All Blog
มิสากับ Ice skate บทที่ 1 : Ice skate นี้เพื่อลูก




 
บล็อคนี้กิ๊กอยากเขียนเพื่อเอาไว้ให้มิสาอ่านตอนโต วันที่เค้าเล่นไอซ์สเก็ตได้เก่งๆ หรือ ถึงไม่ได้เรียนต่อไป แต่ก็อยากให้เห็นว่าแม่คนนี้ทุ่มเทแค่ไหนในการที่จะให้มิสาได้ลองเล่น ลองทำ ลองเรียนอะไรหลายๆอย่างเพื่อให้เค้าค้นพบศักยภาพในตัวเอง
 
เริ่มจากเด็กๆก่อน 3 ขวบที่กิ๊กได้พามิสาไปเรียน(และทดลองเรียน)เสริมเยอะมากๆๆๆ 555 ทั้งจิมโบรี ชิจิดะ เบรนสคูล จูโน่ เบบี้จีเนียส ฯลฯ  (อ่านตอนเก่าๆดูนะคะ 555) จนกระทั่ง 2.4 ขวบ ก็หยุดเรียนเกือบทั้งหมด เพราะมิสาเข้าเรียนชั้นเตรียมอนุบาล 
 
จนกระทั่งเข้า 3 ขวบ ก็มาเริ่มเรียนบัลเล่ต์ เพราะตอนนั้นมิสาดูชอบ (เพราะดูจากแองเจลิน่า) พอไปทดลองเรียนครั้งแรก ก็เข้าห้องเองได้ ไม่ต้องมีแม่เข้า เรียนเสร็จบอกเรียนได้ อยากเรียน ก็เลยสมัครไปด้วยความปลื้มปริ่มของอินังแม่ ปรากฏโดนลูกหลอก เพราะหลังจากนั้นมิสาก็ไม่สามารถเข้าเองโดยไม่มีแม่เข้าได้ คือ เธอก็ชอบนะ เวลาเรียนก็สนุกดี แต่พอจะเข้าห้อง dramaน้ำตาแตก ต้องให้แม่เข้า รวมแล้วแม่เข้าไปนั่งเฝ้าทั้งหมด 10 ครั้ง !! พอคอร์สที่ 2 แม่ไม่ยอมเข้าล่ะ แต่ก็ต้องนั่งเผ้าหน้าห้อง(กระจก)ให้เห็นหน้าอยู่ดี (คือหนีไปเดินเล่นไมไ่ด้เลย) จนกระทั่งจบคอร์ส 2 มิสาย้ายรร.มารุ่งอรุณ รร.บัลเล่ต์ที่เดิมเริ่มไกลล่ะ ก็เลยย้ายมาเรียนที่ KPN (นราธิวาส24) แต่ก็ยังเป็นคลาสประเภทเดิม คือเหมือนแค่ Let's dance ประมาณนั้น ยังไม่ใช่บัลเล่ต์เต็มตัว ซึ่งตอนนี้แม่ท้องสิตาได้ 6-7 เดือนแล้ว แต่ห้องบัลเล่ต์ของ KPN อยู่ชั้น 4 แม่เลยเดินขึ้นไปส่งเรียนไม่ไหว ก็เลยยกหน้าที่ให้พ่อเป็นคนพามิสาเรียนบัลเล่ต์แทน ซึ่งพ่อก็ประสบปัญหาไม่ต่างกับแม่ คืองอแงก่อนเข้าห้องเกือบทุกครั้ง พ่อต้องรอหน้าห้อง (คือยังไงพ่อก็ไม่ยอมเข้าไปนั่งเหมือนแม่) แต่เวลาเรียนทุกครั้ง ครูจะบอกตลอดว่า มิสาทำได้ดีนะคะ ซึ่งเราเองก็ดูลูกเราตลอด ก็พอรู้ว่าทักษะเค้าได้ ตัวอ่อน ทรงตัวดี แต่ก่อนเข้าจะงอแงเกือบทุกครั้ง แม่ก็เลยหาตัวช่วย ชวนเพื่อนมิสาไปเรียนด้วย ก็พอช่วยได้อยู่ช่วงนึง พอดีที่เวลาเรียนมันไม่ลงตัว ต้องย้ายมาเรียนคนละคลาสกัน ก็เข้าอีหรอปเดิม ร้องงอแง ... จนในที่สุด พ่อก็บอกว่า ไม่ไหวแล้ว คือ ต้องมาบิ้วท์ต้องมาอะไรกันทุกครั้งก่อนเข้า มันไม่ไหวแล้วนะ พอเถอะ ... แม่ก็เลยให้มิสาเลิกเรียนบัลเล่ต์ เพราะฝืนต่อไปก็คงไม่ไหว ทั้งๆที่ในใจก็แสนเสียดาย เพราะรู้ว่าทักษะด้านร่างกายของมิสาดีเลยทีเดียว ถ้าได้เรียนต่อต้องไปได้ดีแน่ๆ แต่ก็อ่ะนะ..เมื่อลูกไม่ชอบ เราก็ไม่ฝืน (จริงๆแอบคิดหาเหตุผลสารพัดที่มิสาจะไม่ชอบ จะว่าครูก็ไม่ใช่ เพราะเลือกครูที่ใจดีมาก แต่คิดว่าเป็นเพราะคลาสใหม่ ไม่มีเพื่อน แล้วเด็กในคลาสเป็นฝรั่งกับจีนเกือบหมด ไม่มีเด็กไทยเลย มิสาเลยไม่มีเพื่อนคุย -- อันนี้แม่คิดนะ) รวมแล้วมิสาเรียนบัลเล่ต์ได้เกือบ 2 ปีเหมือนกันนะ
 
 
++ มิสาตอน 4.2 ขวบ++
 
 
 
ช่วงมิสา 4 ขวบกว่าๆนี่เอง แม่ได้มีโอกาสพามิสามาสแกนลายผิวมือ(เป็นครั้งที่ 2) เพื่อดูว่ามิสาจะมีความถนัดในด้านไหนกับครูบัว ครูบัวก็บอกว่า กล้ามเนื้อมัดใหญ่น้องโอเคนะคะ เรียนบัลเล่ต์หรือพวกกีฬาได้ และแม่ก็ได้ปรีกษาครูถึงเรื่องมิสาติดพ่อติดแม่มาก เวลาเข้าห้องเรียนอะไรก็เข้าเองคนเดียวไม่ได้(หรือได้แบบไม่ค่อยเต็มใจ) ครูบัวแนะนำให้เรียนจิมเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้มิสา เพราะการที่เด็กได้ออกกำลัง เล่นกีฬา เป็นการฝึกให้เด็กมีความมั่นใจมากขึ้น ตอนแรกแม่ฟังก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่พอเล่าให้พ่อฟัง พ่อสนับสนุนมาก แม่ก็เลยพามิสามาทดลองเรียน ปรากฎว่ามิสาชอบมาก เรียกว่าเข้าทางเลย เพราะเด็กรุ่งอรุณชอบอยู่แล้วพวกปีนป่าย(แต่ละคนซนยังกะลิง 555) มาเรียนในคลาส มิสานี่เป็นแบบเด่นเลยนะ ครูชมตลอดว่าเก่ง เวลามีผปค.มาดูที่รร. จะถามตลอดว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆนั่นใคร เก่งจัง เร็วกว่าเด็กผู้ชายอีก 555 แต่พอเรียนไปได้ซัก 3-4 ครั้ง ก็เกิดปัญหาเดิมๆอีก คือ พอจะเข้าห้องเริ่มงอแง คิดถึงแม่ แม่ต้องนั่งเฝ้า... แม่ก็ เฮ้ย อะไรอีกเนี่ย ยังไม่หายเหรอ ทั้งๆที่เป็นวิชาที่สนุกมาก ทำได้ทุกอย่าง มีความมั่นใจด้วย ครูก็ชม .. คือ เห็นชัดๆละว่าเรียนได้ดี แต่ก็ยังมีปัญหาติดแม่ พอจะเข้าห้องก็บ่น ไม่อยากเรียน (แต่พอเรียนในห้องจะสนุกมากก เล่น วิ่ง ทำทุกอย่างได้ดี) ตอนแรกแม่ก็จะให้เลิกเรียน เพราะขี้เกียจมาเจออะไรแบบนี้อีก บอกตรงๆ ก็เล่าให้ครูบัวฟัง ครูบัวก็ช่วยจัดการให้ ให้คุณครูออกมารับเข้าห้อง ครูบัวก็แนะนำให้คุยกับลูก เพราะลูกเป็นคนอยากเรียนเอง แล้วครูก็ยืนยันว่ามันไม่ได้มาจากทักษะที่พร่องของเค้า เพราะฉะนั้นในคลาสเค้าเรียนได้แน่นอน ... แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังคงมีปัญหางอแง ไม่อยากเรียนมาอยู่เป็นระยะๆๆ จนในที่สุด แม่ก็ยอมแพ้ ถ้ามันไม่ happy จะเข้าห้องขนาดนี้ก็ไม่ต้องเรียนก็ได้ลูกเอ้ยย... แม่ก็เหนื่อยเหมือนกันนะ (ตังค์ก็เสีย เหนื่อยบิ้วท์ลูกอีก)
 
 
หมดไฟไปสักระยะ ... ตอนนี้มิสาไม่ได้เรียนอะไรแล้ว(นอกจากภาษาจีน) ... แม่เพื่อนในห้องมิสา ก็มาเล่าให้ฟังว่า เค้าเอาลูกไปเรียนแบต แล้วปรากฏว่า ลูกชอบมาก เรียนได้ดี ครูก็ชม เรียนไปสักระยะ ก็มี feedback มาจากครูที่รร.ว่า ลูกเค้าดีขึ้นมาก เวลาเรียนก็มีสมาธิ มีความมั่นใจ กล้าพูด กล้าตอบในห้อง คือ พัฒนาการในห้องเรียนดีขึ้นเลย แม่เค้าเลยเล่าให้ฟังว่าพาลูกไปเรียนแบตมา แล้วลูกชอบ ครูเลยบอกว่า อยากให้เด็กอื่นๆดูเป็นตย. (คือ ประมาณว่าให้เด็กๆชวนกันไปเล่นกีฬาบ้าง ทั้งๆที่รร.มิสาไม่เน้นให้เด็กเรียนพิเศษนะ แต่กีฬาครูโอเค) เพราะมันทำให้เด็กมีความมั่นใจ ส่งผลให้การเรียนในห้องก็ดีขึ้นด้วย ... ฟังปุ๊บ ไฟมันก็มาอีกครั้ง 555 แม่ย้อนนึกกลับมาถึงที่ครูบัวพูดทันทีว่า เออ มันมีผลจริงๆนะ การเล่นกีฬาเนี่ย มันทำให้เด็กก้าวข้ามขีดจำกัดของเค้า แล้วก็จะทำให้เค้ามีความมั่นใจ มีสมาธิ แม่เลยตั้งใจว่าต้องหาอะไรซักอย่างที่มิสาชอบให้มิสาเรียน (หลังจากไม่ประสบความสำเร็จทั้งบัลเล่ต์และยิม) ซึ่งประกอบกับผลการสแกนที่มิสาสามารถพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ได้ดีด้วย แม่ก็เชื่อว่ามิสาน่าจะเล่นอะไรที่เป็นแนวเน้นร่างกายได้
 
 
แม่เลยลองถามมิสาตรงๆเลยว่า มิสาอยากเรียนอะไรบ้างมั้ย 555 ถามแบบไม่คิดว่าลูกจะตอบได้ เพราะเคยถามแล้ว แต่มิสาไม่อยากเรียนอะไรซักอย่าง แต่คราวนี้มาไงไม่รู้ มิสาบอกว่าอยากเรียน ไอซ์สเก็ต ... เอาล่ะสิคร้าบบ แม่อย่างเรา ลูกบอกว่าอยากเรียน แม่ก็ต้องรีบหาข้อมูลทันทีว่าจะไปเรียนที่ไหน อะไร ยังไง
 
 
พูดถึงไอซ์สเก็ต แม่ก็ขอเขียนไว้หน่อยนึง อันว่ากีฬาชนิดนี้เป็นอะไรที่พ่อกับแม่เคยคุยกันมานานแล้วว่า เราไม่อยากให้ลูกเรียน คือ ตอนมิสาซัก 3-4 ขวบ ก็มีเพื่อนๆที่รร.พูดถึงเรียนไอซ์ฯกันอยู่บ้าง แต่เรา 2 คนก็คุยกัน และเรารู้สึกว่า มันเป็นกีฬาอะไรที่ไกลตัวมากก จะเล่นก็ลำบาก ต้องไปหาลานไอซ์ ก็ซึ่งไกลบ้าน จะซ้อมทีอะไรที่ก็ลำบาก เล่นเองที่บ้านก็ไม่ได้ อีกทั้งพ่อกับแม่ก็ไม่มีใครเล่นเป็นซักคน ... คือ มันเป็นกีฬาที่ไกลตัวคนไทยไปนิด สู้เล่นกีฬาพวกว่ายน้ำ แบต เทนนิสไม่ได้ ดูจะเป็นกีฬาที่อยู่ในวิถีไทยมากกว่า ก็เลยคิดว่าคงไม่พามิสาไปลองเล่น(กับเพื่อนๆ)เพราะยังไงก็คงไม่ได้ให้เอาดีทางนี้
 
แต่มิสาดันพูดว่าอยากเรียน ! แล้วเอาไงล่ะทีนี้ แม่ก็เอาเรื่องนี้ไปคุยกับพ่อ แน่นอนว่าพ่อไม่สนับสนุน เพราะหลังจากคุยๆกับเพื่อนแม่ที่ลูกเค้าเรียนอยู่ แม่ก็รู้ว่าเค้ามีสอนหลายที่ ที่สะดวกสุดสำหรับพระราม 2 บ้านเรา ก็คงเป็น CTW เรียนหลังเลิกเรียนวันธรรมดา ... ซึ่งพ่อก็ว่ามันไม่สะดวก นู่นนั่นนี่ แต่ไหนเลยมนุษย์พ่อจะชนะมนุษย์แม่ได้ 555 พ่อไม่ให้ แต่แม่ให้ซะอย่าง ... ก็แปลว่า แม่ต้องรับผิดชอบพาลูกไปเรียนเองนะจ๊ะ (พ่อจ่ายตังค์อย่างเดียว) ..  แม่นำเรื่องนี้ไปคุยกับครูบัวอีกครั้ง ครูบัวบอกว่า น้องเรียนได้ค่ะ เพราะเค้ามีทักษะด้านนี้อยู่ แต่ครูขอแนะนำคุณแม่นะคะ ถ้าน้องเลือกเรียนไอซ์สเก็ตคราวนี้ คุณแม่ห้ามให้น้องเลิกกลางคันแล้วนะคะ เพราะไม่งั้นก็จะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆค่ะ คือพอเบื่อ/ท้อ/ไม่มีอารมณ์ ก็งอแงไม่อยากเรียน ... ซึ่งอันนี้เป็นอะไรที่ตรงใจแม่มาก คือแม่ระวังเรื่องนี้อยู่แล้วเพราะได้ยินมาเยอะ คือลูกอยากเรียนนั่นนี่นู่น แล้วสุดท้ายกลายเป็นไม่มีอะไรสำเร็จซักอย่าง แม่เลยรับปากครูบัวว่า ค่ะ จะไม่ให้เลิกเรียนแล้วค่ะ 555
 
และแล้วการเรียนไอซ์สเก็ตของมิสาก็เริ่มต้นขึ้น ท่ามกลาง "ความพยายามในการขับรถไป-กลับ CTW-พระราม2" ในวันพุธตอนเย็น ... ซึ่งเป็นอะไรที่รถติดมากกกก และบอกเลยว่า ตั้งแต่แม่ออกจากงานมา แม่ไม่ชินกับรถติดมา 3-4 ปีแล้ว ไม่เคยได้ขับรถช่วง rush hour เลย ยิ่งเราย้ายบ้านมาพระราม2 เพื่อให้ใกล้รร.มิสา จะได้ไม่ต้องหงุดหงิดกับรถติด แต่ดันต้องมี 1 วัน(คือวันพุธ) ที่แม่ต้องมาเผชิญรถติดในชม.เร่งด่วน แล้วรถติดทีแบบขาไป 1 ชม. ขากลับ 1.30 ชม. เรียนจริง 1 ชม. มันใช่มั้ยอ่ะ มันเป็นอะไรที่แม่คิด คิด คิด ว่าเราคิดถูกมั้ยเนี่ย 555  แม่ใช้ความพยายามสำรวจเส้นทาง สำรวจที่จอดรถ สำรวจเวลาที่เหมาะสมในการเดินทางอยู่นานกว่าจะลงตัว เริ่มตั้งแต่
 
         - ไปเร็ว - กลับเร็ว คือ มิสาเลิกเรียน บ่าย2.30 แม่ก็รับไปเลย (ไม่ต้องเล่นสนาม) เวลาเรียน คือ 16.30 น. เรียนเสร็จ 17.30 น. ก็กลับบ้านทันที ... ผลคือ มาทันนะ (คือ ขามาต้องอธิบายนิดนึงว่า นอกจากเวลาบนถนนแล้ว ยังต้องรวมเวลาหาที่จอดรถ และเข้าห้องน้ำ ใส่รองเท้า ใส่เลกกิ้งด้วย) แต่ขากลับ รถติดมากก แค่ออกจากที่จอดรถ ก็ครึ่งชม.แล้ว กว่าจะฝ่าฟันรถติดบนทางด่วน กว่าจะถึงบ้าน ถึงบ้านก็ทุ่มครึ่ง พยายามแบบนี้อยู่ซัก 2-3 ครั้ง แม่ก็ว่าไม่เวิร์ค คิดว่าเราคงกลับเย็นเกินไป รถเลยติดมาก เพราะฉะนั้นจะต้องเลิกเร็วกว่านี้ อีกทั้งตอนขามา เรามาถึงก่อน 16.30 อยู่แล้ว น่าจะเริ่มเร็วขึ้น และเลิกให้เร็วขึ้น
 
         - เรียนเร็วขึ้น คือ 16.00 - 17.00 น. พอเลิกปุ๊บ ก็กลับปั๊บ เพื่อให้ทันก่อนรถติด ผลคือ ขามาต้องพยายามอย่างสูง เพราะถนนแถวๆเพชรบุรี - หลังสวน เอาแน่เอานอนไม่ได้ บางทีก็ไม่ติด บางทีก็ติด ถ้าติด ก็จบเลย ต่อให้มาทัน 4 โมง แต่ก็ต้องเข้าห้องน้ำอีก ใส่รองเท้าอีก ... ผลคือ ต้องเลื่อนครูค่อนข้างบ่อย เลยรู้สึกเกรงใจคุณครูมากก แถมขากลับ เลิก 5 โมงก็จริง แต่กว่าจะถอดรองเท้าเปลี่ยนชุดอะไรมากมาย กว่าจะได้ออก 5 โมงกว่า ก็รถติดจากที่จอดรถเป็นเกือบครึ่งชม.เหมือนเดิม ไม่มีอะไรดีขึ้น ... จำไม่ได้ว่าเวลาอยู่กี่ครั้ง (น่าจะหลายครั้งอยู่คราวนี้) ก็ต้องเปลี่ยนเวลาอีกรอบ
 
         - กลับไปเรียน 16.30 -17.30 น. เหมือนเดิม เพราะเกรงใจครูเหลือเกิน เหตุเพราะไปไม่ทันเริ่มบ่อย แต่พอเลิก คราวนี้ไม่รีบกลับล่ะ จัดการให้มิสากินข้าวเลย เพราะไม่งั้นกว่าจะถึงบ้านทุ่มกว่า ไม่เวิร์ค กินข้าวเสร็จ ก็รีบกลับบ้าน ออกจาก CTW ประมาณ 6.30 บ้าง 1 ทุ่มบ้าง 1 ทุ่มกว่าบ้าง ผลคือ ไม่เวิร์คเหมือนเดิม เพราะรถติดจากที่จอดอยู่ดี หรือถ้าไม่ติดในที่จอด ก็จะมาติดบนทางด่วนอย่างยาวววว คือ กลับถึงบ้าน 2 ทุ่มครึ่งบ้าง เกือบ 3 ทุ่มบ้าง ดีหน่อยถ้ามิสาหลับมาเลย 555 แต่ก็ไม่เวิร์ค
 
จนกระทั่งเรียนไปซัก 10 กว่าครั้ง (นิดๆ) มิสาก็เริ่มงอแงไม่อยากไปเรียน เหตุเพราะทุกวันพุธ แม่จะรับมิสาหลังเลิกเรียนทันที (2.30 ) ทำให้มิสาไม่มีเวลาเล่นกับเพื่อน (ปกติต้องเล่นถึง บ่าย 3) ก็จะงอแงขอเล่น ซึ่งถ้าแม่ปล่อยเล่นถึง 3 โมง (เพื่อบิวท์ให้เธออารมณ์ดี จะได้ไปเรียนดีๆไม่งอแง ไม่งั้นจะบ่นว่าไม่อยากไปเรียน) กว่าจะได้ออกจากรร. รวมซื้อขนมอีกอะไรอีก บ่าย 3 กว่า ก็จะทำให้ 16.30 น ไปเรียนไม่ทันล่ะ จนรู้สึกเกรงใจครูมากขึ้นไปอีก แถมมีช่วงนึง (ก็ช่วงครั้งที่ 10 กว่าๆนี่ล่ะ) เล่นเสร็จ หลับไปในรถ ไปถึงไม่ยอมตื่น พอปลุกตื่นก่อนก็งอแง ร้องไห้ไม่อยากไปเรียน บ่นคิดถึงพ่อ ... คือ ช่วง 4-5 ครั้งนี้ ต้องบันทึกเลยว่า แม่ปรี๊ดแตกมากกก จากเคยเข้าลานไอซ์ไปเรียนเองดีๆได้ (โดยอยู่กับครู 2 คน แม่ไปเดินช้อปปิ้งได้สบาย) ในคอร์สแรก (10 ครั้ง) อยู่ดีๆก็ผีเข้า งอแง ไม่อยากไปเรียน มีเหตุตลอด อย่างที่บอก บางทีบิวท์อารมณ์ไปดีๆ พอถึง CTW ร้องไห้ ไม่อยากเรียน คิดถึงพ่อ  เสียเวลาไปครึ่งค่อนชม. แต่แม่ก็พยายามผลักเข้าไปจนได้ เพราะไม่อยากให้เหมือนว่าพอร้องไห้แล้วไม่ต้องเรียน ก็จะติดนิสัยและคิดว่าถ้าร้องไห้ก็ไม่ต้องเรียนได้ แม่ถึงกับบอกครูว่าสอนแค่ 30 นาที หรือ 15 นาทีก็ได้ค่ะ แต่ให้คิดค่าเรียน 1 ชม.ปกติ เพราะไม่อยากให้ขาด อ้อ ! จริงๆมันแอบมีเหตุนิดหน่อย ก่อนจะถึงช่วงที่มิสางอแง คือ เราหยุดเรียนไป 2 ครั้งได้ เหตุเพราะอะไรแม่จำไม่ได้อาจจะไปเที่ยวหรืออะไรนี่แหละ พอกลับมาเหมือนต่อไม่ติด ก็งอแงไม่อยากเรียนซะงั้น แม่เลยขยาดมาก สำหรับมิสานี่ ต้องสม่ำเสมอเท่านั้น .. ซึ่งพอผลักเข้าไปเรียนได้ ในช่วงที่เรียนมิสาก็ดูโอเค พูดคุยกับครู ทำตามที่ครูสอนได้ มียิ้มหัวเราะได้ปกติ แต่หน้าเฉยๆก็มีบ้างเหมือนกัน ... แต่สรุป คือ ประมาณ 4-5 ครั้งนี่แหละ ที่แม่ต้องใช้ความอดทนขั้นสูงที่สุด ที่จะพามิสาผ่านมันไปให้ได้ ซึ่งพอผ่านไปได้สำเร็จ ก็ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร อาจจะเพราะเริ่มต่อติดเหมือนเดิม เริ่มสนุกกับท่าใหม่ๆ หรือจะเพราะแม่ถ่ายคลิปแล้วทำเป็นเอาไปอวดคนอื่น 555 ในที่สุด มิสาก็กลับมาชอบเรียนไอซ์สเก็ตเหมือนเดิมได้โดยไม่งอแง และเมื่อถามถึงครูในดวงใจ มิสาก็ให้ครูน้ำตาลเป็นอันดับ 2 ด้วย Smiley (อันดับ 1 คือ ครูสอในดวงใจจ้า)
 
               - ซึ่งผลจากการงอแง อารมณ์ไม่คงเส้นคงวาของมิสา แม่ก็เลยเลื่อนเวลาเรียนเป็น 17.00 -18.00 น.เรืยย คือเอาแบบว่ามีเวลาเหลือเฟือก่อนเรียน เอาให้ตื่นเต็มที่ ถ้าร้องก็ร้องซะให้เสร็จ 555 พอเรียนเสร็จ ก็ไปกินข้าว แล้วมันบังเอิญที่พอกินข้าวเสร็จมิสาก็ขอเล่นของเล่นที่ชั้น 6 ต่อ เล่นไปเล่นมา กลับประมาณเกือบ 2 ทุ่ม หรือ 2 ทุ่มกว่า แล้วก็ค้นพบว่า รถมันไม่ติดเลย 555 ไม่ติดทั้งที่จอดรถ และไม่ติดบนทางด่วน อย่างออก 2 ทุ่ม แค่ 2.40 ก็ถึงบ้านแล้ว คือ ไม่เกิน 3 ทุ่ม (ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชม) สุดท้าย เราก็มาลงตัวที่เวลานี้ คือ ขามาก็ไม่เร่งรีบเกินไป เชิญเล่นตามสบาย จนกระดิ่งดังบ่าย 3 โมง มาถึงจะหลับมาในรถ จะยังไงก็ตื่นทันแน่นอน 5 โมงเย็น 555 แถมตอนกลับบ้านก็รถไม่ติดด้วย
 
สุดท้าย วันที่แม่นั่งบันทึกอยู่นี่ มิสาก็เรียนไอซ์มาครบ 20 ครั้งแล้ว อย่างน้อยก็หมุนตัวได้แล้ว ก็ถือว่าแม่ก็ดีใจอยู่ที่ลูกทำสำเร็จ 555 ต่อไปเลื่อนขึ้นประถม เลิกเรียน 3.30 น. ก็ดูต่อไปว่ายังไปเวลานี้ทันรึป่าวนะ 555
 



Create Date : 24 มีนาคม 2559
Last Update : 6 สิงหาคม 2562 17:03:25 น.
Counter : 2488 Pageviews.

1 comments
  
น้องโชคดีมากค่ะที่ได้เรียน หนูอยากเรียนมาก เเต่ไม่อยากให้เเม่เสียเงินเยอะ ฝากบอกน้องด้วยนะค่ะว่าตั้งใจมากๆ ยังมีอีกหลายคนที่อยากเรียนเเต่เค้าไม่ได้เรียน
โดย: Hi IP: 192.99.15.166 วันที่: 29 กันยายน 2559 เวลา:7:05:17 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Beauty & Bambi
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 36 คน [?]



ณ 31/1/2023

นิยามตัวเองได้ว่า เป็นคนชอบ เที่ยว กิน ช๊อป ค่ะ...แต่หลังๆไม่ได้อัพบล็อคเลย มัวแต่เล่น ig กับ เฟส ^^

บล็อคที่เขียนไว้อาจจะนานแล้ว แต่ก็ยังหวังว่าจะพอมีประโยชน์กับเพื่อนๆนะคะ ถ้าได้เที่ยว (หลังโควิด ) จะมาอัพอีกนะคะ


*** เราไม่ค่อยได้เข้ามาเช็คที่ blog เท่าไร่ ถ้าเพื่อนๆอ่านแล้วมีคำถาม รบกวนถามมาทางอีเมลล์เลยนะคะ (ดูอีเมลล์จาก profile ได้ค่ะ) เรายินดีตอบทันทีค่ะ แต่ถ้ามาทิ้งคำถามไว้ที่ blog หรือ หลังไมค์ มันอาจจะนานกว่าเราจะมาอ่านเจออ่ะค่ะ ***
New Comments