WELCOME! WELCOME! and WELCOME!
 
ทรราชหวนคืน รีวิว

ผู้แต่ง: ม่านม่านเหอฉีตัว

แปล: ปราณหยาง

สำนักพิมพ์: everY



นี่เป็นผลงานเรื่องที่สองของม่านม่านเหอฉีตัวที่เราขอหยิบมาเขียนถึงสักหน่อย ที่จริงถ้าใครเคยผ่านตากับเรื่อง รัชทายาทบัญชา มาแล้วก็จะน่าจะคุ้นเคยดีทีเดียว และขอคอนเฟิร์มเลยค่ะว่าอารมณ์และแนวทางของเรื่องจะค่อนข้างคล้ายกันอยู่พอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเลือกที่จะเขียนถึงอยู่ดี เพราะก็ต้องยอมรับแหละค่ะว่า นักเขียนท่านนี้ เขียนสนุกและได้อรรถรสมาก และที่สำคัญก็ยังคงโหดมากเหมือนเดิม แรงดีไม่มีตกเลยว่าอย่างนั้น

ฉู่เซ่าหลิง องค์ชายองค์โตของฮองเฮาองค์ก่อนที่สิ้นไป ถูกน้องชายแท้ๆ ที่ตนเองทั้งรักทั้งดูแลอย่างยิ่ง ใส่ความว่าเป็นทรราชที่คิดจะล้มบัลลังก์ จนถูกไล่สังหาร ในขณะที่ไม่เหลือใครแล้ว ข้างกายของเขากลับมีผู้คุ้มกันผู้หนึ่งที่แม้แต่ตัวฉู่เซ่าหลิงเองก็ยังไม่รู้จักคอยปกป้องเขาด้วยชีวิต ที่สุดถึงกับสละชีวิตของตัวเองเพื่อองค์ชายที่มีจุดจบคือความตายรออยู่ ฉู่เซ่าหลิงตัดสินใจพาร่างไร้ลมหายใจของผู้คุ้มกันที่มีชื่อว่า เว่ยจี่ ผู้นั้น กระโดดลงหน้าผาสูง ไม่ยอมให้ผู้ใดได้แตะต้องร่างของเขาและเว่ยจี่เด็ดขาด เพื่อที่จะพบว่า ตัวเองได้ตื่นมาอีกครั้งในร่างเดิมแต่ย้อนกลับไปเมื่อเขาอายุได้เพียง 17 ปีเท่านั้น



ฉู่เซ่าหลิงบอกกับตัวเองว่า ไม่เพียงแต่จะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เขายังจะคิดบัญชีแค้นกับทุกคน และจะตามหาเว่ยจี่ให้พบ อีกทั้งยังปฏิญาณกับตัวเองด้วยว่า เขาจะดูแลเว่ยจี่และส่งเสริมเขาให้ถึงที่สุด เพราะในชีวิตที่ผ่านมา ตัวเองได้เรียนรู้อย่างลึกซึ้งแล้วว่า ใครที่ดีกับเขาอย่างแท้จริง ตื่นมามีชีวิตใหม่ปุ๊ป องค์ชายก็วางแผนนู่นนี่นั่นเอาไว้เต็มหัวเลยทีเดียวค่ะ



นิสัยของฉู่เซ่าหลิงนะคะ แทบจะไม่ต่างกับองค์รัชทายาท ฉีเซียว ในรัชทายาทฯ ตรงที่โหดจริงอะไรจริง เป็นจอมวางแผน เหลี่ยมจัด ชีวิตวัยเด็กและการเติบโตค่อนข้างจะหนักหนา ตามประสาองค์ชายในรั้วในวังล่ะนะคะ ที่สำคัญคลั่งรักหนักมากไม่แพ้กัน ฉู่เซ่าหลิง นี่ เผลอๆ จะมีอาการ PTSD หรือ Post-traumatic stress disorder เป็นอาการของคนที่เคยผ่านเหตุการณ์เลวร้ายจนส่งผลต่อจิตใจ จะเรียกว่ามีบาดแผลในใจที่ค่อนหนักหนามากก็ได้ ซึ่งมักจะมาแสดงออกหนักมาเวลาที่เป็นเรื่องของ เว่ยจี่ นี่ล่ะค่ะ เดี๋ยวเราค่อยมาลงรายละเอียดกันอีกที

ฉู่เซ่าหลิง ที่จริงโดยศักดิ์แล้ว ควรจะต้องได้นั่งอยู่ในตำแหน่งองค์รัชทายาทแท้ๆ เพราะเป็นองค์ชายองค์โตที่เกิดจากฮองเฮาองค์ก่อนที่สิ้นไป องค์ชายที่เหลือถ้าไม่เกิดจากเฟยคนนั้น ก็เป็นลูกของเฟยคนนี้ ไม่อย่างนั้นก็เป็นองค์ชายที่โดยอายุและตำแหน่งแล้วเป็นอันดับรองลงมาทั้งสิ้น แต่เพราะความลำเอียงของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ที่โปรดลี่เฟย (อนุฯ นั่นแหละค่ะ) อย่างยิ่ง ก็รักลูกของลี่เฟยมากกว่า อยากยกตำแหน่งให้แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะนอกจากจะไม่เหมาะสมแล้ว ความสามารถอะไรต่างๆ ยังเทียบกับฉู่เซ่าหลิงไม่ติด เงื้อง่ากันอยู่แบบนี้มานาน พ่อกับลูกคนโตก็เลยมีความสัมพันธ์แบบพ่อลูกแค่ในนาม และห่างเหินกันมาแต่ไหนแต่ไร แถมฉู่เซ่าหลิงยังนึกแค้นฮ่องเต้ที่ทิ้งขว้างฮองเฮาอย่างไม่ไยดี ทั้งที่ตระกูลของฮองเฮานั้น ช่วยเหลือฮ่องเต้องค์นี้ให้ได้ขึ้นครองราษฎร์ได้ ทั้งยังแสนดี และมีทายาทสืบบัลลังก์ให้อย่างถูกต้องทุกอย่างแท้ๆ

แถมน้องชายแท้ๆ ฉู่เซ่าหยาง ที่ในชีวิตก่อนหน้านั้น เขาเองก็ทั้งรักทั้งดูแลเป็นอย่างดี เพราะเรียกว่าคลานตามกันมา ปกป้องทุกอย่าง เรียกว่าต่อให้น้องชายคนนี้อยากได้บัลลังก์เขาก็ยินดีจะยกให้ แต่กลับถูกน้องตัวเองทรยศหักหลัง เพราะน้องชายคิดแค่ว่าอยากครองบัลลังก์มากกว่า อย่าได้แปลกใจไป ที่จากน้องรักจึงกลายเป็นน้องชังไปในที่สุดในชีวิตนี้ ยังโชคดีที่ องค์ชายใหญ่ยังมีไทเฮาที่รักพระองค์อย่างมาก มีหวังมู่หาน กงกงเฒ่าที่เคยดูแลฮองเฮามาก่อน และได้มาทำหน้าที่ดูแลฉู่เซ่าหลิงต่อด้วยความจงรักภักดี นอกจากนี้ยังมีญาติที่แม้จะอยู่ห่างไกลแต่ก็คอยให้ความช่วยเหลืออยู่ตลอดด้วยเช่นกัน

มาพูดถึงเว่ยจี่กันบ้างค่ะ พอฟื้นขึ้นมาในร่างเดิมของตัวเอง สิ่งแรกที่องค์ชายใหญ่ทำก็คือให้หวังมู่หาน ไปตามหาผู้คุ้มกันที่มีนามว่าเว่ยจี่  ว่าตอนนี้เขาทำอะไรอยู่ที่ไหนแล้ว ก็ปรากฏว่าโชคดีค่ะที่เว่ยจี่เข้ามาประจำการในจวนของฉู่เซ่าหยางมาประมาณปีนึงแล้ว เป็นผู้คุ้มกันเล็กๆ ที่คอยเฝ้าประตูบ้าง คอยติดตามอยู่ห่างๆ บ้าง อายุอานามในชีวิตใหม่นี้ก็แค่ 13 ปีเท่านั้น เด็กเหลือเกิน พอตามตัวมาได้ เจอกันปุ๊ป ตัวเว่ยจี่น่ะไม่เท่าไหร่ เพราะแต่ไหนแต่ไรมาก็คิดเพียงว่าตัวเองช่างห่างไกลกับองค์ชายใหญ่นัก แม้ใจจะนึกรักตั้งแต่ได้เห็นองค์ชายเป็นครั้งแรกเมื่อปีก่อนก็ตาม ชีวิตขอเพียงได้ทำงานให้แก่พระองค์และเฝ้าดูอยู่ห่างๆ ก็พอใจแล้ว แต่ฉู่เซ่าหลิงกลับโปรโมตให้เป็นผู้คุ้มกันระดับสามเฉยเลย เงิบกันหมดค่ะ แต่ก็หาได้แคร์ไม่ เพราะถือว่านี่คือคนที่ดีต่อข้าและยอมสละชีวิตเพื่อข้ามาแล้ว ข้าจะดีต่อเขาเสียอย่างใครจะทำไม

ก็น่าเห็นใจเว่ยจี่ไม่น้อยอยู่เหมือนกันนะคะ เป็นผู้คุ้มกันตัวเล็กๆ ที่ไม่มีใครให้ความสนใจอยู่ดีๆ องค์ชายใหญ่ก็เรียกมาเซอร์ไพรส์ ให้ความสนใจอย่างยิ่ง และเอาอกเอาใจอย่างยิ่ง อ่านไปอ่านมา องค์ชายเรานี่ก็พฤติกรรมล่อลวงเด็กเอาเรื่องอยู่ แต่ก็อ่ะ... เข้าใจได้ เพราะว่าความทรงจำในชีวิตที่แล้วมันก็ฝังใจเหลือเกินนี่นา ยิ่งพอแสดงออกว่าข้ารู้แล้วนะว่า เจ้าแอบชอบข้า ทีนี้ล่ะ เอะอะอะไรก็หาเรื่องพาเขามาอยู่ด้วย มานอนเป็นเพื่อน มาอยู่ข้างๆ ในห้องหนังสือที่เป็นที่รู้กันว่า ใครก็อย่าได้บังอาจเข้าไปเชียว แต่สิทธิ์นี้เป็นของเว่ยจี่แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ไม่แค่ได้เข้าไปนั่งอยู่ด้วย แต่ยังมีที่ทางของตัวเองเอาไว้นั่งอ่านหนังสือยามที่ฉู่เซ่าหลิงไม่อยู่จวนด้วยอีกต่างหาก

ทีนี้ น้องเว่ยจี่ของเราล่ะเป็นยังไง คือน้องก็ยังเด็กล่ะนะคะ แล้วเวลามาอยู่กับองค์ชายใหญ่ แถมยังโดนหยอก โดนแหย่ โดนรังแก เป็นที่รื่นรมย์ของฉู่เซ่าหลิงยิ่งนัก แต่ที่จริงน้องเป็นเด็กนิสัยดีมากเลยล่ะค่ะ เว่ยจี่น่ะเป็นคนรู้ถูกรู้ควร มารยาทที่จะต้องปฏิบัติกับใคร วางตัวอย่างไรนี่เรียกว่าไม่ให้ได้ต้องติกันเลยทีเดียว ยังไม่นับที่เป็นคนฉลาดและใฝ่รู้ไปอีก ฝีมือการขี่ม้า การยิงธนูนี่คือไม่เป็นที่สองรองใครเลย ต้องยกให้ความมีพรสววรค์และพรแสวงนั่นแหละค่ะ ที่สำคัญ เว่ยจี่ทำทุกอย่างด้วยความคิดที่ว่าไม่อยากจะทำให้องค์ชายใหญ่ฉู่เซ่าหลิงผิดหวัง อยากจะปกป้องในฐานะผู้คุ้มกัน และอยากเป็นกำลังให้ไม่ว่าจะมากจะน้อยแค่ไหนก็ตาม อีแบบนี้ฉู่เซ่าหลิงก็ยิ่งไม่ไหวจะหลงหัวปักหัวปำไปอีกสิคะ

ลึกๆ แล้วฉู่เซ่าหลิงน่ะ ไม่ได้อยากให้เว่ยจี่ออกหน้าออกตาอะไรเลย ไม่อยากให้เว่ยจี่เป็นคนเก่งมากมาย ไม่อยากให้อยู่ห่างข้างกายด้วยซ้ำ เพราะรักและห่วงนั่นแหละค่ะ ทนเห็นเว่ยจี่เจ็บปวด เจ็บป่วย หรือลำบากไม่ได้เอาเลยจริงๆ เพราะรับรู้มาด้วยตัวเองแล้วนี่คะว่า ชีวิตก่อนหน้านั้นของเว่ยจี่ ต้องผ่านอะไรมาบ้าง และยอมตายเพื่อเขาได้แค่ไหน อาการ PTSD ด้วยนั่นแหละค่ะจะว่าไป ตอนหลังก็คงเห็นแล้วว่า คนของตัวเองนั้นเปี่ยมความสามารถเหลือเกิน อีกอย่างเมื่อมาลองตรองดูดีๆ แล้ว หากเขาอยากจะให้เว่ยจี่อยู่เคียงข้างเขาได้อย่างที่ไม่มีคนกังขาก็ต้องให้โอกาสเว่ยจี่ได้แสดงฝีมือ ได้มีผลงานที่ยิ่งใหญ่ พอยอมให้เท่านั้นแหละ รู้ตัวอีกทีเว่ยจี่ได้เป็นแม่ทัพไปเรียบร้อย แล้วก็ไม่ใช่เพราะได้รับการโปรโมทแบบหลับหูหลับตาขององค์ชายใหญ่ด้วยนะ เพราะเว่ยจี่ได้แสดงให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่าเขาเป็นผู้เยี่ยมยอดในศึกสงครามมากเพียงไร ทั้งที่อายุยังไม่ 20 เลยนั่นแหละค่ะ

ด้านการต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์ ก็เรียกได้ว่าห้ำหั่นกันชนิดเอาเป็นเอาตาย ซึ่งก็เกิดขึ้นมันอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ที่สุดฮ่องเต้ก็จำใจต้องยอมแต่งตั้งให้ฉู่เซ่าหลิงเป็นองค์รัชทายาท เพราะเอาจริงๆ ทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ ผลงานต่างๆ ล้วนหาที่ติไม่ได้ นอกจากฮ่องเต้ลำเอียงรักลูกไม่เท่ากัน แถมยังรู้ด้วยว่าฉู่เซ่าหลิงเป็นคน... เรียกว่านิสัยไม่ค่อยดีอย่างนี้ดีกว่าค่ะ ฮ่องเต้ก็กลัวว่าพอรัชทายาทได้ขึ้นครองราชย์แล้ว จะไม่เก็บพี่น้องคนอื่นๆ เอาไว้เป็นหอกข้างแคร่ว่าอย่างนั้น ทั้งที่เอาจริงๆ นะคะ ก็เลี้ยงลูกแบบฮ่องเต้นี่ล่ะค่ะ พี่น้องมันถึงได้ไม่รักกันและคอยเอาแต่จะขัดแข้งขัดขา จนถึงคิดจะเอาชีวิตกันเบอร์นี้

เรื่องนี้น่ะ พฤติกรรมหลายๆ อย่างของหลายๆ ตัวละคร เรียกว่าค่อนข้างสุดโต่งและรุนแรงอยู่นะคะ ฆ่ากันหนักข้อโหดร้ายมาก แต่ถ้าใครเคยอ่านรัชทายาทบัญชา ก็น่าจะชินอยู่ เพราะฟีลคล้ายๆ กันเลย เรื่องโน้นรัชทายาทก็โหด นิสัยไม่เอาใคร แถมยังคลั่งรักรุนแรงไม่แพ้กัน ทางนี้นายเอกเป็นแม่ทัพ ทางโน้นก็เป็นถึงท่านอ๋อง แม้ยามอยู่กับพระเอกของตัวเองจะน่ารักนุ่มนิ่มเป็นลูกแมว แต่ยามได้ออกศึกล่ะ โอ้โห... สู้ตาย เรียกว่าสมหน้าสมตา สมฐานะที่จะอยู่เคียงข้างกันมากเชียวล่ะค่ะ พระเอกทั้งสองคนของเราถึงไม่ยอมแต่งเมียก็เพราะอย่างนี้ ไม่สนกฎราชสำนัก ไม่สนขุนนางหน้าไหนทั้งสิ้น ที่เราชอบฉู่เซ่าหลิงอย่างหนึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องที่บอกว่า คนที่ยิ่งใหญ่ถึงขนาดได้นั่งบนบัลลังก์มังกร แต่หากแม้จะปกป้องคนที่ตัวเองรักยังทำไม่ได้ ก็อย่านั่งเลยบัลลังก์ที่ว่านี้ ดังนั้นเขาจึงทำทุกอย่างเพื่อให้เว่ยจี่ได้อยู่เคียงข้างเขาอย่างเปิดเผย และได้รับการยอมรับ ซึ่งวิธีการก็มีทั้งแบบที่ฉลาดล้ำและแบบที่ไม่สนใครหน้าไหนทั้งสิ้นตามประสาคนนิสัยไม่ดีนั่นแหละค่ะ

นอกจากสองตัวละครนี้ ตัวละครที่เราชอบมากเป็นพิเศษก็คือ ไทเฮา หรือก็คือท่านย่าของฉู่เซ่าหลิงนั่นเอง ไทเฮาคือทั้งรักทั้งสนับสนุนหลานคนโตอย่างเต็มที่ ส่วนนึงก็เพราะสงสารที่หลานเป็นกำพร้า แถมยังไม่ได้รับความเป็นธรรมจากพ่อแท้ๆ ของตัวเอง ก็เลย... ถ้าพ่อเจ้าไม่รัก ย่าจะรักและทุ่มเทให้เจ้าเอง เรื่องนี้เพราะองค์ไทเฮาแท้ๆ นะคะ จึงทำให้ฉู่เซ่าหลิงมีที่ทางในราชสำนักได้ชนิดไม่น้อยหน้าใคร ฉู่เซ่าหลิงจึงรักท่านย่ามากเหลือประมาณ ชนิดไม่ขัดใจ ยกเว้นแค่เรื่องเว่ยจี่นี่แหละค่ะ อีกตัวละครที่เราชอบก็คือเว่ยจั้น พี่ชายของเว่ยจี่ ที่นับว่าเป็นคนรู้ความอย่างยิ่ง จะบอกว่าเป็นคนที่ได้ดีเพราะน้องชายก็ไม่ผิดนัก โชคดีที่เว่ยจั้นเองก็เป็นคนมีความสามารถ ดังนั้นจึงได้กลายมาเป็นแขนขาของฉู่เซ่าหลิง แม้ทีแรกจะกังวลว่า น้องชายตัวเองถูกข่มเหงและข่มขู่ แต่พอรู้ว่าเว่ยจี่น่ะยอมเสียยิ่งกว่ายอม ก็เลยปล่อยล้อฟรีเลยค่ะ เจริญก้าวหน้ากันไปซะทั้งพี่ทั้งน้องว่าอย่างนั้น อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ หวังมู่หาน เรื่องความจงรักภักดีต่อฉู่เซ่าหลิง ไม่แพ้ใครเลยแน่นอนค่ะ สำหรับกงกงท่านนี้ แถมยังคอยเป็นหูเป็นตาและเอื้อเอ็นดูเว่ยจี่แทนนายตัวเองชนิดเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพมากเชียวล่ะค่ะ

ที่เหลือ อยากจะให้ลองไปหาอ่านกันดูนะคะ นี่เป็นอีกหนึ่งผลงานที่แฟนๆ ของอาจารย์ม่านฯ น่าจะชอบแหละ เพราะมันมีความสาแก่ใจบางประการอยู่เหมือนกันตอนที่ได้อ่าน แต่อาจจะ 18 บวกไปซักหน่อยสำหรับความรุนแรง (ซึ่งถ้าใครอ่านนิยายแนวจีนโบราณแบบนี้อยู่แล้ว ก็ไม่นับว่าเหนือความคาดหมายอะไรค่ะ) แต่โดยรวมแล้วสนุกมากเชียวล่ะ ไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
คราวหน้าจะรีวิวเรื่องไหนก็ โปรดติดตามตอนไปนะคะ ขอบคุณค่ะ
 
 


Create Date : 18 สิงหาคม 2564
Last Update : 18 สิงหาคม 2564 21:02:19 น. 0 comments
Counter : 1895 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

fingers-crossed
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หวังว่าจะได้รับความบันเทิงจากการเข้าเยี่ยมชม Blog กันถ้วนหน้าจ้ะ
[Add fingers-crossed's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com