bloggang.com mainmenu search








ในชีวิตของซีอีโอหัวใจศิลปินคนนี้ "ดุ๋ง-พาที สารสิน" บอสใหญ่แห่งอาณาจักรสายการบินนกแอร์ ไม่เคยวางแผนว่าชีวิตนี้จะมีลูก จนกระทั่งบุพเพพาให้มาพบรักกับ บี-ปิติภัทร สองปีกับชีวิตแต่งงานที่มีเพียง 2 คน

พวกเขาพร้อมต้อนรับสมาชิกใหม่ ดีดี-ภาพีร์ พยานความรักที่เมื่อแรกพบคือคนแปลกหน้า แต่ ณ เวลานี้ เขาคือ ’ดวงใจ’ ของผู้บริหารอารมณ์ดี ที่ Celeb Online พร้อมพาไปรู้จักผ่านปากคำจากคุณพ่อดุ๋ง

ความรู้สึกแรกที่เห็นหน้าลูก?

“ตอนแรกก็งงอยู่ เพราะผมไม่เคยเป็นพ่อมาก่อน นาทีแรกที่เห็นหน้าลูกก็รู้สึกตื่นเต้นนะ แต่ความรู้สึกของความเป็นพ่อเกิดขึ้นหลังจากเราเริ่มดูแลเขามากกว่า มันเป็นเรื่องแปลกนะ คนเรามักคิดว่าลูกเกิดมาแล้วต้องรักเลย 100%

แต่ผมว่าความรักค่อยๆ เกิดขึ้นเรื่อยๆ จากการที่เราได้ใช้เวลากับเขา แค่ 6-7 เดือนที่ใช้เวลาร่วมกับเขา รู้สึกได้เลยนะว่าความรักเพิ่มขึ้นตลอดเวลา เหมือนกับเป็นเพื่อนกับใครคนหนึ่งที่เพิ่งทำความรู้จักเขาไปเรื่อยๆ

ฉะนั้นนาทีแรกที่เห็นหน้าเขาคือแค่รู้ว่าชีวิตเราต้องเปลี่ยนไป แต่นาทีนี้ความรู้สึกคือรักลูกมากและ เป็นความรักเกิดขึ้นเป็นทวีคูณจากการใช้เวลาร่วมกับเขา”

ความแตกต่างระหว่างก่อน-หลังมีลูก?

“เมื่อก่อนไม่ได้คิดจะมีลูกด้วยซ้ำไป แต่พอมีลูกแล้ว ถึงคิดได้ว่าน่าจะมีตั้งนานแล้ว มันเกิดความรู้สึกว่าเหมือนมีใครสักคน สืบทอดต่อจากตัวเราไป เหมือนเป็นการพิสูจน์ว่าเราได้เกิดมาจริงๆ แน่นอนว่าการใช้ชีวิตก็เปลี่ยนไป

อยากกลับบ้านเร็วขึ้น เสาร์-อาทิตย์ก็พยายามอยู่บ้านไม่ไปไหน ตลอดวันก็คิดถึงเขาตลอดเวลา อยากมีส่วนร่วมกับเขา แต่บางทีผมอาจไม่ค่อยมีเวลาเพราะต้องทำงาน

ฉะนั้นช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันเป็น Quality Time อย่างล่าสุดช่วงลอยกระทง เราเพิ่งไปเที่ยวเชียงรายกันมา ผมไม่ทำอะไรเลยนอกจากอยู่และเล่นกับลูก รู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ เพราะเราได้เห็นการเติบโตของเขา”

มีส่วนช่วยภรรยาเลี้ยงลูกอย่างไร?

“พูดตามตรงว่าผมไม่เก่งเรื่องนี้ ผมเก่งเล่นกับเขามากกว่า (หัวเราะ) เวลาเขาร้องไห้ผมนี่ตาแตกเลย ไม่รู้จะทำยังไง ขนาดป้อนข้าวลูกยังเหนื่อยเลย เพราะไม่รู้ว่าเราป้อนถูกหรือเปล่า แต่ดีดีถือเป็นเด็กเลี้ยงง่ายนะ เพียงแต่เราไม่เก่งเรื่องนี้ และโชคดีที่ภรรยาผมเขาเลี้ยงลูกดีอยู่แล้ว”

รอยยิ้มระหว่างคุณพ่อและเจ้าตัวน้อย?

“เด็กๆ มีเรื่องให้ยิ้มได้ทุกวัน กับเรื่องไม่มีสาระก็หัวเราะได้ สิ่งที่ผมสังเกตคือดีดีเป็นเด็กที่มีโฟกัสสูง เขาชอบดนตรี ซึ่งเป็นอะไรที่ผมดีใจมาก เพราะผมมีกีต้าร์เยอะมาก จะได้ส่งต่อให้เขาในอนาคต

ตอนเขาอายุได้ 2-3 เดือน ผมจะร้องเพลงฝรั่งไปตามเรื่องเพื่อกล่อมเขา อุ้มเขาเดินไปเดินมา ร้องเพลงวนไปวนมาเป็นชั่วโมงเลย พอโตขึ้นมาหน่อย เวลาเขาร้องไห้ ผมจะร้องเพลงให้เขาฟัง เขาจะอารมณ์ดีหยุดร้องไห้ทันที ก็เป็นอะไรที่ผมอยากปลูกฝังให้เขา”

ลูกกับคุณพ่อ มีส่วนไหนเหมือนกันบ้าง?

ผมว่าลูกมีส่วนคล้ายเราทั้งสองคน ลูกยิ้มน่ารักมาก แต่ที่เหมือนคุณพ่อ คือชอบดนตรี ชอบฟังเพลง สองคือไฮเปอร์ แอ็คทีฟตลอดเวลา อีกหน่อยจะคงลำบาก (หัวเราะ)

อบรมและเลี้ยงดูอะไรเป็นพิเศษ?

อยากให้เขาเป็นคนดี เราแค่ทำเป็นตัวอย่างที่ดีให้เขาเห็น ยกตัวอย่างง่ายๆ ผมกับภรรยาเป็นคนอารมณ์ดี สังเกตได้เลยว่าลูกจะอารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส เข้ากับคนง่าย ไม่มีหวงตัว เป็นเด็กน่ารัก ฉะนั้นเราจึงพยายามสร้างสภาพแวดล้อมให้มีแต่ความสุข ผมคิดว่าความอบอุ่นตรงนี้สามารถทำให้เขาเติบโตเป็นคนที่ดีได้

คาดหวังให้เขาโตขึ้นเป็นอย่างไร?

ผมไม่เคยคาดหวังให้เขาโตขึ้นแล้วเป็นอะไร เพราะทุกคนมีสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ถ้าเขาอยากทำอะไร เราก็แค่ไกด์ให้เขาไปทางนั้น ผมแค่สอนให้เขาเปิดกว้าง ให้เขาได้เห็นโลกหลายๆ มุม นั่นคือการเปิดโอกาสให้เขา

แต่จะมาบังคับให้เขาเป็นนั่น นี่ ผมคงไม่ทำ เพราะแม้แต่ตัวผมเองเกิดก็ไม่ได้เหมือนพ่อ ฉะนั้นผมก็อยากให้ลูกตัดสินใจด้วยตัวของเขาเองในอนาคต

::Text by FLASH









ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์
FLASH

สวัสดิ์สิริชีววารค่ะ
Create Date :05 ธันวาคม 2556 Last Update :5 ธันวาคม 2556 12:30:37 น. Counter : 2985 Pageviews. Comments :0