ขอต้อนรับสู่โลกของนิยายยูริ เรื่องจากประสบการณ์ และทำนายดวงชะตา โดย นิ้วนาง-เดียนา-ลำดวนพยากรณ์
 
ตุลาคม 2564
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
28 ตุลาคม 2564
 
 
I can't breathe - บทที่ ๑ (YURI)

 

ไอศิกาแวะไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านารีอุปถัมภ์ เพื่อทำทานเนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบอายุ 32 ปี ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า พร้อมกับเพื่อนสนิทที่ชื่อ ‘กรวิน’ หล่อนแวะมาทำบุญที่นี่ทุกครั้งที่มีโอกาส จึงคุ้นเคยกับคุณปราณี ครูใหญ่ของสถานที่แห่งนี้

“ขอบคุณนะคะ ที่แวะมาที่นี่บ่อยๆ” ปราณีหญิงสูงวัยกล่าวเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน มองดาราสาวที่ไม่ใช่สวยแค่หน้าตา แต่มีจิตใจที่งดงามยิ่ง แถมยังไม่ถึงตัวเป็นคนดังเลย อีกฝ่ายแวะมาที่นี่เป็นเวลาสองถึงสาม ปีได้ ปีละหลายครั้ง มาแต่ละครั้งก็บริจาคไม่น้อย ถ้าไม่ใจบุญใจกุศลจริงคงทำไม่ได้

ตอนแรกที่เจอหน้ากัน อีกฝ่ายไม่ยอมแนะนำตัวว่าเป็นใคร แต่ปราณีรู้สึกคุ้นมากเหมือนเคยเห็นที่ไหน หากไม่ได้พวกเด็กๆ พูดว่า “พี่คนนี้เหมือนดาราเลย” ก็คงนึกไม่ออก พอหันไปถาม สาวสวยจึงยอมรับว่า “ตนคือดาราจริง”

ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ถ่อมตัวมาก สมัยนี้หายากทีเดียว

หากคนในประเทศนี้ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แบ่งปันกันคนละเล็กละน้อย คงลดจำนวนประชากรที่ยากจนลงไปได้มาก

“ไอซ์ชอบที่นี่ค่ะ พอดีใกล้วันเกิด เลยเอาขนมกับตุ๊กตามาอย่างละร้อย ส่วนเงินนี้แล้วแต่ครูเลยนะคะ” ไอศิกาพูดขึ้นก่อน

“ขอบคุณค่ะ”

“ไก่เอาสมุดดินสอปากกามาอย่างละร้อยชุดค่ะ” กรวินรีบพูดบ้าง พร้อมยื่นซองเงินของตนให้อีกฝ่าย

“ขอบคุณค่ะคุณไอซ์ คุณไก่” ครูใหญ่ยิ้ม คุ้นเคยกับทั้งสองเป็นอย่างดี “เดี๋ยวครูให้เด็กๆ ตั้งแถว รอรับของเลยดีไหมคะ?”

ปราณีรู้ว่าให้เจ้าของได้แจกของกับพวกเด็กเอง จะมีความรู้สึกอิ่มเต็มซาบซึ้งใจมากกว่า และให้พวกเด็กๆ ได้เห็นถึงผู้ใจดีที่นำสิ่งของมาให้ จะได้รู้จักความกตัญญูรู้คุณมากขึ้น

...ในโลกใบนี้ มีคนดีอยู่มาก พวกเด็กๆ จะได้ไม่รู้สึกว่า ตนเป็นคนโชคร้ายที่ต้องกำพร้าไร้ที่พึ่งพิง

“อีกสักพักก็ได้ค่ะ ไอซ์ไม่รีบ” หล่อนพูดอย่างเกรงใจ ด้วยวันนี้ไม่มีภารกิจถ่ายละครหรือถ่ายโฆษณาที่ไหน ตารางงานฟรีทั้งวัน

“ถ้าอย่างนั้นเราไปทานอะไรกันที่โรงอาหารก่อนดีไหมคะ วันนี้มีก๋วยเตี๋ยวราดหน้าหมู ถ้าคุณไอซ์กับคุณไก่ไม่รังเกียจ?” ครูใหญ่แสนใจดีเสนอขึ้น

สองคนสบสายตากัน แล้วเป็นกรวินที่พูดตอบ

“ไม่รังเกียจเลยค่ะ อาหารที่นี่อร่อยมาก อร่อยกว่าร้านอาหารแถวบริษัทซะอีก”

เพื่อนหล่อนเคยชิมอาหาร ณ สถานที่แห่งนี้ แล้วยอมรับว่าติดอกติดใจไม่น้อย ด้วยรสชาติที่ถูกปากแล้วถูกสุขอนามัย

พอมีโอกาสจึงสอบถามกับปราณี จึงได้รู้ว่า อินทิราหรือครูอิน ลูกสาวของปราณีเรียนรู้การทำอาหารอร่อยพวกนี้จากอินเตอร์เน็ต

ด้วยเหตุผลที่ว่า ถ้าอาหารอร่อยและมีคุณค่าทางอาหาร พวกเด็กกำพร้าจะได้เจริญอาหาร มีสุขภาพที่แข็งแรง และไม่เหลือเศษอาหารทิ้งขว้าง เป็นการสอนให้รู้จักค่าของเงิน ทำให้กรวินประทับใจ กับแนวคิดการบริหารจัดการสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้มาก

เมื่อใดก็ตามที่ไอศิกาชวนมา เพื่อนซี้จึงไม่เคยปฏิเสธ เว้นแต่ติดธุระจริงๆ ก็จะฝากเงินหรือฝากของมาร่วมบริจาคด้วย ตามกำลังทรัพย์ของตน

...แม้จะช่วยอะไรไม่ได้มากนัก แต่ก็ดีกว่าหลายคนที่เอาแต่ดูถูกดูแคลน แขวะคนอื่น แต่ไม่เคยทำความดีอะไรสักอย่าง

“ขอบคุณค่ะ ต้องยกความดีความชอบให้ครูอินเขา”

ครูใหญ่ยิ้มกว้าง หลังได้ยินคนพูดชมลูกสาวของตน ที่มีไอเดียสร้างสรรค์ นำหลายอย่างที่เรียนรู้จากอินเทอร์เน็ต มาปรับใช้ให้สถานที่แห่งนี้น่าอยู่มากขึ้นกว่าเดิม หากพึ่งแค่กำลังของตน กว่าจะมาถึงจุดนี้คงใช้เวลาอีกนานพอสมควร

‘ถ้าสภาพแวดล้อมของที่อยู่อาศัยดี ก็จะส่งผลให้ผู้อาศัยมีสุขภาพจิตดีขึ้นด้วย’ เป็นทฤษฎีง่ายๆ ...แต่น่าแปลกที่คนส่วนใหญ่ไม่ทำกัน

“แล้วครูอินไม่อยู่เหรอคะ?” กรวินถามไปถึงลูกสาวของอีกฝ่าย

“เห็นบอกว่าจะไปดูพวกเด็กๆ ซ้อมละครน่ะค่ะ” หญิงอาวุโสตอบ

“ซ้อมละคร?” ไอศิกาพูดทวนคำอย่างสนใจ ด้วยความเป็นอาชีพนักแสดง

“คือหลานสาวคนเล็กของครู เรียนมาทางด้านการแสดง กำลังจะเรียนจบก็เลยเอาพวกเด็กๆ มาช่วยซ้อมน่ะค่ะ ครูอินเลยเสนอว่า เอาเป็นการแสดงโชว์งานประจำไปด้วยเลย”

“เหรอคะ น่าสนใจ” ดาราสาวพูดแบบไม่เก็บอาการ

“ก็แค่การเล่นของเด็กๆ” ครูใหญ่รีบออกตัว

“ไปดูกันไหมไอซ์?” กรวินหันมาปรึกษาเพื่อนสนิท ด้วยตัวเองมีอาชีพเป็นผู้จัดการดาราหน้าใหม่ของบริษัท หากเจอเพชรดิบก็พร้อมจะจับมาเจียระไนให้เป็นเพชรแท้

“ไป” หล่อนพยักหน้า ก่อนหันไปถามเจ้าของสถานที่ “พวกเราขอไปดูการซ้อมด้วยได้ไหมคะ?”

เอาจริง?

ปราณีทำหน้างงเล็กน้อย

“ตอนนี้ซ้อมอยู่ที่เวทีในโรงอาหาร ทานอาหารไปดูไปก็ได้ค่ะ”

“ดีค่ะ” สองสาวประสานเสียงกันแบบไม่ต้องนัดหมาย

 

สองสาวเดินตามครูใหญ่ไปยังโรงอาหารอย่างคุ้นเคย สถานที่โดยรอบตกแต่งด้วยไม้ดอกและไม้ยืนต้นรายทาง ดูสวยเรียบร้อยร่มรื่นและเป็นระเบียบมาก ซึ่งส่วนใหญ่ให้พวกเด็กๆ แบ่งเวรกันดูแลสถานที่โดยรอบ ปลูกฝังอุปนิสัยให้มีวินัย มีระเบียบเรียบร้อย และฝึกให้ทำงานได้หลายอย่าง พร้อมที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีศักยภาพสูงในอนาคต

เท่าที่หล่อนเคยสอบถาม ด้านหลังใกล้ตึกที่พัก มีพื้นที่ปลูกผักสวนครัวหลายอย่าง ใช้รับประทานเองด้วย เช่น พริกขี้หนูสวน กระเพรา โหระพา เพื่อประหยัดค่าอาหารไปได้ส่วนหนึ่ง

เมื่อก้าวเข้าไปในโรงอาหาร ไอศิกามองไปยังเวทีที่มีนักแสดงมือสมัครเล่นยืนกันอยู่หลายคน มีกองเชียร์สามสิบกว่าคนนั่งหน้าสลอนอยู่ใกล้ขอบเวที ส่วนครูอินและครูคนอื่นนั่งเก้าอี้อยู่ไม่ไกล ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับการแสดง

ทั้งสามคนก้าวเข้ามาแถวโต๊ะส่วนหน้าๆ ของโรงอาหาร และเป็นปราณีที่ผายมือเชิญแขกให้นั่งลง

“นั่งตรงนี้ดีไหมคะ?”

“ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

ทั้งหมดนั่งลง สายตาจับจ้องไปยังเวทีที่กำลังแสดงละครไปเกือบกลางเรื่อง

นักแสดงจำเป็นบนเวทีถือหนังสือในมือ เดาว่าเป็นบทละคร เห็นแต่ละคนก้มหน้าก้มตาอ่านเป็นระยะ พูดออกมาก็ไม่ต่างจากการท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง ดูไม่สมจริงเอาซะเลย

...ยกเว้นหญิงสาวคนหนึ่งใบหน้าสวยคม อายุอานามไม่เกินยี่สิบ ถักผมเปียยาวประมาณเกือบกลางหลัง

ร่างสูงท่องบทของตนได้อย่างคล่องแคล่ว เป็นธรรมชาติ ท่วงท่าลีลาดูไม่เหมือนมือสมัครเล่นแม้แต่น้อย พูดด้วยอารมณ์ที่ใส่เต็มจัดหนัก สีหน้าอารมณ์เหมือนกำลังโกรธจัด

“พจไม่ได้มาที่นี่ เพื่อทวงสิทธิ์ในบ้านหลังนี้…”

แม้จะไม่ได้ดูตั้งแต่ต้น แต่ดาราสาวก็รู้ว่า...กำลังแสดงละครเรื่องอะไร หลังฟังบทพูดไม่กี่คำของ...ชนิญญา

นวนิยายอมตะเรื่องหนึ่งของวงการวรรณกรรมไทย เขียนโดย คุณ ก.สุรางคนางค์ เรื่องนี้เคยเป็นละครโทรทัศน์และภาพยนตร์ ที่ได้รับความนิยมสูงตลอดมา รีเมคกันไม่รู้กี่รอบ

บ้านทรายทองสินะ

สาวสวยยกยิ้มมุมปาก ดูการแสดงไปหลายนาทีอย่างตั้งใจ ก่อนหันไปมองเพื่อนสนิท ที่แสดงสีหน้าแววตาสนใจอย่างไม่ปิดบัง

ไก่คงชอบ

“คิดว่าไง?” ดาราสาวโน้มตัวถามคนข้างๆ

“เล่นได้ไม่เลว” กรวินตอบตามความรู้สึก หมายถึงแค่นางเอกของเรื่องคนเดียว ส่วนคนอื่นถือว่าธรรมดามาก “สมแล้วที่เรียนโรงเรียนการละคร”

เพื่อนหล่อนมองเห็นศักยภาพในตัวของพจมาน ที่มีคุณสมบัติพอจะก้าวเป็นดาราดังได้ในอนาคต

แต่รูปร่างสูงโปร่งขนาดนี้ เป็นนางเอกคงลำบากหน่อย

ในฐานะที่เป็นผู้จัดการดารามานานเกือบสิบปี จึงเห็นจุดอ่อนบางอย่างในแทบจะทันที

เมืองไทยมักจะมีความคิดแปลกๆ ที่ว่า นางเอกต้องเน้นที่ความสวยอ่อนโยนอ่อนหวาน บอบบางน่าทะนุถนอม มีเพียงส่วนน้อยที่จะชื่นชอบสาวเก่งสาวเท่

...ตีตราว่าเพศหญิงเป็นเพศที่อ่อนแอ ต้องพึ่งพาเพศชายที่แข็งแกร่งแข็งแรงกว่าเท่านั้น

“ญาเขาชอบละครมาตั้งแต่เด็ก อาจเพราะแม่เคยเป็นนักแสดงมาก่อน ก็เลยอยากจะเจริญรอยตามน่ะค่ะ” ครูใหญ่เล่าประวัติคร่าวๆ ของสาวหน้าคม

ชนิญญาเป็นหลานสาวที่เกิดจากน้องสาวที่เสียไปแล้ว ปราณีจึงรับมาเลี้ยงเหมือนลูกคนหนึ่ง ส่วนบิดาเธอไม่เคยโผล่หน้ามา เคยส่งเงินก้อนโตมาให้หลายปีก่อน แล้วก็หายเงียบไป สาวร่างสูงจึงไม่ต่างจากเด็กกำพร้าในสถานที่แห่งนี้ โชคดีที่มีเงินจากบิดาและมรดกของมารดาทิ้งไว้จึงไม่ต้องลำบากแบบเด็กคนอื่น เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาขอเรียนต่อทางการแสดง คนเป็นป้าเห็นแวว จึงสนับสนุนให้เรียนตามที่ต้องการ แม้ว่าค่าใช้จ่ายจะถือว่าสูงกว่าสาขาอื่นก็ตาม

...ถือว่าถ้ารักชอบอะไร ก็น่าจะทำได้ดีกว่า

ลูกใครล่ะเนี่ย?

สองสหายคิดไม่ต่างกัน

“แม่ของน้องชื่ออะไรคะ?” ไอศิกาถามอย่างสงสัยใคร่รู้

ปราณีนิ่งคิดก่อนยอมตอบ

หืม!

สาวสวยทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อย ขณะที่กรวินแสดงสีหน้าแปลกใจวูบหนึ่ง

คงไม่รู้จักสินะ

ปราณีเข้าใจไปแบบนั้น หลังแขกไม่พูดอะไร

ด้วยวงการมายาไม่ถือว่าเล็กเลย ในแต่ละปีมีนักแสดงมากมายมหาศาลจนจำชื่อไม่หมด บางคนอยู่สั้นบางคนอยู่ยาว การไม่รู้จักดาราบางคนจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ประกอบกับไม่รู้ว่า สาวสวยอยู่ในวงการนี้มานานแค่ไหน อาจจะไม่ทันช่วงที่น้องสาวของตนแสดงก็ได้

ทั้งหมดดูการแสดงเงียบๆ จนกระทั่งจบ เหล่าผู้ชมจึงปรบมือให้กำลังใจกับเหล่านักแสดง ที่มายืนโค้งศีรษะหน้าเวที เสียงปรบมือดังลั่นไปทั่วทั้งโรงอาหาร

“ขอบคุณค่ะ” / “ขอบคุณครับ”

เสียงนักแสดงพูดกับผู้ชมของตนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โล่งใจที่ไม่มีใครแสดงล่มเหมือนครั้งก่อน ที่หน้าแตกไม่มีชิ้นดี

“เหลืออีกห้านาทีจะเที่ยง ใครจะไปห้องน้ำก็รีบหน่อย เดี๋ยวเราจะทานข้าวกัน” อินทิราบอกกับเด็กๆ “ตามคนที่เหลือมาด้วยนะ”

“ค่ะ” เด็กสาวคนหนึ่งขานรับ

พอครูสาวเห็นมารดาของตนมาร่วมรับชมการแสดงด้วย พร้อมกับแขกอีกสองคนที่คุ้นหน้าคุ้นตา จึงเดินเข้าไปหาเพื่อทักทาย

 

“พี่ญาเล่นเก่งมากเลย” เสียงกองเชียร์ให้กำลังใจนางเอกที่ลงมาจากเวที ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“สุดยอดเลยพี่ญา” แก้วพูดบ้าง

“เจ๋งครับพี่” เอกพูดต่อ พร้อมยกนิ้วโป้งให้หัวหน้าทีม

ทั้งสามคนเป็นลูกน้องคนสนิทของชนิญญา

“ขอบใจนะมด แก้ว เอก” เธอพูดกับเหล่าสาวกของตน แต่ไม่ทันจะพูดอะไรต่อ ก็ได้ยินเสียงครูอินเรียกขึ้น

“ญามาทางนี้หน่อย”

“ค่ะพี่อิน” สาวร่างสูงรับคำ แล้วบอกกับลูกน้องว่า “ไปทานข้าวก่อน แล้วค่อยคุยกัน”

“ค่ะ” / “ครับ”

 

“มีอะไรเหรอคะพี่อิน?” ชนิญญาถามลูกพี่ลูกน้องของตน

“แม่เรียกน่ะ” ครูอินตอบยิ้ม แล้วเดินคู่ไปด้วยกัน “เมื่อกี้แสดงดีนะพี่ชอบ”

“ขอบคุณค่ะ” เธอตอบด้วยสีหน้านิ่ง

หญิงสาวไม่ได้คิดว่า แค่ตัวเองเพียงคนเดียวจะทำให้ละครเรื่องนี้สนุกมากได้ เรื่องแบบนี้มันต้องแสดงดีทั้งทีมถึงจะถูก

แค่ฉันเก่งคนเดียวแล้วไง มันดีไม่พอ... น่าเบื่อชะมัด

ร่างสูงคิดแบบเบื่อๆ มองไม่เห็นความท้าทายในละครเวทีเล็กๆ แห่งนี้ ไม่ต่างจากการแสดงในโรงเรียน

แม้อยากจะเก่งกว่านี้ ก้าวหน้ากว่านี้ แต่ก็ยังมองไม่เห็นทาง จึงได้แต่อดทนอดกลั้น แล้วหวังว่าสักวันจะถึงวันของตนบ้าง

“ทำไมชอบทำหน้าซังกะตายนัก ระวังจะแก่เร็วนะ” อินทิราพูดแหย่น้องสาวที่โตมาด้วยกัน

ไม่มีทางค่ะ

ชนิญญาเบ้ปากเล็กน้อย

“ญาไม่รีบค่ะ ให้พี่อินไปก่อนเลย”

“กวนนะเรา”

“นิดหน่อยค่ะ”

สองพี่น้องเดินไปคุยไปหัวเราะไป จนไปถึงโต๊ะที่ครูใหญ่นั่งอยู่กับแขกพิเศษสองคน อินทิราจึงยกมือไหว้หล่อนกับเพื่อน ชนิญญาไม่รู้จักแขก แต่ไหว้ตามมารยาท

ไอศิกากับกรวินรับไหว้

“แสดงได้ดีนะคะ เป็นพจมานที่น่าสนใจทีเดียว” กรวินพูดขึ้น

“ขอบคุณค่ะ” สาวร่างสูงยิ้มนิดหน่อย เงยหน้าขึ้นสบตากับคนพูด ก่อนปรายตามองไปยังสาวงามที่นั่งอยู่ติดกัน แล้วเบิกตากว้างขึ้น อ้าปากพะงาบๆ เป็นปลาทองในตู้ปลา

คะ คุณนางเอกคนนั้น!

หลังจากวันนั้น เธอไม่ได้เจอตัวจริงอีกฝ่ายนานเกือบสามปี แต่ภาพของซุปตาร์สาวคนนี้ยังคงติดตาตรึงใจ ราวกับเพิ่งเจอไม่นาน

ตาจะถลนแล้วค่ะ

ไอศิกายิ้มสวยเล็กน้อยกับท่าทางเหลอหลาของเธอ เดาได้ว่าอีกฝ่ายต้องรู้จักตน แต่เลือกที่จะไม่พูดอะไร

โฮะ เมื่อกี้ฉันแสดงให้นางเอกตัวจริงดู อยากจะเอาหน้ามุดพื้น

เธอครางในใจ รู้สึกอายจนอยากหายไปจากตรงนั้น หน้าแตกยิ่งกว่าเอามะพร้าวห้าวไปขายสวนซะอีก ใบหน้าคมขึ้นสีแดงเรื่อเต็มไปด้วยความอับอาย

แบบนี้เรียกว่าน่าสนใจได้อย่างไร...ก็แค่ละครเด็กๆ

ชนิญญาอดคิดแบบนั้นไม่ได้

ขี้อายเหรอเนี่ย ไม่น่าเชื่อเลย

นางเอกดังคิดในใจ หลังเห็นอีกฝ่ายหน้าแดงจนถึงหู จึงนึกเอ็นดู

ส่วนกรวินพยายามกลั้นขำไว้เต็มที่ ไม่อยากหัวเราะให้อีกฝ่ายต้องอายมากกว่านี้ จึงกลบเกลื่อนด้วยการกระแอมเบาๆ

“อะฮึ่ม ฉันชื่อไก่ ส่วนคนนั้นชื่อคุณไอซ์ น้องคงพอรู้จักนะ”

“กะ ก็เคยดูบ้างค่ะ” เธอพูดแบ่งรับแบ่งสู้แบบโป้ปดเล็กน้อย

ที่จริงแล้ว หญิงสาวติดตามผลงานของไอศิกาเกือบทุกเรื่อง หากไม่ได้ดูทางทีวีก็จะเปิดดูย้อนหลังทางมือถือ

หล่อนนับเป็นไอดอลคนหนึ่งของตน

...แต่ใครมันจะยอมรับกัน รู้สึกเหมือนตัวเองไม่คู่ควร

ความเชื่อมั่นในตัวเองที่สูงปรี๊ด หดหายไปในพริบตา รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไอ้กระจอกในทันใด เมื่ออยู่ต่อหน้ามืออาชีพ

กรวินหันสบตากับเพื่อนแวบนึงเหมือนถามความเห็น หล่อนพยักหน้า จึงหยิบเอานามบัตรยื่นให้อีกฝ่าย

“คือพี่เป็นผู้จัดการดาราในสังกัดของ Prix ค่ายเดียวกับคุณไอซ์นั่นแหละ ถ้าน้องสนใจจะทำงานเป็นนักแสดงมืออาชีพ พี่ช่วยได้นะ”

“คะ?” เธอยังทำหน้าไม่เข้าใจ รับนามบัตรอย่างงงๆ

“เอาไปลองคิดดู ถ้าคิดว่าพร้อมจะเป็นดารา ก็โทรหาพี่นะคะ”

ฉันเนี่ยนะเป็นดารา

ชนิญญาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ก่อนโพล่งถามออกมา

“แบบฉัน เป็นได้เหรอคะ?”

แปลว่าอยากเป็นสินะ

กรวินคิดยิ้มในใจ โยนคำถามไปทางเพื่อนรักที่น่าจะตอบคำถามนี้ได้ดีกว่าตน

“ไอซ์ว่าไง?”

“บอกตรงๆ คือไม่ทราบเหมือนกัน ตอนแรกพี่ก็เคยเป็นแบบน้องมาก่อน” ไอศิกายิ้ม อดคิดถึงตัวเองไม่ได้ หยุดหายใจนิดนึงก่อนพูดต่อ “ไม่มีใครเป็นดารามาตั้งแต่เกิด ต้องฝึกฝนเรียนรู้กันทั้งนั้น พี่บอกได้แต่ว่า ถ้าเลือกที่จะร่วมงานกับบริษัทพี่ น้องจะไม่ต้องเหนื่อยมากเหมือนบริษัทอื่น เพราะเราเป็นทีมงานมืออาชีพ...และเราไม่เคยเอาเปรียบใคร”

พูดได้ตรงดี

ปราณีคิดชอบนิสัยใจคอของดาราสาวมากขึ้นไปอีก จะมีสักกี่คนที่กล้าพูดอะไรตรงไปตรงมาแบบนี้ คนส่วนใหญ่จะชักแม่น้ำทั้งห้า พูดหว่านล้อมแต่เรื่องดีๆ เพียงเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ แต่หลังจากนั้นมักจะไม่พ้นมีปัญหาแตกหักกัน

...วงการมายาเป็นแค่ภาพลวงตา หากใครไม่รู้เท่าทัน ก็อาจจะตกเป็นเหยื่อได้ง่ายๆ

ญาจะได้เข้าวงการจริงหรือนี่...เยี่ยมไปเลย!

อินทิราคิดยินดีกับน้องสาว หลังเธอมีความฝันที่จะเป็นนักแสดงตามรอยของมารดา คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ จะมีส้มหล่นมาถึงที่แบบนี้

ฉันควรจะคว้าโอกาสนี้หรือเปล่า?

ชนิญญาไม่แน่ใจในตัวเอง มองกระดาษใบเล็กในมือ ก่อนยิ้มให้กับผู้จัดการดารา

“ไว้ฉันจะลองคิดดูนะคะ”

“เข้าใจค่ะ” กรวินไม่คิดเซ้าซี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นอนาคตของอีกฝ่าย ก่อนหันไปทางครูใหญ่ “ถ้าน้องเขายอมมาทำงานกับไก่ ไก่จะดูแลอย่างดีค่ะครู”

“ก็ต้องแล้วแต่ญาค่ะ” ปราณีไม่คิดจะบังคับหลานสาว แต่ลึกๆ ในใจค่อนข้างมั่นใจคำตอบว่า...ชนิญญาไปแน่ ก่อนเปลี่ยนเรื่องคุย “มาค่ะเรามาทานอาหารกลางวันกันดีกว่า”

“ค่ะครู” / “ค่ะ” แขกสองคนขานรับด้วยรอยยิ้ม

ชนิญญาทำหน้าคิดหนัก มองกระดาษในมือสลับกับใบหน้าสวยหวานของไอศิกา

ไปดีหรือไม่ไปดี? ...ยากชะมัด!

OoXoO

สองสาวเจอกันแล้วค่ะ โอกาสมาตรงหน้าแล้ว ต้องมาดูกันว่าชนิญญาจะตัดสินใจอย่างไร? ส่วนไอศิกาก็เหมือนจะสนใจความสามารถของเธอนิดๆ ...ความสนุกกำลังจะเริ่มต้นขึ้นค่ะ 

เรื่องนี้ร่างแรกเขียนไปแล้ว 200 กว่าหน้า เขียนแบบเพลินๆ ไม่เครียดมาก ส่วนจะดราม่ารึเปล่า? ไรท์ก็ไม่ทราบเหมือนกัน 5555

ถ้าชอบก็กดหัวใจให้ไรท์นะคะ แต่ถ้าอยากอ่านเร็วๆ ขอสัก 15 คอมเมนท์ขึ้นไป ไรท์จะรีบมาแปะค่ะ

พบกันตอนหน้าค่ะ  

นาง ^^

OoXoO




Create Date : 28 ตุลาคม 2564
Last Update : 28 ตุลาคม 2564 16:33:41 น. 0 comments
Counter : 752 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณจอมใจจอมมโน


ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 

นิ้วนาง-เดียนา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี


[Add นิ้วนาง-เดียนา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com