|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
อบรมยูโด Olympic solidarity with kodokan sensei (first day)
ช่วงเช้า วอร์มอัพ -ท่ากระโดดกบ เน้นการย่อเข่า กับแกนลำตัว -ถัดมาเป็นท่ากระโดดกบหมุนตัว (ญี่ปุ่นเรียกว่านินจา) -เดินเข้าท่าลมในท่าโอโซโตการิ ยังเน้นการย่อขานิดๆ กับแกนตัว -เดินเข้าท่าโคอุจิ โออุจิ เน้นแกนกลางกับขาไม่ออกแรง
เซโอนาเกะ (นัมโบเซนเซ) ①พื้นฐาน - เข้าท่ายังเน้นเรื่องของการย่อเข่า - หลังเป็นเส้นตรงแต่เอียงมาด้านหน้าเล็กน้อย ถ้าตรงดิ่งจะโดนดึงลงหลัง - มือที่จับคอเสื้อให้ม้วนเข้าไป
②ขวาเจอกับขวา - ขาขวาวางนำไว้ - ใช้ข้อศอกฝั่งที่จับคอเสื้อ (ทรึริเทะ) ตีศอกเข้ามาบริเวณหน้าท้องตนเองก่อน เป็นการดึงให้เสียหลัก - จากนั้นบิดสะโพกเข้าท่า - ทำให้ชำนาญก่อน เน้นเรื่องย่อเข่ากับตีศอก อย่าเพิ่งไปเร่งความเร็ว
③ขวาเจอกับซ้าย - สะบัดศอกเปิดแขน - บิดไหล่ให้แรงเบี่ยงออกไป ถ้าแขนของหุ่นยังวางดันอยู่ที่ไหล่ท่าจะเข้าลำบาก
โออุจิการิ (ซาเมชิม่าเซนเซ) ทางยุโรป โออุจิการิมีสองแบบ (โออุจิบารัย กับ โออุจิการิ) โคอุจิการิก็มีสองแบบ (โคอุจิบารัย กับ โคอุจิการิ) ทั้งสองท่าแตกต่างกัน แต่ที่โคโดกังเรียกว่าเป็นท่าเดียวกัน วันนี้ซาเมชิม่าเซนเซจะสอนแบบโออุจิบารัย
- เข้าท่าหน้าตรง - มือข้างที่จับแขนเสื้อ ดันลง มือข้างที่จับคอเสื้อดึงขึ้น - หน้าจะอยู่ที่บริเวณไหล่ของหุ่น ลำตัวตรงไม่งอหรือแบะออก - สืบขาที่สองเข้าไป หน้าอกชนติดกัน คล้ายๆกับกอดหุ่นเอาไว้ - บิดลำตัวเล็กน้อย เป็นการสร้างองศา ก่อนที่จะปัดโดยปัดแบบให้ขาหุ่นกว้างออก - เข้าท่าทุกครั้ง ต้องเข้าไปจนถึงการปัด อย่าเข้าแค่ครึ่งเดียว
ช่วงบ่าย เรียนเพิ่มเติมอีกหลายท่า แต่ก่อนที่จะไปในส่วนของเทคนิคท่า วอร์มอัพกันก่อน ยังเน้นอยู่ที่เรื่องของต้นขาและการงอเข่า
ไทโอโตชิ มีอยู่ทั้งหมดหกแบบ (เรียงจากศูนย์ไปถึงห้า) องค์ประกอบของไทโอโตชิ ประกอบด้วยสามส่วนคือ ไทม์มิ่ง(จังหวะของท่า), คาตาจิ (รูปร่างของท่า), ความเร็วและความแรงที่สัมพันธ์กัน
ถ้าไทม์มิ่งกับคาตาจิ ผิดเพี้ยนไปโอกาสที่จะบาดเจ็บมีสูงแต่ขึ้นอยู่ว่าจะไปลงที่โทริหรืออุเกะ
①แบบศูนย์ เรียกว่าแบบศูนย์เพราะเป็นพื้นฐานการเข้าท่าปกติ พื้นฐานตัวนี้สำคัญสุด ถ้าทำไม่ได้รูปแบบอื่นก็จะทำไม่ได้ - ขามีสามสเต็ป ขาแรกวาง ขาสองวน ขาสามเสียบ - ขาแรกวาง วางเฉยๆ ยังไม่ทำคุสุชิ - มือทั้งสองข้าง เปิดออก มือที่สำคัญของไทโอโตชิคือมือทรึริเทะ (ข้างที่จับคอเสื้อ) - บริเวณข้อมือไปถึงข้อศอกของทรึริเทะต้องติดกับตัวบริเวณหน้าอกของหุ่น (วิธีการติดไม่ตายตัว อยู่ที่ความถนัดและสรีระ) - ขาสองวน คุสุชิเกิดตรงตอนวน (ใช้ไทซาบากิมาเป็นตัวสร้างคุสุชิ) - ช่วงขาสองวน คุสุชิดึงมาด้านหน้าพร้อมกับการดันขึ้น แต่พอขาสามเสียบออกไป ทิศทางของคาเคะจะดึงลง - ขาสามเสียบให้ข้อพับหลังเข่าดันบริเวณแข้งหรือเข่าของหุ่น ทิศทางแขนดึงลงแต่หลังเข่าข้อพับจะดันขึ้นเป็นสปริง - น้ำหนักขา (ถ้าจับขวา) ขาขวาขาข้างที่เสียบออกไป 40% ขาซ้ายข้างที่ยืนเป็นฐาน60% - ความกว้างของขาที่วางและเสียบออกไปอยู่ที่ประมาณ90เซนหรือหนี่งเบาะทาตามิ นิ้วขาทั้งสองข้าง ชี้ตรงขนานไปด้านหน้า (ถ้าขายืนนิ้วไม่ชี้ไปด้านหน้า แต่เอียงออกข้าง มันจะเสียหลักง่าย) - ขาข้างที่เสียบ ย่อลงตามแนวข้อพับเข่า ถ้าไม่ย่อขัดกันเข่าจะพัง
②แบบหนึ่ง ใช้จังหวะที่ดันหุ่นถอยหลังลงไป - ช่วงที่หุ่นถอย จะมีจังหวะดีเลย์ รอรีแอ็คกลับมาแล้วค่อยปล่อยท่าแบบสามขา
③แบบสอง ใช้จังหวะที่ดึงหุ่นเดินหน้า - เดินสืบเท้า แบบถอยขาฝั่งเดียวกัน - จับขวา ช่วงที่หุ่นเดินขาขวามาหน้า โทริหมุนขาซ้ายเข้าไทโอ จะเป็นการขยับขาแค่สองสเต็ปคือก้าวที่สองกับก้าวที่สาม - ไม่มีก้าวหนึ่ง เพราะก้าวแรกนำอยู่แล้ว - สำหรับไทโอโตชิ ก้าวสองที่ขาหมุนวนหลัง ของซาเมชิม่าเซนเซ มีคุสุชิเสมอ
④แบบสามมีสองชนิด ชนิดเอ - ดึงหุ่นให้ขยับหมุนออกด้านข้างทางฝั่งฮิกิเทะ (ฝั่งที่จับแขนเสื้อหุ่น) - สเต็ปขาที่เข้าเป็นสามสเต็ป (เหมือนแบบศูนย์)
ชนิดบี - ดึงหุ่นให้ขยับหมุนออกด้านข้างทางฝั่งทรึริเทะ (ฝั่งที่จับคอเสื้อหุ่น) - ช่วงทีดึงมา แขนทรึริเทะเข้าประชิดติดตัวหุ่น จังหวะเดียวกันใช้ขาสามสเต็ป
⑤แบบที่สี่ - อุเกะหลบไทโอทีแรกออกไป - ใข้ไทโอรูปแบบไหนก็ตาม พอหุ่นก้าวขาหลบออกมาได้ ก็ใส่ไทโออีกที - วิธีการใส่ไทโออีกครั้ง ใช้ขาสองสเต็ป ก้าวที่สองกับก้าวที่สาม (อย่าลืมว่าก้าวสองที่สืบเท้าวนของซาเมชิมาาเซนเซ มีคุสุชิเสมอ)
⑥แบบที่ห้า - ใช้กับที่จับซ้ายเจอขวาหรือจับขวาเจอซ้าย - สะบัดขาหลอกด้วยโออุจิการิไปก่อน - ช่วงที่ขาอุเกะโดนโออุจิขยับหลบ น้ำหนักจะไปอยู่ที่ขาอีกข้าง พอดีกับจังหวะไทโอโตชิ - การเข้าในรูปแบบนี้ ใช้ก้าวที่สองหมุนวนกับก้าวสามเสียบออกไป
อีกแบบนึงที่เจอตอนใช้ไทโอ คืออุเกะทรุดตัวแทงเข่าออกมาทำลายจังหวะ ตรงนี้อยู่ที่การฝึกข้อพับหลังเข่าให้แข็งแรง และอยู่ที่การฝึกพื้นฐานในท่าสค็วช ถ้าเข่าและต้นขาแข็งแรงโดนกดดันก็ใช้สปริงข้อพับในการเด้งดีดหุ่นให้ลอย ในขณะที่มือดึงลง (โอโตชิ แปลว่า ดึงลง, ไทแปลว่าร่างกาย)
อุจิมาตะ (นัมโบเซนเซ) - เน้นเรื่องการดึงคุสุชิเต็มๆ ช่วงที่ดึงหน้าหันตามทิศทางที่จะทุ่ม ลำตัวของหุ่นจะถูกลากมาติดกับคนทุ่ม - ขาสองวางอยู่กึ่งกลางขาของหุ่น ยัดลึกเข้าไป งอเข่าด้วย และนิ้วของขาสองหันไปด้านหน้า - ใช้สะโพกยัดเข้าไป ตรงจุดนี้ทุ่มได้ไม่ได้คนทุ่มจะรับรู้ได้ - การหมุนตัวใช้การหมุนของสะโพกไม่ใช่ขา
อุจิมาตะสเต็ปเดียว - เป็นการใช้ตอนที่เจอขวากับซ้าย หรือว่าซ้ายกับขวา - ขาแรกที่วางออกไปคือขาที่วางเป็นฐาน - ใช้แรงในการหมุนตัวเหวี่ยงขึ้นในการทุ่ม - พื้นฐานทั้งหมดมาจากรูปแบบปกติ ทำให้ชำนาญก่อนถึงค่อยมาลดสเต็ป
ฮาไรโกชิ (นัมโบเซนเซ) - ฮาไรของนัมโบเซนเซ เป็นการเข้ารูปแบบเดียวกับอุจิมาตะ - อุจิมาตะเข้าแบบไหน ฮาไรเข้าแบบเดียวกัน ต่างกันตรงที่ขาปัด - ฮาไรใช้ได้ดีกับคนตัวใหญ่ใช้กับคนตัวเล็ก เพราะขาคนตัวใหญ่จะใหญ่และแข็งแรง - อุจิมาตะเข้าด้านใน ฮาไรปัดขาด้านนอก - ตำแหน่งที่ปัดคือบริเวณหัวเข่ากับใต้หัวเข่า ทิศทางการปัดคือเฉียงหลัง45องศา
อาชิกุรุม่า กับ โคชิกุรุม่า (นัมโบเซนเซ) - อาชิกุรุม่า เป็นท่าถนัดของนัมโบเซนเซ - เหตุผลที่ถนัดเพราะว่าง่าย (เซนเซบอกมาแบบนี้) - วิธีเข้าจะเข้าสลับขาหลอก เช่นจับขวาจะเอาขาซ้ายเข้าไปก่อนแล้ววนกลับมาใช้ขวาแปะไปที่หัวเข่า - แต่แปะขวางทางเอาไว้ ไม่ใช้การปัด แล้วอาศัยคุสุชิ ถ้าปัดจะเป็นฮาไรโกชิ ไม่ใช่อาชิกุรุม่า - ท่าที่ลงท้ายด้วยกุรุม่าจะเป็นแนวเดียวกันคือแปะเอาไว้ เดี๋ยวหุ่นเสียหลักล้มเองถ้าคุสุชิเพียงพอ
- โคชิกุรุม่า เซนเซเอามาแสดงให้ดูเพื่อเห็นความแตกต่างระหว่างอาชิกุรุม่ากับโคชิกุรุม่า - วิธีการเข้าแบบเดียวกันกับอาชิกุรุม่า คือเข้าสลับขาหลอก - แตกต่างกันคือถ้าปลายขาไปแปะหัวเข่าเป็นอาชิ ถ้าใช้โคชิ(สะโพก)ไปขวางเป็นโคชิกุรุม่า
ซ้อมจบจากที่อบรม ทานข้าวแล้วไปรันโดริเบาๆทั้งท่ายืนและท่านอนที่มหาลัยรามคำแหง ตะคริวหลายจุดเกิดสลับกันทั้งที่วันนี้ก็ไม่ได้ซ้อมอะไรหนัก
Create Date : 22 ธันวาคม 2559 |
Last Update : 22 ธันวาคม 2559 22:49:53 น. |
|
0 comments
|
Counter : 981 Pageviews. |
 |
|
|
| |
|
|