ดึ๋ง ดึ่ง ดึ่ง ดึ๊ง
Group Blog
 
All blogs
 

REVIEW น้ำแร่ OGUMA Aqua Key 2X Extra Treatment

ถ้าใครขลุกตัวอยู่กับโลก Social Network มานาน อาจจะคุ้นๆชื่อแบรนด์ OGUMA กันมาบ้าง
บางคนอาจจะเคยเห็นดารา ไปจนถึง Beauty Blogger ใช้สเปรย์น้ำแร่ตัวนี้
อาจจะเคยผ่านตาทั้งใน IG และ Facebook แฟนเพจต่างๆ
ก็เกิดอาการสงสัยว่า สเปรย์น้ำแร่ตัวนี้ มันเจ๋งขนาดนั้นเลยหรอ
เพราะถ้าดูจากขวด ก็ดูเป็นขวดสเปรย์พลาสติกธรรมดา เอ...มันดียังไงนะ
หลายๆคนถึงพูดถึงกันเยอะ และด้วยความสัจจริงตอนแรกเบลล์เองก็ไม่ได้สนใจกระแสนี้เท่าไหร่
เพราะเข้าใจว่าการที่คนโพสรูปคู่กับขวดก็ไม่ได้แปลว่าเค้าใช้จริงๆ
อาจจะเป็นการโปรโมท หรือ โฆษณา แต่พอกระแสเริ่มหนักเข้า บางทีเบลล์เองก็เขวเหมือนกัน
เอ๊ะ หรือมันจะดีจริงๆ อะไรยังไงๆๆ เพราะฉะนั้น เมื่อเกิดความสงสัยว่ามันดียังไง
เราก็ต้องลองด้วยตัวเองซะเลย จะได้รู้ๆกันไปเลย แล้วแหม ประจวบเหมาะพอดีเป๊ะ
ทางผู้นำเข้าแบรนด์นี้ได้ติดต่อส่งของมาให้เบลล์ลองใช้ ก็เลยโป๊ะเช๊ะ
เราจะได้ทดลองใช้จริงๆแล้วจ้า พอได้ลองใช้มาระยะใหญ่ๆแล้ว ก็พบว่าเอ้อ มันก็โอเคอยู่นะ
ใช้ครั้งแรกจะรู้สึกเลยว่าชุ่มชื้นจริง ซึมไว ส่วนเอฟเฟกต์อื่นๆบอกไม่ถูกค่ะ ว่าพิเศษอย่างไร
แต่บอกเลยว่าตอนนี้ใช้แล้วติดค่ะ ต้องใช้ทุกวันจริงๆ 555555

เอ๊า เพ้อเจ้อมานาน เรามาเจาะดูรีวิวทีละส่วนกันดีกว่าค่ะ
ชื่อเต็มๆของสเปรย์น้ำแร่ตัวนี้คือ ... OGUMA Aqua Key 2X Extra Treatment

แพคเกจเค้าจะมาเป็นกล่องเรียบๆสีขาวๆทรงสูงๆแบบนี้ค่ะ


ที่กล่องมีพิมพ์รายละเอียดต่างๆเป็นภาษาจีน และภาษาอังกฤษ
(ที่เป็นภาษาจีน ก็เพราะ OGUMA เป็นผลิตภัณฑ์จากไต้หวันนั่นเอง)

เปิดออกมาจะเจอกับขวดพลาสติกทรงสูงสีน้ำเงินใส มองเห็นน้ำข้างใน
ข้างขวดมีสติ๊กเกอร์ฉลากภาษาไทยกำกับ วิธีใช้ ส่วนประกอบ ที่ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ครบถ้วนค่ะ
ขวดแลดูธรรมดามากๆ แต่ลองพ่นแล้วจะพบว่าละอองละเอียดใช้ได้เลย เพื่อให้เห็นชัดๆเบลล์ถ่ายมาโครใกล้ๆ ให้เห็นละอองที่เล็กมากๆ ดูได้ที่รูปมุมขว่าล่างค่ะ

นอกจากเรื่องความละเอียดของละอองน้ำแร่ สิ่งที่ชอบมากๆคือพบว่ามันซึมไวมากๆ
อันนี้ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองรึเปล่า เบลล์รู้สึกว่าตัวนี้ซึมเข้าผิวไวกว่าน้ำแร่ตัวอื่นๆ
เทียบที่ขนาดละอองใกล้เคียงกันค่ะแต่ถ้าเข้าไปอ่านข้อมูลผลิตภัณฑ์ของแบรนด์
เค้าเคลมว่า OGUMA มีโมเลกุลน้ำขนาดเล็กและมีเทคโนโลยี ICE หรือ Ion Complex Elite
ที่ทำให้น้ำแร่ซึมลงผิวได้ลึกกว่า เร็วกว่า พร้อมให้ความชุ่มชื้นรู้สึกได้ภายใน 90วินาที
ซึ่งพอลองใช้เองก็พบว่า ซึมไวกว่าจริงๆ ชุ่มชื่นจริง แต่ภายใน 90 วิ รึเปล่า อันนี้ตอบไม่ได้ค่ะ
ไม่ได้จับเวลาอะ 555555

ในเรื่องความชุ่มชื้น อันนี้พอจะตอบได้ว่า ชุ่มชื้นขึ้นจริงๆ เลยถ่ายรูปหลักฐานมาให้ดูจ้า..

รูปซ้ายจะเห็นว่าผิวแห้งมาก เห็นความเหี่ยวเล็กๆบนผิว แต่พอพ่น OGUMA แล้วรอให้ซึม
จะเป็นแบบรูปขวาค่ะเห็นเลยว่าผิวเต่งขึ้น ทำให้รอยเหี่ยวจางลง

แต่ทั้งนี้ความชุ่มชิ้นมันก็ไม่ได้ทำให้คงสภาพผิวแบบนี้ได้ไปตลอดนะคะ
เพราะผิวเราเสียความชุ่มชื้นตลอดเวลาอยู่แล้ว การพ่นสเปรย์น้ำแร่เป็นเพียงตัวช่วยตัวนึงเท่านั้น
ที่จะช่วยคงสภาพ คงความชุ่มชื่นให้กับผิว มันยังมีอีกหลายวิธีที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
เพียงแต่วิธีนี้ทำได้สะดวกและพ่นได้ทั้งวัน แม้จะมีเมคอัพอยู่ก็สามารถพ่นได้โดยไม่ทำลายเมคอัพจากที่ลองใช้เอง พบว่าการฉีดทับเมคอัพยังช่วยให้เมคอัพเซ็ทตัวกับผิวได้ไวขึ้น
วันไหนรีบออกจากบ้าน จะทาแป้งผสมรองพื้น แล้วพ่นสเปรย์ทับเพื่อให้สีแป้งกลืนกับผิวได้ดี
ไม่ลอยๆโบ๊ะๆแบบเพิ่งแต่งเสร็จ อันนี้ช่วยได้มากทีเดียวค่ะ

และอีกข้อดีอันนึงที่คิดว่าเป็นจุดเด่นของ OGUMA เลย ก็คือ เวลาทาครีมบำรุงผิวเยอะๆหลายตัวๆ
แล้วพ่นสเปรย์อันนี้ทับ จะรู้สึกว่ามันซึมเข้าผิวได้ดีขึ้น ไม่ลอยๆกองๆบนผิว
อันนี้ก็ไม่รู้ว่าคิดไปเองอีกรึเปล่า ใครเคยลองใช้แล้วเป็นยังไงลองมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ

อ่อ แล้วอีกเรื่องสำคัญที่เกือบลืมพูดถึง ก็คือ สเปรย์น้ำแร่ตัวนี้เค้าไม่มีกลิ่นน้ำหอมนะคะ
ทำให้เราฉีดพ่นได้ตลอดเวลา พ่นเช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน
พ่นได้โดยไม่กังวลว่าจะตกค้างบนผิว ไม่ต้องกังวลว่าจะแพ้น้ำหอม อันนี้ถือว่าสอบผ่านฉลุยค่ะ
ใครที่แพ้ง่าย ใช้ตัวนี้น่าจะไม่มีปัญหาค่ะ

ทีนี้ ถ้าใครได้เข้าไปอ่านข้อมูลผิลตภัณฑ์จากเว็บต่างๆ จะพบว่าเค้าเคลมข้อดีไว้เยอะมว๊ากกกกกก
แบบว่านานับประการ ซึ่ง ณ จุดๆนี้ เบลล์ก็ไม่สามารถพิสูจน์ผลดีด้านๆอื่นได้ครบ
แต่จากประสบการณ์การทดลองใช้เอง ก็รู้สึกว่า ข้อดีที่สัมผัสได้จริงสองสามข้อที่กล่าวมาข้างต้น
แค่นี้ก็ถือว่าดีมากๆสำหรับสเปรย์น้ำแร่ขวดนึงแล้วล่ะค่ะ
 มีบางจุดทำได้ดี ดีกว่าสเปรย์ราคาแพงบางตัวซะอีกนะ 5555

เอาล่ะ พูดข้อดีไปมากมาย ข้อเสียล่ะ มีมั้ย..เบลล์ว่า มันก็มีนิดหน่อยนะคะ คือ
โดยส่วนตัวรู้สึกว่าแพคเกจไม่สวยเอาซะเลย และให้ปริมาณมาเยอะมาก ทำให้ขวดหนักมาก
ครั้นจะพกติดตัวก็แบกไม่ไหว จุดนี้ อยากจะให้ผลิตขวดเล็กจิ๋ว ขนาดพกพาออกมาขายจริงๆค่ะ
จะซื้อพกใส่กระเป๋าจริงๆนะ ข้อเสียในความเห็นส่วนตัวคงมีเท่านี้ค่ะ

แล้วถามว่า ถ้าใช้หมดจะซื้อต่อมั้ย บอกเลยว่าซื้อต่อแน่นอนค่ะ
ไม่ได้ซื้อเพราะเค้าเคลมสรรพคุณล้านแปดอย่าง
แต่ซื้อเพราะเราลองใช้แล้วรู้สึกถึงผลลัพธ์จริงในบางประการ
และบอกเลยว่าใช้แล้วติดเลยจ้า 555555

ทีนี้ใครอ่านๆรีวิวดูแล้วเริ่มสนใจ เบลล์ก็อยากให้ลองอ่านความเห็น หรือ อ่านรีวิวจากหลายๆมุม
เพราะของบางอย่างเราใช้แล้วดีกับเรา แต่กับบางคนอาจจะไม่เวิร์ค หรือบางคนอาจจะแพ้ก็มี
เพราะฉะนั้น อยากให้อ่านข้อมูลเยอะๆก่อนตัดสินใจค่ะ
แล้วสุดท้ายใช้แล้วดีหรือไม่ดี ก็ต้องทดลองด้วยตัวเองเท่านั้นถึงจะบอกได้จริงมั้ยคะ
สุดท้าย ก็หวังว่าสาวๆจะได้เจอผลิตภัณฑ์ที่ใช่! นะคะ

วันนี้ขอตัวแล้วจ้า
บ๊ายบาย
Smiley




 

Create Date : 25 พฤศจิกายน 2556    
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2556 22:14:04 น.
Counter : 12008 Pageviews.  

REVIEW มาสคาร่าแบรนด์น้องใหม่สัญชาติเกาหลี Touch In Sol

ช่วงนี้มีแบรนด์เครื่องสำอางเกาหลีบุกเข้าไทยมากมายหลายแบรนด์เลยทีเดียว
สาวๆอาจจะยังไม่คุ้นเคยกันเท่าไหร่ วันนี้เบลล์ขอหยิบเอาเครื่องสำอางชิ้นเล็กๆ
จากแบรนด์นึงที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน เอามารีวิวให้ได้ชมกันค่ะ
สิ่งนั้นก็คือ ...

"I get some more Volume Mascara" มาสคาร่าจากแบรนด์ Touch In Sol
นั่นเองค่าาาาา

หน้าตาแพคเกจจะเป็นกล่องสีม่วงแบบนี้..


บนกล่องก็จะมีรายละเอียดต่างๆเขียนเป็นภาษาเกาหลี (อ่าว อ่านไม่ออก 55555)
แต่หมุนๆดูก็จะเจอฉลากสติ๊กเกอร์ภาษาไทยระบุรายละเอียดที่จำเป็นครบถ้วนค่ะ
พร้อมกับมีระบุวันที่ผลิต วันหมดอายุ ครบถ้วนดีมาก

ในส่วนของตัวแท่งมาสคาร่าเป็นพลาสติกแข็งผิวด้าน ดูดีโอเคเลยค่ะ ไม่ก๊องแก๊ง

บนแท่งสกรีนลายกราฟฟิกชื่อรุ่นมาสคาร่าแบบเท่ๆ
ลองหมุนแปรงออกมาให้ชมกันใกล้ๆ ตัวหัวแปรงเค้าจะมีส่วนเว้า ส่วนโค้ง ทำให้ซอกซอนได้ดีทีเดียว
และขนแปรงจะหมุนเป็นเกลียวแน่น ทำให้เนื้อมาสคาร่าติดขึ้นมากับแปรงได้ปริมาณที่พอเหมาะ
เวลาปัดแล้วไม่ค่อยเป็นก้อนกรังๆ

พูดไปก็จะไม่เชื่อ เบลล์เลยถ่ายรูปมาให้ชมกันค่ะ
ว่าแปรงมันซอกซอน ช้อนยกขนตาได้ทั่วดีมาก

แปรงปัดง่าย เนื้อมาสคาร่าค่อนข้างเบา คือปัดแล้วขนตาไม่ค่อยตก
ดัดขนตาแล้วปัด ก็ยังประคองความโค้งงอนได้โอเค
เบลล์ลองให้น้องบูมปัด 1ชั้น และ 2 ชั้น มาเทียบดูว่า ผลที่ได้จะเป็นยังไง...

จากรูปจะเห็นว่า มาสคาร่าตัวนี้ปัดแล้วขนตาเรียงเส้นดี ไม่จับตัวเป็นก้อน
เนื้อมาสคาร่าเคลือบบนเส้นขนตาได้เนียน ปัดรอบแรกดูขนตาหนาขึ้น แต่ยังคงดูเป็นธรรมชาติอยู่
พอปัดรอบสอง โอ้ว!! ขนตาดูยาวขึ้นมากกกกก และหนาขึ้น แต่ยังเรียงเส้นสวยงาม
อันนี้บอกเลยว่าตอนปัดครั้งแรก รู้สึกประทับใจทีเดียว

ส่วนเรื่องความคงทน เท่าที่ลองปัดแต่เช้า ขนตาก็ยังอยู่สภาพเดิมยันเย็น
ไม่ร่วง ไม่ทำให้ตาเป็นแพนด้า แต่ทั้งนี้ เบลล์ไม่ใช่คนหนังตามันนะคะ
เลยบอกไม่ได้ค่ะ ว่า ถ้าคนหนังตามันใช้แล้วจะแพนด้ามั้ย อันนี้คงต้องไปลองกันเองดีกว่าค่ะ

สุดท้ายเรื่องราคา อันนี้เบลล์ไม่ทราบจริงๆ ทางแบรนด์ไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรมาค่ะ
ให้มาสคาร่ามาลอง ก็เลยลองใช้ไปยาวๆ ใช้แล้วดีเลยเอามารีวิวให้ชมกันนี่แหละจ้า 5555

เอาล่ะสำหรับรีวิวนี้ มาแบบสั้นๆกระชับ แต่เน้นทดสอบผลให้เห็นกันชัดๆ
ถ้าเพื่อนๆอ่านรีวิวแล้วชอบ สามารถfeedbackได้นะคะ จะในนี้หรือในแฟนเพจก็ยินดีค่ะ
ยินดีรับฟังความเห็นเพื่อนำไปปรับปรุงต่อไปค่ะ

วันนี้ไปแล้วจ้า
บ๊ายบายยย







 

Create Date : 25 พฤศจิกายน 2556    
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2556 19:39:53 น.
Counter : 2850 Pageviews.  

REVIEW Provamed Sun Perfect Cleansing Water

วันนี้มีรีวิวใหม่คลอดมาให้ชมกันอีกแล้วค่ะ ช่วงนี้อั้นไว้หลายรีวิวเลยเชียว
แต่ก็ต้องทะยอยๆเขียนออกมา อาจจะรอกันยาวหน่อย แต่รับรองว่า
ของทุกชิ้นได้ใช้เวลาลองเองจริงๆระยะประมาณนึง (มันถึงใช้เวลานานอะนะ)
ใช้จนเห็นผลก็จะนำมาเขียนรีวิวให้อ่านกันค่ะ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า
เบลล์ไม่อยากปล่อยรีวิวออกมาแบบเน้นปริมาณแต่ด้อยคุณภาพ
เพื่อให้คนที่เข้ามาอ่าน จะได้สาระ ได้ข้อมูลดีๆกลับไปค่ะ

แหมเกริ่นซะยาว ก็อย่างที่บอกค่ะ รีวิวตัวนี้ก็เช่นกัน
เบลล์ลองใช้จนจะหมดขวดแล้ว มั่นใจกับผลลัพธ์แล้ว เลยเอามาปล่อยไห้อ่านกันจ้า
(ในรูปอาจจะเห็นเต็มขวด เพราะเอามาถ่ายเก็บไว้ก่อนเนิ่นๆ กลัวรูปไม่สวยจ้า555)

เอาล่ะ วันนี้จะรีวิวสิ่งนี้...

Provamed Sun Perfect Cleansing Water (200ml 350บาท)
เป็นน้ำยาล้างเครื่องสำอางและครีมกันแดดในรูปแบบน้ำนั่นเอง
ตัวนี้จุดขายเค้าอยู่ที่ว่า มันสามารถเช็ดทำความสะอาดครีมกันแดดได้ดี
ไม่มีน้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอล ไม่ผสมสี เหมาะกับผิวบอบบางแพ้ง่าย

เรามาดูแพคเกจเค้าใกล้ๆกันดีกว่า
กล่องเค้าจะมาแบบใสๆ พิมพ์กราฟฟิกโดยรอบ มีรายละเอียดข้อมูลครบถ้วน

ด้านหลังขวดและกล่องจะมีเขียนคำอธิบาย วิธีใช้ ส่วนประกอบ
มาดูด้านข้างทั้งสองด้านกันบ้าง


แพคเกจเค้าจะมาเป็นแบบขวดปั๊ม กดออกมาจะเป็นน้ำเหลวๆใสๆมีสีเหลืองจางๆ
ไม่ได้ใสปิ๊งแบบน้ำเปล่าค่ะ จะสังเกตได้เวลาปั๊มลงบนแผ่นสำลี
แต่ถ้าไม่ได้สังเกตก็อาจจะไม่เห็นชัดอะไรค่ะ

ทีนี้ ไม่พูดพร่ำทำเพลง เรามาทดสอบให้เห็นกันชัดๆเลยดีกว่า ว่าเช็ดอะไรออก ไม่ออกบ้าง
วันนี้เบลล์จะใช้เครื่องสำอางที่ว่าติดทนประมาณนึง ตามนี้เลยค่ะ

แล้วก็เอามาปาดเรียงกันบนแขน จะได้เห็นกันชัดๆ


ครีมกันแดดที่นำมาทดสอบจะเป็น Minus Sun เป็นกันแดดที่มีผสมสีเบจ
เหมือนเป็นเบสหรือรองพื้นบางๆในตัว เป็นตัวที่หลายๆคนใช้แล้วอุดตัน เพราะมันติดทนใช้ได้เลย
ก็เลยเลือกมาใช้ทำรีวิววันนี้กันค่ะ และอีกชิ้นที่ติดทนสุด คือรองพื้นเรฟลอนฝาดำ
ตัวที่หลายๆคนน่าจะเคยได้ยินชื่อเสียงว่า เป๊ะ แน่น และทนมาก เราก็จะนำมาทดสอบดูว่า
ตัวล้างเมคอัพตัวนี้จะลบออกได้ประมาณไหน

หลังจากปาดสีทั่วแขนแล้ว เบลล์ก็ปั๊มน้ำยาใส่สำลีจนชุ่มอย่างที่เห็นในรูปบนๆ
แล้วก็ปาดลูบลงมาช้าๆ รอบเดียว จะได้ตามนี้...

ถ้ายังเห็นไม่ชัด เบลล์มีรูปโคลสอัพใกล้ๆมาให้ชมกันค่ะ
ไล่จากบนลงล่างเลยเนอะ

จะเห็นว่า พวกอายไลน์เนอร์ออกค่อนข้างดี มาสคาร่าไม่ค่อยออกแฮะ แต่ก็อย่างว่า
ตัวนี้เค้าเน้นล้างกันแดดนี่หน่าเนอะ แล้วดูช่องกันแดดก็ออกมาโอเคเลย ดูล้างออกสะอาดเลยล่ะ
ส่วนบรรดาลิปสติก ออกไม่หมด สียังติดอยู่จางๆ จากที่ลองใช้มาระยะยาว
พบว่า ยังไงก็ควรใช้ Eye and Lips Makeup Remover เช็ดตาและปาก
ให้มาสคาร่าและลิปหลุดหมดก่อน แล้วเช็ดตามด้วย Provamed ตัวนี้
แล้วล้างหน้าด้วยเจลหรือโฟมอีกที ก็จะสะอาดหมดจดค่ะ

มาดูกันอีกรูปใกล้ๆว่าผลลัพธ์ส่วนอื่นๆที่เหลือเป็นยังไง

ในส่วนของคอนซิลเลอร์และแป้งออกหมด สะอาดดีค่ะ
แต่สำหรับรองพื้นขั้นเทพ ติดทนจริงๆ เช็ดออกไม่หมดจ้า ต้องเช็ดซ้ำสองสามรอบถึงจะเกลี้ยง

หลังเช็ดแล้ว สำลีเราจะมีสภาพแบบนี้...

สิ่งสกปรกจะจับตัวกองบนสำลี เห็นกันชัดๆเลยว่าเช็ดออกจ้า

เอาล่ะ เราก็เห็นประสิทธิภาพ ระดับการทำความสะอาดที่ได้จาก
Provamed Sun Perfect Cleansing Water กันแล้ว
เบลล์ถือว่า เป็นที่ล้างเมคอัพที่โอเคเลย เมื่อเทียบคุณภาพ ปริมาณและราคา
ถือว่าไม่แพง และใช้ดีค่ะ เหมาะกับวันที่แต่งหน้าบางๆ และน่าจะเหมาะกับหนุ่มๆที่ทากันแดด
ช่วยให้ไม่เป็นสิวอุดตัน เช็ดสะอาดแล้วล้างหน้าอีกรอบ รับรองสะอาดกิ๊งเลยจ้า

แต่ถ้าวันไหนแต่งหน้าจัดเต็ม เบลล์ว่าตัวนี้อาจจะเบาเกินไป อาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่ค่ะ
แนะนำให้ล้างด้วยออย์หรือน้ำนมนวดแล้วล้างออก จะล้างได้ล้ำลึกกว่าค่ะ

ส่วนเรื่องอื่นๆ นอกเหนือจากประสิทธิภาพการล้างแล้ว
เรื่องของกลิ่น จะบอกว่าไม่มีกลิ่้นก็ไม่ใช่ มันมีกลิ่นจางๆ ไม่หอมแบบน้ำหอม แต่ก็ไม่เหม็นนะ
แล้วก็มีเรื่องของความรู้สึกหลังเช็ดหน้า เบลล์ว่าเช็ดแล้วผิวก็ไม่รู้สึกแห้งตึงแต่อย่างใด
ให้ความรู้สึกสะอาด แต่ก็ยังรู้สึกว่าจะต้องล้างหน้าอีกรอบอยู่ดี
จุดนี้อาจจะรู้สึกไปเอง555 ที่ฉลากเค้าว่าเช็ดทำความสะอาดโดยไม่จำเป็นต้องล้างน้ำอีกรอบ
อันนี้ เบลล์ยังไม่เคยลองว่าสิวจะบุกมั้ยนะคะ ไม่คอนเฟิร์มค่าาา555

เอาล่ะ รีวิวนี้คงจบครบถ้วนแล้ว
อ่านแล้วมีความเห็นอย่างไร ทิ้งคอมเม้นท์ไว้ได้นะคะ
หรือจะตามมาพูดคุยกันในแฟนเพจ ก็ยินดีค่ะ

วันนี้ไปแล้วดีกว่า บ๊ายบายยยยย Smiley

ปล.ผลิตภัณฑ์นี้ได้ sponsor มาจาก Provamed
แต่ผลการรีวิวเกิดจากการใช้จริงทั้งหมดค่ะ




 

Create Date : 21 พฤศจิกายน 2556    
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2556 22:50:10 น.
Counter : 5129 Pageviews.  

REVIEW เบสและแป้งตัวใหม่ : COVERMARK <JUSME COLOR > LASTING MAKE UP BASE และ POWDERY FOUNDATION

รีวิวมาแล้วจ้า!! นานๆจะว่างมาโพสรีวิวแบบจัดเต็มกะเค้า
วันนี้เบลล์จะมารีวิวแป้งและเบสตัวใหม่ล่าสุดของ COVERMARK ค่ะ
อันที่จริงก็ได้มาลองใช้นานแล้วล่ะ เป็นเดือนได้555 ซึ่งแป้งและเบสที่ว่านี้
เบลล์ได้มาจากกงาน "Watashi Color My Color My Style" By Covermark เมื่อเดือนที่แล้ว
โดยในงานจะมีการทดสอบและค้นหาสีของรองพื้นและเบส
ที่ตรงกับอันเดอร์โทนของสาวๆแต่ละคน ถ้าใครสนใจเรื่องการเลือกสีลองคลิกย้อนกลับไปอ่านได้ค่ะ
กลับมาที่เรื่องแป้งและเบส หลังจากที่ได้รับมาลองใช้
ตอนนี้ก็ใช้จนแป้งยุบไปครึ่งตลับแล้ว ใช้จนแน่ใจในผลลัพธ์
ก็เลยถึงเวลาที่รีวิวจะสุกงอม เอามาปอกให้สาวๆได้อ่านกันอย่างเต็มอิ่มค่ะ

เบสและแป้งตัวใหม่นี้มีชื่อเต็มๆที่ยาวมาก ว่า...
COVERMARK LASTING MAKE UP BASE  SPF38 PA+++


และ  COVERMARK POWDERY FOUNDATION

ซึ่งถ้าอ่านจากชื่อ แล้วแปลกันตรงๆ คงต้องเรียกว่าเป็นรองพื้นเนื้อแป้ง และเบสที่ติดทนนาน
เรามาดูกันทีละตัวเลยดีกว่า เริ่มที่เบสกันก่อนเลยค่ะ


COVERMARK LASTING MAKE UP BASE 
SPF38 PA+++

แพคเกจเค้าก็จะมาเป็นกล่องกระดาษแบบนี้

มีรายละเอียด ชื่อ ส่วนประกอบ ผู้ผลิต ล๊อตผลิต วันผลิต ฯลฯ ครบถ้วนพร้อมฉลากภาษาไทย
เบสรุ่นนี้ เค้าจะผลิตออกมาสองโทนสีด้วยกัน คือ B มาจาก Blue Base และ Y มาจาก Yellow Base
จากที่ได้ไปทดสอบหาสีของตัวเองมาแล้ว พบว่าเบลล์มีสีผิวโทนฟ้า หรือ Blue Base
เบลล์ก็เลยได้เบสสีนี้ (B) กลับมาลองใช้คู่กับแป้งรองพื้นที่มีสีตรงกับผิวมากๆ

ตัวกล่องเมื่อซื้อมาจะถูกซีลด้วยพลาสติกรอบด้าน มั่นใจได้ว่าจะไม่ถูกแกะมาก่อนถึงมือเรา
แกะกล่องออกมา จะเจอกับหลอดเบสขนาดพอดีมือ บรรจุเนื้อเบสปริมาณ 30 กรัม

แพคเกจหลอด ดูสวยเรียบไฮโซ ฝาเป็นสีทอง ส่วนตัวหลอดเป็นสีฟ้าไล่สีนิดๆค่ะ
ถ้าเป็นเบสโทนเหลือง หลอดก็จะเป็นสีเหลืองไล่สีค่ะ แบบนี้..


เมื่อเปิดหลอดออกมาดู ฝาหลอดเป็นแบบเกลียวหมุน เปิดง่ายปิดง่าย และปิดได้สนิท
ปากหลอดแคบกำลังดี ทำให้บีบเนื้อเบสออกมาได้ทีละนิด ควบคุมปริมาณได้ง่ายค่ะ
ไม่เกิดอาการสำลัก หรือบีบแล้วเนื้อเบสทะลักพุ่งตัวแต่อย่างใด แต่พอใช้ไปนานๆหลอดจะฟีบๆ
ไม่คืนตัวเท่าไหร่ คาดว่าถ้าใช้ใกล้หมดคงต้องทำการผ่าหลอด เพื่อควักเนื้อเบสออกมาใช้ให้หมด
(ด้วยความงกล้วนๆ 55555)
เนื้อเบสสำหรับโทนฟ้า จะเป็นเบสสีชมพูอ่อนๆ แต่พอทาไปแล้วไม่ออกสีเท่าไหร่ค่ะ
เนื้อเบสจะออกวาวนิดๆ แต่ไม่มีวิ๊ง ไม่มีกากเพชร ทาแล้วหน้าดูสว่างสดใสขึ้น แต่ไม่ดูลอย
ลองทาครึ่งหน้า จะออกมาประมาณนี้...

เบสตัวนี้ไม่มีผลในเรื่องการปกปิดใดๆ แต่จะช่วยเรื่องปรับสีผิวให้ดูสดใสขึ้น
(ถ้าเราเลือกใช้สีได้ถูกกับอันเดอร์โทนนะคะ)
ช่วยเรื่องความติดทน (อันนี้เห็นผลชัดเจนมากๆ เมื่อเทียบกับวันที่ไม่ทาเบสแล้วทาแต่แป้ง)
ช่วยกลบรูขุมขนได้ประมาณนึง ไม่ได้กลบสนิทเรียบแบบผิวเซรามิก
เมื่อมองใกล้มากๆ จะเห็นว่ากลบได้ประมาณนี้....

สำหรับเบลล์ แม้จะกลบไม่มิด แต่ก็ถือว่าทำได้ในระดับที่น่าพอใจทีเดียวค่ะ
ในเรื่องของผิวสัมผัส เนื้อเบสไม่ได้เหลวจนไหล แต่ก็ไม่ได้ข้นจนเกลี่ยยาก
เนื้อจะออกเบาๆ เกลี่ยง่าย แหังไว ทาแล้วลื่นไปกับผิว แต่ก็ไม่ได้ลื่นขนาดซิลิโคนเบส
ทาไปแล้ว เมื่อเอามือลูบเบาๆ จะรู้สึกถึง textureนิดๆของเบสที่อยู่บนผิว ไม่ได้ลื่นปรื๊ดๆ
ด้วยผิวสัมผัสแบบนี้ ทำให้แป้งที่ทาทับลงไปนั้น ยึดเกาะกับเบสและผิวเราได้ดีขึ้น
ทำให้เมคอัพเราติดทนนั่นเองจ้า แต่พอบอกว่าทาแล้วไม่ลื่นปรื้ดแถมยังมี texture ด้วย
หลายคนอาจจะตกใจ กลัวว่ามันทาแล้วหนามั้ย หนักหน้ามั้ย อย่างไร
บอกเลยว่าทาแล้วสบายผิวมากๆ เนื้อเบสเคลือบแบบบางเบา ไม่ได้รู้สึกหนักผิวแต่อย่างใด
ทาแล้วดูเหมือนไม่ได้ทา ประมาณนั้น 55555 แต่เอฟเฟกต์ที่ได้นั้นมันต่างกับไม่ได้ทาจริงๆนะเออ

ทั้งนี้ เราอย่าดูแต่ผลลัพธ์ที่ได้จากแค่การทาเบสอย่างเดียว
เราจะต้องดูผลที่ได้จากการใช้ของที่สร้างมาคู่กันด้วยว่า เมื่อใช้ครบคู่แล้วจะออกมาเป็นอย่างไร
มาดูรีวิวรองพื้นเนื้อแป้งกันต่อเลย...


COVERMARK POWDERY FOUNDATION
รองพื้นเนื้อแป้งตัวนี้จะขายแยกตลับและเนื้อแป้งนะคะ
(ตลับ 700.- แป้ง 1,500.-)
ตัวตลับจะมาในกล่องยาวๆ ส่วนกล่องสั้นๆจะเป็นเนื้อแป้งค่ะ

แพคเกจเป็นกล่องกระดาษ ซีลพลาสติกรอบด้านเหมือนกันกับเบส
มีดีเทลต่างๆครบถ้วน พร้อมฉลากภาษาไทยเรียบร้อย
กล่องของตลับแป้งจะยาวๆแบบนี้...

ส่วนกล่องของแป้งจะมาเป็นแบบนี้ค่ะ
บนฝากล่องจะระบุชื่อสีไว้ชัดเจน ใครใช้สีไหน คงต้องไปเทสสีกันที่เคาน์เตอร์นะคะ
เพื่อให้ได้สีที่ตรงกับผิวตัวเองที่สุด ส่วนตัวเบลล์เอง ทดสอบมาแล้วได้สี BO20 ตรงสุดค่ะ
(ย้อนกลับไปอ่านเรื่องการเลือกสีรองพื้น คลิก! )

เมื่อแกะกล่องออกมาจะพบกับตลับสีทองเหลือบๆเล่นกับแสง สวยหรู
ตัวตลับแข็งแรง ทนใช้ได้เลยค่ะ แน่นหนา สมราคาค่าตัว

โดยส่วนตัวเบลล์ใช้รุ่น Moisture Veil LX อยู่ตลับนึง ตลับเค้าก็ทนดีนะคะ
ใช้มาจนแป้งจะหมดแล้ว พกติดกระเป๋าตลอด ตลับยังอยู่ในสภาพดี แม้จะไม่ได้ถนอมอะไรมาก
มีแต่สีทองที่หลังตลับที่มีลอกบ้างนิดหน่อย แต่อื่นๆดูดีทุกอย่าง
ตลับรุ่นนี้หน้าตา วัสดุเหมือนกัน ต่างกันแค่สีหน้าตลับ เลยคาดหวังว่าน่าจะทนทานเหมือนกัน

ในกล่องของตลับแป้ง เค้าจะให้ฟองน้ำมาด้วย 1 ชิ้น 
เบลล์ชอบฟองน้ำของ Covermark มากๆ เพราะเป็นฟองน้ำที่หนานุ่ม เนื้อแน่น
ใช้ไปนานๆก็ไม่ยุ่ย เอาไปซักแล้วคืนสภาพดี ไม่พังง่าย
เนื้อฟองน้ำเค้าหยุ่นกำลังดี ทำให้เกาะแป้งออกมาแล้วปาดไปบนผิวได้เนียน ไม่ระคายผิว

มาในส่วนของตัวแป้ง แกะออกมาจากกล่อง จะเจอกับตลับพลาสติกสีขาวอีกชั้นนึง
เวลาจะเอามาประกอบร่างลงตลับ ก็ให้เอานิ้วดันที่ก้นตลับ ตัวถาดแป้งจะหลุดออกมา
เราก็เอาไป snap กับหลุมในตลับได้เลย ง่ายนิดเดียว
ไม่ต้องออกแรงเยอะ วางลงไปเบาๆ กดดังคลิ๊ก!! ก็เป็นอันเรียบร้อย

ดูเปลือกนอกกันครบทุกมุมแล้ว มาดูผลการทดลองใช้บ้างว่าจะเป็นอย่างไร
สังเกตเนื้อแป้งจากตลับ จะออกสีเข้มกว่าแป้งยี่ห้ออื่นที่เคยใช้ (เทียบกับสีที่ตรงกับผิว)
เนื้อแป้งเนียนมาก ไม่มีวิ๊ง ไม่มีประกายระยิบแต่อย่างใด
ลองทาครึ่งหน้า ทับส่วนที่ลงเบสไว้แล้ว จะได้แบบนี้ ...

ลุ๊คที่ได้จะออกแมทๆ ไม่วาว ไม่วิ๊ง สีค่อนข้างตรงกับผิว
ตอนทาใหม่ๆอาจจะดูสว่างกว่าจิ๊ดนึง แต่ทิ้งไว้พักนึงจะกลืน พอดีสีผิว
ระดับการปกปิด ถือว่าทำได้ดี ถ้ามองใกล้ๆจะพบว่าไม่ได้ปิดมิด แต่เนื้อแป้งเค้าช่วยกระจายแสง
ทำให้เวลามองในระยะปกติ จะช่วยพรางรอยต่างได้ดี
เนื้อแป้งบางเบาในระดับของรองพื้นค่ะ อย่าเอาไปเทียบกับแป้งฝุ่นนะจ๊ะ 5555
แป้งตัวนี้ จะทาให้ดูบางเบาก็ทำได้ จะเพิ่มการปกปิดก็ทาทับ build-up ทับเข้าไปก็ทำได้
ในรูปทารอบเดียว แล้วย้ำใต้ตา ก็ช่วยเรื่องแพนด้าได้พอไหวแต่ไม่มิดจ้า
เท่าที่ลอง ก็ถือว่า ทาแล้วดูเนียนได้ใจมากๆ แต่ถ้าทาทับหนาหน่อย ก็อาจจะดูโบ๊ะได้เช่นกัน
แต่ๆๆๆ อย่ากลัวไป เพราะพอแป้งเริ่มเซ็ทตัว ผิวก็จะดูเนียนกลืนกันไปเองค่ะ

มาโคลสอัพให้ดูกันใกล้ๆว่าทาใหม่ๆจะเป็นแบบนี้ค่ะ

จะเห็นว่าเนียนขึ้น รูขุมขนถูกพรางให้ดูเล็กลง เมื่อมองระยะปกติ ก็จะทำให้ผิวดูเรียบเนียนมากๆ
เท่าที่ลองมา ถือว่า เนียนกริบ แต่รู้สึกเบาผิว ไม่อึดอัด
ปกปิดดีในระดับที่สามารถแต่งไวๆ ออกงานได้ไม่ง้อรองพื้นแบบหนักๆเลยล่ะ


เอาล่ะ มาถึงคำถามที่มักจะโดนถามบ่อยๆ คือ คุมมันมั้ย?
อันนี้ก็ตอบยากนะคะ ผิวแต่ละคนไม่เหมือนกันเนอะ
แต่ก็จะมาลองให้ดูกันอย่างกลางๆว่า แบบนี้ ถือว่าคุมมันมั้ย สำหรับคุณ?
เบลล์จะไม่สนกับคำเคลมของแบรนด์ เรามาลองกันเลยดีกว่า...


แต่งหน้า 9 โมงเช้า..

ออกไปเที่ยวนอกบ้าน เดินห้าง เดินสยาม จนค่ำ กลับบ้าน 4 ทุ่ม...
จากในรูป เบลล์ไม่แตะหน้าเลยนะ ไม่มีการซับหน้า ไม่ซับผิว ไม่ทัชอัพ ไม่เติมแป้ง
ไม่ทำอะไรกับหน้าเลย ยกเว้นใส่แว่นกันแดด จนกลับบ้านมาถ่ายรูป ได้อย่างที่เห็น

มามองกันชัดๆ ใกล้ๆ..
จะสังเกตเห็นว่า ผิวดูเงาวาว ผิวมันขึ้น โดยส่วนตัวเป็นคนผิวผสมนะคะ
สำหรับสภาพอย่างที่เห็น โดยส่วนตัว ถือว่า หน้ามัน แต่ยังไม่และ
มีส่วนที่แป้งหลุดบ้าง โดยเฉพาะตรงที่ขาแว่นมาแตะดั้ง
ส่วนอื่นๆ ผิวดูมันก็จริง แต่ก็ยังมีเนื้อแป้งเกาะอยู่ ถ้าเอากระดาษทิชชูซับออก หน้าก็กลับมาเด้งได้อยู่
แต่สำหรับใครที่ผิวมันมากๆ คาดว่าถ้าทิ้งไว้ทั้งวันแบบเบลล์ คงเอาไม่อยู่แน่ๆ
ก็อาจจะต้องซับหน้าไวขึ้นค่ะ

ในส่วนของความติดทน เบลล์บอกเลยว่าทำได้ดีมาก ในกรณีที่ใช้แป้งคู่กับเบสเท่านั้น
สังเกตจากเวลาเช็ดหน้า ยังมีสีของแป้งติดสำลีออกมาเยอะทีเดียว
แต่ถ้าวันไหนไม่ใช้เบส ลงแต่แป้ง ระดับความติดทนก็จะลดลงเยอะเลยค่ะ
บ่ายๆก็เริ่มหลุดบ้างแล้ว เพราะฉะนั้น แป้งและเบสสองสิ่งนี้เค้าสร้างมาคู่กันจริงๆ
ใครที่สนใจ เบลล์แนะนำให้ซื้อมาใช้คู่กันจริงๆค่ะ เพื่อประสิทธิภาพที่ดีและส่งเสริมกันนั่นเองจ้า

สุดท้าย เท่าที่เบลล์ลองใช้มาครึ่งตลับแล้ว ยังไม่เป็นสิวแต่อย่างใด
ถือว่าไม่แพ้ และไม่อุดตัน อาจจะเพราะล้างหน้าละเอียดและใช้ remover เป็นประจำอยู่แล้ว
โดยรวม สำหรับแป้งและเบสคู่นี้ ถือว่าสอบผ่าน
และเป็นแป้งรองพื้นที่ทำหน้าที่ของรองพื้นได้ดี
ทั้งในเรื่องการปกปิด เนียน ติดทน เอาใจไปเลยเต็มๆค่ะ
ถ้าจะหัก อาจจะเรื่องราคาและที่มันต้องใช้คู่กันนี่แหละ 55555
ที่เหลือ เบลล์โอเคมากๆค่ะ ชอบเลย
Smiley

เอาล่ะ สำหรับรีวิวนี้ ก็คงจบลงเท่านี้
หวังว่า สาวๆที่ได้มาอ่านน่าจะชอบ และเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย
ถ้าใครมีคำถามอะไร ยังไงโพสทิ้งไว้ หรือจะเข้าไปถามในแฟนเพจก็ได้นะคะ
วันนี้ต้องไปแล้วจ้า

บ๊ายบายยยย
Smiley









 

Create Date : 05 พฤศจิกายน 2556    
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2556 20:40:49 น.
Counter : 37142 Pageviews.  

REVIEW ยกเซ็ท Cathy Doll READY2WHITE

สวัสดีค่ะๆ วันนี้มาอัพบล็อกอีกแล้ว คราวนี้จะมารีวิวเซ็ทสกินแคร์ Cathy Doll READY2WHITE ค่ะ
หลายๆคนน่าจะเคยเห็นแบรนด์นี้ วางขายในร้าน KARMART แพคเกจหน้าตาน่ารัก ดูแปลกตา
เคยได้ยินเค้าว่า เซ็ทนี้ทาแล้วขาวเลย ฟังแล้วก็ตกใจเล็กน้อย จริงรึเปล่า อันนี้ต้องพิสูจน์กันค่ะ
แล้ววันนี้เบลล์ก็มีโอกาสได้ลองจริงทั้งเซ็ท ลองใช้มาระยะนึงแล้ว เลยเอามารีวิวให้ชมกันค่ะ
มาดูกันชัดๆว่าแต่ละตัวใช้แล้วได้ผลอย่างไรบ้าง

เอาล่ะ เริ่มต้นที่ตัวแรกเลย หลอดใหญ่สุดในกลุ่ม...
Cathy Doll READY2WHITE
ONE DAY WHITENER BODY LOTION

หน้าตาหลอดจะยาวๆแบบนี้

ด้านหน้าจะเป็นรูปการ์ตูนผู้หญิงหัวโตผมสีชมพู ตาโตแบ๊วเชียว
หน้าหลอดเขียนว่า ช่วยเรื่องความขาวกระจ่างใส ให้ความชุ่มชื้น และกระชับรูขุมขน
ด้านหลัง มีดีเทล ส่วนผสม ผู้ผลิต วิธีใช้ต่างเรียบร้อยดี พร้อมสติ๊กเกอร์ฉลากภาษาไทย
ปริมาณ 150 ml / ราคา 495 บาท

ฝาจะเป็นฝาเกลียวหมุนๆ หัวบีบเล็ก บีบง่าย สามารถควบคุมเนื้อโลชั่นได้ง่าย
เนื้อโลชั่นไม่ข้นเกินไป เกลี่ยง่าย ซึมไว พอซึมแล้วแห้งเลย ไม่เหนียวเหนอะหนะ
แต่ยังรู้สึกว่ามีอะไรมาเคลือบผิว ไม่ได้รู้สึกตึงหรือรำคาญแต่อย่างใด ผิวจะแห้งเหมือนทาแป้ง

ลองทาแล้ว เห็นผลเลยทันทีว่า ผิวดูขาวขึ้นทันตา แม้จะไม่ได้ดูขาวเว่อร์ แต่ก็เห็นได้ว่าดูสว่างขึ้นจริง
เบลล์ว่ามันเป็นเอฟเฟกต์คล้ายๆการทารองพื้นบนผิว เพราะเวลาล้างออก สีผิวก็จะกลับมาเหมือนเดิม
ส่วนเรื่องความชุ่มชื้น ตอนทาก็รู้สึกได้ว่าผิวชุ่มชื่นขึ้นค่ะ แต่พอแห้งสนิทแล้ว ก็รู้สึกเฉยๆ
ส่วนเรื่องกระชับรูชุมขน เบลล์ว่า รูขุมขนบนผิวร่างกายมันไม่ได้เห็นชัดแบบผิวหน้าอยู่แล้ว
เลยตอบไม่ได้ว่่ากระชับขึ้นมั้ย อย่างไร แต่ตอบได้เลยว่าผิวดูขาวเรียบเนียนขึ้นค่ะ


ลองทาที่หน้าตักให้ดูด้วย จะเห็นว่า ถ้าส่วนของผิวที่ขาวอยู่แล้ว ทาไปก็ดูขาวขึ้นเล็กน้อย
ลองเทียบกับรูปด้านบนที่ทาบนแขน จะเห็นว่า แขนที่ดำๆ ดูขาวขึ้นมาก
แต่ก็สังเกตได้อีกนิดว่า โลชั่นตัวนี้ ช่วยพรางรอยด่างดำบนผิวได้ อย่างรอยดำตรงใกล้ๆหัวเข่า
พอทาไปแล้วดูจางลง แทบจะพรางได้สนิทดีทีเดียว

สรุปเลยว่า สำหรับโลชั่นตัวนี้ เบลล์ว่าเหมาะเวลาที่จะต้องออกงานที่โชว์ผิว ทาแล้วขาวเลย
แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง เบลล์คิดว่ามันอาจจะไม่เหมาะกับคนที่ผิวสีเข้มมากๆ
เพราะทาลงไปแล้ว อาจจะเห็นชัดว่ามีสีขาวเคลือบผิวอยู่ ทำให้ดูเทาๆแทนที่จะดูไบรท์ขึ้นค่ะ
ส่วนราคาเมื่อเทียบกับคุณภาพและปริมาณ ถือว่าไม่แพงเลยค่ะ
ใครที่ต้องออกงานบ่อยๆ หรือชอบโชว์ผิว ซื้อไปใช้ คุ้มแน่นอนจ้า


SmileySmileySmileySmileySmileySmiley

มาถึงตัวที่ 2 ดูแลผิวกายไปแล้ว มาดูแลผิวหน้ากันบ้าง
ในไลน์ของ READY2WHITE เค้ามีผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้า 3step คือ ล้าง พอก ทา

เริ่มที่ตัวแรกในส่วนของผิวหน้า ก็จะเป็น step การล้างหน้า
Cathy Doll READY2WHITE
BUBBLE MOUSSE CLEANSER

หน้าตาคลีนเซอร์ตัวนี้ จะมาเป็นขวดปั๊มสุญญากาศแบบนี้...

ด้านหน้าจะเป็นรูปการ์ตูนผู้หญิงหัวโตผมสีชมพู ตาโตแบ๊วเหมือนกันกับตัวอื่นๆในไลน์นี้
หน้าหลอดเขียนว่า ช่วยเรื่องความขาวกระจ่างใส ให้ความชุ่มชื้น และกระชับรูขุมขน
ด้านหลัง มีดีเทล ส่วนผสม ผู้ผลิต วิธีใช้ต่างเรียบร้อยดี พร้อมสติ๊กเกอร์ฉลากภาษาไทยติดอยู่ที่ฝา
ปริมาณ 100 ml / ราคา 215 บาท

สังเกตจะมีสติ๊กเกอร์โฮโลแกรม KARMART แปะไว้ที่แพคเกจ เพื่อแสดงว่าเป็นของแท้
หัวปั๊มจับกระชับมือ กดง่าย ไม่ต้องออกแรงเยอะ ปั๊มออกมาเบาๆ ก็จะได้ฟองนุ่มนิ่มแบบวิปปิ้งครีม
ฟองนุ่มและแน่นมาก คงตัวอยู่นาน ไม่ใช่ปั๊มออกมาแล้วฟีบทันที ปั๊มออกมาก้อนนึงก็ล้างได้ทั้งหน้า
เนื้อโฟมนุ่มลื่น เวลาล้างหน้าสะดวกมากๆไม่ต้องมาตีฟองเอง กดปั๊บล้างหน้าได้ทันที

ความรู้สึกจากการทดลองใช้ ชอบนะคะ กลิ่นหอมอ่อนๆ โฟมนิ่มลื่นไปกับผิว รู้สึกดี สบายผิว
ล้างแล้วเหมือนมีฟิล์มบางๆมาเคลือบ ช่วยคงความชุ่มชื้นไว้ ไม่แห้งตึง และล้างได้สะอาด
เท่าที่ลอง ถ้าแต่งหน้า จะใช้เมคอัพรีมูฟเวอร์เช็ดเครื่องสำอางออกก่อนรอบนึง แล้วล้างด้วยโฟมตัวนี้
ล้างรอบเดียว ลองไปเช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์ สำลีก็ดูขาวสะอาด ไม่เหลือคราบสกปรกใดๆ
ถือว่าสอบผ่านจ้า


Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley

มาถึง Step2 จะเป็นขั้นตอนการพอกหน้า หรือมาส์กนั่นเอง

Cathy Doll READY2WHITE
MILKY DRESS CREAM PACK

มาส์กหน้าตัวนี้ จะมาเป็นรูปแบบหลอดบีบ ฝาเปิดปิดง่าย
หน้าตาหลอดจะเป็นแบบนี้ ...

ด้านหน้าฉลากเหมือนกับตัวอื่นๆที่รีวิวไปตอนต้นค่ะ
ส่วนด้านหลัง ก็มีรายละเอียดทุกอย่างครบ มีสติ๊กเกอร์ฉลากภาษาไทยกำกับไว้เรียบร้อยดี
ปริมาณ 100 ml / ราคา 315 บาท

เปิดฝาออกมาครั้งแรกจะยังบีบไม่ออกนะคะ ต้องหมุนฝาออกมาแกะซีลปากหลอด ออกไปเสียก่อน
เนื้อครีมจะค่อนข้างข้น แต่ไม่เหนียวเหนอะ เนื้อเบาๆ เกลี่ยได้ง่าย สีขาวจั๊วะเลยค่ะ
ลองปาดไปบนผิวแล้วจะมีสีขาวชัดเจน นวดๆไปแป๊บเดียวก็ซึมและรู้สึกแห้ง
ไม่ได้เป็นแบบครีมลื่นๆกองบนผิวอย่างที่เคยใช้กันค่ะ นวดทิ้งไว้ 3-5 นาที
ตอนระหว่างมาส์กหน้า หน้าเราขาวจั๊วะแบบรูปกลางเลยค่ะ ถ้าให้แนะนำ ควรมาส์กที่คอด้วยนะคะ
เพราะพอล้างออกแล้ว ผิวดูขาวขึ้นจริงจัง มาส์กทั่วๆทั้งหน้าและคอ สีผิวจะได้ขาวทั่วกันสม่ำเสมอค่ะ
พอครบ 3-5 นาทีแล้ว ล้างออกให้สะอาด ตอนล้างเบลล์รู้สึกว่าแอบล้างยากนิดนึงค่ะ มันจะลื่นๆ
ตอนล้างจะรู้สึกว่าผิวนุ่มขึ้น และสิ่งที่น่าตกใจคือ หน้าขาวขึ้นชัดเลย

ทีนี้มาดูรูปเปรียบเทียบกันใกล้ๆบ้างว่า ก่อนมาส์กและหลังมาส์กให้ผลลัพธ์ต่างกันอย่างไร

จะเห็นชัดเลยว่า สีผิวสว่างขึ้น 1step และไม่ได้ดูขาวหลอกแบบเว่อร์เกินไป
และสังเกตดีๆ รูขุมขนดูกระชับขึ้น ผิวเนียนขึ้นชัดเจน

ตัวนี้ความเห็นส่วนตัว เบลล์ชอบมากค่ะ ถือว่าเป็นมาส์กขาวด่วนที่เวิร์ค
มาส์กแล้วหน้าดูไบร์ทขึ้นแบบไม่ขาวเว่อร์ หรือขาวแบบหลอกๆ ให้ความขาวที่ดูเป็นธรรมชาติ
(แม้ขณะมาส์กจะดูขาวหลอกมากก็ตาม 5555) คาดว่าจะได้ใช้เวลาจะไปงาน
หรือเวลารู้สึกหน้าหมองๆโทรมๆน่าจะช่วยได้ดี เอามามาส์กล่วงหน้าแป๊บนึงค่อยแต่งหน้า
สีผิวหลังมาส์กก็จะไม่กวนกับสีเบสหรือรองพื้นด้วย เริ่ดตรงนี้!

Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley

เอาล่ะมาที่ step สุดท้าย คือ การทาผิว
Cathy Doll READY2WHITE
ONE DAY WHITENER LOTION

หน้าตาหลอดจะคล้ายๆตัวบอดี้โลชั่น แต่เป็นเวอร์ชั่นสั้นกว่า แบบนี้
ตัวนี้แพคเกจเหมือนบอดี้โลชั่นมากๆ ต่างที่ขนาด ต้องอ่านชื่อดีๆค่ะ ชื่อเขียนไม่เหมือนกันนะ
ที่นี้ จุดต่างอาจจะอยู่ที่ด้านหลังค่ะ ตัวโลชั่นทาหน้า จะมีฉลากภาษาไทยพิมพ์ไว้บนหลอดเลยค่ะ
ไม่ได้เป็นสติ๊กเกอร์แบบบอดี้โลชั่น มีรายละเอียดต่างๆครบถ้วนดีค่ะ
ปริมาณ 75 ml / ราคา 395 บาท

ฝาเป็นแบบฝาเกลียว เหมือนบอดี้โลชั่นเป๊ะเลยค่ะ หลอดบีบง่าย หัวเล็ก ควบคุมปริมาณโลชั่นได้ง่าย

เนื้อโลชั่นดูเหมือนจะข้น แต่เกลี่ยง่ายมาก ลื่นๆนุ่มๆ ซึมไว แห้งไว ทาแล้วไม่เหนอะหนะ
รู้สึกชุ่มชื่นกว่าบอดี้โลชั่น ให้ความรู้สึกคล้ายๆการทากันแดดบนใบหน้า แต่ไม่หนึบๆ

ทีนี้ เบลล์ก็ลองทาบนหน้าจริงๆให้ชมกันค่ะ ว่าขาวขึ้นจริงมั้ย ขาวแค่ไหน
เพื่อให้เปรียบเทียบง่ายๆ เบลล์ทาแค่ครึ่งหน้า แล้วมาดูกันเลยค่าาาา


จะเห็นเลยว่าขาวขึ้น เนียนขึ้นเล็กน้อย จะเห็นเลยว่า สีต่างกับส่วนคอชัดเจน
เพราะฉะนั้น ถ้าใครจะทา ต้องทาไปถึงคอ หรือลามไปถึงทุกส่วนที่โผล่พ้นเสื้อด้วยนะคะ
ไม่งั้นมันจะเห็นชัดมาก ว่าสีขาวต่างกันจริงๆ5555

ข้อสรุปสำหรับตัวนี้ ก็คงคล้ายๆกับตัวบอดี้โลชั่นค่ะ คือ เหมาะกับคนที่ต้องการขาวทันที
ใช้เพื่อออกงานด่วนๆ ก็จะให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจค่ะ แต่สีผิวที่ขาวขึ้น ก็จะค่อยๆกลับคืน
เป็นสีผิวเดิมได้อีกค่ะ ส่วนผลระยะยาว เบลล์ยังตอบไม่ได้ว่าถ้าทาทุกวันต่อเนื่อง
ผิวจะขาวขึ้นถาวรหรือไม่อย่างไรค่ะ


และขอเสริมอีกนิดค่ะ ถ้าทาตัวนี้พยายามหลีกเลี่ยงการถ่ายรูปที่ใช้แฟลชแรงๆค่ะ
เพราะรูปที่ออกมา หน้าอาจจะดูวอกผิดปกติได้ค่ะ คล้ายๆกับการทากันแดดแบบ physical บางตัว
ที่เวลาเจอแสงแฟลชมันจะสะท้อนแสง เป็นผลให้รูปออกมาหน้าลอยนั่นเองจ้า
แต่สำหรับสภาพแสงอื่นๆดูขาวปกติไม่มีปัญหาค่ะ

เอาล่ะ เบลล์ก็รีวิวครบแล้วทั้ง 4 ตัว แต่จริงๆในไลน์นี้ยังมี ครีมอาบน้ำด้วยอีก 1 ชิ้น
สำหรับใครที่สนใจ ก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บ Cathy Doll โดยตรงเลยค่ะ
สุดท้ายต้องขอขอบคุณ KARMART และ Cathy Doll ที่สนับสนุนของมาให้เบลล์ลองใช้ค่ะ

Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley

หมายเหตุ : ผลการรีวิวทั้งหมดเกิดจากการทดลองใช้จริง
ประกอบกับความรู้สึกและความเห็นส่วนบุคคลค่ะ




 

Create Date : 14 ตุลาคม 2556    
Last Update : 14 ตุลาคม 2556 20:35:33 น.
Counter : 17904 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  

bellyly
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 88 คน [?]





สวัสดีจ้าสาวๆ เบลล์ bellyly อาจจะเงียบหายไปจาก bloggang นานเลย
จริงๆยังไม่ได้เลิกเขียนบล็อกนะคะ ช่วงนี้ย้ายเว็บค่ะ เริ่มขยับขยายเปิดบ้านเป็นของตัวเอง เพื่อที่จะปรับแต่งหน้าตาได้ตามใจชอบ และปรับปรุงหน้าบ้านให้ดูเป็นระเบียบ สวยงามอ่านได้ง่าย สบายตามากขึ้นด้วย



เบลล์ขอเชิญชวนให้ไปติดตามกันต่อ ที่



เพื่อนๆสามารถกดรับการแจ้งเตือนเมื่อมีการอัพเบล็อกใหม่ได้ที่ Tab Subscribe ด้านขวาในหน้าเว็บใหม่นะคะ



CONTACT
Email: bellyly_ly@hot หรือ bellyly@gmail
Facebook : http://www.facebook.com/BellyBlog
Instagram : http://instagram.com/bellyly#
Twitter : https://twitter.com/bellyly_ly







Friends' blogs
[Add bellyly's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.