Group Blog
All Blog
--- อ ย่ า เ รี ย ก ฉั น ว่ า นั ง แ พ ศ ย า : I didn't kill my husband ---


























อ ย่ า เ รี ย ก ฉั น ว่ า นั ง แ พ ศ ย า
หลิวเจิ้นอวิ๋น เขียน
ศุณิษา เทพธารากุลการ แปล
สำนักพิมพ์มติชน

::

นวนิยายเล่มนี้แบ่งออกเป็นสามบท

ตอนอ่านบทที่หนึ่งนั้น จับใจความสำคัญได้ว่า นางหลี่เสวี่ยเหลียนหรือต่อไป ฉันขออนุญาตเรียกเธอสั้น ๆ ว่า นางหลี่ฯ คุณป้าหลี่ฯ นะคะ

เธอแต่งงานกับฉินอวี้เหอ มีลูกชายคนแรกได้เจ็ดขวบ ก็ท้องอีกครั้งจึงต้องทำแผนการหย่าปลอม ๆ กับสามีเพราะมันผิดกฎหมาย ไม่ทำตามนโยบายแห่งชาติคือหนึ่งครอบครัวมีลูกได้เพียงหนึ่งคน

ฟังดูเหมือนไม่มีอะไรมาก แค่สองคนตกลงหย่าหลอก ๆ เพื่อทำให้ถูกกฎหมาย และจะได้เลี้ยงลูกที่กำลังจะเกิดมาในไม่ช้า แต่กลายเป็นว่า หลังจากหย่า ฉินอวี้เหอไปแต่งงานใหม่ และถูกสามีดูถูกอีกว่า เธอเป็นพานจินเหลียนหรือนังแพศยาเพราะก่อนที่จะมาแต่งงานกับเขานั้น เธอไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ หัวเด็ดตีนขาดเขาก็จะไม่หย่ากับภรรยาใหม่เพื่อมาแต่งงานกับเธอและหย่าอีกครั้ง

คดีที่เธอไปฟ้องร้องกับอธิบดีผู้พิพากษาหวังกงเต้านั้น เพียงแค่ต้องการฟ้องหย่าว่า การแต่งงานครั้งแรกนั้นเป็นเรื่องหลอก จำเป็นต้องขอให้สามีเธอหย่ากับเมียใหม่ก่อนและมาแต่งงานกับเธอ ครั้งนี้ต่างหากที่จะเป็นการหย่าจริง

ดูเหมือนเรื่องไม่เป็นเรื่องนะ แต่ก็เป็นคดีความและหวังกงเต้าก็ตัดสินว่า สิ่งที่เธอมาฟ้องร้องนั้นเป็นเรื่องไม่จริง ทำให้เธอแพ้คดี

เธอจึงเริ่มประท้วงในข้อหา ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากศาล เธอฟ้องสามีเก่าเพื่อบังคับให้เขาหย่า มาแต่งงานกับเธอและค่อยหย่ากันจริง ไม่ใช่เรื่องหลอกลวงเหมือนครั้งแรก

สอง เธอฟ้องเขา เธอต้องการต่อสู้เพื่อลบคำครหาที่ถูกตราหน้าว่าเป็น พานจินเหลียน

เธอฟ้องทุกฝ่ายว่าไม่ใส่ใจในคดีของเธอ ไม่ว่าจะอธิบดีผู้พิพากษาหวังกงเต้า / นายอำเภอ/ อธิบดีผู้พิพากษาอำเภอ/ ผู้พิพากษาชำนัญพิเศษ เธอบุกเข้าไปศาลประชาคมในปักกิ่ง เธอเป็นคนที่ทำให้เมล็ดงากลายเป็นลูกแตงโม ทำให้มดกลายเป็นช้าง ทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องในการทำคดีของเธอและไม่ทำคดีให้เรียบร้อยถูกไล่ออกทั้งหมด

ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่า ข้าราชการทุกคนตกเป็นลูกไก่ในกำมือเพราะผู้หญิงชาวบ้านธรรมดา ๆ คนนี้

อ่านจบบทแรก ฉันถึงกับวางหนังสือ นึกไม่ออกว่า เรื่องเล่าของหญิงชาวบ้านคนนี้จะไปทางไหน มันจะบานปลายไปได้อย่างไร

และแอบบอกเพื่อนไปว่า อ่านไม่ค่อยสนุก แต่ยังอ่านไม่จบนะ เหลืออีกครึ่งเล่ม

จนกระทั่งมาอ่านบทที่สอง ค ร า ว นี้ ข อ ง จ ริ ง ฮ่า ฮ่า ฮ่า

อ่านไปถึงกับวางไม่ลง ตบเข่าฉาด นึกไม่ถึงว่าเรื่องเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนเรื่องไม่เป็นเรื่องนั้นสะท้านสะเทือนไปทุกฝักฝ่ายเพราะทุกคนมีผลประโยชน์แอบแฝงกันทั้ังนั้น คำพูดซื่อ ๆ ของเธอกลับลึกล้ำ ลึกซึ้งและเล่นเอาข้าราชการผู้ใหญ่ถึงกับหน้าเปลี่ยนสีจนขาวซีด

หลี่เสวี่ยเหลียน ประท้วงเรื่องการหย่าครั้งแรกว่าเป็นเรื่องปลอม ประท้วงเพื่อพิสูจน์ว่า ไม่ได้เป็นพานจินเหลียน เรื่องแค่นี้ แต่หวังกงเต้าเหมือนมีชนักติดหลังมายาวนานเพราะคดีที่เขาทำนี้ยังก่อกวนจิตใจมาถึงยี่สิบปี

นายอำเภอคนใหม่ เจิ้งจ้ง เพิ่งย้ายมาอยู่ เขาไม่เชื่อว่า ผู้หญิงคนนี้จะมีอิทธิพลจากการประท้วงขนาดนี้เลยเหรอ ไม่น่าเชื่อ

นางหลี่ฯเองก็เหนื่อยกับการประท้วงตลอดเวลายี่สิบปีที่ผ่านมาเช่นกัน เธอได้รับสมญานามว่า นางผักกาดขาวแห่งยุคสมัย

ความที่เธอเหนื่อยมามาก ก็ลั่นวาจาออกไปว่า จะเลิกประท้วงแล้ว เอาเวลาที่ล่วงเลยมาถึงยี่สิบปีนี้ไปดูแลลูกสาว ดูแลบ้านช่องที่ปล่อยทิ้งไว้จนทรุดโดทรม และจะดำเนินชีวิตไปตามปกติ เหลือสิ่งที่เธอต้องการอย่างเดียวคือ ต้องการให้สามีเก่าไม่ดูถูกเธอหรือกล่าวหาเธอว่าเป็นนังแพศยาเท่านั้น แต่สามีของเธอกลับรุนแรงและว่าให้เธอเจ็บปวดใจจนเธอแทบจะวางเรื่องการฟ้องร้องไม่ไหว

นายอำเภอและข้าราชการต่างส่งของมาเซ่นไหว้เธอ เพียงเพื่อจะขอร้องไม่ให้เธอไปประท้วงระหว่างมีการประชุมระดับประเทศ เพราะถ้าปล่อยให้มี พวกเขาจะสูญเสียอำนาจและอาจถูกปลด

นายอำเภอเจิ้งจ้งมาหาเธอ เกลี้ยกล่อมต่าง ๆ นานา และขอให้เธอเซ็นชื่อยินยอมและยืนยันว่า ต่อแต่นี้ไป เธอจะไม่ไปประท้วงอีก และนี่ใกล้วาระใหญ่ ยิ่งต้องขอร้องจริงจัง

เธอโกรธมาก ต่อว่าเขาว่า คำพูดของเธอไม่มีความหมายหรือไร ทำไมต้องเซ็นผูกมัดคำพูดอีก เท่ากับกดดันและบีบคั้นให้เธอไปประท้วงอีกครั้ง แม้คราวนี้ไม่ได้ประท้วงเรื่องต้องการแต่งงานใหม่กับสามีเก่าก็ตาม

ต้นเหตุของการประท้วงครั้งนี้เพราะ นายอำเภอไม่เชื่อใจเธอ เมื่อไม่เชื่อใจเธอแล้วจะคุยกันไปเพื่ออะไร หมาจนตรอกก็อาจจะกระโดดจนข้ามรั้วกำแพงได้ถ้าเจอเหตุการณ์บีบคั้นแบบนี้

เรื่องราวไปถึงนายกเทศมนตรี หม่าเหวินปิง เขาตำหนินายอำเภอด้วยกิริยาอาการแบบเเนิบ ๆ เชือดนิ่ม ๆ ใช้วาจาคมคายลึกซึ้ง โดยธรรมชาติ เขาสุขุมมาก ตำหนิคน วิเคราะห์คนได้ลึกสามชั้น

นายกฯหม่า เห็นว่า การทำงานของนายอำเภอมีข้อผิดพลาด เป็นข้าราชการต้องรับใช้ประชาชน อยู่ข้างประชาชน ไม่ใช่อยู่เหนือประชาชนหรืออยู่ตรงกันข้าม เขายกภาษิตมากมายมาสอน เช่น เขื่อนยาวนับพันลี้ ทลายเพราะรังมด / ตัดไฟแต่ต้นลม / เสียการใหญ่เพราะเรื่องเล็ก ฯลฯ

เพื่อตระหนักว่า สิ่งที่ 'เล็ก' นั้นสำคัญเพียงใด โชคร้ายจะกลายเป็นดีได้เมื่อเราเรียนรู้ความผิดพลาดและคิดต่อยอดแก้ปัญหา

นายกฯหม่าเองก็อยากเจอนางหลี่เสวี่ยเหลียนหรือแม่นางผักกาดขาว หญิงสามหัวหกแขนนี่เช่นกัน อยากรู้ว่า นางป่วนโลกเหมือนคำที่ได้ยินมานักต่อนักนั้น จริงเท็จอย่างไร

เขาเห็นนางครั้งแรก เธอไม่ได้สะสวยเหมือนในละครสามคนในร่างเดียวอย่างที่คิด แต่เป็นหญิงชราผมหงอกเต็มหัว เขาอยากให้เลขาฯของเขาเชิญนางหลี่ฯมาร่วมโต๊ะเจรจา ยิ่งไปกว่านั้น เขาจะได้เช็คทัศนคติของลูกน้องของเขาด้วยว่า จะมีวิธีการเลือกร้านอาหารในการเจรจาครั้งนี้อย่างไร

ช่วงที่เลขาและนายอำเภอหาร้านและหาคนไปเชิญนางหลี่ฯให้นายกเทศฯหม่านั้น เฮฮากับคำพูดของนางหลี่ฯที่ย้อนเกล็ดผู้คนเหล่านี้มากจริง ๆ หนำซ้ำ ระหว่างการเจรจาหว่านล้อมด้วยการเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้เป็นตัวอย่างของนายกหม่าฯนั้น ไม่สามารถโน้มน้าวใจให้นางหลี่ฯเลิกล้มการประท้วงได้ จะสนทนาอย่างไรก็อยากให้เพื่อน ๆ ได้อ่านเอง เพราะคุณป้าหลี่ฯ ย้อนเกล็ดได้เจ็บแสบ ลึกซึ้ง เหนือชั้นกว่านายกหม่าฯที่เป็นยอดคนและวิเคราะห์คนได้ลึกสามชั้นเสียอีก คุณป้าหลี่ฯผู้ที่ยอมฟังคำพูดของวัวซึ่งเป็นสัตว์เดรัจฉาน แต่ไม่ยอมฟังคำพูดของรัฐบาลนั้น แท้จริงแล้วคืออะไร

เมื่อฝ่ายข้าราชการโน้มน้าวนางหลี่ฯไม่ให้ไปประท้วงไม่ได้ ก็ต้องคิดหาวิธียัดเยียดข้อหาให้เธอเข้าคุก แต่เธอใช้ชีวิตปกติดีงาม ทำได้แค่ตามเธอทุกฝีก้าวเพื่อขัดขวางเธอในการเดินทางไปปักกิ่งเพื่อประท้วงระดับโลก

พวกข้าราชการสรรหาวิธีตลบแตลงปลิ้นปล้อนกับเธอ ฉันต้องตามติดหนังสือแบบวางไม่ลงเพราะอยากรู้ว่าเธอจะรักกับจ้าวหัวโตได้มั้ย ความรักจะช่วยดึงเธอออกจากวังวนอยุติธรรมได้หรือไม่

จ้าวหัวโตเพื่อนสมัยเด็กที่เคยแอบรักเธอและมีโอกาสมาเจอกันอีกครั้ง มาคอยเกลี้ยกล่อมไม่ให้เธอไปประท้วง เขามาพร้อมกับความรักที่มีอยู่เต็มหัวใจ เขาผู้ที่คอยเป็นคู่คิดและชี้แนะให้เธอเห็นว่า การประท้วงนั้นคือการหนีห่างจากคนที่เรารัก ไปอยู่กับคนที่เราเกลียด เราควรจะอยู่กับคนที่เรารักหรือคนที่เราเกลียด และการที่เราคิดเคียดแค้นทรมานคนอื่นมาตั้งยี่สิบกว่าปีนั้น เธอเคยคิดไหมว่า เธอเองนั่นและคือผู้ทุกข์ทรมานกว่าใคร

ชีวิตมักจะพลิกแพลงและไม่แน่นอน คนเราจะหนีเสือปะจระเข้ไปตลอดเชียวหรือ คนในระบบข้าราชการนั้นมีแต่เรื่องของผลประโยชน์จริงหรือ เรื่องราวสะท้อนภาพสังคมจีน สะท้อนระบบข้าราชการและความเป็นอยู่ของชาวจีนได้อย่างดี ผู้เขียนเล่าตลกร้ายเหล่านี้ด้วยคำพูดง่าย ๆ แต่มีลูกเล่นแพรวพราว เล่าการต่อสู้ดิ้นรนของคนตัวเล็ก ๆ กับอำนาจของรัฐที่ปะปนไปทั้งเรื่องเศร้าและอารมณ์ขันขื่น

เล่มนี้อ่านสนุกมาก ๆ คำเล่าเรียบง่ายมีชั้นเชิงแต่เข้าใจได้ เป็นอีกเล่มที่อ่านแล้วลุ้นตลอดครึ่งหลังว่าผู้เขียนจะจบนิยายเล่มนี้อย่างไร สามีเก่าคุณป้าจะหย่าและกลับมาแต่งงานใหม่เพื่อหย่าจริงอีกมั้ย และคำที่คุณป้าหลี่ฯต้องการได้ยินจากสามีของเธอว่าเธอไม่ใช่นังแพศยาหรือพานจินเหลียนนั้น เธอจะได้ยินหรือเปล่า คุณป้าจะไปประท้วงที่ปักกิ่งครั้งสุดท้ายนี้สำเร็จหรือไม่ จะอยู่จนเป็นที่หวาดผวาแก่ข้าราชการชั้นสูงไปอีกเท่าไร ข้าราชการเหล่านี้เลวไปเสียทุกคนจริงหรือ ชีวิตของคุณป้าฯจะเป็นอย่างไรหลังจากนี้

::
ขอบคุณค่ะ
ภูพเยีย
23 มิถุนายน 2561











Create Date : 24 มิถุนายน 2561
Last Update : 24 มิถุนายน 2561 12:58:57 น.
Counter : 494 Pageviews.

1 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณRananrin, คุณอุ้มสี

  
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
wicsir Travel Blog ดู Blog
ดาวริมทะเล Diarist ดู Blog
เริงฤดีนะ Sports Blog ดู Blog
คนผ่านทางมาเจอ Diarist ดู Blog
Artagold Diarist ดู Blog
ภูเพยีย Book Blog ดู Blog

โดย: อุ้มสี วันที่: 24 มิถุนายน 2561 เวลา:21:59:14 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ภูเพยีย
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]



  •  Bloggang.com