bloggang.com mainmenu search
เมื่อดูจากสถิติการออกจากงานของบางบริษัทฯต่าง โดยทั่วไปพบว่า มีพนักงานลาออกในเดือนพฤศจิกายน และ ธันวาคม น้อยกว่าทุกๆเดือน และ มีคนลาออกในเดือนมกราคมจำนวนมาก จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่าบริษัทฯในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ มักจะออกโบนัสในเดือนธันวาคม ซึ่งทำให้คิดได้อีกแง่ว่า คนทำงานที่ต้องการลาออกจากบริษัทฯส่วนใหญ่ ก็จะรอคอยโบนัสออกก่อนที่เขาจะออกจากบริษัทฯ แต่ไม่ใช่เพียงคนที่จะออกจากบริษัทฯเท่านั้นที่คิดเช่นนี้ ผมว่าคนทำงานทุกคนก็หวังและต้องการโบนัสเช่นกัน...

ผมเองก็เป็นพนักงานกินเงินเดือนบริษัทฯ มีความเข้าใจและความต้องการเช่นเดียวกับคนทำงานทั่วไป ทั้งๆที่รู้ว่า โบนัสเป็นกับดักทางความคิด และ การสร้างความหวังให้กับพนักงานก็ตาม แต่คนทำงานส่วนใหญ่ กลับไม่ได้คิดเช่นนี้..

ทำไมผมถึงบอกว่า มันคือกับดักทางความคิด และ เป็นการสร้างความหวังให้กับพนักงาน ก็เพราะว่า "โบนัส" ของหลายต่อหลายบริษัทฯ ขึ้นกับผลประกอบการว่า กำไรมากน้อยเพียงใด หากมีผลกำไรก็จะปันผลมาเป็นโบนัส เพื่อตอบแทนความทุ่มเทของพนักงาน แต่พนักงานทุกคนก็ทำงานไม่เท่ากัน ดังนั้น บางบริษัทฯ เลยเอาผลงานของแต่ละคนมาคิดสัดส่วนของโบนัสที่จะได้รับด้วยเช่นกัน เพื่อทำให้คนทำงานได้ทำงานได้เต็มที่ทั้งปี ซึ่งโบนัส กลายมาเป็นเครื่องมือในการบริหารและ เครื่องมือในการบีบบังคับให้พนักงานทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อพวกเขาจะได้โบนัสได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

แต่บริษัทฯต่างชาติ ที่เขาคิดเงินพนักงานเป็นปีบางบริษัทฯ ก็ใช้ "Fix Bonus" หรือ เงินเดือนๆที่ 13 หรือ เดือนที่ 14 ในการจูงใจให้พนักงาน ได้มีความรู้สึกว่า เขาได้รับโบนัส พิเศษ เพิ่มมากขึ้น

เงินที่มาจากความทุ่มเทในการทำงาน หรือเงินที่ควรจะได้นั้น ใครๆก็ต้องหวังกันทั้งนั้น มันทำให้พนักงานรู้สึกว่า หากจะลาออกก็ต้องรอให้ได้เงินในส่วนนี้ก่อน... บริษัทฯ ที่เก่งมากๆในการดึงคนให้ทำงานกับเขานานๆ ก็จะใช้โบนัส ทั้ง 2 แบบนี่แหละในการดึงคน เพราะว่า พนักงานที่จะลาออก ก็จะมีความรู้สึกว่าไม่อยากสูญเสียเงินในส่วนนี้ไป หากเกิดลาออกก่อนที่จะได้รับมัน...

ผมขอยกตัวอย่างให้เห็นว่า หากคุณได้อยู่กับบริษัทฯหนึ่ง ที่มีการให้ โบนัส ที่เป็นเงินเดือน เดือนที่ 13 กับพนักงานทุกคน เดือน ธันวาคม และ ให้เงินเดือนเดือนที่ 14 ในเดือน กุมภาพันธ์ ซึ่งประมาณตรุษจีน ซึ่งแค่นี้ ก็ทำให้พนักงานที่จะลาออก ในช่วงปลายปี ต้องคิดหนักอย่างมาก หากจะลาออกเดือน พฤศจิกายน เพราะทำงานอีก 3 เดือน ก็จะได้เงินเดือน เพิ่มอีก 2 เดือน...

และหากบริษัทฯ จัดผลงานของปีที่แล้ว จะแบ่งโบนัสออกเป็น 3 งวด โดย ผลงานของเดือน กุมภาพันธ์ ถึง พฤษภาคม จะออกโบนัส ตอนเดือน มิถุนายน ผลงานของเดือน มิถุนายน ถึง เดือน กันยายน จะออกเดือน ตุลาคม และ ผลงานของเดือน ตุลาคม ถึง เดือน มกราคม จะออกเดือน กุมภาพันธ์ จะทำให้คนทำงานในบริษัทฯนี้ ยิ่งต้องคิดหนักเพราะ จะมีเงินจากผลงานของเขามาเกือบ ทุกๆช่วงของปี

ผมแค่ยกตัวอย่างแนวทางการจัดระบบบริษัทฯ ที่เขาใช้โบนัสในการดึงคนมาให้เห็นเท่านั้นว่า จริงๆแล้ว การที่บริษัทฯ มีระบบโบนัสที่ดีนั้น ก็ทำให้คนทำงานมีความรู้สึกที่จะอยู่กับบริษัทฯได้นานขึ้น แต่ถ้าเปรียบกับบางบริษัทฯ ที่ไม่ยอมจ่ายโบนัสฯ มัวแต่บอกว่า ขาดทุน กำไรน้อย ปีนี้เลยงดจ่าย ซึ่งกำไรหรือขาดทุนส่วนใหญ่ บริษัทฯ เกือบทุกบริษัทฯ ไม่มีใครกล้าบอกตัวเลขที่แท้จริงให้กับพนักงานทั่วไปได้รับทราบหรอก ดังนั้น มันเลยเป็นกล่องดำ ที่เป็นช่องทางให้กับบางบริษัทฯ เอามาเป็นข้ออ้างในการไม่จ่ายโบนัสฯให้กับพนักงาน ซึ่งแทนที่จะใช้โบนัส ในการดึงดูดพนักงาน แต่กลับใช้ในการ ขับไล่พนักงานให้ออกไปหางานใหม่

ผมไม่อยากให้เรื่องโบนัส กลายมาเป็นเรื่องที่บั่นทอนประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน หรือ ทำลายบริษัทฯ และ ผมก็ไม่อยากให้พนักงานคิดแต่เรื่องรายได้ที่จะได้รับเพิ่มเท่านั้น ผมพบสัจธรรมอย่างหนึ่ง ในชีวิตคือ "สิ่งที่ได้มามักต้องแลกกับสิ่งที่จะต้องสูญเสียไปเสมอ" การทำงานก็เพื่อแลกเงินมา การซื้อของได้ของมาก็ต้องแลกด้วยเงินที่ให้เขาไป การได้ของสิ่งใดมาผู้ให้ย่อมจะหวังที่จะได้สิ่งหนึ่งสิ่งใดตอบแทนเสมอ ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ...

"จงทำงานของตนเองให้ดีที่สุด เพื่อให้ผลงานเหล่านั้น กลายเป็นผลลัพธ์ที่คุณต้องการ"

ตามอ่านต่อกรุณากดที่นี่ครับ...


Is bonus your career mind trap?


[ บทความใน JobsDB.com ] - [ บทความใน At Office ]

[ บทความทั้งหมด ] - [ บทความล่าสุด / สมุดเยี่ยมเยือน ]


"จงทำงานของตนเองให้ดีที่สุด เพื่อให้ผลงานเหล่านั้น กลายเป็นผลลัพธ์ที่คุณต้องการ"
Create Date :03 กุมภาพันธ์ 2549 Last Update :19 มิถุนายน 2550 12:25:18 น. Counter : Pageviews. Comments :13