปากตลับเอาไว้ 
เมื่อใช้ครั้งแรกก็ให้ลอกออก ก็จะเจอกับฟองน้ำคุชชั่นนุ่มๆ ที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อรองพื้นฉ่ำๆ
แค่แตะพัฟลงในฟองน้ำคุชชั่นเบาๆ ยกขึ้นมา กดๆลงบนผิวได้เลย ง่าย สะดวก และเนียนทันที



ซูมๆให้ดูตรงฟองน้ำที่อุ้มเนื้อรองพื้นเอาไว้ 
บอกเลยว่าเปิดออกมา แค่แตะเบาๆเนื้อรองพื้นก็ติดออกมาเลยค่ะ 
ไม่ต้องกดย้ำแรงๆแบบคุชชั่นเกาหลีเลยจ้า



ทดลองใช้
เบลล์ได้ลองใช้คุชชั่นตัวนี้ในหลายๆแบบ ใช้เพียวๆ ใช้กับกันแดดแบบต่างๆ 
ใช้คู่กับแป้งฝุ่นหลายๆแบบก็ให้ผลที่ดีใกล้เคียงกัน 

ทีนี้ เรามาดูผิวที่ได้หลังจากลงคุชชั่น YSL กันเลยดีกว่าค่ะ



เบลล์ใช้สี 30 ระดับความเข้มจะใกล้กับผิวเบลล์ที่สุด แต่ยังสว่างกว่าผิวเล็กน้อย 
และมีติดโทนสีชมพูมาบ้างสำหรับเบลล์ใช้แล้วสีนี้โอเคนะคะ 
ไม่หมอง ไม่เทา ไม่ดรอป ทาไปแล้วดูกลืนๆ ให้ฟินิชผิวที่สวยมากๆ



การปกปิดกลางๆ แต่สามารถเกลี่ยโทนสีผิวให้กลมกลืนเข้ากันได้ดี 
บริเวณที่มีรอยแดงจางๆ หรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ คุชชั่น YSL ตัวนี้ก็ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอกันมากขึ้น 
แต่ในส่วนของรอยดำเข้มๆ รอยสิว อาจจะยังกลบได้ไม่มิด 
ส่วนแพนด้าใต้ตา จะเห็นว่ากลบได้ดีประมาณนึง แต่ถ้าแพนด้าหนักมากๆ ก็ยังต้องพึ่งคอนซิลเลอร์ช่วยอยู่นะคะ 
สำหรับเบลล์ถือว่า คุชชั่น YSL ให้การปกปิดในระดับที่โอเค 
ใช้ได้ทุกวัน เบาสบายผิว สดชื่น ไม่อึดอัดผิวเลยค่ะ


และสำหรับฟินิชผิวแบบ LUMINOUS MATTE FINISH เป็นอะไรที่ชอบมากๆๆ 
ผิวดูเงาโกลวนิดๆ เป็นธรรมชาติ ดูไม่แห้งแป๋แบบลงแป้งแมท แต่ก็ไม่เงาวาวแบบคุชชั่นเกาหลี 
คือเป็นผิวกลางๆ เป็นลุ๊คที่อยากให้เป็นในชีวิตประจำวัน ชอบมากๆค่ะ 
ตอนนี้เลยหยิบคุชชั่น YSL มาใช้เกือบทุกวัน ไม่ว่าจะวันชิลๆ หรือวันออกงานก็ยังใช้ 
ถ้าวันที่แต่งเต็มก็จะลุ๊คประมาณนี้ค่ะ ผิวสวยๆแต่งจุดอื่นๆก็ง่ายขึ้น 
แม้จะไม่ได้ปกปิดมิดชิด แต่ผิวที่ได้ดูมีความเปล่งปลั่ง ดูสวยสดชื่น ก็ทำให้ทุกลุ๊คสมบูรณ์มากขึ้นค่ะ 

ทดสอบความติดทน
จากชื่อรุ่นของคุชชั่นรุ่นนี้ ยังคง concept ความติดทนราวน้ำหมึก ในแบบ INK IN CUSHION 
เนื่องจากชื่อรุ่นจะคล้ายๆรองพื้น FUSION INK รุ่นที่ออกมาก่อนหน้านี้ 
แต่บอกเลยว่าเนื้อไม่เหมือนกันนะคะ คุชชั่นตัวนี้จะให้ความชุ่มชื้นมากกว่า 
ส่วนระดับความติดทน ดูจากรูปเลยค่ะ 



ซูมใกล้ๆชัดๆ…



เบลล์เป็นคนผิวผสมนะคะ จะมันช่วงทีโซนในระยะเวลาราวๆ 3-4 ชม. 
แต่ถ้าเจอรองพื้นที่ไม่คุมมันเลย ทีโซนจะเละไวมากๆ แต่คุชชั่น YSL ตัวนี้เค้าทำได้ดีทีเดียวค่ะ 
ไม่ใช่ว่าหน้าจะไม่มันเลย ผิวยังมีความมันตามเวลาอันสมควร แต่ด้วยความที่ติดทน เลยยังดูไม่เละค่ะ 

วันที่ถ่ายรูปนี้แต่งหน้าตั้งแต่ 9 โมง ออกไปเดินห้าง เดินนอกห้างร้อนๆ 
ไปกินปิ้งย่างหน้าเตาถ่านร้อนๆ ถ่ายรูปเช็คสภาพตอนบ่ายสอง เดินเล่นต่อจนหมดวัน 
กลับมาบ้านถ่ายรูปราวๆสามทุ่ม รวมๆก็ประมาณ 12 ชม. ไม่ซับหน้าเลย 
ก็จะเห็นว่าหน้ามันขึ้นบ้าง ตรงจมูกหลุดบ้าง แต่โดยรวมยังดูโอเค สีไม่ดรอป หน้าไม่หมอง 
ยังดูสดชื่นทั้งวัน เลยลองซับหน้าแล้วทัชอัพ คือ ลงคุชชั่นเติมเข้าไปในส่วนที่จาง 
ก็จะได้แบบในรูปสุดท้ายค่ะ 

สำหรับความเห็นส่วนตัว เบลล์คิดว่าคุชชั่นตัวนี้ให้ผิวที่สวยถูกใจ 
อยู่ในสภาพที่ดีประมาณ 6 ชม.ได้ พอหลังจากนั้นจะเริ่มหลุดบ้างในจุดที่หน้ามันมากๆ 
แต่ก็ไม่ต้องห่วง เพราะเราสามารถพกคุชชั่นตัวนี้ออกไปเติมหน้าได้โดยที่ยังได้ฟินิชผิวแบบเดิม 
ไม่แห้งแมทแบบการเติมแป้งแบบปกติค่ะ นี่ก็เป็นอีกจุดที่ทำให้ชอบคุชชั่น YSL มากๆ 
นอกจากจุดที่ชมไปเยอะแล้ว เค้าก็ยังมีจุดที่เบลล์ไม่ค่อยโอเค คือ 
ด้วยความที่เป็นแบรนด์ไฮเอนด์ ราคาจึงค่อนข้างสูง 14g. ราคา 2,300 บาท 
แต่ถ้าไม่ติดเรื่องราคาและปริมาณ เรื่องอื่นๆเบลล์โอเคหมดเลย ชอบค่ะ 

เบลล์คิดว่า YSL FUSION INK CUSHION FOUNDATION น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะ
กับสาวๆที่ชอบผิวเปล่งประกาย ไม่แมทแห้ง แต่ก็ไม่มันวาว ชอบความสะดวกสบาย 
พกไปเติมระหว่างวันได้สบายๆ เบลล์อยากให้ไปลองที่เคาน์เตอร์ ลองสัมผัสเนื้อดูนะคะ 
แล้วอาจจะได้สอยติดไม้ติดมือกลับบ้านมาคนละตลับสองตลับ ฮ่าๆๆ 

สำหรับเบลล์ นี่เป็นหนึ่งในคุชชั่นลูกรักไปแล้ว คาดว่าถ้าใช้หมดคงต้องไปซื้อมาใช้ต่อแน่ๆ 
ยังไงก็หวังว่า รีวิวนี้จะเป็นข้อมูลให้กับเพื่อนๆ ประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อคุชชั่นที่ถูกใจนะคะ 

เพื่อนๆสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ลิ้งก์ด้านล่างนี้เลยค่ะ


สำหรับรีวิวนี้ก็จัดเต็มให้อ่านกันเน้นๆแล้ว เจอกันใหม่บล็อกหน้านะคะ 
บายจ้าๆ 






 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2559    
Last Update : 13 พฤษภาคม 2559 20:25:25 น.
Counter : 7220 Pageviews.  

REVIEW รีวิวพลีชีพ กำจัดขนรักแร้และหนวดกับ APEX Profound Beauty





สวัสดีจ้าสาวๆ วันนี้เบลล์จะมารีวิวรายงานผลการกำจัดขนที่ APEX ให้ชมกันค่ะ 

คำเตือน คราวนี้มาพร้อมรูปประกอบชัดเจน (อย่าอ้วกกันนะ 55555) 

คือว่า เบลล์มีโอกาสได้ไปกำจัดขนกับทาง APEX 1 คอร์ส เบลล์เลือกทำที่รักแร้ 
และซื้อคอร์สเพิ่มเองในส่วนของหนวด ทำไมถึงเป็นสองจุดนี้ อันนี้ต้องบอกก่อนเลยว่า 
เบลล์เป็นคนที่มีปัญหากับจั๊กก้ามากๆๆๆๆ คือมันไม่สวยเนียนแบบใครๆ อันนี้เป็นปมเลยก็ว่าได้ 
นอกจากเรื่องขน ที่แน่นอนว่ามันต้องมีอยู่แล้วอะเนอะ ก็อยากจะขจัดปัญหาไปทีละอย่าง 
อยากจะกำจัดขนให้สิ้นซาก 

เดิมทีเบลล์ใช้วิธีโกน โกนไปเรื่อยๆขนมันก็ขึ้นมาเข็งๆ 
เป็นตอๆน่าเกลียดกว่าเดิมอีก ลองเปลี่ยนไปใช้เครื่องถอนบ้าง ผิวมันก็เป็นตูดไก่ ตุ่มๆ โอยเครียด 
มาถึงหนทางสุดท้ายแล้ว เคยดูรีวิวหลายๆคนว่าดี ขนขึ้นช้าลง งอกใหม่แล้วเส้นจะบางลง 
ผิวเรียบเนียนขึ้น ไม่เป็นตูดไก่ และเผลอๆผิวน้องจั๊กจะดูใสขึ้นด้วย (อันนี้แอบหวังลึกๆ ฮ่าๆๆ) 
และนอกจากส่วนของจั๊ก ไหนๆก็ไปทำแล้ว ก็ขอใช้เวลาให้คุ้มค่า ก็ทำหนวดไปด้วยเลยละกัน 
เบลล์เลือกทำหนวด เพราะ เบลล์แต่งหน้าบ่อย เวลาทาลิปสติกสีสดๆพร้อมกับไรหนวด มันดูไม่โอเคเท่าไหร่ 
เวลาทำ swatch สี ถ่ายรูปแบบใกล้ๆ เห็นไรหนวดชัดๆ มันดูจั๊กจี้พาให้นึกถึงแม่บ้านมีหนวดอะไรแบบนั้น 
ก็เลยจัดการซะเลย เวลาทำรีวิวลิปสติกจะได้ไม่มีไรหนวดมารบกวนสายตาอีกต่อไป ฮรี่ๆๆๆ 

ถ้าถามว่า ทำไมต้องที่ APEX … 
เบลล์เคยปรึกษาเพื่อนๆ หลายเสียงก็แนะนำที่นี่ และพอดีกับที่ทาง APEX เปิดโอกาสให้มาลองทำ 
ก็เลยซื้อคอร์สเพิ่มไปด้วย พอได้ลองทำแล้วก็ไม่ผิดหวังค่ะ 
เห็นผลลัพธ์ชัดเจน บริการดี รวดเร็วทันใจ ราคาไม่แพง 
ดีแบบนี้เบลล์ก็เลยขอนำมาเขียนรีวิวให้เพื่อนๆได้ลองอ่านดูค่ะ



เกริ่นมายาวมากๆ เข้าเรื่องเลยเนอะ 
APEX เป็นคลินิกความงาม มีหลายสาขามากๆ เบลล์เลือกสาขาใกล้บ้าน PARAGON นั่นเองค่ะ 
สาขานี้แม้ว่าจะเป็นสาขาเล็กๆ แต่บอกเลยว่า บริการดี รวดเร็ว ไม่ต้องมานั่งรอคิวนานๆ 
แค่นัดไว้แล้วมาให้ตรงเวลา ถึงคิวก็เข้าไปทำได้เลย อันนี้ประทับใจจริงๆค่ะ



มาครั้งแรกก็ทำการลงทะเบียน เลือกคอร์ส ชำระเงินที่เคาน์เตอร์กันก่อน 
เรียบร้อยแล้วเค้าก็จะให้บัตรคอร์สเรามา หน้าตาเป็นแบบนี้…



ในบัตรจะเขียนวันนัดหมายครั้งต่อไป ด้านหลังมีระบุสาขาและเบอร์ติดต่อ 
เวลาจะเข้าไปรับการบริการครั้งต่อไปก็ง่ายแล้ว แค่ยื่นบัตรคอร์สนี้ให้พนักงาน 
นั่งรอเรียกชื่อ ก็เข้าไปทำเลเซอร์ได้เลย 

หลังจากจัดการเรื่องเอกสารและจ่ายเงินเรียบร้อย พอถึงคิวเรียกเข้าห้อง ก็จะเจอกับห้องเล็กๆแบบนี้ 



เข้าไปก็เปลี่ยนชุดจะใส่เสื้อคลุมที่เค้าเตรียมให้ก็ได้ แต่เบลล์ใส่เสื้อกล้ามไป ก็ทำได้เลยค่ะ 
เบลล์ว่าใส่แบบนี้สะดวกกว่าใส่เสื้อคลุมนะ เบลล์ทำสองจุดคือ หนวดและจั๊ก 
เค้าก็จะเริ่มที่หนวดก่อนเราก็ลงไปนอนรอบนเตียง จากนั้นพี่เค้าก็ให้ใส่แว่นกันแสง 
แล้วก็เริ่มเลเซอร์หนวด มีขั้นตอนตามนี้เลย 

1. ลงเคล็นซิ่งครีม เช็ดทำความสะอาด ลบเครื่องสำอางในส่วนเหนือริมฝีปากออกให้สะอาด 
2. โกนขนให้เกลี้ยง 
3. ทาเจลใสๆเย็นๆ 
4. ยิงเลเซอร์ ของที่นี่เป็น Gentle YAG เวลายิงจะรู้สึกเหมือนโดนดีด 
มีเจ็บบ้าง จะเจ็บแหลมๆทนได้นะคะ ไม่ได้เจ็บเว่อร์ไร อารมณ์สะดุ้งๆแปร๊บๆ 
พอยิงไปจะมีกลิ่นไหม้ คล้ายๆปลาหมึกย่าง (เอ๊ะยังไง หิวหรอ 555) 
แต่ก่อนเค้าจะยิง พี่เค้าจะใช้หัวยิงเย็นๆ น่าจะเป็นโลหะเย็นเจี๊ยบมานาบผิวที่จะยิง 
เพื่อให้ผิวจุดนั้นเย็นจัดจนรู้สึกชาๆ เพื่อให้ตอนยิงเลเซอร์จะไม่เจ็บ หรือเจ็บน้อยลงนั่นเองค่ะ 
ในขั้นตอนนี้ เค้าก็จะยิงไล่ไปเรื่อยๆจนครบบริเวณ 
5. จากนั้นก็เช็ดเจลใสออกจนสะอาด 
6. ทาครีมประโลมผิว กันการอักเสบ เท่านี้ก็เสร็จแล้วค่ะ 
ไวมากๆ หมดนี่ราวๆ 10-15 นาทีเองอ่ะ เร็วดี ทันใจสุดๆ 



พอทำหนวดเสร็จ ก็มาต่อกันที่จั๊กเลยจ้า 
ขั้นตอนก็เหมือนกันเลยค่ะ เพียงแค่ไม่ต้องล้างเมคอัพออกก็เท่านั้นเอง 



ก็เริ่มจาก 
เช็ดทำความสะอาด > โกนขน > ทาเจล > เลเซอร์ > ปาดเจลออก > เช็ดทำความสะอาด > ทาครีม 
จบแระ

เมื่อทำครบหนึ่งข้าง ก็ย้ายไปทำอีกข้างค่ะ เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย 

ความรู้สึกขณะทำ
ถามว่าเจ็บมั้ย เจ็บนะคะ แต่อยู่ในระดับที่ทนได้ ชิลๆ มันจะเจ็บแหลมๆแบบรวดเร็ว เหมือนโดนดีด 
ถ้าเทียบหนวดกับจั๊ก บอกเลยว่าหนวดเจ็บกว่าค่ะ บางจุดนี่น้ำตาแอบซึม ฮ่าๆๆ 
แต่เจ็บแป๊บเดียวก็หายค่ะ หลังทำเสร็จอาจจะรู้สึกชานิดๆ แต่ไม่นานก็หายเป็นปกติ 
สำหรับเบลล์ทำแล้วไม่เบิร์น ไม่แสบแดง ไม่บวม ไม่มีอาการใดๆเลย ชิลมากๆ



ทำเสร็จก็กลับบ้านได้ หรือจะไปเที่ยว ไปกินข้าว 
ทากันแดดตบแป้งทับก็ไปไหนๆต่อได้เลย สบ๊ายยย 

ทำนานแค่ไหนถึงเห็นผล
อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพขนก่อนทำด้วยนะคะ ถ้าใครที่ขนเส้นใหญ่ และดกมากๆ 
คอร์สเดียวอาจจะไม่เกลี้ยงนะ แต่สำหรับเบลล์ขนไม่ได้ดก หรือหนามากเท่าไหร่ 
ทำไปประมาณครั้งที่ 4 ขนก็เริ่มไม่งอกแล้วค่ะ งอกช้าลง มีขึ้นบ้างสองสามเส้น 
เป็นเส้นบางๆ เลยนัดเว้นช่วง จากเดิมนัดเดือนละครั้ง ก็ขยายออกเป็นเดือนครึ่ง สองเดือนนัดทีค่ะ 
มาถึงตอนนี้ทำไปแล้ว 6 ครั้ง ขนแทบไม่มีแล้วค่ะ ผิวเรียบเนียนขึ้นเยอะด้วยล่ะ 
จากที่ทำมา ก็บอกได้เลยว่าคอร์สที่ซื้อไป 1 คอร์สก็ครอบคลุมที่จะเห็นผลชัดเจนค่ะ พอใจมากๆค่ะ 

ผลหลังทำ 6 ครั้ง
ในส่วนของหนวด เห็นผลดีมากๆ ไรขนไม่ค่อยมีแล้วค่ะ 
ทาลิปสติกสีสันสดใสแล้วสบายตามากขึ้นเยอะเลย 555 



ในส่วนของน้องจั๊กก้านั้น….ไม่พูดมากเนาะ ดูรูปเลยละกัน 
(โอ้ยเขิน.. ขอซ่อนรูปไว้หน่อย ใครใจกล้าอยากดูก็คลิ๊กนะคะ 
กลัวใครเปิดผ่านๆมาเจอเดี๋ยวกินข้าวไม่ลง 55555)



จะเห็นเลยว่าขนหายไปหมดแล้ว ผิวเนียนขึ้นชัดเจน รอยคล้ำดูดีขึ้นด้วย
และอย่างที่บอกไปแต่แรกแล้วว่า จั๊กเบลล์ไม่สวยจริงๆ คือมันดำคล้ำเหมือนไปแพ้อะไรมา 
ก็ไม่รู้เป็นเพราะอะไร อาจจะอ้วน อาจจะฮอร์โมน อาจจะแพ้โรลออนสมัยเด็กๆ หรืออาจจะทุกอย่าง 
คือมันเป็นปมมากๆ แต่ได้มาทำที่ APEX แล้วเห็นผลดีขนาดนี้ น้ำตาจะไหล Smiley
คือมันดูโอเคขึ้นมากถ้าเทียบกับ before อะเนอะ แต่ถามว่าขาวสวยยัง ก็ยังไม่ขนาดดาราจั๊กใส 
แต่เดี๋ยวจะลองหาคอร์สจั๊กขาวใส ไปลองดูบ้างเผื่อจะมีจั๊กสวยๆกัเค้าบ้าง 5555 
แต่สำหรับคอร์สกำจัดขนได้ผลดีขนาดนี้ ก็พอใจมากๆๆๆๆแล้วค่ะ  

ค่าใช้จ่ายและระยะเวลา
สำหรับที่ APEX ตอนที่เบลล์ทำจะเป็นราคาตอนโปรโมชั่น ลด 50% ค่ะ 
หนวดปกติ 7,000 ลดเหลือ 3,500 บาท 
รักแร้ ลดเหลือ 9,000 บาท 
ส่วนระยะเวลาคอร์สนึง 5 ครั้ง แถม 3 ครั้งเผื่อในกรณีขนยังไม่หมด 

ในส่วนของราคาเบลล์อยากให้ลองสอบถามทาง APEX ดูก่อนนะคะ 
อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงสามารถสอบถามได้ทาง LINE เลยค่ะ //line.me/ti/p/%40apexbeauty 



สำหรับใครที่สนใจ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ช่องทางต่างๆตามนี้ค่ะ 

สำหรับบล็อกรีวิวนี้คงจบเพียบเท่านี้ 
เจอกันใหม่บล็อกหน้านะจ๊ะ 

บายๆ Smiley




 

Create Date : 25 เมษายน 2559    
Last Update : 25 เมษายน 2559 7:11:45 น.
Counter : 16967 Pageviews.  

REVIEW รีวิว LABSTORY Centella Regeneration Set เพื่อผิวใสไร้สิว





สวัสดีจ้าสาวๆ วันนี้เบลล์มีรีวิวมาฝาก 

ต้องบอกเลยว่ารีวิวสกินแคร์เซ็ทนี้เอาใจสาวๆที่มีปัญหารอยแผลจากสิว 
อารมณ์ว่าสิวหายแล้วแต่ยังทิ้งรอยแผล รอยแดงรอยดำไว้เป็นที่ระลึก 
สกินแคร์เซ็ทนี้เค้าจะเข้ามาช่วยสมานแผล เผยผิวกระจ่างใส ลดรอยต่างๆให้จางลง 
เซ็ทสกินแคร์ที่เบลล์นำมารีวิวในวันนี้ก็คือ LABSTORY Centella Regeneration Set2 นั่นเองจ้า



LABSTORY เป็นแบรนด์เวชสำอางจากประเทศเกาหลี หลายๆคนอาจจะคุ้นหูคุ้นตาแบรนด์นี้กันมาบ้าง 
แต่สำหรับเบลล์เอง นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ลองใช้แบรนด์นี้ และขอบอกเลยว่าใช้แล้วประทับใจมากๆค่ะ 
LABSTORY เค้ามีสกินแคร์ให้เลือกใช้เยอะมว๊ากกกก แต่ละไลน์ถูกออกแบบมา
เพื่อแก้ปัญหาผิวพรรณต่างๆกัน เบลล์ลองเปิดดูในแค็ตตาล็อกที่ทางแบรนด์ส่งมา 
พบว่าแต่ละชิ้นมีความน่าสนใจมากๆ ภาพสวย แพ๊คเกจดูดี นั่งอ่านเพลินๆ กิเลสพุ่งปรี๊ด5555 
น่าลองน่าใช้ไปซะหมด ไม่เชื่อ ลองดูในรูปสิคะ แค่แค๊ตตาล๊อกก็ทำออกมาดีมากๆ ดูน่าอ่านจริงๆ







ทีนี้เรากลับมาพูดถึงเซ็ท LABSTORY Centella Regeneration Set ที่เบลล์ได้ลองใช้กันบ้างดีกว่า 
สำหรับเซ็ทนี้ คุณสมบัติที่ทางแบรนด์เคลมไว้ คือ …

LABSTORY Centella Regeneration Set 2
แล็ปสตอรี่ เซนเทลลา รีเจนเนอเรชั่นเซ็ท 2
“เปิดประตูของแล็ปสตอรี่เข้าสู่ความลับในการรักษาผิวหน้าคุณ” 
ด้วยส่วนผสมหลัก สารสกัดจาก เซนเทลล่า เอเชียแอทิก้า (ใบบัวบก) 
มีคุณสมบัติช่วยสมานแผลที่เกิดจากสิว รอยแผล ลดการอักเสบ ทำให้แผลหายไวขึ้น 
บำรุงหลุมสิว ยับยั้งการเกิดรอยแผลเป็นหรือแผลนูนช่วยทำให้ผิวกระจ่างใส ลดริ้วรอย 
ลดรอยดำ รอยแดง ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองใช้ได้ดีกับทุกสภาพผิว 
ผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้ได้ 

และเพื่อให้ใช้แล้วเห็นผลดี ทางแบรนด์แนะนำให้ใช้พร้อมกันทั้งเซ็ท 3 ชิ้น 3 ขั้นตอน ประกอบด้วย 

1. ขั้นตอนการปรับสภาพผิวด้วยโทนเนอร์ 
Labstory Centella Asiatica Skin Booster Extra Mild 88 
2. ขั้นตอนการฟื้นฟูสร้างเซลล์ผิวใหม่ด้วยเซรั่ม 
Labstory Centella Asiatica Regeneration Serum 84
3. ขั้นตอนสุดท้ายเป็นการบำรุงผิวด้วยครีม 
Labstory Centella Asiatica Regeneration Cream 50

 เพื่อให้เห็นภาพชัดๆ เรามาดูกันไปละชิ้นเลยดีกว่าค่ะ เริ่มจากขั้นตอนแรก

1. Labstory Centella Asiatica Skin Booster Extra Mild 88
(150 ml.) ราคา 1,290 บาท
เป็นโทนเนอร์ปราศจากแอลกอฮอล์ สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว ใช้ปรับสภาพผิว ช่วยฆ่าเชื้อ 
และเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมสารบำรุงในขั้นตอนถัดไปถึง 2 เท่า 
ทั้งยังมีฤทธิ์ในการช่วยสมานแผล ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ลดการอักเสบ 
ช่วยเร่งการสร้างสารคอลลาเจน เพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับผิว 



บรรจุภัณฑ์ 
ขวดโทนเนอร์ทรงสูง ทำจากพลาสติก ตกหล่นก็ไม่แตก สบายใจได้ค่ะ 
บรรจุมาในกล่องพิมพ์ลายสวยงาม



มีรายละเอียดข้อมูลสำคัญต่างๆครบถ้วน และมีสติ๊กเกอร์ข้อมูลภาษาไทยกำกับเอาไว้ 
และที่กล่องเค้าจะมีสติ๊กเกอร์กันการแกะ แปะไว้ที่ฝาดูสะอาดน่าใช้มากๆค่ะ



เมื่อแกะกล่องออก ก็จะเจอกับขวดโทนเนอร์เท่ๆแบบนี้ 
หมุนฝาเกลียวออก ก็จะเจอกับปากขวดที่ถูกซีลไว้อย่างดี



เนื้อสัมผัส



เป็นน้ำเหลวๆใสๆ ซึมไว ทาไปแล้วสบายผิวมากๆค่ะ ไม่ทิ้งความมัน ไม่เหนียวเหนอะหนะ สามารถทาขั้นตอนถัดไปได้เลยส่วนกลิ่นจะมีกลิ่นหอมแบบสมุนไพรอ่อนๆ ไม่ฉุน ทาแล้วผ่อนคลายมากๆค่ะ 

2. Labstory Centella Asiatica Regeneration Serum 84
(30 ml.) ราคา 1,290 บาท 
เป็นเซรั่มช่วยฟื้นฟูผิวสร้างเซลล์ใหม่สำหรับทุกสภาพผิว ลดรอยที่เกิดจากสิว 
ช่วยสมานแผลล้ำลึก ทำให้ผิวหนังเต่งตึงและมีความยืดหยุ่นขึ้น 
เพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างคอลลาเจน ลดรอยแผล หลุมสิว ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย 
ลดรอยแผลเป็น รอยดำ รอยแดง อีกทั้งยังช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น 
คืนความเรียบเนียนกระจ่างใสให้ผิวที่มีรอยแผล และชะลอการเกิดริ้วรอย



บรรจุภัณฑ์
ขวดปั๊มสุญญากาศ บรรจุมาในกล่องพิมพ์ลายสวยงาม สไตล์เดียวกันทั้งคอลเลกชั่นค่ะ



รายละเอียดต่างๆครบถ้วน มีสติ๊กเกอร์ฉลากภาษาไทยติดไว้เช่นกันค่ะ



เมื่อแกะกล่องออกมาก็จะเจอกับขวดเซรั่มสีเขียว ฝาสีดำ หัวปั๊มแบบนี้…



ขวดปั๊มใช้งานง่าย ควบคุมปริมาณได้ง่าย สะดวกสุดๆค่ะ 
และขวดสุญญากาศช่วยคงคุณภาพเนื้อเซรั่มไว้ได้อย่างดีเบลล์ชอบแพ๊คเกจแบบนี้มากๆค่ะ 

เนื้อสัมผัส
เนื้อเซรั่มไม่เหลวจนเกินไป และก็ไม่ข้นหนืด เนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย ทาไปแล้วสบายผิวมากๆ 
ไม่มัน ไม่เหนียวหนึบ ซึมค่อนข้างไว เบลล์ชอบเนื้อสัมผัสของเซรั่มตัวนี้มากที่สุดจากทั้งสามชิ้น 
ส่วนกลิ่นก็หอมสมุนไพรอ่อนๆ แบบเดียวกับโทนเนอร์เลยค่ะ



3. Labstory Centella Asiatica Regeneration Cream 50
(60 ml.) ราคา 1,290 บาท 
ครีมบำรุงสำหรับทุกสภาพผิว ช่วยฟื้นฟูสร้างเซลล์ใหม่ให้ผิวชั้นนอก มีสารสกัดจากใบบัวบกถึง 50% 
ช่วยรักษาสิว มีสารช่วยที่ทำให้รอยดำจากสิวจางลง พร้อมลดสาเหตุของการเกิดสิวใหม่ 
ลดเลือนริ้วรอยที่เกิดขึ้นบนใบหน้า ไม่ว่าจะเกิดจากการบีบสิว กดสิว เค้นสิว 
หรือแม้กระทั่งรอยตีนกาก็สามารถช่วยให้ลดลงได้ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน 
ยับยั้งการเกิดรอยแผลเป็นหรือแผลนูน ที่สำคัญเมื่อเป็นสิวหนอง สามารถนำครีมมาแต้ม
บริเวณที่เป็นสิวจะช่วยลดการอักเสบได้เป็นอย่างดี



บรรจุภัณฑ์
เป็นกระปุกกลมๆ บรรจุมาในกล่องพิมพ์ลายสวยงาม สไตล์เดียวกันทั้งคอลเลกชั่นค่ะ



และเหมือนเคย คือมีรายละเอียดต่างๆพิมพ์ไว้ครบถ้วน พร้อมฉลากภาษาไทย



เมื่อแกะกล่องออกมาก็จะพบกับกระปุกครีมกลมๆ มีฝาสองชั้น ช่วยกั้นเนื้อครีมไม่ได้หกเลอะเทอะ



เนื้อสัมผัส
เนื้อครีมคล้ายๆเจลครีม สีขาวขุ่น เนื้อลื่นๆ เกลี่ยง่าย ทาไปแล้วสบายผิว 
ไม่ได้ซึมในทันที แต่จะเคลือบผิวเราเอาไว้จะรู้สึกชุ่มๆ ลื่นๆ ไม่เหนียวหนึบ 
มีกลิ่นหอมสมุนไพรอ่อนๆแบบเดียวกัน สำหรับครีมตัวนี้ถ้าทาตอนเช้าจะต้องรอให้ซึมลงผิวซักพัก
ค่อยแต่งหน้านะคะ ความรู้สึกจะลื่นๆเหมือนจะมัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้หน้ามันระหว่างวันแต่อย่างใด 
ส่วนถ้าทาก่อนนอนเบลล์จะโบกหนาๆแล้วนอนเลย ตื่นมาผิวนุ่มชุ่มชื้นดีมากๆค่ะ



ขั้นตอนและวิธีการใช้
หลังจากล้างหน้าสะอาด ซับผิวให้แห้งสนิทแล้วก็ทาไปทีละขั้นตอนเลยค่ะ 

1. ปรับสภาพผิวด้วยการทา Labstory Centella Asiatica Skin Booster Extra Mild 88 
หรืออาจจะใช้สำลีชุบแล้วค่อยๆเช็ดก็ได้ค่ะ 
2. ฟื้นฟูผิวด้วยการทาเซรั่ม Labstory Centella Asiatica Regeneration Serum 84 
เบลล์ใช้ประมาณ 2-3 ปั๊ม ทาให้ทั่วใบหน้าพร้อมนวดเบาๆ สบายผิวสุดๆค่ะ 
3. เคลือบบำรุงผิวด้วย Labstory Centella Asiatica Regeneration Cream 50 
แต้มไปให้ทั่วๆแล้วทาให้ทั่วใบหน้า 

เท่านี้ก็ครบ step การดูแลผิวด้วย LABSTORY Centella Regeneration Set แล้วล่ะค่ะ 
เซ็ทบำรุงผิวเซ็ทนี้สามารถใช้ได้ทั้งเช้าก่อนแต่งหน้า และกลางคืนทาก่อนนอนก็ได้ 
เบลล์ได้ลองใช้ทั้ง 3ชิ้นนี้ ทาเช้าและก่อนนอนเป็นเวลา 15 วัน แล้วถ่ายรูป before – after มาให้ชมกันค่ะ 

หมายเหตุ ช่วงที่ทดลองอาจจะมีสิวใหม่ผุดบ้าง เป็นช่วงก่อนประจำเดือนมาพอดี 
เบลล์จะมีสิวขึ้นช่วงคางเป็นปกติค่ะส่วนสิวที่คิ้วน่าจะมาจากลองเทสเครื่องสำอางใหม่
แล้วล้างไม่ดีเอง แหะๆๆ ขอให้โฟกัสที่รอยสิวเก่ากันดีกว่าค่ะ มาดูซิว่าจะเปลี่ยนไปแค่ไหน 



มองโดยรวมๆผ่านๆ เหมือนจะไม่เห็นความต่างชัดเจนเท่าไหร่ เพราะเบลล์ยังมีสิวที่เพิ่งขึ้นด้วย 
แต่ถ้าดูใกล้ๆ จะรู้เลยว่ารอยเก่าๆมันจางลงจริงๆ และผิวนุ่มชุ่มชื้นขึ้นด้วยค่ะ 

อ่ะซูมๆดูใกล้ๆสิคะ..



จุดที่เห็นชัดเจนสุดคือส่วนหว่างคิ้ว รอยสิวที่เคยมี ตอนนี้มันจางลงแทบจะหายสนิทเลยค่ะ 
รอยตรงขอบจมูกก็จางลงมาก เหลือเป็นรอยเล็กๆเท่านั้นแต่พวกรอยเก่าๆที่มีมานาน ไม่ได้จางลงนะคะ 
จะเห็นผลชัดในรอยใหม่ๆ สิวเพิ่งหาย แผลสะเก็ดๆนี่หายไว และง่ายมากมาดูอีกฝั่งกันบ้าง



รอยสิวใต้ตาก็จางลง พวกรอยจางๆตรงสันจมูกก็แอบจางลงด้วยล่ะมาดูที่คางกันบ้าง



โซนคางนี่เป็นอะไรที่ปราบเซียนมากๆ เพราะมีสิวใหม่ขึ้นตลอดเวลา 
เป็นสิวฮอร์โมน เห่อเดือนละครั้งสองครั้ง T^T ดูเผินๆเหมือนจะไม่หาย 
แต่จริงๆพวกรอยสิวที่หายแล้ว มันจางลงนะจ๊ะ 
นี่เป็นผลที่ได้หลังจากใช้ไปราวๆสองสัปดาห์เท่านั้นเบลล์ใช้แล้วชอบมากๆค่ะ 
คงใช้จนหมดแล้วซื้อใช้ต่อแน่ๆ เลิฟอ่ะ! 

ใช้แล้วเห็นผลดีขนาดนี้ เชื่อว่าต้องมีคนอยากลองแล้วแน่ๆเลย 
ได้ยินมาว่าตอนนี้แล็ปสตอรี่เพิ่งเปิดระบบสมาชิกไดเรคเซลชั้นเดียวด้วยนะคะ 
ซึ่งคนที่สมัครสมาชิกจะได้รับแคตตาล็อคสวยๆ เล่มนี้ไปเลยค่ะ 



เพื่อนๆสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ช่องทางต่างๆ ตามนี้เลยค่ะ
Line : @labstoryth 
Call center : 084-641-0007, 029487730 
Facebook : labstory.thai 



สำหรับรีวิวนี้ คงจบเพียงเท่านี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆนะคะ 
เอาไว้ได้ลองอะไรเด็ดๆจะเอามารีวิวให้ชมกันอีกแน่นอน เจอกันใหม่รีวิวหน้าค่ะ 

บายๆ
Smiley







 

Create Date : 18 เมษายน 2559    
Last Update : 18 เมษายน 2559 7:32:45 น.
Counter : 10815 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  

bellyly
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 88 คน [?]





สวัสดีจ้าสาวๆ เบลล์ bellyly อาจจะเงียบหายไปจาก bloggang นานเลย
จริงๆยังไม่ได้เลิกเขียนบล็อกนะคะ ช่วงนี้ย้ายเว็บค่ะ เริ่มขยับขยายเปิดบ้านเป็นของตัวเอง เพื่อที่จะปรับแต่งหน้าตาได้ตามใจชอบ และปรับปรุงหน้าบ้านให้ดูเป็นระเบียบ สวยงามอ่านได้ง่าย สบายตามากขึ้นด้วย



เบลล์ขอเชิญชวนให้ไปติดตามกันต่อ ที่



เพื่อนๆสามารถกดรับการแจ้งเตือนเมื่อมีการอัพเบล็อกใหม่ได้ที่ Tab Subscribe ด้านขวาในหน้าเว็บใหม่นะคะ



CONTACT
Email: bellyly_ly@hot หรือ bellyly@gmail
Facebook : http://www.facebook.com/BellyBlog
Instagram : http://instagram.com/bellyly#
Twitter : https://twitter.com/bellyly_ly







Friends' blogs
[Add bellyly's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.