ดึ๋ง ดึ่ง ดึ่ง ดึ๊ง
Group Blog
 
All blogs
 

REVIEW "แก้มฟู รูฟิต" กับ "อายครีมลบแพนด้า" สกินแคร์เด็ดๆจากb.liv (shrink&tighten+/b.seen eye cream)

สวัสดีจ้า ถ้าใครตามบล๊อกเบลล์ คงเคยได้อ่านบล๊อกรีวิวมาส์กตัวนึงของ b.liv ไปแล้ว
วันนี้ถึงเวลารีวิวสกินแคร์เด็ดๆอีกสองตัว จาก b.liv แล้วค่ะ สองตัวที่จะพูดถึง ก็คือ
เซรั่มกระชับรูขุมขน b.liv Shrink and Tighten+
และ อายครีมหน้าตาทะเล้น b.seen I'm dark circle reliever

เบลล์จะรีวิวทั้งสองตัวนี้ รวบไปในบล๊อกเดียวกันเลยละกันเนอะ
แต่ถ้าใครยังไม่รู้จักแบรนด์นี้ สามารถเข้าไปอ่านข้อมูลเพิ่มได้ที่นี่ค่ะ

เอาล่ะ เริ่มรีวิวจากตัวที่ลองแล้วเห็นผลเกินคาดกันดีกว่า
ตัวนี้เลย.... เซรั่มกระชับรูขุมขน b.liv Shrink and Tighten+



เซรั่มตัวนี้จะมาเป็นขวดแก้ว อยู่ในกล่อง ทำแพคเกจออกมาสวยงามน่าใช้มากๆค่ะ
ตัวกล่องจะเป็นกระดาษสีเงิน แล้วซ้อนพลาสติกแข็งๆ พิมพ์ลาย เอาไว้อีกชั้นนึงเท่ๆ
มาดูหน้ากล่อง หลังกล่องกันบ้าง...



ด้านหน้ากล่อง เขียนชื่อผลิตภัณฑ์ไว้ชัดเจน
ด้านหลัง เขียนบรรยายสรรพคุณ ส่วนผสม วิธีการใช้ ที่ผลิต ปริมาณชัดเจน



ด้านข้างกล่อง เขียนเคลมไว้เลยว่า การันตีคืนเงินใน2สัปดาห์ และเป็นสูตรที่ใช้ใน beauty-salon
และมีสติ๊กเกอร์แปะไว้ ว่า สีของเนื้อผลิตภัณฑ์อาจจะไม่เหมือนกันในแต่ละล๊อต และสีจะเข้มขึ้น
เนื่องจากมีส่วนผสมของ L-ascorbic Acid เข้มข้น ถ้าเข้าใจไม่ผิด เจ้านี่คือวิตามินซีเช้มข้นน่ะแหละ
ซึ่งปกติ เท่าที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามินซี เก็บไปนานๆมันจะออกเหลืองขึ้นๆ
และประโยคท้ายสุด เขียนว่า ให้เก็บในตู้เย็น และห้ามเขย่าหลังจากเปิดแล้ว

พอแกะกล่องออกมาจะเจอขวดแก้วใสๆ ซีลฝาอลูมินั่มไว้แบบขวดคอนแทกเลนส์
แต่เบลล์ไม่ได้ถ่ายไว้ ตอนนั้นกำลังเห่อ รีบแกะมาลอง 5555
ซึ่งเค้าจะมี ฝาขวดแบบยางนิ่มๆ ปากแคบๆ แถมมาให้ เพื่อเอาไว้ใช้หลังแกะซีลแล้ว

ขนาดขวดเทียบกับมือ ก็ประมาณนี้จ้า



มาดูดีเทลขวดบ้าง...



หน้าขวดแปะฉลากชื่อชัดเจน หลังขวดระบุปริมาณและบริษัท
รูปล่างซ้าย คือรูปจุกยางที่เค้าแถมมาให้ เวลาใช้ ใช้งานง่าย หยดๆออกมาควบคุมปริมาณได้ง่าย
และมีฝาสีขาวเป็นแบบจุ๊บๆ ปิดสนิทเวลาล้มก็ไม่หก
ก้นขวด ระบุล๊อตผลิตและวันหมดอายุ ส่วนเนื้อผสิตภัณฑ์จะเป็นน้ำใสๆไหลๆแบบที่เห็นตรงก้นขวด



พอหยดออกมา เนื้อจะใสๆเหลวๆ ให้ความรู้สึกเหมือนน้ำมันเนื้อบางๆ
กลิ่นไม่หอมไม่เหม็นบอกไม่ถูก5555 รู้แต่ว่ามีกลิ่น บางคนอาจจะว่าหอมก็ได้
พอเกลี่ยไป จะเกลี่ยง่ายและไหลไวมากๆ ให้ความรู้สึกลื่นๆแบบน้่ำมัน
เวลาใช้1ครั้ง ให้ใช้ประมาณ 2-3 เม็ดถั่ว ทาให้ทั่วหน้า ใช้เฉพาะก่อนนอนนะจ๊ะ
และทาหลังโทนเนอร์ ก่อนมอยซ์เจอร์ใดๆ

ทาครั้งแรกให้ความรู้สึกตึงๆที่ผิว แอบตกใจเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่เห็นความต่างในทันที
เบลล์เลยใช้ไปเรื่อยๆ ก่อนนอนทุกวัน ระยะเวลาทดลองจนเห็นผลชัดเจน
ก็ตกราวๆสัปดาห์นึงพอดีค่ะ บางคนอาจจะเห็นผลไวกว่านี้ หรือช้ากว่านี้ค่ะ

ผลการทดลอง เหนือความคาดหมายมากๆ ไปดูรูปกันเลย...



รูขุมขนที่แก้มทั้งสองข้าง หดเข้า กระชับมากๆ ยิ่งรูปล่างนะ เห็นชัดเลย OMG!!
ถึงแม้ว่า สุดท้าย จะยังเห็นรูขุมขนอยู่ ไม่ได้เนียนเรียบแบบผิวตุ๊กตาเซรามิก
แต่มันก็เล็กลงมาก มากๆ เมื่อเทียบกับก่อนทา ก็ถือว่าเป็นเซรั่ม night complex ที่เวิร์คเลยทีเดียว
ใครที่มีปัญหารูขมขนกว้าง ตัวนี้คงมาตอบโจทย์ได้ดีทีเดียวค่ะ
จริงๆในไลน์ของ Shrink and Tighten เค้ามีโปรดักท์อีกสองสามตัว
ถ้าใครสนใจ ลองเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมที่นี่เลยจ้า www.blivskin.com

ทีนี้ มาดูรีวิวอายครีมกันบ้างดีกว่า อายครีมตัวนี้หน้าตาตลก ทะเล้นมากๆ
แม้แต่ชื่อก็ตั้งมาเก๋ๆ อารมณ์ฮีโร่ๆ b.seen I'm dark circle reliever



อาจจะงงๆกับชื่อ b.liv / b.seen มันคือชื่อที่ไว้แบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ค่ะ
b.liv จะเป็นกลุ่มสกินแคร์ผิวหน้า ส่วน b.seen เป็นอายครีมนั่นเอง
b.seen I'm dark circle reliever ตัวนี้ จะเน้นแก้ปัญหาแพนด้า ใต้ตาดำคล้ำ
และยังช่วยเรื่องตาบวมได้อีกด้วย ฟังดูแลวน่าลองมากๆ เดี๋ยวจะลองให้ชมกันจ้า

ส่วนแพคเกจที่ว่าทะเล้น ... เห็นรูปกันแล้ว ทะเล้นป่ะล่ะ 5555
ใครจะคิดว่าวันนึงจะมีคนเอาลูกกะตากลมป๊อกมาทำแพคเกจอายครีม
เห็นแวบแรกมันตลกมากๆ บางคนบอกว่าน่ากลัว แต่สำหรับเบลล์ มันก็ดูน่ารักอยู่นะ



กล่องเค้าจะมาเป็นกล่องกระดาษฟอล์ยสีเขียว สีสันจัดจ้าน กล่องแข็งแรงมากๆ
ด้านหน้ากล่อง เขียนชื่อผลิตภัณฑ์ไว้ชัดเจน
ด้านหลัง เขียนบรรยายสรรพคุณ ส่วนผสม ที่ผลิต ปริมาณชัดเจน



ด้านข้างกล่อง เขียนเคลมไว้เลยว่า การันตีคืนเงินใน2สัปดาห์
ก้นกล่อง ระบุล๊อตผลิตและวันหมดอายุ
อีกด้าน เขียนไว้ว่า เป็นสูตรเพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพ้ และไม่มีการทดลองกับสัตว์

พอแกะกล่องออกมา ก็จะเจอกับสัตว์ประหลาดตัวน้อยของเรา



แพคเกจเค้าโดดเด่น และดึงดูดสายตามากๆ และทำออกมาดูแข็งแรง ไม่ก๊องแก๊ง ดูสะอาดน่าใช้
ขวดเป็นแบบปั๊มสูญญากาศ และฝาเป็นลูกกะตากลมๆ ปิดได้สนิท ไม่หลุดง่าย
ขนาดก็พอดีมือ แอบทำให้นึกถึงโรลลออน 5555
ส่วนขนาดบรรจุ 15ml แอบให้มาน้อยเมื่อเทียบกับขนาดขวดที่เห็น

ลองกดเนื้ออกมาพิจารณาใกล้ๆ



เนื้อครีมให้สัมผัสดีมากๆ ลื่นๆ ไม่เหนอะ ไม่หนืด ถ้าจ้องเนื้อครีมใกล้ๆ จะเห็นชิมเมอร์เล็กๆ
เป็นประกายทองๆ กระจายอยู่ทั่วๆ ตัวครีมมีสีเนื้อนวลๆ แต่ทาแล้วโปร่งแสง ไม่ให้การปกปิดใดๆ
ทาไปแรกๆ ตอนยังไม่ซึมจะเคลือบบนผิว พอซึมแล้วจแห้งสนิท ไม่ทิ้งความมันหรือเหนอะหนะเลย
สบายตามากๆค่ะ ส่วนกลิ่น หอมอ่อนๆ แต่ก็กลิ่นแปลกๆอีกแล้ว ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอม แต่ก็ไม่เหม็น

ทีนี้มาถึงการทดลอง เบลล์ลองใช้ตัวนี้ ราวๆ 3สัปดาห์ได้
ได้ผลตามภาพเลยจ้า



จะเห็นว่า รอยดำลดลง แต่ก็ไม่ได้หายสนิท ไม่ได้เห็นความต่างเรื่องสีเท่าไหร่นัก
แต่จะเห็นผลเรื่องตาบวมค่อนข้างชัด จะเห็นเลยว่าขอบตา ใต้ตา บวมน้อยลง
สำหรับเรื่องแพนด้า ความเห็นส่วนตัว คิดว่า ถ้านอนแต่หัวค่ำทุกวัน ก็จะช่วยให้เห็นผลได้ดีขึ้น
ช่วงที่ทดลอง เบลล์ทำงานหนัก นอนดึกแทบจะทุกวัน ทาแล้วได้ผลออกมาประมาณนี้
ก็ถือว่าโอเคในระดับนึงเลยค่ะ

เอาล่ะ รีวิวกันครบแล้วสำหรับ b.liv
ถ้าใครมีข้อสงสัยอยากสอบถามเพิ่มเติม เข้าไปคุยได้ในแฟนเพจเบลล์นะคะ
คอมเม้นท์ในนี้เบลล์ไม่ค่อยได้ login เข้ามาตอบเท่าไหร่ค่ะ

สำหรับบล๊อกนี้คงต้องขอตัวละจ้า
บ๊ายบายยย

Smiley



สามารถคลิกเข้าไปอ่านรายละเอียดของแบรนด์เพิ่มเติมได้ที่ www.blivskin.com

b.liv US Facebook : www.facebook.com/blivbycellnique

b.liv TH Facebook : https://www.facebook.com/pages/bliv-Thailand/548175221878071




 

Create Date : 23 มิถุนายน 2556    
Last Update : 23 มิถุนายน 2556 19:51:33 น.
Counter : 11469 Pageviews.  

REVIEW ทำสี ไฮไลท์ ตัด และ ดัดผมม้า แอ๊บแบ๊วแอบแซ่บ สไตล์ญี่ปุ่น Rikyu by BOY Tokyo สยามสแควร์

สวัสดีจ้าสาวๆ ช่วงนี้เบื่อๆ เบื่อผมทรงเดิมที่ไว้ยาว ยาวมากกกกก ยาวจะถึงก้นอยู่แล้ว
ก็เลยเกิดอาการอยู่ไม่สุข หาอะไรทำแก้เบื่อ ลองเปลี่ยนอะไรใหม่ๆ อยากได้ลุ๊คใหม่ๆ
เบลล์ก็เลยลองปรึกษาพี่เต้ Stylist จากร้าน Rikyu by BOY  Tokyo สยามสแควร์ ร้านเดิมที่เคยไปทำ
ลองดูซิว่า พอจะทำอะไรกับผมยาวๆแบบนี้ได้บ้าง ครั้งนี้ เบลล์ไม่ได้มีโจทย์อะไรเป็นพิเศษ
แค่อยากเปลี่ยนลุ๊คแก้เบื่อ เลยยกให้เป็นหน้าที่ของพี่เต้ซะเลย555 จริงๆคือขี้เกียจคิด

เอาล่ะ มาดูสภาพผมเดิมกันก่อน...


เบลล์เป็นคนผมตรง ยาวมาก และผ่านการทำสีมานับครั้งไม่ถ้วน โคนงอกเป็นคืบแล้ว
และมีช่อนึงด้านในที่เคยกัดสี และทำสีเขียวเอาไว้ ซึ่งตอนนี้ ลอกหมดแล้ว เป็นแบบในรูปขวามือ
จริงๆแล้ว ผมเบลล์ยังเป็นทรงดีอยู่เลย อาจจะเพราะเดิมตัดไว้ดี พอยาวขึ้นก็ยังเป็นทรง
อันนี้ขอยกความดีความชอบให้พี่เต้ไปเต็มๆ (สามารถย้อนอ่านรีวิวอันเก่าได้ที่นี่ค่ะ และ นี่ค่ะ)

พอมาถึงร้าน พี่เต้ Stylist ก็มาเช็คดูทรงผม สภาพผมเดิม พูดคุย สอบถามความต้องการ
ว่าเราอยากจะทำอะไรกับผมบ้าง พี่เต้ก็แนะว่าอยากให้ลองตัดหน้าม้าปัด
เบลล์เองเคยตัดแล้วไม่ค่อยประสบความสำเร็จ เพราะผมเบลล์มันตรงมาก ปัดไม่ไป
ปัดยังไงสุดท้ายก็ทิ้งดิ่งลงมากองเป็นม้าตรงซะงั้น ลองดูรูปข้างล่าง รูปขวานะคะ
นี่คือสภาพ เวลาผมมันทิ่งดิ่งลงมา แม่ว่าจะไม่มีผมม้า เวลาเจอลมพัดแรงๆ ก็จะตกอยู่ในสภาพนี้555

พอช่างคุยปัญหากันเราเรียบร้อย ก็จะสเก็ชรูปทรงผมให้ดู ซึ่งเป็นจุดเด่นของร้านนี้ก็ว่าได้



มาดูรูปที่พี่เต้ออกแบบทรงผมให้เบลล์กันค่ะ



ออกมาเป็นทรงผมยาวประบ่า มีวอลลุ่มที่ปลาย ผมม้าปัด และมีไฮไลท์สีชมพูแซมอยู่ด้านใน
โดนใจมากๆ เพราะเดิมทีเคยทำสีเขียว คราวนี้ได้ลองสีสดๆบ้าง สนุกๆ
ส่วนเรื่องผมม้า พี่เต้บอกว่า จะทำการดัดผมม้า ช่วยให้ปัดไปด้านข้างง่ายขึ้น และดูไม่ฟีบแบน
อันนี้ก็ทำตาโต เพราะปกติไม่ค่อยเห็นที่ไหนดัดผมม้ากัน คุยๆแล้วก็โอค ลุยเลยดีกว่า...



ขั้นแรก ก็มาจัดการกับหน้าม้าเลยจ้า จับช่อผมมาข้างหน้า ก่อนลงกรรไกรพี่เต้จะมีการเตือนก่อน
ว่าจะเริ่มแล้วนะ 55555 เอ้า จัดเลยค่าาา!!
ออกมาหน้าหมวยกว่าเดิมสิบเท่า 555555555555 ไม่คุ้นเลยแฮะ แต่เอาน่า เปลี่ยนลุ๊คดีเนอะ



ต่อมาก็ตัดความยาวทั้งหัว ให้ได้ความยาวที่ต้องการ ที่นี่จะตัดแบบฟรีแฮนด์ ใช้กรรไกรล้วน
ยังไม่เห็นช่างคนไหนใช้มีดซอยเลยค่ะ ชอบตรงนี้แหละ เพราะเคยซอยผมด้วยมีดซอยจากร้านอื่น
แล้วปลายผมมันเสียเยอะ และปลายบางมากๆ ใช้กรรไกรนี่แหละเริ่ดสุดแล้ว ปลายไม่แตกด้วย



และแล้ว ก็ตัดทรงเรียบร้อย ญี่ปุ่นมากกกก หน้ายิ่งหมวยๆด้วย เข้ากันสุดๆ 555555

ทีนี้ก็มาเลือกสีผมกันดีกว่า เค้าก็จะถามว่าเราอยากจะทำสีเข้มขึ้นหรือสว่างขึ้น
เบลล์อยากทำสีสว่างขึ้น แต่ก็กลัวเวลาไม่แต่งหน้าจะดูจืด พี่เต้เลยแนะนำเป็นสีนี้ค่ะ



น้ำตาลอมชมพู Sakura :ซึ่งตอนเลือกจากชาร์ตสี ก็ยังนึกไม่ออกว่าทำทั้งหัวจะเป็นยังไง
แต่ที่แน่ๆสีนี้ไม่เคยทำ ลองเลยละกัน555

ก่อนการทำสีผม ร้านนี้จะเตรียมนำผ้ามาคลุมกันเปื้อน มีที่ครอบหูกันเลอะสีด้วย
ยังดูแล ใส่ใจ ละเอียดอ่อนเหมือนเดิม



ในการทำสีครั้งนี้ มีการกัดสีผมเพิ่มเติม จากเดิมมีช่อเล็กๆที่ท้ายทอยด้านซ้าย คราวนี้พี่เต้จัดหนัก
กัดเพิ่มทั้งด้านซ้ายและขวา เพื่อให้เวลาปล่อยผม สีผมสดๆมันจะแพลมออกมา รำไรๆ 555





ระหว่างรอเวลากัดสีผม ก็ทำสีทั้งหัวได้เลย เพราะมีแผ่นฟอล์ยกันเอาไว้
แต่ก่อนจะลงสี พี่เต้ทำทรีทเม้นท์ให้ด้วยเลย ตัวนี้จะช่วยป้องกันผมเสียจากการทำสี
แถมยัง ช่วยประหยัดเวลาด้วยค่ะ ทรีทเม้นท์และน้ำยาดัด ย้อม ทุกอย่าง ที่ทางร้านใช้
จะนำเข้าจากญี่ปุ่นทั้งนั้นเลยค่ะ อาจจะเห็นแบรนด์ไม่ค่อยคุ้นตากันเท่าไหร่
แต่บอกเลยว่าเท่าที่ได้ลองทำสีผมกับร้านนี้มาสามครั้งแล้ว ผมไม่เสียเลยค่ะ
ขณะทำก็ไม่มีกลิ่นเหม็นเลย ไม่แสบหนังศีรษะ อ่อนโยนมากๆ

แอบถ่ายหน้าตาทรีทเม้นท์มาให้ดู



พอลงทรีทเม้นท์ครบขั้นตอน ก็ทำการลงน้ำยาทำสีผมต่อเลยค่ะ




ถ้าใครเคยอ่านรีวิวอันเก่า หรือเคยมาทำสีที่ร้านนี้ จะรู้เลยว่า เค้าละเอียดมากๆ ใส่ใจทุกขั้นตอน
เคยย้อมแล้วติดไม่ทั่ว ก็มีการซ่อมให้เลยทันที และด้วยความละเอียดของช่าง อาจะทำให้
ใช้เวลาในการทำผมเยอะทีเดียว ยิ่งถ้าทำหลายอย่าง เช่น ทั้งตัด ดัด ทำสี ก็กินวลาครึ่งวันได้
แต่แลกกับงานที่ออกมาดี ผมสวย บริการใส่ใจ ช่างอัธยาศัยดี ถือว่าคุ้มค่ะ

พอลงน้ำยาทั่วหัวแล้ว ก็รอเวลา ในการลงสีรอบแรก สังเกตว่าจะลงสีเว้นโคน
พอได้เวลา พี่เต้ก็จะมาเช็คว่าสีติดดีรึยัง แล้วค่อยทำการลงสีที่โคนผมทั่วหัว



แล้วก็ทิ้งเวลาให้สีติดทั่วถึง นั่งอ่านแมกกาซีนรอชิลๆ ร้านนี้มีหนังสือญี่ปุ่นให้อ่านด้วยนะ เก๋ๆ
แถมมีหนังสือ art แนวๆให้อ่านด้วย ไม่เหมือนร้านอื่นที่จะมีแต่แมกกาซีนทั่วไปให้อ่านฆ่าเวลา
บรรยากาศในร้าน ขณะนั่งรอ ก็นั่งสังเกตการณ์ไปด้วย ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านมาก
ดูอบอุ่น ต้อนรับ ในขณะเดียวกัน ก็มีลูกค้าเข้าออกตลอดเวลา
วันที่เบลล์ไปทำผม เจอครอบครัวนึง พาน้องตัวเล็กๆมาตัดผมด้วย คุณแม่ให้น้องนั่งตัก
หลอกล่อด้วยขนมและการ์ตูน คุณช่าง stylist ก็ตัดผมไป
เป็นภาพที่ไม่ค่อยเห็นในร้านซาลอนอื่นๆ ... ประทับใจ

โม้ยาวละ55555 ....พอสีเริ่มได้ที่ ก็ล้างออก... ลุ้น.....



สีผมที่กัดสีออก จะได้สีทองๆแบบในรูปซ้าย เห็นแล้วแอบตกใจ จากผมดำๆกลายเป็นสีนี้ซะแล้ว
แต่เดี๋ยวก็ทำสีสดๆทับ ก็ไม่น่ากลัวแล้วล่ะ พอล้างผมสะอาดแล้ว ก็เป่าแห้ง เช็คทรงอีกรอบ
เล็มหน้าม้า เก็บรายละเอียดอีกนิด แล้วก็จะทำการดัดผม หน้าม้า ต่อไป



รูปซ้าย คือผมม้าหลังจากเป่าแห้งเฉยๆ จะเห็นว่า ผมเบลล์ตรงมาก ทิ้งดิ่งตลอดเวลา
ก็จะมาลองดัดดู เดี๋ยวเสร็จแล้วมาดูกันว่าจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหนเนอะ

ม้วนผมม้ากับโรล หนีบเอาไว้ก่อน จากนั้นมาลงสีสันในส่วนที่กัดสีไว้



รูปซ้ายคือการเทสสีกับผมที่กัดสีแล้ว รูปขวา ลงสีเฉพาะช่อที่กัดสีเอาไว้ สีที่เลือกจะเป็นสีชมพูสด
ในรูปจะเห็นเป็นน้ำยาสีม่วง แต่เดี๋ยวทำเสร็จจะได้สีชมพูแปร๊ดค่ะ

พอลงสีครบทุกชื่อแล้ว ก็มาลงน้ำยาดัดผม ตรงที่ม้วนผมไว้

น้ำยาดัดผมของร้านนี้... จากญี่ปุ่นเช่นกัน



ช่างก็จะเอาผ้ามาโพก กันน้ำยาไหลซึมลงมา ขั้นตอนดัดผมก็คล้ายๆตอนทำสี
คือเติมน้ำยา แล้วรอเวลา แล้วเติมอีก แล้วก็รอ โดยช่างจะมาเช็คเป็นระยะๆ



พอครบเวลากำหนด ทั้งสีชมพูสดที่ทำตรงไฮไลท์ ทั้งกำหนดของน้ำยาดัดผม ก็ล้างออกให้สะอาด
จะได้ผมม้างุ้มๆแบบในรูปขวา เย้ๆ ผมม้าไม่ตรงแด่วแล้ว

ทีนี้มาเช็คสีชมพูที่ลงไว้ตรงไฮไลท์บ้าง ออกมา จะได้แบบนี้....



แสงไฟในร้านออกเหลืองนิดๆ สีอาจจะเพี้ยนนิดหน่อยค่ะ
ของจริงชมพูสดมาก ยังกะผมปลอมแน่ะ55555

สีติดครบเรียบร้อย ก็มาเช็คเก็บทรงอีกรอบ ก่อนเซ็ทผม



เรียบร้อย.... ถ้าสระแล้วเป่าแห้งเฉยๆจะได้แบบนี้..



กรี๊ดดดดด ชั้นแบ๊วมาก!!! 5555555
เห็นแวบแรกแล้วมันยังกะคนละคน รู้สึกว่าหน้าเด็กลงมาก (คิดไปเองทั้งนั้น)

อะเช็คๆด้านข้างบ้าง



รูปขวา ให้ความรู้สึกเหมือนฉันหลุดออกมาจากนิตยสารญี่ปุ่น ยังไงยังงั้น 55555
รูปซ้าย จะเห็นแถบสีชมพู แพลมๆออกมาพอกล้อมแกล้ม เหมือนแอบกระซิบเบาๆว่า
"ชั้นไม่แบ๊วนะยะ"

แต่แค่นี้ยังไม่พอ พี่เต้จัดแจง ลองเซ็ทผมแบบ ม้วนแกนร้อนให้ดูด้วย
เผื่อวันไหนอยากหวาน หรือออกงาน ก็ยังม้วนได้



แอร๊ยยยยยย แบ๊วฝุดๆ ชั้นเปลี่ยนไปมากจริงๆ5555

เทียบรูปให้ดูด้านหลังบ้าง...



ผมสั้นลงเยอะเหมือนกันนะเนี่ย และดูเป็นคนละคนจริงๆ

ทีนี้กลับมาเช็คเรื่องดัดผมม้ากันดีกว่า ว่าเวิร์คจริงป่าว



จะเห็นว่าผมม้า ไม่ตรงทิ้งดิ่งแบบตอนแรกแล้ว ผมดูโค้งงอนเบาๆ ดูเป็นธรรมชาติมากๆ
ไม่ได้งอนแบบแข็งๆ และปัดข้างอยู่ตัว จะเสยก็เกาะตัวกันได้ดี เพราะผมมีเทกเจอร์กว่าเดิม
ไม่ทิ้งตัวลงมาปิดตาแล้ว เย้ๆๆ สำเร็จ!!!

สุดท้าย เรื่องสีไฮไลท์ชมพูสด มาดูกันดีกว่าว่ามันแซ่บยังไง
ที่เห็นไปรูปแรกๆ ถ้าปล่อยผม ก็เห็นสีชมพูแค่ช่อบางๆ แพลมๆ ก็เหมาะกับวันไปทำงาน
อะไรที่เป็นทางการๆ ก็ยังดูสุภาพ ไม่ซ่าเกินไป
ถ้าวันไหนอยากดูมีอะไร สนุกขึ้นมาหน่อย ก็ม้วนผม
สีที่ซ่อนก็จะเริ่มโชว์ให้เห็น เล่นกับลอนผมเกลียวๆ น่ารักไปอีกแบบ



หรือวันไหนอยากออกลาย โชว์สีสดๆ ก็รวบผมขึ้น ก็จะโชว์ให้เห็นความแซ่บข้างใน

แบบนี้ ...



ถ้าในแสงขาว หลอดฟลูออเรสเซนต์จะออกสีแบบนี้...



สีสวยถูกใจเบลล์มากกกกกกกกกก ชอบมากๆค่ะ
ต้องขอขอบคุณ พี่เต้ Stylist และร้าน Rikyu by BOY Tokyo สยามสแควร์ มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ได้ทรงผมถูกใจ บรรยากาศร้านน่านั่ง และการดูแลต้อนรับด้วยอัธยาศัยดี
ทุกอย่างยังรักษามาตรฐานไว้อย่างดี ไม่มีเปลี่ยน
ถ้ามีโอกาส อยากให้เพื่อนๆได้ลองเข้าไปใช้บริการกันดูนะคะ แล้วจะติดใจ



รูปนี้ถ่ายในแสงธรรมชาติ กับกล้องมือถือกล้องหน้า ได้แบบนี้..

เอาล่ะ บล๊อกนี้เบลล์บรรยายไว้ละเอียดยิบเลย เพราะคิดว่า คนที่ได้มาอ่านจะได้ใช้
เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ด้วยราคา ค่าบริการที่ค่อนข้างสูง เบลล์อยากให้ทุกคน
ได้ลองอ่านและพิจารณาดูโดยละเอียดค่ะ :)

เบ็ดเสร็จ เบลล์แอบถามพี่เต้มา ว่าค่าเสียหายบนหัวเบลล์วันนี้ เท่าไหร่...
ได้ลิสท์ออกมาตามนี้ค่ะ

ค่าช่าง stylist ตัดผม 700
ทรีทเมนท์แบบทำพร้อมทำสี 500-1500 (ผมประมาณเบลล์ 1000)
ทำสี 3500
ทำสี point ชมพู 1200
ดัดหน้าม้า 500

รวมๆก็ตกที่... 6900 ได้ ซึ่งก็เป็นเงินจำนวนมากอยู่
แต่พอย้อนมาดูเรื่องการบริการที่ดี และผลงานที่อยู่บนหัวเรา ก็ถือว่าคุ้มค่ะ

สำหรับใครที่สนใจ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซท์ของร้าน
//boyrikyu.com
และ แฟนเพจของร้าน
https://www.facebook.com/boyrikyu?fref=ts

เอาล่ะให้ข้อมูลกันแน่นปึ้กขนาดนี้แล้ว ก่อนจากกันขอปิดท้ายด้วยรูป before/after รูปนี้...



สำหรับบล๊อกนี้คงจบเพียงเท่านี้ ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านจนจบนะคะ
เจอกันใหม่บล๊อกหน้า จะมารีวิวอะไร ติดตามนะคะ ^ ^

บ๊ายบายยย
Smiley


ปล.แอบมีข่าวแว่วๆมาว่า เค้ารับทำผมรับปริญญาด้วย เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.570581169660504.1073741825.130839263634699&type=1
จุดเด่น ร้านนี้มีทรงผมที่ดูแปลกใหม่ กว่าทรงผมเกล้ารับปริญญาทั่วไป
ใครไม่อยากมีผมซ้ำๆจำเจ แนะนำเลยจ้า
เบลล์เคยทำรีวิวเอาไว้ สามารถย้อนกลับไปดูได้ที่ นี่ค่ะ




 

Create Date : 19 มิถุนายน 2556    
Last Update : 20 มิถุนายน 2556 0:23:15 น.
Counter : 62261 Pageviews.  

REVIEW มาส์กชุ่มๆ B.liv sheer off crease

สวัสดีจ้าสาวๆ ก่อนอื่นเลย เบลล์ขอเกริ่นก่อนนิดนึง ...
เมื่อเกือบเดือนนึงที่ผ่านมา ทาง b.liv by Cellnique ได้ติดต่อเบลล์มา
และส่งของมาให้ลองใช้หลายตัวเลยล่ะ มีทั้งอายครีม เซรั่ม และมาส์ก
แต่ละตัวมีความน่าสนใจมากๆ ซึ่งเบลล์ก็ได้ทะยอยลองมาเรื่อยๆ
ทดลองจนเห็นผล ก็จะมารีวิวให้ชมกัน แต่ระหว่างรอดูผลตัวอื่นๆระยะยาว
เบลล์ได้ทดลองมาส์กแล้ว มันค่อนข้างเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ เลยมารีวิวให้ชมกันก่อนเลย

ก่อนจะไปดูรีวิว หลายคนคงยังไม่รู้จักแบรนด์ b.liv แน่ๆเลย
b.liv by Cellnique เป็นแบรนด์สกินแคร์จาก USA
ซึ่งมีการวางขายบนอินเตอร์เน็ตแบบ international และมีตัวแทนจำหน่ายในไทยเรียบร้อย
ถ้าใครสนใจรายละเอียดของแบรนด์ เดี๋ยวจะมี link เพิ่มเติมให้ท้ายบล๊อกค่ะ

บอกตรงๆว่าทีแรกเบลล์เองก็ไม่รู้จักแบรนด์นี้มาก่อน แต่พอลองเสิร์ช google
พบว่ามีบล๊อกเกอร์ต่างประเทศ รีวิวไว้เยอะมากกกกกก และตัวโปรดักท์เองก็ดูน่าสนใจทีเดียว
เลยจัดมาลองซะเลย... อ่ะ ให้ชมหน้าตาบรรดาข้าวของที่ทางแบรนด์ส่งมา...



เยอะมากๆ และหน้าตา แพคเกจดูดี น่าใช้จริงๆค่ะ

เอาล่ะ จะรีวิวมาส์กละนะ เกริ่นไปยาวมาก 55555555
มาส์กที่จะรีวิวเป็นตัวแรก คือ

b.liv sheer off crease

 ปกป้องการเกิดริ้วรอย และช่วยให้ผิวขาว สดใส

  100% pure acetyl hexapeptide-8




ซองค่อนข้างใหญ่กว่ามาส์กอื่นๆที่เคยใช้
และราคาขายก็ถือว่า ราคาค่อนข้างสูงทีเดียว ตกแผ่นละ 200 บาท

มาดูหลังซองบ้าง (คลิกที่รูปเพื่อดูขนาดใหญ่)



หลังซองมีระบุสรรพคุณ ส่วนผสม รายละเอียดครบถ้วนชัดเจน
ตัวสินค้าเค้าเคลมไว้ว่า ...

ผลที่ได้รับ:

• เติมมอยส์เจอไรเซอร์สู่ผิว ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น
• ป้องกันการเกิดริ้วรอย ทำให้ริ้วรอยนุ่ม และตื้นขึ้น เรียบเนียน
• สีผิวขาว สว่างสดใส ลดรอยดำบนผิวหน้า
• ช่วยให้ผิว ขาว สว่างสดใสขึ้น

ไม่พูดพร่ำทำเพลง ลองเลยละกันว่าจะเป็นยังไง

ฉีกซองออกมา จะเจอกับแผ่นมาส์กบางๆ พับซ้อนกับแผ่นพลาสติกสีขาว
ตัวแผ่นมาส์จะออกสีเหลืองนิดๆนะคะ ไม่ได้ขาวจั๊วะซะทีเดียว
เนื้อของแผ่นมาส์ก แม้จะดูบางๆ แต่บอกเลยว่าซับเนื้อเซรั่มไว้ชุ่มมาก!
ชุ่มขนาดที่ว่า ตอนคลี่ออกมาต้องระวังมันหยดติ๋งๆ



แผ่นมาส์เค้าค่อนข้างเหนียว เหนียวพอที่จะขึง ดึงให้ตึงรับกับรูปหน้าได้ดี
พอแปะแผ่นมาส์กเรียบร้อย มองในซอง ยังมีเนื้อเซรั่มอยู่เยอะเลย
เบลล์เลยเอามาทาคอ แขน ขา เอาให้คุ้ม 5555

แปะหน้าแล้ว ก็นอนรอ 20-30 นาที ค่อยลอกออก
ขณะแปะมาส์ก จะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ผ่อนคลายสบายจมูกสุดๆ
ไม่แสบตา ไม่ฉุนจมูก จุดนี้นับเป็นข้อดีที่เบลล์ชอบมากๆ

พอครบเวลา ลอกแผ่นมาส์กออก แล้วจัดแจงนวดๆๆๆเนื้อเซรั่มที่อยู่บนผิว
นวดวนๆ เบาๆ ให้ซึมลงผิวจนไม่เหลือความลื่น
หลังนวดเสร็จ รู้สึกเลยว่า ผิวอิ่มน้ำ ชุ่มชื่นมากๆ
(คิดในใจ...แผ่นละ 200 ก็คุ้มอยู่นะ 55555)

ทีนี้มาดูกันดีกว่า ว่า หน้าจะแลดูไบร์ทขึ้นอย่างที่เค้าเคลมมั้ย




ภาพนี้ถ่ายจากสภาพแสงเดียวกัน สถานที่เดียวกันนะคะ
กล้องอาจจะวัดแสงเพี้ยนเล็กน้อย แต่ เมื่อลองเทียบจริงๆ
ดูจากสีตรงคอ เทียบกับผิวหน้า จะเห็นเลยว่า หลังใช้มาส์ก ผิวหน้าดูขาวขึ้น
ถึงจะไม่ได้ขาว แบบข๊าวขาว แต่ก็อยู่ในระดับที่เห็นผล และน่าพอใจ ได้อย่างที่เค้าเคลมไว้จริงๆ

ทีนี้มาซูมๆดูใกล้ๆบ้าง ว่าผิวชุ่มชื้นขึ้น ริ้วรอยเล็กๆดูตื้นขึ้น จริงป่าว หรือ แค่รู้สึกไปเอง 555



รูปบน ถ่ายซูมตรงหน้าผาก จะเห็นเลยว่า ริ้วรอยจิ๋วๆ ดูตื้นขึ้นจริงๆ แต่ก็ไม่ถึงกับหายวับไป
แหม ก็แน่สิ นี่มันแค่มาส์ก และเพิ่งใช้ครั้งเดียว 55555
ส่วนรูปล่าง ถ่ายเจาะข้างแก้ม จะเห็นเลยว่าผิวเต่งขึ้น ฟูขึ้น รูขุมขนดูเบียดกันมากขึ้น

สรุปว่า ลองใช้แล้ว ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ แม้จะไม่ได้เห็นชัดเว่อร์
ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ คุ้มค่ากับราคาค่าตัว


สำหรับรีวิวมาส์กตัวนี้คงจบเพียงเท่านี้ สำหรับสกินแคร์ตัวอื่นๆ
เบลล์กำลังเก็บข้อมูล และจะนำมาลงรีวิวเร็วๆนี้ค่ะ
ถ้าใครมีข้อสงสัยอยากสอบถามเพิ่มเติม เข้าไปคุยได้ในแฟนเพจเบลล์นะคะ
คอมเม้นท์ในนี้เบลล์ไม่ค่อยได้ login เข้ามาตอบเท่าไหร่ค่ะ

Smiley


สามารถคลิกเข้าไปอ่านรายละเอียดของแบรนด์เพิ่มเติมได้ที่ www.blivskin.com

b.liv US Facebook : www.facebook.com/blivbycellnique

b.liv TH Facebook : https://www.facebook.com/pages/bliv-Thailand/548175221878071





 

Create Date : 06 มิถุนายน 2556    
Last Update : 6 มิถุนายน 2556 0:31:15 น.
Counter : 3584 Pageviews.  

REVIEW กันแดดแบบสเปรย์ พ่นทับเครื่องสำอางได้!

ถ้าพูดถึงกันแดด หลายๆคนคงทราบอยู่แล้วว่า
ถ้าจะให้กันแดดปกป้องผิวเราได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
จะต้องมีการเติมกันแดดระหว่างวัน แต่บอกตรงๆเลยว่าตั้งแต่ใช้กันแดดมา
เบลล์ยังไม่เคยเติมกันแดดระหว่างวันเลยค่ะ เพราะเป็นคนแต่งหน้าทุกวัน
บทจะเติมกันแดด ก็ไม่รู้จะเติมท่าไหนให้เมคอัพไม่หลุด
เพราะปกติใช้แต่กันแดดแบบโลชั่น เนื้อเหลวๆ
คิดดูว่าถ้าปาดทับเครื่องสำอางบนหน้าไป สงสัยจะเละแน่แท้

จริงๆก็เคยได้ยินมานานแล้ว ว่าเดี๋ยวนี้เค้ามีกันแดดแบบที่สามารถทาทับเครื่องสำอางได้
แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ลองใช้เสียที เคยดูรีวิวของพี่ท้อฟฟี่ madkitty ก็แลดูน่าสนใจ
แต่หาซื้อยากจริงๆ มาวันนึงทาง KINESYS ก็ได้ติดต่อมา และส่งผลิตภัณฑ์มาให้เบลล์ได้ลองใช้
(ขอขอบคุณสปอนเซอร์ใจดี มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ Smiley )
เบลล์ก็ลองแล้วลองอีกจนแน่ใจแล้ว เลยมาเขียนรีวิวให้ได้อ่านกันค่ะ

หน้าตาของกันแดดที่ว่า..

เป็นขวดพลาสติกขาวขุ่น ขวดเล็กๆแบนๆพกพาสะดวก ใส่ไปในกระเป๋าเครื่องสำอางได้สบายๆขวดในรูปคือ ขนาด 30ml นะคะ เห็นว่าเค้ามีขายแบบขวดใหญ่ด้วย แต่เอาจริงๆไซส์นี้ก็ไม่รู้จะใช้หมดเมื่อไหร่ละล่ะ 5555

ชื่อเต็มๆของเจ้านี่ เค้าชื่อว่า Kinesys Fragrance Free Sunscreen SPF30
ข้างในขวดบรรจุน้ำใสๆ หน้าขวดเขียนว่า Alcohol Free , Fragrance Free
ก็แปลว่าไม่มีแอลกอฮอลและไม่มีน้ำหอม ซึ่งจุดนี้ถือว่าเป็นจุดเด่นของกันแดดตัวนี้ก็ว่าได้
เพราะกันแดดในท้องตลาดส่วนมากจะมีส่วนผสมของสองสิ่งที่ว่ามา
ทำให้กันแดดตัวนี้เหมาะกับผิวแพ้ง่าย เป็นสิว ใครที่แพ้สกินแคร์ที่มีน้ำหอม ตัวนี้ชนะเลิศค่ะ
และสำหรับแอลกอฮอล เบลล์เคยใช้กันแดดที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอลเยอะๆ
ใช้แรกๆก็ดีอยู่ แห้งไว สบายผิว แต่พอใช้ไปนานๆ รูขุมขนบานมากๆ เลยเข็ดเลยจ้า
ตอนนี้เลยพยายามเลี่ยงกันแดดที่ผสมแอลกอฮอลเยอะๆ รูขุมขนเลยกลับมาดูดีขึ้น555

อ่ะ มาดูดีเทลหลังขวดชัดๆบ้าง
ถ้าซื้อในไทย จะมีฉลากสติ๊กเกอร์แปะไว้แบบนี้...


พอลอกพลาสติกออกก็จะเจอกับฉลากภาษาอังกฤษด้านหลัง

ในเรื่องของส่วนผสม สารผสม ชื่อเคมีต่างๆ เบลล์ไม่ถนัด ขอเว้นไว้นิดนึง
เลยถ่ายรายละเอียดส่วนผสมมาให่้ดูกันชัดๆ ลองอ่านกันดูนะคะ

ในส่วนของฝาขวด เป็นฝาพลาสติกปิดสนิท เปิดมาเจอกับหัวสเปรย์แบบนี้...


ไม่พูดพร่ำทำเพลง มาพ่นให้ดูกันเลยดีกว่า ว่าเนื้อกันแดดตัวนี้จะเป็นอย่างไร

เนื้อกันแดด เป็นน้ำใสๆ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น มีรสชาติมั้ยไม่รู้ค่ะ ยังไม่เผลอพ่นเข้าปาก 55555
ลองจับดู ลื่นๆมันๆ ไม่เหนียว ไม่เหนอะ พ่นแล้วไม่รู้สึกเย็น หรือแสบผิว
ให้ความรู้สึกถึงเนื้อกันแดดบางๆที่เคลือบผิวอยู่ แต่ไม่หนัก ไม่รำคาญผิวแต่อย่างใด

จากรูป
ช่องบนสุด คือผิวที่ยังไม่ได้พ่นใดๆ
ช่องตรงกลาง คือพ่นระยะห่างประมาณ 1 ฟุต จะเห็นความมันเงาของผิวชัดเจน
ช่องล่างสุด คือ ทิ้งเอาไว้5นาที ความมันหายไป เหลือความเงาไว้เล็กน้อย ต้องจ้องถึงเห็น

ทีนี้ มาทดลองกันดีกว่า ว่าพ่นทับเมคอัพได้จริงอ๊ะป่าว
เบลล์ทดลองกับหน้าตัวเองมาจนแน่ใจแล้วว่าเวิร์ค พอดีวันนี้ไปเที่ยวทะเล
เลยจับน้องสาวมาเป็นนางแบบจำเป็นซะเลย..

น้องบูมกับใบหน้าที่มีเมคอัพเต็มหน้า บีบีครีม คอนซิลเลอร์ แป้งผสมรองพื้น อายไลน์เนอร์ฯลฯ
จัดแจงพ่นสเปรย์กันแดด ในระยะห่างอย่างน้อย 1ฟุต พ่นไปทั่วหน้าเลยค่ะ
เหตุที่ให้พ่นห่างๆ เพราะ ถ้าพ่นใกล้ๆละอองที่ออกมาจะเม็ดใหญ่มากกกกก
เวลาพ่นออกมาแล้วหน้าจะฉ่ำ มันเยิ้มเกินไปจ้า พ่นไกลๆ ทั่วๆให้ผลดีกว่า
และไม่ทำให้เมคอัพหลุด ไหล เยิ้ม เลยซักนิดเดียว

พอพ่นเสร็จแล้ว ห้ามไปถูๆๆ นวดๆเลยเชียว เพราะมันจะทำให้เมคอัพหลุดได้
พ่นแล้วทิ้งไว้แบบนั้นเลยค่ะ รอจนแห้งสนิท อาจจะแห้งช้าเสียหน่อย
พ่นไปแรกๆหน้าจะดูมันเยิ้มมากๆ มันมากจนน่าตกใจ!
แต่พอแห้งแล้ว จะดูมันน้อยลงแต่เครื่องสำอางทุกอย่างอยู่ครบค่ะ

แต่ถ้าใครลองใช้แล้ว ไม่ชอบหน้าเงาๆ ให้ตบแป้งทับเบาๆ ก็จะช่วยลบเงาได้ค่ะ

น้องบูมพ่นทั่วแล้ว หันมาถ่ายรูปเลย ความมันเงาก็ประมาณในรูปค่ะ
ใครที่ชอบแต่งหน้าแบบ ดิวอี้ๆ หน้าฉ่ำๆ อาจจะชอบค่ะ

โดยส่วนตัว เท่าที่เบลล์ได้ลองใช้มาระยะยาวๆ เบลล์จะพ่นก่อนแต่งหน้า
มันจะช่วยเซ็ทแป้งให้กลืนเนียนได้ดีขึ้น ซึ่งนับเป็นผลพลอยได้จากการใช้กันแดดตัวนี้ 5555
แต่ที่แอบไม่ชอบ คือ มันแห้งช้า และถ้าเล็งไม่ดี พ่นโดนผม ผมเบลล์จะมันไวมาก
เวลาใช้เลยจะต้องโพกหัวไว้ก่อน แล้วพ่น รอแห้งสนิทแล้วแต่งหน้า จะได้ผิวที่เนียนเว่อร์!

ส่วนผลจากการลองใช้ ตั้งแต่ใช้มา ผิวก็ไม่ได้ขาวขึ้นหรือคล้ำลงแต่อย่างใด
เบลล์เองก็ยังตอบชัดเจนไม่ได้ว่า กันแดดตัวนี้ กันUVได้ดีแค่ไหนนะคะ อันนี้ต้องลองกันดูค่ะ
แต่ที่แน่ๆคือ ไม่มีสิวขึ้นเลย ไม่แพ้ ใช้ได้สบาย

เอาล่ะ สรุปกันสั้นๆเลยละกันเนอะ

ถ้าคุณเป็นคนที่มีผิวแพ้ง่าย เป็นสิว แพ้แอลกอฮอล แพ้น้ำหอม
และกำลังมองหากันแดดราคาไม่แรง สามารถใช้เติมระหว่างวันได้ ลงทับเมคอัพได้
KINESYS ตัวนี้ คงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจตัวนึงเลยค่ะ

แต่ถ้าเป็นคนที่เร่งรีบมากๆ ไม่ชอบผิวหน้าฉ่ำๆเงาๆ
คุณอาจจะไม่ชอบกันแดดตัวนี้เท่าไหร่


สุดท้าย หวังว่ารีวิวนี้ จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจไม่มากก็น้อย
ใครมีข้อสงสัย อยากเม้ามอย เข้าไปคุยกันได้ในแฟนเพจเบลล์นะคะ ยินดีจ้า
(เบลล์ไม่ค่อยตอบ comment ในนี้เท่าไหร่ เพราะต้อง login มันลำบาก5555)

บ๊ายบายยย
Smiley

สำหรับใครที่สนใจ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่... //www.kinesys.in.th/
และที่แฟนเพจของ Kinesys ค่ะ https://www.facebook.com/kinesysthailand




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2556    
Last Update : 19 พฤษภาคม 2556 23:42:50 น.
Counter : 16549 Pageviews.  

REVIEW รีวิวเน้นๆชัดๆ กับมหากาพย์เครื่องสำอางชุดใหญ่ จาก MISSHA


เบลล์พาไปชมบรรยากาศในงานเปิดตัว แบรนด์ MISSHA
ที่สยามสแควร์ ซ.11 กันมาแล้วและจากเซ็ทเครื่องสำอางเซ็ทบึ้มที่ได้มาจากในงาน
เบลล์ได้แกะออกมาลองเล่น ลองใช้มาระยะนึงแล้ว บล๊อกนี้เลยจะนำมารีวิวให้ชมกันค่ะ
มาดูกันว่า สีสันจะเป็นยังไง เนื้อบีบีครีม เนื้อแป้ง ปกปิดระดับไหน
เนียนเป๊ะยังไง อะไรแจ่ม อะไรเริ่ด มาดูกันชัดๆเลยจ้า!

เริ่มจากภาพนี้เลย...ภาพหมู่ 5555 รวมๆเมคอัพจาก MISSHA

แพคเกจดูหรูขึ้นกว่าเดิมมากๆ แพคเกจโดยรวมจะออกโทนสีทอง
มีลายดอกไม้เป็นกราฟฟิกเส้นๆ แบบโลโก้ใหม่ของ MISSHA นั่นเอง

ตัวแรกที่จะพูดถึง ก็คือ บีบี ครีม ซึ่งเป็นตัวชูโรง ตัวสร้างชื่อให้กับ MISSHA นั่นเอง
ในกล่อง มีสองหลอด เป็นพระเอกตีคู่มาด้วยกันเลยก็ว่าได้
จริงๆแล้ว บีบีครีมทั้งสองตัวนี้ ดังมาก เบลล์ได้ยินชื่อมานานแล้ว
ตั้งแต่ MISSHA ยังไม่กลับมาเปิดในไทยซะอีก


1. บีบีครีม หลอดแดง (ด้านขวา) ชื่อเป็นทางการ ชื่อว่า
MISSHA M Perfect Cover B.B. Cream SPF42 PA+++

ตัวนี้จะขึ้นชื่อในเรื่องคุมมัน และการปกปิดที่ดี เหมาะกับคนผิวธรรมดา-ผิวมัน
ที่ฉลากนอกจากจะเคลมเรื่องการปกปิดที่ดีแล้ว ยังมีคุณสมบัติเรื่องการลดริ้วรอยเหี่ยวย่นอีกด้วย
เท่าที่เบลล์ลองใช้บีบีครีมมาหลายแบรนด์ หลายรุ่น ตัวนี้มีเนื้อที่หนักกว่าตัวอื่นๆ
และปกปิดดีกว่าจริงๆ แต่จะเป็นการปกปิดในระดับ น้อย-ปานกลาง
ใครที่มีรอยดำเข้มๆ อาจจะไม่สามารถปิดได้มิดนะจ๊ะ

ส่วนเรื่องคุณสมบัติการควบคุมความมันทำได้ดีค่ะ เบลล์ผิวผสม จมูกจะมันก่อนส่วนอื่นๆ
เท่าที่ทดลองใช้ แต่งหน้าตอน 6 โมงเช้า บ่ายแก่จมูกเงาๆ แต่ไม่มันเยิ้ม ส่วนอื่นๆ ไม่มันเลยค่ะ
ถือว่า คุมมันดีเลยล่ะ เพราะปกติทาตัวอื่นๆ สายๆจมูกก็มันแล้ว
ชีวิตประจำวันเบลล์ทำงานในห้องแอร์ค่ะ ยังไม่เคยลองแต่งไปลุยเจเจ
ยังบอกไม่ได้ว่า ถ้าทาไปเจอที่ร้อนสุดๆจะได้ผลออกมาเป็นยังไง

ในเรื่องของกลิ่น มีกลิ่นหอมๆเป็นเอกลักษณ์ของ MISSHA ซึ่งกลิ่นก็ค่อนข้างชัด
ใครที่ไม่ชอบน้ำหอม อาจจะได้กลิ่นชัดในตอนแรกที่ทา แต่พอทาไประยะนึงกลิ่นจะจางลงเองค่ะ

บีบีครีมตัวนี้ มีผลิตออกมาให้เลือกหลายสี เท่าที่เห็นในเว็บเมืองนอกจะมีประมาณ 5 เฉด
No.13/ 21 / 23 / 27 /31 ส่วนที่นำเข้ามาขายในไทย มีสีไหนบ้างเบลล์ไม่ทราบจริงๆ
ยังไงคงต้องไปเดินดูที่shop กันนะคะ
เบลล์ได้สี 23 มา ลองบีบมาแล้วตกใจ เพราะมันดูเข้มกว่าผิว
แต่พอเกลี่ยๆบนหน้าแล้ว โอเค ไม่เข้มไปค่ะ ถ้าเป็น No.21 จะขาวเกินไปค่ะ
ส่วนเรื่อง undertone สีที่ได้มา เบอร์ 23 มันจะออกชมพูมากกว่าเหลือง
แต่เบลล์ undertone เหลือง ใช้แล้วไม่มีปัญหาอะไร ไม่เทาค่ะ สีผิวคนไทยใช้ได้โอเคอยู่นะ

Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley

2. บีบีดอกไม้ (ด้านซ้ายในรูปบน) ชื่อทางการ เค้าชื่อว่า
MISSHA M Signature Real Complete B.B. Cream SPF25 PA++

ตัวนี้จุดเด่นเค้าจะอยู่ที่ความชุ่มชื้น เหมาะกับคนผิวแห้ง
เท่าที่ลองมา เนื้อตัวนี้จะเบาบาง ชุ่มๆ เกลี่ยง่ายกว่าหลอดแดง ทาแล้วผิวดูอิ่มๆ แต่ไม่ปกปิดเท่าไหร่
ใครที่ผิวดีอยู่แล้ว ทาตัวนี้เข้าไปปั๊บ เกิดๆๆ

ในเรื่องการคุมมัน ไม่คุมมันนะคะ ใช้แล้วเทียบกับหลอดแดง ตัวนี้ทาแล้วหน้ามันไวกว่าค่ะ
อย่างที่บอกในตอนแรกแล้วว่า เหมาะกับคนผิวแห้งจริงๆ

เรื่องสี สีจะออกสว่างกว่าหลอดแดง จิ๊ดเดียว ทาแล้วกลืนกับผิวได้ดี
เนื้อบีบีไม่มีวิ้ง ทาแล้วให้ลุ๊คแมทเหมือนกันทั้งสองตัวค่ะ

เอาล่ะ มาดูรูปการทดสอบเลยดีกว่า เทียบกันสองตัวนะคะ
เบลล์ทดสอบโดยใช้อายไลน์เนอร์สีน้ำตาลจุดๆ แทนรอยด่างดำ และ ป้ายสีแดง แทนรอยแดง
แล้วใช้บีบีครีมทาทับ ผลที่ได้ เป็นแบบในรูปล่างนี้ค่ะจะเห็นว่า เนื้อบีบี ปกปิดปานกลาง สามารถปิดรอยแดงได้ดี แต่ยังปิดรอยดำไม่มิด ใครที่มีรอยดำชัดๆ อาจจะต้องใช้คอนซิลเลอร์ช่วยกลบอีกแรงจ้า

Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley

3. แป้ง MISSHA M Signature High-Glow Dual Pact SPF35 PA++ NO.23

ตัวนี้เป็นแป้งอัดแข็ง มีไฮไลท์แบ่งมาให้อีกช่อง แพคเกจเป็นตลับพลาสติกสีทอง ดูหรูหรา
ข้างในมีกระจกใหญ่เต็มตลับ เริ่ดมากๆ มีชั้นกั้นฟองน้ำออกจากตัวแป้ง ทำให้รักษาความสะอาดได้ดี
มีอนามัย ในแพคเกจเค้าให้ถุงผ้ากำมะหยี่สีดำ เอาไว้สวมตลับแป้ง กันรอยขูดขีด จุดนี้ชอบมากๆค่ะ
ทำให้ไม่ต้องกลัวตลับแป้งเป็นรอย เวลาพกใส่กระเป๋าไปไหนมาไหน

และอีกสิ่งที่น่าสนใจก็คือ ฟองน้ำที่แถมมาในเซ็ท ฟองน้ำเค้าจะมีจุดเด่นที่
สองด้านมีผิวสัมผัสไม่เหมือนกัน ด้านหนึ่งเป็นฟองน้ำใช้กดเนื้อแป้งให้เกาะผิวหน้าได้ดี
อีกด้านเป็นขนฟูๆช่วยเกลี่ยไฮไลท์ให้ดูกลมกลืน เรียบเนียน

จุดเด่นของแป้งตัวนี้ เค้ามีดีที่ไฮไลท์จริงๆ ในตลับจะแบ่งแป้งเป็นสองช่อง ช่องเล็กเป็นไฮไลท์
ช่องใหญ่เป็นแป้ง เนื้อไฮไลท์เค้าวิ๊งละเอียดมาก กระจายแสงได้ดี ใช้ผสมกับแป้งปัดทั่วหน้า
จะได้ลุ๊คโกลว์เบาๆ หรือจะใช้ฟองน้ำปาดที่โหนกแก้ม สันจมูก ก็เป็นไฮไลท์เฉพาะจุดที่สวยมากๆค่ะ
เป็นไฮไลท์ที่ไม่เว่อร์เกิน ปัดแล้วไม่เน้นรูขุมขน ชอบมากๆ แต่ในส่วนของแป้ง
เป็นแป้งเนื้อบางเบา ไม่ปกปิด แต่ให้ความเนียนบาง เบลล์ลองใช้คู่กับบีบีหลอดแดง หน้าไบร์ทมากๆ
เนียนๆ แต่ยังเห็นรอยดำประปราย

โดยส่วนตัว ประทับใจเรื่องความเนียน โกลว์ แต่ไม่โอเคกับระดับการปกปิด
ต้องใช้คู่กับบีบีครีม หรือรองพื้นช่วยอีกแรงค่ะ

เบลล์ลองทดสอบระดับการปกปิดให้ดูกันชัดๆ
ด้วยวิธีการทดสอบแบบเดียวกับการทดสอบบีบีครีมข้างบน

จะเห็นว่า การปกปิดน้อยมากๆ แนะนำให้ใช้คู่กับบีบีครีม หรือรองพื้นค่ะ

ในเรื่องการคุมความมัน ไม่คุมมันค่ะ ส่วนเรื่อง ความติดทน ถ้าใช้คู่กับบีบีครีม เนื้อแป้งจะติดทนมากๆ
ถ้าใช้เดี่ยวๆ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ถ้าวันไหนร้อนมากๆ ก็อาจจะหลุดง่ายเป็นพิเศษค่ะ

Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley


4. MISSHA The Style : Defining Blusher

บลัชออนเนื้อแป้ง สีสันน่ารัก มาในตลับใส มองเห็นเนื้อสีข้างในชัดเจน

เห็นในร้านเค้ามีหลายสีให้เลือก เบลล์ได้มาลองเล่น 2 สี คือ CR01 ส้มอ่อน กับ PK01 ชมพูอ่อน
ลองปาดให้ดูกันค่ะ ว่า สีบนผิวจะเป็นยังไงสีค่อนข้างอ่อน ดูเป็นสไตล์การแต่งหน้าแบบเกาหลีๆ
เป็นสไตล์ที่ไม่ค่อยเน้นแก้มเท่าไหร่ซึ่งสีอ่อนแบบนี้ จะเหมาะกับสาวผิวขาว-ขาวมาก
ส่วนสาวๆที่มีผิวเข้ม อาจจะปัดแล้วไม่ออกสีชัด ให้เลือกสีที่เข้มขึ้นไปอีกค่ะ

เนื้อบลัชจะเนียนละเอียดมากๆ เนื้อนุ่มพอที่แปรงจะจิกเนื้อสีออกมาได้ดี
ด้วยความที่มีสีอ่อน ทำให้ปัดทับ ค่อยๆเพิ่มความเข้มของสีได้
เหมาะกับคนที่มือหนัก ปัดยังไงก็ไม่เกิดอาการแก้มแดงเป็นตูดลิงแน่นอน

Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley


5. MISSHA The Style : Good-Bye Crease Eye Makeup Primer No.1 Clear

เป็นอายไพร์มเมอร์สำหรับทาก่อนแต่งตา ทำให้สีของอายแชโดว์เด่นชัดขึ้น
และเนื้อแชโดว์ติดผิวได้ดีขึ้น ไม่ตกร่อง

ตัวแพคเกจมาในรูปแบบแท่ง มีก้านทาเหมือนลิปกลอส ปลายก้านเป็นขนๆ
ช่วยตักเนื้อไพร์เมอร์ขึ้นมาได้ดีเนื้อไพร์เมอร์จะลื่นๆ มีสีขาวขุ่น แต่พอเกลี่ยแล้วจะใส ไม่มีสี
ทำให้ดึงสีของอายแชโดว์ขึ้นมาได้ดีมากๆ

เอาล่ะ มาลองให้เห็นชัดๆกันไปเลย ว่า ระหว่าง ใช้ไพร์มเมอร์ กับไม่ใช้ จะต่างกันอย่างไร

ด้านซ้าย ใช้ไพร์มเมอร์ จะเห็นว่า สีอายแชโดว์จะทึบ และเข้ม ชัดกว่า
ด้านขวาที่ไม่ใช้ ขอบอกว่าตัวนี้เริ่ดจริงๆ เป็นอายไพร์มเมอร์ที่ชื่นชอบ ขึ้นหิ้งลูกรักไปอีกชิ้นนึง

Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley


6. MISSHA Signature Velvet Art Shadow


อายแชโดว์พาเลท ตลับคล้ายแป้งมากๆ ขนาดจะต่างกันเล็กน้อย
ภายในมีกระจกใหญ่เต็มตลับ ชอบๆๆทุกกล่องเค้าจะแถมการ์ด สอนการแต่งตามาให้ด้วย
และที่ชอบอีกเรื่องคือ ด้านในตลับเค้าจะมีถาดพลาสติกแข็งๆเอาไว้วางแปรงฟองน้ำ
กั้นเนื้ออายแชโดว์กับกระจก เวลาใช้ไปนานๆ กระจกก็จะไม่เปื้อนฝุ่น รักษาความสะอาดได้ดี
ซึ่งแบบนี้จะเวิร์คกว่า แผ่นพลาสติกบางๆ แบบที่ยี่ห้ออื่นเค้าใช้กัน

นอกจากเรื่องความสะอาดแล้ว บนถาดพลาสติก ยังมีตัวอักษรพิมพ์เอาไว้ด้วยว่า
ช่องแต่ละช่องเอาไว้แต่งส่วนไหน แต่มันติดที่ว่า เป็นภาษาเกาหลีเนี่ยสิ 55555
ถ้าเป็นภาษาอังกฤษนะ จะเริ่ดสุดเลย

เบลล์ได้มาลองเล่น 2 ตลับ คือโทนสีชมพูม่วง กับโทนน้ำตาล
สีสันเค้าจะออกแนววิ๊งๆ ไม่เน้นสีจัด ทำให้แต่งตาได้ง่าย เหมาะกับการแต่งหน้าในชีวิตประจำวัน
แต่งออกมาจะได้ลุ๊คเกาหลีๆที่สีอายแชโดว์จะอ่อนๆบางๆ เน้นขอบตาและขนตา

มาดูเนื้อสีเวลาปาดบนผิวกันดีกว่า เบลล์ลองปาดให้ชมกันค่ะ

จะเห็นว่าสีอ่อน จะไม่ค่อยออกสี จะออกแนววิ้งๆซะมาก
ส่วนสีเข้ม ก็ออกสีชัดพอสมควร เป็นพาเลทที่ได้สีครบ
ใช้แต่งตาได้จริง โดยไม่ต้องพึ่งพาเลทอื่นๆมาช่วย

Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley


7. MISSHA Signature Technical-Up Mascara

มาสคาร่ารุ่นนี้ มีสองแบบ คือ แบบเน้นความยาวเป็นธรรมชาติ กับเน้นความหนาเป็นพิเศษ

จุดเด่นเค้าอยู่ที่แปรง และเนื้อมาสคาร่าที่เบา ทำให้ขนตาไม่ตก
มาดูกันว่า แปรงของทั้งสองรุ่นจะต่างกันอย่างไร

รุ่น Curl up Volume จะเป็นแปรงทรงตรง ทำให้กระจายเนื้อมาสคาร่าได้ทั่วเส้นขนตา
 รุ่น Curl up Lash จะเป็นแปรงโค้ง รับกับรูปตา ช่วยดันขนตาให้งอนขึ้น

เบลล์ลองนำขนตาปลอม มาทดสอบปัดทั้งสองรุ่น จะได้ผลตามภาพ

จะเห็นว่า ด้านที่ปัด ขนตาดูหนาขึ้นมากๆส่วนรุ่น Curl up Lash จะเห็นว่ามีไฟเบอร์เยอะ
ขนตาจะดูยาวกว่าแบบ เน้นความหนา ข้อเสียคือ ถ้าปัดหนาไป จะเปิดอาการขาแมงมุมได้
ในรูป เบลล์ปัดไปสามรอบ เลยจะเห็นไฟเบอร์เกาะกันชัดเจน

Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley


8. MISSHA Signature Glam Art Triple Lips SPF10

เป็นลิป ที่อธิบายไม่ถูกว่าจะเรียกมันว่าอะไรดี เพราะ ความพิเศษเค้าอยู่ที่ว่า
เมื่อทารอบแรก จะให้เอฟเฟกท์แบบลิปทิ้นท์ สีจะซึมเข้าผิวได้ดี
เมื่อทารอบที่สอง จะให้เอฟเฟกท์แบบลิปกลอสมีสี เนื้อจะเคลือบริมฝีปาก ให้สีบางๆ ใสๆ
เมื่อทาทับอีกชั้น เนื้อสีจะเข้มขึ้นอีก เหมือนการทาลิปสติก

ตัวแพคเกจมาในรูปแบบแท่ง มีก้านทาแบบลิปกลอสทั่วไป
และอีกเรื่องที่เด็ดสำหรับลิปรุ่นนี้ นั่นก็คือ สีสันสดใส มาดูกันดีกว่า ว่าสองสีที่เบลล์ได้มาลอง
ทาแล้วจะเป็นยังไง

เนื้อลิปค่อนข้างเหลว เกลี่ยง่าย มีกลิ่นหอมชัดเจน
เมื่อทาไปแล้ว จะมีสีบางส่วน ซึมเข้าผิวเหมือนการใช้ทิ้นท์ ทำให้สีติดทนอยู่กับผิวได้ดี

งานนี้ได้นางแบบจำเป็นมาลองทาลิป ขอบคุณนางแบบทั้งสองคน มา ณ ที่นี่ด้วยจ้า

Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley

ในที่สุด ก็จบแล้ว กับ รีวิวมหากาพย์เครื่องสำอางชุดใหญ่ จาก MISSHA
หวังว่าจะเป็นข้อมูลช่วยตัดสินใจให้กับสาวๆได้ไม่มากก็น้อยนะคะ
และท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณ MISSHA ที่ยกเครื่องสำอางชุดใหญ่
มาให้เบลล์ได้เทส และลองเล่นนะคะ


บล๊อกนี้แอบยาวไปหน่อย เหนื่อยละ หนีไปพักดีกว่า
ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนจบนะจ๊ะ
บ๊ายบายยยยยย




 

Create Date : 07 เมษายน 2556    
Last Update : 7 เมษายน 2556 1:44:55 น.
Counter : 43575 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  

bellyly
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 88 คน [?]





สวัสดีจ้าสาวๆ เบลล์ bellyly อาจจะเงียบหายไปจาก bloggang นานเลย
จริงๆยังไม่ได้เลิกเขียนบล็อกนะคะ ช่วงนี้ย้ายเว็บค่ะ เริ่มขยับขยายเปิดบ้านเป็นของตัวเอง เพื่อที่จะปรับแต่งหน้าตาได้ตามใจชอบ และปรับปรุงหน้าบ้านให้ดูเป็นระเบียบ สวยงามอ่านได้ง่าย สบายตามากขึ้นด้วย



เบลล์ขอเชิญชวนให้ไปติดตามกันต่อ ที่



เพื่อนๆสามารถกดรับการแจ้งเตือนเมื่อมีการอัพเบล็อกใหม่ได้ที่ Tab Subscribe ด้านขวาในหน้าเว็บใหม่นะคะ



CONTACT
Email: bellyly_ly@hot หรือ bellyly@gmail
Facebook : http://www.facebook.com/BellyBlog
Instagram : http://instagram.com/bellyly#
Twitter : https://twitter.com/bellyly_ly







Friends' blogs
[Add bellyly's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.