นิราศอิตาลี (๑)
เอาล่ะ เริ่มตรงไหนดี ......ไม่ได้เขียนบล็อกมานานมาก สัญญากับชาวบ้านไว้ทั่วว่าจะมีบล็อกมาเล่าเรื่องไปเที่ยว เก็บไว้ได้เป็นสิบทริป ก็เลยไม่ได้เขียนซํกที เข้าตำราดินพอกหางหมู อิอิอิ
ทริปไปอิตาลีและฝรั่งเศสคราวนี้ยาวนานมากถึง 22 วัน เพราะเสียเวลาไปขอวีซ่าเชงเก้นถึงแอลเอ แล้ว ก็ไปให้คุ้ม แต่จะให้ไปแบบคุณแฟน ยี่สิบวันสิบประเทศ เราก็ไม่ถนัดอ่ะ เอาแค่สองประเทศนี่ล่ะนะ
...อิตาลี พ่อบอกว่าเป็นเมืองที่ลูกต้องมาก่อนตาย เป็นทริปยุโรปแรกหลังจากย้ายมาอเมริกา...
เกือกซ่าไม่เคยไปอิตาลีมาก่อนเลย ส่วนฝรั่งเศส ไปปารีสและปริมณทลมาแล้วสองครั้ง คราวนี้เลยจะไปโพรวองซ์(แคว้นทางใต้ของฝรั่งเศส)แทน สำหรับทริปอิตาลี สมัครเป็นลูกทัวร์ของ"ทัวร์หฤโหด"เอาไว้ล่วงหน้า เรื่องทัวร์หฤโหดนี่ต้องมีการเม้าท์ ลีดเดอร์ซะก่อน
ป้าอู่ หรือ อาจารย์อู่ทอง ประศาสน์วินิจฉัย เป็นสุดยอด วีรสตรีของเราคนนึงเลย ค่าที่ว่าตั้งแต่เด็กๆ ทุกคนในบ้านก็พูดให้ฟังตลอดเวลาว่าป้าอู่เก่งขนาดสอบได้ที่หนึ่งของประเทศและได้ทุนกพ.ไปอังกฤษเชียวนะ แปลและเขียนหนังสือดีๆหลายเล่ม ได้รางวัลหนังสือจากหนังสือเกี่ยวกับจิตรกรรมฝาผนังด้วย ตอนวัยรุ่นมีโอกาสติดตามป้าอู่ไปทริปทัศนศึกษาในประเทศมาตลอด ส่วนใหญ่เป็นทริปด้าน culture & ART เช่นทัวร์วัดเก่าและจิตรกรรมฝาผนัง มีอาจารย์ทรงยศเป็นผู้บรรยาย อย่างสนุกสนาน (ลูกศิษย์อาจารย์ที่ทับแก้วและธรรมศาสตร์คงจะนึกออก) ป้าอู่มีความรู้ด้านประวัติศาสตร์ศิลป์และการเกี่ยวข้องระหว่างศิลปะกับศาสนาอย่างลึกล้ำ การมาอิตาลีพร้อมป้าอู่จึงเป็นโอกาสที่ดีมากเพราะจะได้ทำความเข้าใจกับที่มาที่ไปของงานในอิตาลีแต่ละชิ้น ตอนนั้นจำได้ว่าทริปที่ไปกับป้าอู่สบายๆและสนุกดี แต่ทว่าคราวนี้ ไม่เหมือนคราวนั้นๆ....
...ตารางทัวร์ หัวหน้าทัวร์อยากให้เที่ยวให้คุ้ม...ลูกทัวร์อ่านแล้ว คิดว่าจะรอดมั้ยเนี่ย...
เอางี้มาลองอ่านโปรแกรมของทัวร์เราก่อนดีกว่า อิตาลี: The Best in My Life 16-26 เมษายน 2550
วันจันทร์ที่ 16 เมษายน 2550 Rome
05.55 ถึงสนามบินที่โรม นครที่ได้ชื่อว่าเป็น living museum ของเบร์นีนี่ (Bernini) ศิลปินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอิตาลีในศตวรรษที่ 17
08.20-09.00 ชมงานที่สวยที่สุดชิ้นหนึ่งของเบร์นีนี่ที่ San Francesco a Ripa เพื่อเปรียบเทียบว่าระหว่าง Blessed Ludovica Albertoni ที่อยู่ที่นี่กับ St.Theresa in Ecstasy ที่เราจะไปชมกันในวันรุ่งขึ้น ใครจะดูมีความสุขและเซ็กซี่กว่ากัน
09.30-12.30 ชม Vatican museums หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงและสำคัญที่สุดในโลกจนไม่คิดว่าต้องการคำแนะนำใดๆ เพิ่มเติม นอกจากคำเตือนว่าระวังหายใจไม่ออกใน Sistine Chapel!!
12.50-14.20 หาข้าวกลางวันทานตามอัธยาศัยในเขต Trastevere ซึ่งหนังสือนำเที่ยวมักบอกว่าเป็นแหล่งอาหารที่ดีที่สุดและมีชีวิตชีวาที่สุดในโรม
14.40-16.20 ชมวิหาร St.Peter ศูนย์รวมศิลปะที่ยิ่งใหญ่สมกับที่เป็นหัวใจของวาติกัน
16.40-17.40 ชมการตกแต่งโบสถ์ด้วยโมเสคแบบไบแซนไทน์ซึ่งมีความงดงามไม่แพ้ที่ Ravenna หรือ Monreale (บนเกาะ Sicily) ที่ Santa Maria in Trastevere ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่ตั้งของสถานที่บูชาพระแม่ที่เก่าแก่ที่สุดในโรม
18.00-18.30 เราจะขึ้นไปบนเนิน Gianicolo เพื่อชมวิวแบบพาโนรามาของกรุงโรมท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเย็น
19.00 เข้าพักที่โรงแรม Grand Palazzo Carpegna 2 คืน
วันอังคารที่ 17 เมษายน 2550 Rome
08.00 ออกเดินทางจากโรงแรม
08.30-09.00 ชม St.Theresa in Ecstasy เพชรที่ได้รับการยกย่องว่าเจียระไนได้งดงามที่สุดของเบร์นีนี่ที่ Santa Maria della Vittoria (โบสถ์ธาตุไฟใน เทวากับซาตาน)
09.30-10.00 ชม Santa Maria del Popolo (โบสถ์ธาตุดินใน เทวากับซาตาน) ที่พาไปที่นี่ไม่ใช่เพื่อไปตามหาสถานที่ในนิยาย แต่เพราะผู้จัดหลงใหลภาพเขียนอันทรงพลังของ Caravaggio ที่นี่มาก
10.15-11.45 ชมงานศิลปะสมัยก่อนโรมันที่ Villa Guillia พิพิธภัณฑ์งานศิลปะ Etruscan ที่สำคัญและโดดเด่นที่สุดในอิตาลี
12.00-12.45 หาข้าวทานแถว Piazza del Popolo
13.00-14.30 ชม Museo Borghese คฤหาสน์ส่วนตัวของพอลีน พระขนิษฐาของนโปเลียนซึ่งทรงสะสมงานศิลปะไว้มากมาย หลังจากนั้น เป็นเวลาว่างตามอัธยาศัย โดยจะให้รถพาชมกรุงโรมผ่าน Colosseum, Roman Forum, Piazza Venezia ใครสนใจจะชมอะไร ก็จะมีโอกาสแวะลงตามทางที่ผ่านได้ ท้ายสุด รถจะวนกลับไปส่งที่ Galleria Nazionale dArte Moderna สำหรับคนที่อยากตามผู้จัดไปชมงานศิลป์ศตวรรษที่ 19 ที่ขึ้นชื่อของอิตาลี
17.45 สำหรับคนที่อยากให้ผู้จัดพากลับโรงแรม นัดเจอกันที่ Pantheon เพื่อชมโดมที่ถือกันว่าเป็นความสำเร็จที่สำคัญที่สุดของสถาปัตยกรรมโรมันโบราณ ก่อนเดินไปหาข้าวและไอศกรีมทานกันแถว Piazza Navona (ที่ตั้งของน้ำพุแม่น้ำสี่ทวีป (Fountain of the Rivers) ที่มีชื่อเสียงฝีมือเบร์นีนี่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของธาตุน้ำใน เทวากับซาตาน) หลังทานข้าว เราจะเดินไปชมน้ำพุเทรวี่ (Trevi) และบันไดสเปน (Spanish Steps) ยามค่ำคืนด้วยกันก่อนขึ้นรถใต้ดินกลับโรงแรม (โรงแรมอยู่ห่างจากสถานีรถใต้ดินแค่ 200 เมตร ใครอยากกลับดึกกว่านั้น ก็สามารถกลับเองได้สะดวก)
วันพุธที่ 18 เมษายน 2550 Tivoli, Assisi, Florence
08.00 ออกเดินทางไป Tivoli 09.00-10.30 ชมน้ำพุร้อยสายในสวนแสนสวยของ Villa dEste ก่อนออกเดินทางไป Assisi
13.00-15.30 เดินทางถึง Assisi หาข้าวกลางวันและเดินเล่น เลือกชมสถานที่ต่างๆ ตามอัธยาศัยในเมืองที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดเมืองหนึ่งในอิตาลีและยังเป็นเมืองสำหรับการจาริกแสวงบุญของคนที่นับถือนิกาย Franciscan เพราะที่นี่คือที่เกิดของ St. Francis ผู้ให้กำเนิดนิกายด้วย
15.30-16.30 ชมโบสถ์ San Francesco หนึ่งในสามของแหล่งงานศิลปะที่เรียกกันว่า Giottos greatest glory เนื่องจากฝาผนังโบสถ์ตกแต่งด้วยเฟรสโค่หรือภาพปูนเปียกเป็นเรื่องราวประวัติชีวิตของนักบุญฟรานซิสโดยจ๊อตโต้ (Giotto) ผู้ปฏิวัติการวาดจิตรกรรมฝาผนังให้ดูสมจริง มีชีวิตชีวาและเป็นศิลปินคนสำคัญที่เบิกทางให้กับจิตรกรรมสมัยเรอแนสซ้องซ์ที่ตามมา
16.30 ออกเดินทางไป Florence 19.00 เข้าพักที่โรงแรม Alexander เป็นเวลา 4 คืน
วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน 2550 Florence
08.00 ออกเดินทางจากโรงแรม 08.30-10.00 ชม Bargello พิพิธภัณฑ์ที่รวมงานประติมากรรมสมัยเรอแนสซองส์ไว้มากที่สุดในฟลอเรนซ์
10.15-14.30 เป็นเวลาว่างและพักผ่อนตามอัธยาศัย
14.30-16.30 ชม Uffizi หอศิลป์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
16.30-19.00 เป็นเวลาว่างและหาอาหารทานตามอัธยาศัย 19.20 กลับถึงที่พัก
วันศุกร์ที่ 20 เมษายน 2550 Siena, San Gimignano, Pisa, Florence
08.00 ออกเดินทางไป Siena 09.00-09.45 ชม Duomo ที่เป็นคู่แข่งสำคัญของมหาวิหารในเมืองฟลอเรนซ์ พร้อมทั้งชม Libreria Piccolomini ห้องสมุดที่ดูแสนหวานด้วยฝีมือเฟรสโค่ชั้นครูของ Pinturicchio
09.45-12.00 เป็นเวลาว่างและหาอาหารทานตามอัธยาศัย ก่อนออกเดินทางไป San Gimignano
12.30-14.00 เป็นเวลาว่างตามอัธยาศัยในเมือง San Gimignano ที่ยังคงเอกลักษณ์หอคอยมากมายไว้ได้ถึง 13 หอคอย ถึงจะเป็นเพียงเมืองเล็กๆ แต่ก็มีวิวทั้งที่เป็นธรรมชาติและสถาปัตยกรรมให้ชมจนพวกเราหลงใหลกันเมื่อมาคราวที่แล้ว
14.00 ออกเดินทางไป Pisa
15.00-16.15 ถ่ายรูปหอเอียงเมืองปิซ่าซึ่งตั้งอยู่บนลานที่ชาวปิซ่าอ้างว่าเป็นลานที่สวยที่สุดในโลกจนตั้งชื่อไว้อย่างน่าหมั่นไส้ว่าลานปาฏิหาริย์ (Campo dei Miracoli) ก่อนเข้าชม Duomo วิหารหินอ่อนลายม้าลายที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองจนได้ชื่อว่าเป็นสถาปัตยกรรม แบบปิซ่า หลังจากนั้น ไปทดลองทำเสียงก้องใต้โดมใน Baptistry (ซึ่งชาวปิซ่าคุยว่าจะได้ยินไปไกลถึง 5 ไมล์) คนที่หลงใหลงานประติมากรรมชั้นยอดของพ่อลูก Pisano จะมีความสุขมากกับที่นี่
16.30-17.30 ชมภาพเขียนใน Museo Nazionale di San Matteo ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดของแคว้น Tuscany แค่เห็นชื่อ Pisano, Masaccio และ Donatello ก็รู้ว่าต้องไปให้ได้แล้ว
17.30-20.00 เป็นเวลาว่างและหาอาหารทานตามอัธยาศัยในเขตเมืองเก่าอันงดงามของเมืองปิซ่า
20.00 ออกเดินทางกลับฟลอเรนซ์ 21.30 กลับถึงที่พัก
วันเสาร์ที่ 21 เมษายน 2550 Florence
08.00 ออกเดินทางจากโรงแรม
08.20-08.40 แวะถ่ายรูปที่ลาน Piazza Michelangelo ซึ่งจะเห็นฟลอเรนซ์ทั้งเมือง
09.00-13.00 ชมกลุ่มพิพิธภัณฑ์ใน Pitti Palace ซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สารพัดประเภทถึง 5 แห่ง ทั้งพิพิธภัณฑ์เครื่องเงิน รถม้า เครื่องแต่งกายและ Modern Art Gallery แต่พิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อที่สุดคือตัววังเองซึ่งเป็นที่ตั้งของ Palatine Gallery ซึ่งรวบรวมภาพเขียนสวยๆ ไว้มากมายทั้งที่เป็นสกุลอิตาเลียนและดัทช์ นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีสวน Boboli ซึ่งถือกันว่าเป็นสุดยอดของสวนแบบอิตาเลี่ยนไว้ให้ชม (และมีร้านอาหารอร่อยๆ ไว้ให้ตามหา) อีกด้วย
13.15-14.15 ชมโบสถ์ Santa Croce โบสถ์ซึ่งเป็นที่มาของอาการที่เรียกกันว่า Stendhal Syndrome (อาการเมาความงามจนหน้ามืด) สมกับที่ที่นี่เป็นที่ฝังศพของบุคคลที่มีชื่อเสียงก้องโลก ไม่ว่าจะเป็นกาลิเลโอ มาคีเวลลี กีแบร์ติหรือแม้แต่ไมเคิลแอนเจโล่เอง 14.15-19.00 เป็นเวลาว่างและหาอาหารทานตามอัธยาศัย 19.20 เข้าที่พัก
วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน 2550 Ferrara, Padua, Venice
08.00 ออกเดินทางไป Ferrara
10.00-11.30 ชมภาพเฟรสโค่แสดงวิถีชีวิตของราชสำนักที่มีชื่อเสียงใน Palazzo Schifanoia
11.45-15.00 แวะถ่ายรูปพระราชวังที่ออกแบบเหมือนเพชรจนได้ชื่อว่า Diamond Palace (Palazzo dei Diamanti) หลังจากนั้นเป็นเวลาว่างตามอัธยาศัยใน Ferrara เมืองที่หรูหรางดงามสมกับที่เคยเป็นเมืองหลวงของราชสำนักที่ยิ่งใหญ่มาก่อน
15.00 ออกเดินทางไป Padua
16.30-17.00 ชม Pieta ศตวรรษที่ 17 ซึ่งถือกันว่าเป็น masterpiece ของ Parodi ในโบสถ์ Santa Giustina
17.15-19.00 ชมโบสถ์ Basilica del Santo แหล่งรวมงานศิลป์อันวิจิตรหลากชนิดสมกับที่เป็นหนึ่งในโบสถ์ที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดของอิตาลี
19.00 ออกเดินทางไป Venice Mestre 19.30 เข้าพักที่โรงแรม Centrale 2 คืน
วันจันทร์ที่ 23 เมษายน 2550 Venice
08.00 รับแจกตั๋ว one-day travel card ที่ใช้เดินทางด้วยเรือและรถเมล์ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งก่อนเดินทางออกจากที่พักด้วยรถเมล์ซึ่งผ่านหน้าโรงแรมไปยังเกาะเวนิส ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีก็จะถึงท่าเรือเพื่อนั่งเรือท่อง Grand Canal ไปยัง San Zaccaria
09.00-09.30 ชมภาพเขียน The Madonna and Saints ของเบลลินี่ (Bellini) ในโบสถ์ San Zaccaria ที่นักวิจารณ์ศิลปะบางคนยกย่องให้เป็นหนึ่งในสองภาพเขียนที่ดีที่สุดในโลก หลังจากนั้น เป็นเวลาว่างตามอัธยาศัย ควรพยายามชมโบสถ์ San Marco ในช่วงที่เขาเปิดไฟส่องโมเสค (11-12 น.) และบ่ายหน่อย น่าจะนั่งเรือไปเกาะ Burano เกาะแห่งลูกไม้ คลองเล็กคลองน้อยและบ้านเรือนที่แข่งกันทาสีแสบสันละลานตาเหมือนลูกกวาดหลากสีในยามเย็นเพื่อจะได้ชมทะเลสาบสีทองยามลงเรือกลับเที่ยวใกล้พระอาทิตย์ตกดิน
วันอังคารที่ 24 เมษายน 2550 Vicenza, Verona, Milan
08.00 ออกเดินทางไป Vicenza
09.00-09.30 ชม Teatro Olimpico โรงละครศตวรรษที่ 16 ที่ออกแบบโดย Palladio สถาปนิกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอิตาลีในยุคนั้น เห็นโรงละครหลังนี้แล้ว จะไม่สงสัยเลยว่าทำไม Palladio จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาปนิกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในโลกตะวันตก
09.30-11.00 เดินเล่นใน Vicenza เมืองที่งดงามหรูหราด้วยสถาปัตยกรรมที่ออกแบบโดย Palladio เป็นส่วนใหญ่ก่อนออกเดินทางไป Verona
12.00-15.30 เดินเล่นใน Verona เมืองที่โรแมนติกสมกับที่เป็นฉากของละครอมตะเรื่องโรเมโอและจูเลียต
15.30-16.30 ชม Basilica di San Zeno Maggiore ที่ตั้งอยู่นอกเมืองเวโรน่า โบสถ์แห่งนี้เป็นเพชรน้ำเอกของสถาปัตยกรรมยุคกลางแบบ Romanesque ที่เปลี่ยนใจพวกเราหลายคนให้หันมาชอบสไตล์โรมาเนสค์มากกว่าโกธิคเมื่อมาเที่ยวกันคราวที่แล้ว
16.30 ออกเดินทางไป Milan
19.30 เข้าพักที่โรงแรม Express by Holiday Inn 2 คืน
วันพุธที่ 25 เมษายน 2550 Milan
08.00-09.30 นั่งรถชมมิลาน เมืองศูนย์กลางแฟชั่นชั้นนำของโลก
09.30- 17.00 เป็นเวลาว่างตามอัธยาศัย
17.15-19.00 ชม The Last Supper ของดาวินชี่ในโบสถ์ Santa Maria della Grazie ภาพเขียนที่ใครๆ ก็ ต้องไปดู โดยเฉพาะหลังจากอ่าน รหัสลับดาวินชี่
19.00 ขึ้นรถกลับโรงแรม
วันพฤหัสที่ 26 เมษายน 2550 Milan
08.15-10.30 ชม Duomo สถาปัตยกรรมโกธิคที่งดงามที่สุดในอิตาลีและโบสถ์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก สัญลักษณ์ประจำเมืองมิลานที่ทุกคนรู้จักดี
11.00 am นั่งเรือล่องทะเลสาบ Maggiore 12.00-16.30 ชมสวนสวยบนหมู่เกาะที่รวมเรียกว่า Borromean Islands ไม่ว่าจะเป็น Isola Bella ที่ดูเผินๆ ราวกับเป็นสวนดอกไม้ลอยน้ำ หรือสวนขนาดใหญ่กว่าและเน้นต้นไม้มากกว่าที่ Isola Madreหลังจากนั้น สามารถใช้ pass นั่งเรือท่องทะเลสาบ แวะเวียนตามหมู่บ้านเล็กหมู่บ้านน้อยริมทะเลสาบเล่นตามอัธยาศัยจนถึงเวลานัดเจอกันที่ท่าเรือของ Stresa
จบโปรแกรมของทัวร์หฤโหดแล้ว ( สังเกตได้ว่าแทบไม่มีโปรแกรมช๊อปปิ้งเลย ใครอยากชอป ต้องหาเวลาช้อปเอาเองระหว่างทางจากมิวเซียมนึงไปอีกมิวเซียมนึง )กรนัทยังเพิ่มความหฤโหดให้ตัวเองด้วยการไปต่อเองอีกสิบกว่าวัน ต่อกันที่บล็อกหน้านะคะ
Create Date : 27 สิงหาคม 2550 |
Last Update : 28 สิงหาคม 2550 3:55:34 น. |
|
9 comments
|
Counter : 1792 Pageviews. |
|
|
อิจฉา อยากจะกรี้ดดดดดดดดดดดดด