Group Blog
All Blog
--- จั ณ ฑ า ล : นเรนทรา จาดฮาฟ ---
















'เงาของแกเป็นราคีจนขนมพวกนี้กินไม่ได้แล้ว'
คุณนายกล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม และฉันไม่อาจเข้าใจได้เลยว่า
เหตุใดเพียงแค่จับถาดอาหารนั้น จะพาลทำให้ขนมทั้งถาดแปดเปื้อน
ฉันไม่เข้าใจว่าใครเป็นคนตัดสินให้ทุกอย่างเป็นเช่นนี้ ฉันเองก็สงสัยเช่นกันว่า
จัณฑาลอย่างเรามันแย่กว่าสัตว์เดรัจฉานหรือไง ฉันอดทนยอมรับที่เขาบอกว่า
เพราะบาปมหันต์ในชาติก่อน ชาตินี้จึงเกิดเป็นจัณฑาล
จัณฑาลต้องแขวนหม้อดินไว้ที่คอ
เพื่อรองรับน้ำลายของตนที่ไม่อาจถ่มลงบนพื้นให้แปดเปื้อนได้
ต้องห้อยไม้เท้ากวาดติดไว้ที่สะโพกเพื่อคอยกวาดลบรอยเท้าตัวเองขณะเดิน
จัณฑาลถูกห้ามสวมรองเท้า จึงต้องหิ้วรองเท้าเดินไปนอกหมู่บ้านถึงจะสวมได้'
มนุษย์ทุก ๆ 6 คนในโลกของเราเป็นชาวอินเดีย 1 คน
และชาวอินเดียทุก ๆ 6 คนอยู่ในวรรณะจัณฑาล 1 คน
นับพัน ๆ ปีมาแล้วที่คนวรรณะต่ำสุดในศาสนาฮินดูอย่างจัณฑาล
ถูกปฏิบัติราวไม่ใช่มนุษย์
::
จัณฑาล
นเรนทรา จาดฮาฟ : เขียน
วีระยุทธ เลิศพูลผล : แปล











นี่คือเรื่องจริงของผู้เขียน นเรนทรา จาดฮาฟ ถ่ายทอดเรื่องราวจากสมุดบันทึกของพ่อผู้เป็นจัณฑาล และตะเกียกตะกายฝันที่จะได้รับความเท่าเทียมในสังคมอินเดีย ความแน่วแน่กล้าหาญของพ่อที่จะปลดแอกตัวเองและลูก ๆ ออกจากระบบวรรณะ

'การศึกษาคือหนทางขจัดปัญหาทั้งปวง ขณะที่เรายืนหลับตานิ่งเพื่อไว้อาลัยต่อเบื้องหน้าบาบาซาเฮป ผมสาบานว่าจะให้ลูก ๆ มีการศึกษาสูงที่สุดเท่าชีวิตหนึ่งจะมีได้ พวกเขาจะเติมเต็มความฝันของท่านบาบาซาเฮป...และความฝันของผมด้วย'








'นายผู้ชายแปลกใจใหญ่ ท่านยื่นมือมาพาฉันไปนังบนโซฟาติดกับท่าน ฉันตัวชาไปหมด รู้สึกว่ามันไม่ใช่ที่ทางที่เราควรนั่ง ความเป็นคนชั้นต่ำมันฝังลึกเข้าไปในใจเสียแล้ว พอใครเข้ามาทำดีหน่อยเลยไม่กล้าเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ฉันเองก็งงอยู่สักพักใหญ่ แต่ก็เดาไปว่า สงสัยนายท่านยังไม่รู้มั้งว่าฉันเป็นพวกจัณฑาล'

เป็นบันทึกของดามู(พ่อของผู้เขียน) เมื่อครั้งเป็นลูกจ้างของนายชาวต่างชาติ(ขณะนั้นอินเดียอยู่ใต้อาณัติของอังกฤษ) นายไม่เคยปฏิบัติกับเขาแบบคนใช้ ลืมไปด้วยซ้ำว่าตนเป็นคนจัณฑาล ไม่มีใครพูดถึงชนชั้นวรรณะ มันเป็นเหมือนอีกโลกหนึ่งที่ทำให้คน ๆ หนึ่งสามารถพิสูจน์ตัวเองเป็นคนใหม่ ...





หนังสือเล่มนี้ อ่านไม่ยาก เรื่องราวเกี่ยวกับจัณฑาล ผู้อ่านรู้จักกันดีพอสมควร พอจะเดาทางได้ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร แต่ผู้เขียนเขียนผ่านบันทึกของพ่อและแม่ มีเรื่องความรักสวยงามของพ่อและแม่ของเขาด้วย ไม่ต้องอึดอัดหรือโศกสลดกับการที่เขาต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานซึ่งเป็นรอยด่างของมนุษยธรรม หนังสือเว้นว่างไว้ให้เราเข้าใจได้เอง

'ไม่มีอะไรทำร้ายเพื่อนมนุษย์ได้ปวดร้าวเท่ามนุษย์ด้วยกันเอง'

ความสำคัญอยู่ที่ว่า พวกเขากำลังตื่นขึ้นเพื่อต่อสู้กับความอยุติธรรมในระบบวรรณะ ความไม่รู้หนังสือและความอดอยาก
อาวุธที่สำคัญคือการศึกษา ...

ประทับใจที่ผู้เขียนบอกว่า
'.. ฉันอยากเป็นนักเขียน'
พี่ชักสีหน้าใส่ก่อนบ่นว่า
'แกนี่มันช่างสิ้นหวังจริง ๆ แกจะกลายเป็นขอทานข้างถนนคอยดูสิ แกเคยเห็นนักเขียนที่ไหนมีชีวิตที่ดีไหมล่ะ'

ผมยืนอยู่ตรงระเบียง น้ำตาไหลนองหน้า มีมืออุ่น ๆ วางลงบนไหล่ ผมข่มใจไม่ให้หันไปมอง ลึก ๆ คิดว่าคงเป็นพี่ชายที่เดินมาปลอบใจ ทว่ากลับเป็นพ่อต่างหากที่ดึงผมเข้าไปกอด

'ลูก ฟังนะ... ถึงมีคนบอกให้เราเป็นหมอ เป็นวิศวกรหรือเป็นทนาย...แต่ลูกไม่ต้องฟังใคร จงเป็นในสิ่งที่ลูกอยากเป็น แม้แต่พ่อเองก็ไม่บังคับให้ลูกเป็นโน่นเป็นนี่

ที่พ่อจะสอนคือ ไม่ว่าจะเลือกเป็นอะไร จงไปให้ถึงจุดสูงสุดของมัน ... '

และ

ในวัยเด็ก ฉันสงสัยไปทุกอย่างกับทุกนาทีของชีวิต ฉันมักถามคำถามเช่น ใครเป็นคนนั่งรถเป็นคนแรก หรือใครเป็นคนแรกที่ได้กินเนย มาตอนนี้ คำถามของฉันมีประเด็นและความสำคัญกว่าเดิม ใครคือคนแรกที่ลุกขึ้นยืนหยัดต่อต้านการเหยียดวรรณะในครอบครัวของเรา คำตอบนั้นง่ายนิดเดียว คุณปู่ฉันไงล่ะ ท่านไม่ยอมให้ชะตาของตนถูกลิขิตจากคนในวรรณะสูง ท่านเลือกที่จะสร้างชีวิตและลิขิตมันด้วยตัวเอง ท่านได้ให้ลูก ๆ เข้าเรียนยังโรงเรียนที่ดีที่สุดเท่าที่ท่านจะสามารถให้ได้...

ขอบคุณค่ะ
ภูพเยีย













Create Date : 03 กรกฎาคม 2560
Last Update : 3 กรกฎาคม 2560 9:53:23 น.
Counter : 1192 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ภูเพยีย
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]



  •  Bloggang.com