bloggang.com mainmenu search

โดย วิบูลย์ จุง : Wiboon Joong (wbj)



หลังจากให้เจนศึกษา พฤติกรรมส่วนตัวของเจนแล้ว หลังจากนั้นประมาณสัปดาห์ ผมก็ได้เข้าไปในโรงงานของคุณพ่อของเจน เพื่อเข้าไปศึกษาระบบงานอีกครั้ง
“พี่จุง... สวัสดีค่ะ พี่จุงมาศึกษาระบบงานหรือว่ามาหาเจนค่ะ”
“พี่จะมาหาเจนทำไมละ ก็มาศึกษาระบบงานสิ ว่าแต่ คุณพ่อเจนอยู่ไม๊...”
“ไม่อยู่ค่ะ... แต่คุณพ่อบอกให้พี่จุงเข้าไปในโรงงานกับเจนได้เลย คุณพ่อเปิดทางให้”
“ท่าทางวันนี้เพี้ยนๆ นะเรา... พี่ขอเข้าไปดูการทำงานก่อน....”
วันนั้นผมเข้าไปเรียนรู้ระบบงานโดยคร่าวๆ ในแต่ละส่วน และพบว่า ระบบงานเป็นแบบเชื่อใจ และ ใช้ความรู้สึกเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น การกำหนดงาน หน้าที่ และ ความรับผิดชอบต่างๆ จึงเป็นไปอย่างหลวมๆ เหมือนกับ ธุรกิจครอบครัวโดยทั่วไป
“เจน... เจนรู้ไม้ว่า วันหนึ่งทำงานออกมาได้กี่ชิ้น...”
“ประมาณ 50 กว่าชิ้นค่ะ”
“แล้วของเสียกี่ชิ้นต่อวัน”
“ประมาณ 2-3 ชิ้นมั๊งค่ะ”
“แล้วรู้ไม๊ว่าคนงานทั้งหมดในการผลิตนี่กี่คน ?”
“15 คนค่ะ”
“อืม... แล้วหัวหน้าการผลิตเขาต้องการคนเพิ่ม หรือเปล่าช่วงนี้...?”
“ก็เห็นเขาบอกว่าต้องการคนเพิ่มอยู่เหมือนกันนะค่ะ”
“พี่ว่า พี่จะลงมือเกี่ยวกับการผลิตในส่วนนี้ก่อนดีกว่า... ช่วงบ่ายพี่ขอคุยกับฝ่ายผลิตได้ไม๊...”
“ได้ค่ะ... วันนี้เจนเรียกหัวหน้างานไปทานข้าวพร้อมกับเราค่ะ”
อาหารเที่ยงที่โรงงานจัดไว้ในห้องอาหารให้เรียบร้อย ห้องที่ผมเข้าไปทานนั้นเป็นห้องกระจกติดแอร์สำหรับผู้บริหารของโรงงาน โต๊ะที่ผมนั่งเป็นโต๊ะของเจ้าของ แต่วันนี้ เจนเชิญให้หัวหน้าฝ่ายต่างๆเข้ามาทานร่วมโต๊ะกันในวันนั้นทั้งหมด เพื่อแนะนำให้ผมรู้จักกับคนในโรงงานทั้งหมด
“เจนขอแนะนำ คุณวิบูลย์ นะค่ะ พี่เขาจะเข้ามาเป็นที่ปรึกษาของโรงงานเราค่ะ” มีเสียงปรบมือเบาๆเป็นการต้อนรับ
“ขอบคุณครับ ผมขอโอกาสนี้แนะนำตัวกับทุกท่านนะครับ ผมวิบูลย์ จุง เรียกผมว่า จุง สั้นๆก็ได้ครับ บางท่านอาจจะเคยเห็นผมมาบ้างนะครับ ผมเข้ามาในฐานะผู้ช่วยเหลือและสนับสนุนการทำงานของทุกท่าน อย่าคิดว่าผมเป็นที่ปรึกษานะครับ คิดว่าผมเป็นพนักงานใหม่ เพิ่งเข้ามาเริ่มงาน ซึ่งต้องเรียนรู้งานจากทุกๆท่าน ช่วยสอนงานให้ผมด้วยนะครับ...”
ผมตอบคำถามอีก 2-3 ข้อจากหัวหน้างานที่เข้ามา แล้วอาหารก็เข้ามาเสริฟ ผมก็เลยได้โอกาสเชิญให้ทุกคนทานอาหาร แล้ว ค่อยๆ ถามถึงชื่อแต่ละท่าน และ หน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละท่าน จนครบ อาหารก็เสริฟ เข้ามาครบ แล้วเราก็ได้ทานอาหารร่วมกัน เสียงคุยระหว่างกันมีมาก มีเพียง 2-3 คนเท่านั้นที่ชวนผมคุย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มบัญชี ลูกน้องคนสนิทของเจน เพราะเราเคยคุยกันมาบ้างแล้ว หลังทานอาหารเสร็จ เจนก็พาผมเข้าไปห้องประชุมแล้วก็ขอตัวไปเชิญหัวหน้าฝ่ายผลิตเข้ามาห้องประชุม...
“สวัสดีครับ... คุณ... คุณชัชวาล” ผมก้มลงดูสมุดชื่อ ที่ผมจดระหว่างสอบถามก่อนทานอาหารกลางวัน
“ผมไม่ใช่คุณชัช... คุณชัช เขาติดงานเข้าประชุมไม่ได้ เลยส่งผมเข้ามาแทน” เสียงห้วนๆจังเลย...
“อ๋อ ครับ ผมวิบูลย์ครับ แล้วไม่ทราบว่า คุณชื่อ...”
“วิษณุ” เสียงตอบห้วนๆ เหมือนกับจะไม่อยากรู้จัก
“คุณวิษณุ ยินดีที่ได้รู้จักครับ เรียกผมว่าจุงก็ได้ครับ...”
“คุณจุง มีธุระอะไรกับฝ่ายผลิต...” คุณวิษณุ พูดอย่างกับจะหาเรื่องยังไงไม่รู้...
“เออ... ไม่เชิงมีธุระหรอกครับ แค่อยากเรียนรู้เกี่ยวกับงานของทางฝ่ายผลิตนะครับ... ไม่ทราบว่า คุณวิษณุทำหน้าที่อะไรครับ”
“ผมเป็นรองหัวหน้าช่างซ่อมบำรุง”
“งานซ่อมบำรุง... น่าสนใจนะครับ...”
“…” เงียบไม่มีเสียงตอบ
“แล้วคุณวิษณุ ทำหน้าที่อะไรบ้างครับ”
“มีอะไรก็ทำๆไป...” ท่าทางดูไม่อยากเป็นมิตรแล้ว คำตอบนี้ทำให้อึ้งมากขึ้น...
“รอสักครู่นะครับ”
ผมก็ทนไม่ไหวกับอาการท้าทายอย่างนี้ ผมก็เลยเดินออกนอกห้อง แล้วเข้าไปขอให้เจนเข้าห้องประชุมด้วย เจนก็ตามเข้ามาห้องประชุมโดยดี
“คุณวิษณุ ผมขอให้เจนเข้ามาศึกษางานร่วมกับผมนะครับ คิดว่าคุณคงไม่มีปัญหา...”
“…” เงียบไม่มีเสียงตอบเช่นเดิม
“ผมขอเริ่มเรียนรู้งานของฝ่ายผลิตก่อนนะครับ ไม่ทราบว่าคุณวิษณุช่วยเล่าเกี่ยวกับฝ่ายผลิตคร่าวๆให้ผมรับทราบหน่อยครับ”
“ก็ไม่มีอะไร... อยากรู้อะไรหละ...” นี่ขนาดต่อหน้าเจนซึ่งเป็นลูกสาวเจ้าของนะเนี่ย ยังตอบอย่างนี้เลย...
“ฝ่ายผลิตเขาก็แบ่งออกเป็นส่วนๆ การผลิตค่ะพี่จุง... คุณวิษณุเขาอยู่ฝ่ายซ่อมบำรุงค่ะ” เจนตอบแทนคุณวิษณุ สีหน้ารู้สึกเป็นห่วงผมกับการคุยกับคุณวิษณุ แล้วหันไปถามคุณวิษณุ...
“คุณวิษณุ... คุณชัช ติดธุระหรือ?”
“ครับ”
“อย่างนั้น คุณวิษณุ ช่วยเล่างานของคุณวิษณุให้ฟังหน่อยนะครับว่ามีหน้าที่รับผิดชอบอะไรบ้าง...” ผมถามย้ำอีกครั้ง...
“ผมก็ตรวจสอบเครื่องเวลาพนักงานพัก และ ถ้าเครื่องเสียผมก็ซ่อม” คำตอบดีกว่าครั้งแรกหน่อย...
“เวลาพักนี่ตรวจสอบได้กี่เครื่องครับ”
“เครื่องเดียว”
“ตรวจสอบอะไรบ้างครับ”
“ก็เข้าไปตรวจสอบว่ามันทำงานได้หรือเปล่า มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“คุณวิษณุ มีทีมงานกี่คนครับ”
“คนเดียว”
“ท่าทางงานหนักนะครับ... ขอบคุณมากครับ วันหลังผมคงต้องขอเข้าไปคุยในส่วนของคุณวิษณอีกครั้งนะครับ...”
“หมดเรื่องแล้วใช่ไม๊... ผมกลับไปทำงานต่อนะ”
“ครับเชิญครับ ขอบคุณครับ” ผมกำลังสงสัยในการกระทำของผมว่าผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่า...
“พี่จุง อย่าไปถือคุณวิษณุ เลย แกเป็นอย่างนี้แหละ ทำงานเป็นอย่างเดียว พี่จุงอยากรู้อะไรเกี่ยวกับฝ่ายการผลิต เจนจะบอกให้ค่ะ...”
“จริงๆแล้วพี่อยากสอบถามสายการทำงาน และ งานต่างๆอย่างละเอียด พอเจออย่างนี้ เลยไม่รู้ว่าจะถามอะไรคุณวิษณุดี”
“พี่ต้องคุยกับคุณชัช เขาจะอธิบายได้ดี ไว้สัปดาห์หน้าเจนจะให้คุณชัชเข้าประชุมกับพี่จุงนะ...”
“ครับ ขอบคุณครับ... พี่ถามเรื่องคุณวิษณุหน่อยได้ไม๊ ปกติแล้ว เขามีเพื่อนบ้างหรือเปล่า...”
“ก็มีค่ะ ส่วนใหญ่คุณวิษณุแกจะคุยกับเพื่อนผู้ชายในแผนกของแกเอง หรือ ไม่ก็ก๊วนเตะบอลของเขาค่ะ”
“แล้วเขาคุยแบบมะนาวไม่มีน้ำอย่างนี้เสมอเลยหรือ”
“ไม่ค่ะพี่ ปกติเวลาเจนถาม เขาก็จะคุยดีนะ”
“แล้วกับคนอื่นหละ...”
“เขาเป็นคนไม่ค่อยชอบคุย แต่เวลาคุยก็คุยดีนะค่ะ... ”
“แสดงว่าพี่ไม่เป็นที่ถูกชะตาของเขามั๊ง...”
“สัปดาห์หน้าพี่ขอประชุมกับคุณชัช ตอนเช้านะ ไม่รู้ว่าว่างหรือเปล่า”
“ค่ะ เจนจะนัดให้ค่ะ คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา”
“ขอบใจจ๊ะ วันนี้ไม่มีอารมณ์คุยกับใครแล้ว... เจนพาพี่ไปดูโรงงานในส่วนผลิตได้หรือเปล่า...”
“ได้ค่ะ...”
เจนกับผมเดินเข้าไปโรงงานด้วยกัน เราเห็นคุณชัชกำลังคุยกับเลขาฯ อย่างสนุกสนาน ก่อนที่เจนจะทักขึ้นมา...
“คุณชัช งานมีปัญหาอะไรไม๊ค่ะ” เจนทักคุณชัช ทำให้คุณชัชตกใจเล็กน้อย แล้วหันมาทางเจน...
“ไม่มีปัญหาอะไรครับ”
“อ้าวแล้วเมื่อกี้ทำไมไม่เข้าประชุมกับพี่จุงหละ...”
“เออ... คือ...ผมให้คุณวิษณุ ไปประชุมแทนผมแล้วนี่ครับ”
“คุณจุงเขาอยากคุณกับคุณนะค่ะ... ” แล้วเจนก็หันหน้ามาถามผม
“พี่จุงจะประชุมกับคุณชัชเลยไม๊ค่ะ”
“ผมยังติดงานต้องไปดูแลงานในโรงงานครับไม่ว่าง” คุณชัชพูดสวนออกมาทันที
“เอาเป็นสัปดาห์หน้าช่วงเช้าดีกว่าครับ” ผมก็เลยต้องตอบเลี่ยงๆไป
“อย่างนั้น คุณชัช สัปดาห์หน้าประมาณ 10 โมงเช้า เข้าประชุมกับพี่จุงนะค่ะ”
“เออ... ครับ...”
ผมไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเอง หรือว่า คุณชัชแสดงให้ผมรู้สึกว่า เขาไม่อยากเข้าประชุมกับผมก็ไม่ทราบ แต่สีหน้า หรือ อาการที่แสดงออกดูเหมือนว่าไม่อยากจะให้ผมเข้าไปยุ่งย่ามกับเขาเลย...

ผมกับเจนเดินจากคุณชัชมา... แล้วเราก็ได้ยินเสียงคุ้นๆของคุณวิษณุ กำลังคุยกับเพื่อนๆ... ผมกับเจนมองหน้ากัน สีหน้าเจนดูไม่ค่อยดี ผมว่า สีหน้าผมก็ดูไม่ค่อยดีเหมือนกับเจนแหละ... แล้วเสียงที่ลอดออกมาก็ดังขึ้น และ ดูเหมือนว่า ผู้พูดกำลังสนุกกับการเล่าให้เพื่อนๆฟังอย่างมาก
“คุณชัชให้กูแกล้งไอ้หน้าจืด... สนุกดีหวะ... แกล้งมันจนหน้ามันจืดสมชื่อเลยหวะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า...”

(อ่านต่อฉบับหน้า…)

โดย วิบูลย์ จุง : Wiboon Joong (wbj)

Create Date :24 เมษายน 2550 Last Update :24 สิงหาคม 2551 13:06:24 น. Counter : Pageviews. Comments :3