โดย วิบูลย์ จุง // Wiboon Joong (wbj)

Stage 0: คนทั่วไป ต้องการเป็น ผู้ประกอบการ หรือ เจ้าของธุรกิจ สักธุรกิจหนึ่ง แต่พบว่า คนที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจที่ยั่งยืนได้นั้น มีจำนวนน้อย ทั้งนี้ ต้องผ่านประสบการณ์ความล้มเหลว ผิดหวัง กับธุรกิจกันมาก่อนทั้งสิ้น...

Stage 1: แต่เมื่อเปิดธุรกิจมีรายได้เข้าเป็นกอบเป็นกำได้ ก็จะกลายมาเป็นธุรกิจหลัก ซึ่งคนส่วนใหญ่ เมื่อเปิดธุรกิจได้แล้ว ก็จะรักษาธุรกิจที่มีอยู่เพียง 1 ธุรกิจนี้ ให้ดำเนินต่อไป และ พยายามหารายได้จากธุรกิจ ที่มีมากขึ้น แต่พบว่า การทำธุรกิจแบบเดิมๆ เติบโตได้ระยะหนึ่งก็จะคงที่ หรือ ตกต่ำลง.. จึงหาแนวทางในการลงทุนธุรกิจเพิ่ม...

Stage 2: การลงทุนในส่วนของธุรกิจ โดยปกติจะเริ่มจาก ธุรกิจหลัก และกระจายไปธุรกิจรอง แต่ในบางธุรกิจ ธุรกิจรอง จะมีมูลค่ามากกว่าธุรกิจหลัก ซึ่งอาจจะเป็นจริง หรือเป็นภาพลวงตาที่มาจากการเอาเงินจากธุรกิจหลัก ไปอุดให้กัลธุรกิจรอง เรื่องนี้ ต้องวิเคราะห์ ให้ดี...

การลงทุนเพิ่มของผู้ประกอบการ เกือบ 100% จะค่อยเป็นค่อยไป และ ธุรกิจที่ลงทุนเพิ่ม ทั้งหมด มาจากแนวคิดของ เจ้าของกิจการ เป็นหลัก เนื่องจากต้องการให้แน่ใจว่า ธุรกิจสามารถ เดินไปได้จริงๆ... สภาวะช่วงนี้ เจ้าของกิจการยังเหนื่อยมาก ใช้จ่ายเพื่อตนเองและครอบครัวมาก มีการตอบสนองความต้องการสูง... ถ้าอายุน้อย ก็จะยังทำต่อ จนกว่าจะรู้สึก พอ...  แต่ถ้าอายุมาก ก็จะขยายอีก 2-3 ธุรกิจ ก็จะหยุด...  และเจ้าของธุรกิจ เมื่อหยุดขยาย หรือ ชะลอตัว จะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่มีคนช่วยคิด ช่วยทำ พนักงานที่มีได้แต่รับคำสั่ง...และสรุปจบท้ายว่า เหนื่อย...

การแก้ปัญหา หรือ การก้าวข้ามผ่านจุดนี้ คือ การสร้างทีมบริหาร มาทำงานแทน ในเชิงภาพรวม และตัวเอง ก็จะนั่งแท่น เจ้าของกิจการไว้...

Stage 3: ถ้า เจ้าของกิจการ จะข้ามผ่านกับดักแรก ส่วนใหญ่จะพักการขยายนาน และ อยากขยายธุรกิจ เนื่องจากตัวเลขลดลง เกิดความอิ่มของธุรกิจเดิม และเงินในบัญชี มีเพิ่มขึ้นมาก การพักนานทำให้ เกิดพฤติกรรมเคยชิน... ลดพลังในการทำด้วยตัวเองลง และ เกิดความกลัวความล้มเหลวมากขึ้น จึงมองหา Idea ใหม่ๆ จากคนรอบข้างที่เกี่ยวข้อง ซึ่งส่วนใหญ่ จะเป็น ลูกน้อง ก้นหม้อ ที่เริ่มทำกันมา อยู่กันมา แต่ก็มีน้อยราย เพราะต่างก็ออกไปทำธุรกิจตัวเอง ซึ่งก็เป็นโอกาสเสนอการลงทุนร่วมเพื่อ ซื้อใจ และเปิดโอกาสให้เกิดการลงทุน

การดำเนินธุรกิจ ก็จะเปลี่ยนจาก เจ้าของกิจการ ผู้ประกอบการ มาเป็นนักลงทุน ที่ไม่ลงมือทำเอง แต่ให้เงินทำเงินให้ ผ่านการทำงานของคนที่ไว้วางใจได้...

Stage 4: เมื่อมาเป็นนักลงทุน จะใช้ประสบการณ์ของตัวเอง ในการตัดสินใจ จะวุ่นวายกับการหาอะไรบางอย่าง จากคนที่ต้องการประสบความสำเร็จ และหาได้ยาก...

การก้าวข้ามผ่านจุดนี้ คือ การสร้างทีมนักลงทุน มาช่วยกันวิเคราะห์ ให้ความเห็น และมาทำงานแทน ในเชิงภาพรวม และภาพย่อย จนกลายเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ที่มีหลากหลายธุรกิจ ขยายตัวออกไปต่างประเทศ ได้เพราะมีทีมงานบริหารมืออาชีพมาช่วยงาน...