สังคมคนทำงาน...คานหามของพ่อแม่


จริงๆ การเล่าเรื่องนี้ก็เหมือนการประจานตัวเองเหมือนกัน
แต่เราคิดว่า มันจะเป็นประโยชน์มากกว่าไหม?
ถ้าการเล่าเรื่องนี้ แล้วทุกอย่างมันจะเปลี่ยนแปลง...
ในสังคมของเรา

เพราะว่าพี่ชายเราเพิ่งจะมีลูก แต่ก็มีปัญหาที่เราก็ยัง งงๆ
เราไม่แปลกใจหรอกนะ ถ้าจะยังเลี้ยงเด็กไม่เป็น ไม่แปลก
แต่ทางครอบครัวของพี่สะใภ้เรา ทำไมถึงเลี้ยงเด็กทารก
ไม่เป็น? แค่อยู่เล่นกับเด็ก จนเด็กเหนื่อย เขาก็จะเพลีย
แล้วหลับไปเอง นอกจากนั้นเขาก็จะร้อง จะอะไรเรื่อยๆ

เราแปลกใจว่า พี่เราเป็นคนที่มีความอดทนสูงมาก
ทำงานทั้งที่ขาดทุนค่าแรง แถมไม่ได้หลับ ไม่ได้นอน
เป็นเดือนๆ ยังทำมาได้ แค่พยายามกล่อมลูกให้นอน
ทำไมถึงทำไม่ได้ เปลี่ยนวิธีการทุกวัน เด็กเลยไม่นอน
เราบอกเลย สมควร เราเคยอ่านจากพี่ๆ ในเพจ
"จะว่ายังไงดีล่ะ" คนที่เขาอ่านพวกจิตวิทยามานาน
เขาบอกว่า คนเราจะสร้างความเคยชินได้ ถ้าทำ
สิ่งนั้นๆ เป็นประจำ ติดต่อกันในระยะ 21 วัน ประมาณนั้น

แล้วการเลี้ยงให้เด็ก เข้าใจว่า ทำอย่างนี้
คือเวลาพักผ่อนนะ แน่นอนว่า ทารกไม่เข้าใจหรอก
ในช่วงแรกๆ ก็ต้องพยายามทุกวัน ต่อเนื่อง
จนกว่าเขาจะชิน แต่พี่ก็เปลี่ยนวิธีการทุกวัน
เปลี่ยนจนเด็กร้องตลอดเวลาไปแทน
ถึงเวลานอน ก็ไม่ยอมนอนไปเลย

จนผ่านไปเป็นเดือน แม่พี่สะใภ้ก็ยังเอาหลานนอนไม่ได้
จนแม่เราที่ป่วยเป็นมะเร็งเดินทางเลี้ยงดูหลานด้วยอีก
วันแรกที่แม่ไป หลานเราหลับได้ทันที เราเลย งงมาก
เห้ย แม่พี่สะใภ้เลี้ยงเด็กไม่เป็น ทำไมแม่เราทำได้
ทุกวันนี้ เลยกลายเป็นโยนให้แม่เราเลี้ยงจนโตไปเลย
พ่อเราก็มีหน้าที่เล่นกับหลาน ส่วนแม่กล่อมนอน
นอกจากนั้น พ่อเราก็มีหน้าที่ทำความสะอาดบ้าน
เก็บกวาดบ้าน ซักผ้า ล้างจาน ทำอาหารให้ครอบครัวพี่
เงินทุกบาททุกสตางค์ พ่อแม่เราจ่ายเองทั้งหมด

มันคืออะไรอ่ะ เราไม่เข้าใจ มีลูกแต่เลี้ยงเองไม่ได้
มีบ้าน แต่ก็ดูแลเองไม่ได้ ต้องใช้ให้พ่อแม่ทำให้
สบายตัวเองทั้งพี่สะใภ้ ทั้งพี่ชายเรา เกินไปไหมอ่ะ?
เงินเดือนก็เหยียบแสนกันแล้ว ทำไมแค่นี้ทำเองไม่ได้
จ้างคนงานก็ไม่ไว้ใจ? จ้างคนเลี้ยงก็ไม่ไว้ใจ?
แล้วจะเสือกมีลูกกันทำไม? ทั้งที่ไม่พร้อมเลี้ยงเอง

เราเป็นลูกคนเล็ก เราเห็นพ่อแม่ต้องไปทำอะไรแบบนี้
เราบอกเลย เราทนไม่ไหวเหมือนกัน เราก็ถามพ่อแม่เลย
จะเลี้ยงจนโตเลยไหม จะเลี้ยงลูกทุกคนของพี่เราเลยไหม?
เขาต้องเป็นพ่อเป็นแม่ ต้องดูแลลูกของตัวเองสิ
จะโยนภาระทั้งลูก ทั้งบ้าน ทั้งอาหารการกินให้พ่อแม่
ทั้งหมดแบบนี้ มันเกินไปไหมอ่ะ? ไหนคือรักพ่อแม่

ความรักที่มีต่อพ่อแม่ คือ ปล่อยให้พ่อแม่ดูแลตัวเอง
จนแต่งงาน มีลูกก็ยังให้พ่อแม่ดูแลอย่างนั้นหรอ?
เรายังถามพ่อเรา ว่าใครจะตัดเล็บเท้าให้พ่อ
ในเมื่อเราตัดให้พ่อมาตั้งแต่ ม.ต้นแล้วอ่ะ
ตั้งแต่จำความได้ พี่ไม่เคยมาดูแลพ่อแม่เลย
ขนาดแม่ป่วย ทำได้แค่มาเยี่ยม แค่ป้อนข้าวยังไม่ทำเลย
เราไม่คิดว่า พฤติกรรมตั้งแต่เด็กของพี่ มันจะยังอยู่
โตแล้ว อายุมากแล้ว มันก็ไม่เปลี่ยนแปลงเลย

เราสงสารพ่อแม่เราอ่ะ แก่ก็แก่มากแล้ว
หลงๆ ลืมๆ กันมากๆ แล้ว ยังต้องมาทำงานรับใช้ลูกอีก
แทนที่อายุเท่านี้ จะได้พักผ่อน ได้ไปทำอะไรสนุกๆ
การไปเลี้ยงหลาน เราไม่บ่นหรอกนะ
แต่ที่เราบ่นอ่ะ คือการที่พ่อแม่ต้องดูแลงานบ้านทั้งหมด
แทนพี่เรา แทนพี่สะใภ้ กลายเป็นว่า สังคมคนทำงาน
มีพ่อแม่เป็นคานหามที่ต้องคอยดูแลทั้งลูก ทั้งหลาน
ทั้งงานบ้านงานเรือน ทั้งเรื่องอาหารการกิน
ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ป่วยแล้วรอวันรักษาอยู่อ่ะ

พ่อเราต้องไปตรวจไตได้แล้ว ถ้าไม่อยู่กับเรา
แกก็ไม่ยอมไปตรวจอะไรเลย ผลตรวจสุขภาพ
มันก็ส่อแววว่ามีปัญหาที่ส่วนของไต
เราแค่กลัวว่า มันจะสายเกินไป ถ้ามันช้ากว่านี้
เวลา กับ สุขภาพของคนเรา มันไม่เคยรอกันด้วยสิ

แม่ก็ยังต้องมาตรวจอีกตลอดระยะเวลาที่รักษามะเร็ง
ต้องบินไปๆ มาๆ บ้านพี่เรา กับที่พักเรา มันคนละภาคเลย
เราสงสารพ่อแม่เรามากอ่ะ T__________________T
ถึงภาพที่ลงสื่อออนไลน์ของทั้งคู่จะดูมีความสุขมาก
แต่ข้อความข้างหลังภาพที่ไม่เคยพิมพ์ออกไป
คือ ความทุกข์ของพ่อแม่เรา ที่เราต้องรับฟังมาตลอด
เป็นลูกคนเดียวที่พ่อแม่เปิดใจบอกทุกเรื่อง
ถึงแม้เราจะไม่อยากให้พ่อแม่ทำ แต่เราห้ามอะไรไม่ได้

สิ่งที่เราอยากจะบอก จากเหตุการณ์นี้คือ
ใครก็ตามที่อยู่ในวัยทำงาน อยู่ในกรอบของมนุษย์เงินเดือน
ถ้าอยากมีครอบครัว อยากมีลูก กรุณาวางแผนการดำเนินชีวิต
ของคุณให้ดี อย่าพึ่งพ่อแม่ตัวเองให้มากเกินไป
เพราะท่านก็ทุกข์ ท่านก็เหนื่อย เพียงแต่ ท่านไม่เคยพูดออกไป
เพียงเพราะคุณเป็นลูกรักของท่าน ก็เท่านั้นเอง...
ความทุกข์เบื้องหลังรอยยิ้มของพ่อแม่ คือ คราบน้ำตา
ที่ลูกๆ ยุคปัจจุบัน ไม่เคยมองเห็นนั่นเอง




Create Date : 25 สิงหาคม 2561
Last Update : 25 สิงหาคม 2561 17:44:36 น.
Counter : 607 Pageviews.

3 comments
  
พ่อแม่หลายคนที่พี่ก๋ารู้จัก
ก็มอบลูกให้ตายาย ปู่ย่าเลี้ยงดูกันเยอะนะครับ
พี่ก๋าเลี้ยงลูกเอง
เลี้ยงกันเองกับมาดาม
ผิดถูกก็เรียนรู้กันไป
เพราะไม่มีอะไรที่ยากเกินกว่าจะเรียนรู้
การอุ้มลูก เช็ดอึ เช็ดอ๊วกลูก
พี่ก๋าทำมาหมดเลย

แต่พี่ก๋าเชื่อว่าแต่ละบ้านคงมีเหตุผลของตัวเองในการเลี้ยงลูก
เพียงแต่เสียดายนะครับ
วัยเด็กของทารกเป็นวัยที่ต้องการความอบอุ่นจากพ่อแม่มากที่สุดเลย

แล้วเราไม่สามารถย้อนเวลาเพื่อกลับไปรักตัวเค้าในวัยเด็กได้อีกด้วย

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 สิงหาคม 2561 เวลา:18:38:29 น.
  
ดีแล้วล่ะครับ
ที่มีเป้าหมายกันชัดเจนว่าจะเลี้ยงลูกยังไง
มีแนวทางเช่นไร

พี่ก๋ากับมาดามก็คุยกันตลอดครับ
แล้วเราต้องไม่เขวไปกับเสียงของคนรอบข้างด้วย
อันนี้ยากมาก 5555

การเลี้ยงลูกเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์จริงๆ
เหมือนคุณพ่อกับคุณแม่ของน้องเหม่ง
ที่มีวิธีเลี้ยงลูกคนละแบบกันเลย

พี่ก๋าอ่านแล้วนึกถึงหยินกับหยางเลยนะ 555

ทุกวันนี้พี่ก๋าก็ยังปรับตัวเองตลอดนะในการเลี้ยงลูก
มันไม่มีสูตรสำเร็จจริงๆครับ
ว่าจะเลี้ยงลูกอย่างไรให้ดีที่สุด
ให้เขามีความสุข และเป็นอิสระจากความกลัวทั้งปวง
พ่อแม่เกือบทุกคนเลี้ยงลูกด้วยความกลัวนะ
กลัวลูกไม่เก่ง กลัวลูกไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ฯลฯ
ความกลัวมากๆพอมันกลายเป็นความห่วง
ก็ทำให้เด็กอึดอัด
ตรงนี้เป็นเรื่องจริง
และพี่ก๋าเชื่อว่าเกือบทุกบ้านลูกก็ต้องเจอ

ทุกวันนี้พี่ก๋าอายุ 40 กว่า ลูกหนึ่ง
พ่อก็ยังมองว่าเป็นเด็กอยู่เสมอนั่นล่ะครับ 5555

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 สิงหาคม 2561 เวลา:23:14:37 น.
  


สวัสดียามเช้าครับน้องเหม่ง

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 สิงหาคม 2561 เวลา:6:48:58 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Princezz Matcha Latte
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



มะมะมะเหม่ง เองงับ!!! ทุกวันนี้ไม่เดิน เพราะกลิ้งได้
^_^
สิงหาคม 2561

 
 
 
1
3
4
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
21
22
23
24
27
29
 
 
All Blog