bloggang.com mainmenu search






ดาว-พิมพ์ทอง วชิราคม นางร้ายหน้าหวาน




พูดถึงนางร้ายดาวรุ่งแห่งวิกสามพระรามสี่ คงไม่มีใครสวย แซบ หุ่นเป๊ะได้เท่าเธอคนนี้ "ดาว-พิมพ์ทอง วชิราคม" นางร้ายหน้าหวานที่เคยฝากฝีไม้ลายมือไว้กับบท "หม่อมหลวงศินีนุช" ในละครสุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน คุณชายรัชชานนท์ ซึ่งไม่เพียงแต่ความร้ายตะแล๊ดแต๊ดแต๋ เธอยังมีเสียงกรี๊ดป่าลั่น พร้อมสีปากแดงสดชวนให้จดจำอีกด้วย

ครั้งนี้ เธอกลับมาสวยซ่อนพิษกว่าเดิม ในละครรักกลิ่นอายญี่ปุ่น "รอยฝันตะวันเดือด" ซึ่งจะมีกำหนดฉายเร็ว ๆ นี้ และนี่คือบทสัมภาษณ์ที่จะทำให้ผู้อ่านรู้จักตัวตนของนางร้ายคนนี้กันมากขึ้น พูดเลยว่า แม้เปลือกนอกจะดูร้าย แต่หากได้สัมผัสตัวตนจริงๆ แล้ว เธอมีความแซบ และความน่าสนใจในตัวไม่น้อย

นางเอกละครเย็นสู่นางร้ายป่าลั่น

ดาว พิมพ์ทอง ชื่อนี้มีทั้งคนรู้จัก และไม่รู้จัก แต่ก่อนจะมาเป็นนางร้ายปากแดง "ดาว” หรือที่ใครหลายคนเรียกกันติดปากว่า "พิมพ์ดาว" เคยผ่านงานละครหลานสาวนายพลมาก่อนแล้ว โดยรับบทเป็นหนึ่งในสามนางเอกของเรื่อง ทั้งยังเคยเป็นนางเอกหนังดังสุดสัปดาห์ เรื่อง ลิเกต๊องเต้นก้องโลก ด้วย

"ดาวเริ่มเข้ามาอยู่ช่อง 3 จากการเป็นผู้ประกาศแจ้งรายการก่อน ทำอยู่ได้ประมาณ 1 ปีทางช่องก็เรียกให้มาเรียนการแสดง และได้รับเลือกให้เล่นหลานสาวนายพล ซึ่งเป็นละครเย็น เหมือนเป็นการชิมลางก่อน เรื่องนี้ดาวเล่นเป็นคนดี (ทำเสียงแบ๊วๆ) ขัดกับตัวเองมากๆ (หัวเราะ)

ไม่ใช่ว่าหนูเป็นคนไม่ดีนะ แต่ด้วยความที่เราหน้าตาเป็นคนจัดเต็ม มันก็เลยค่อนข้างขัดกับตัวเอง แรกๆ ก็ลำบากพี่ผู้จัดกับพี่ๆ แต่งหน้าเหมือนกัน สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ

หลังจากนั้นก็ได้รับโอกาส และพลิกบทบาทให้เป็นนางร้ายในคุณชายรัชชานนท์ รับบทเป็น หม่อมหลวงศินีนุช ซึ่งเรตติ้งดีที่สุดในช่องเลยก็ว่าได้ แล้วคนก็จำดาวได้จากเรื่องนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จกับบทร้ายตั้งแต่นั้นมา (หัวเราะ)" ดาวเล่าถึงผลงานละครชิ้นแรก ตามมาด้วยบทนางร้ายปากแดงในเรื่องคุณชายรัชชานนท์ที่สร้างชื่อให้แก่เธอ

กลับมาร้ายอีกครั้งในบท "อาคิโกะ"

หลังจากเรื่องคุณชายรัชชานนท์จบไป เธอหวนคืนจออีกครั้งกับบทบาทใหม่ อาคิโกะ ในซีรีส์ช่อง 3 "รอยฝันตะวันเดือด" การกลับมาครั้งนี้ ต้องบอกเลยว่า ร้าย และแรงกว่าเดิม นับเป็นบทบาทที่ท้าทายสำหรับเธอมาก เพราะได้ร่วมงานกับคู่พระ-นางสุดฮอตอย่าง ณเดชน์ และญาญ่า

"เรื่องนี้ ได้รับโอกาสจากพี่จ๋า ยศสินี ณ นคร ค่ะ เป็นบทสาวญี่ปุ่นชื่อ อาคิโกะ ซึ่งเป็นบทนางร้ายที่ท้าทายมาก ๆ ค่ะ ออกแนวเสแสร้ง ตีสองหน้า ไม่ใช่ร้ายแบนๆ เอะอะอะไรก็กรี๊ดเหมือนที่ผ่านๆ มา"

เมื่อถามถึงความรู้สึกที่ได้ร่วมงานกับคู่พระ-นางสุดฮอตอย่าง ณเดชน์ และญาญ่า ดาวบอกว่า ต้องมีเขิน และเกร็งกันบ้างเป็นธรรมดา

"แรกๆ ที่เข้าฉากกับพี่เขา บอกตรงๆ เขินมากค่ะ (ทำท่าเขิน) ด้วยความที่พี่เขาเป็นซูเปอร์สตาร์คนไทย แล้วแบบ..พี่เขาเล่นเก่งมาก เป็นนักแสดงที่เข้าถึงบทได้ง่าย อย่างเวลามีบทที่ต้องดุเรา พี่เขาจริงจังมาก ทำเอาเราหงอจริงๆ (หัวเราะ)

แต่ถ้าเป็นหลังฉากก็คนละฟิวกันเลยค่ะ พี่เขาขี้เล่น มีแซวบ้าง บางทีช่วยเราเช็กความพร้อมด้วยซ้ำ เช่น ลิปสติกสีแดงติดฟัน พี่เขาก็จะบอกว่า ติดฟันๆ"

"ส่วนญาญ่า นางเอกของเรื่อง น้องน่ารักมากๆ ค่ะ แถมยังแสดงเก่งด้วย ยิ่งพอเล่นกับพี่ณเดชน์แล้ว ยิ่งลงตัว สมกับเป็นคู่ขวัญกันจริงๆ ส่วนเรื่องกุ๊กกิ๊กกันนั้น ดาวไม่เห็นว่ามีอะไรนะ ต่างคนต่างทำงานมากกว่าค่ะ แต่พอหลังฉากก็มีแซวเล่นสนุกสนาน เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ" เธอเล่า

"อาคิโกะ" ตัวร้ายที่ไม่ธรรมดา

ลึกลงไปถึงตัวละครชื่อ อาคิโกะ ดาวผู้รับบทนี้ บอกว่า เป็นบทที่มีรายละเอียดให้ศึกษาเยอะมาก

"บทสาวญี่ปุ่น มีรายละเอียดให้ต้องศึกษา และเรียนรู้เยอะมากค่ะ ทั้งวัฒนธรรม ประเพณี การชงชา อย่างดาวเองต้องไปเรียนชงชา เพราะในบทต้องมีการชงชาด้วย ซึ่งหลายคนอาจจะงงว่าทำไมต้องเรียนขนาดนั้น แต่เพื่อให้สมจริง และเข้าถึงวัฒนธรรมของเขา เราก็ต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อน

พูดเลยว่า การชงชาของญี่ปุ่น เป็นอะไรที่ละเอียดอ่อนจริง ๆ ค่ะ กว่าจะได้ชามา 1 ถ้วยนี่มีหลายขั้นตอนมากๆ ค่ะ และก่อนทานชาต้องหมุนก่อน 2 ที แล้วค่อยๆ ดื่ม หมุนไปด้านซ้าย แล้วค่อยกลับไปหมุนด้านขวา จากนั้นค่อยๆ วาง โห ละเอียดมากค่ะ ซึ่งนอกจากการชงชาแล้ว ดาวยังต้องเรียนการจัดดอกไม้ด้วย เพราะเราเป็นกุลสตรีญี่ปุ่นค่ะ ต้องเพียบพร้อมทุกอย่าง (หัวเราะ)"

ถามว่าเซ็งไหมกับบทนางร้ายที่ได้รับเป็นเรื่องที่สอง เธอบอกว่า ไม่เซ็ง เพราะเล่นร้ายกันคนละแบบ

"ลุ้นอยู่เหมือนกันว่าได้จะได้เล่นหรือเปล่า พอได้ปุ๊บ ดาวดีใจมาก หนึ่งคือ ได้เล่นกับคู่ขวัญอย่างพี่ณเดชน์ กับน้องญาญ่า เป็นอะไรที่ตื่นเต้น และดีใจมาก ซึ่งต้องตั้งใจมาก ๆ ค่ะ เพราะทั้งสองคน ฝีมือสุดยอดอยู่แล้ว เราต้องเล่นให้ดี และเต็มที่กับมัน

เพราะเรื่องนี้ เป็นอีกความหวังของช่อง บอกตรง ๆ ว่าเครียดนะคะ อ่านบทก็ต้องอ่านแบบจริงจังอยู่เหมือนกัน เวลาเข้าฉากก็เหมือนกันค่ะ"

สำหรับ รอยฝันตะวันเดือด เป็นหนึ่งในละครซีรีส์ฟอร์มยักษ์ของช่อง 3 โดยค่าย เมคเกอร์ วาย ของผู้จัดคนเก่ง จ๋า-ยศสินี ณ นคร ที่ได้หยิบนิยาย 2 เล่มแรก "รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน" และ "รอยฝันตะวันเดือด" มาสร้างเป็นละคร ซึ่งเนื้อเรื่องจะมีการเปลี่ยนแปลงจากบทประพันธ์ไปบ้าง โดยรอยฝันตะวันเดือดประเดิมเปิดกล้องไปแล้ว และจะเตรียมออนแอร์ให้ได้ชมกันราวๆ ปลายปี หรือต้นปีหน้า

เปิดตัวตน นางร้ายหน้าหวาน

เห็นเล่นแต่บทร้ายๆ ไม่แปลกที่ใครหลายจะมองว่าเธอร้ายและแรง แต่จริง ๆ แล้ว เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารัก และเป็นกันเองมาก

"ดาวเป็นคนจริงใจ และชอบคนที่จริงใจค่ะ ถ้าเจอคนที่ไม่จริงใจ ดาวจะปลีกตัวออกห่างทันที เพราะดาวค่อนข้างเป็นคนดูคนออก ใครเป็นใคร ใครจริงใจ ไม่จริงใจ ดังนั้นจะมีบ้างที่คนมองดาวว่า หยิ่ง แต่จริงๆ แล้วดาวเป็นคนชอบสังคมนะ

อีกอย่าง ชีวิตดาวไม่ค่อยเครียดเท่าไร ลั้ลลา ร่าเริง ที่สำคัญ ดาวเป็นคนกินง่าย ไม่เรื่องมากค่ะ อย่างอาหารที่กองถ่าย อร่อยมาก ส้มตำปูปลาร้า น้ำพริกแมงดา อุ้ย ชอบมากค่ะ"

เมื่อถามถึงความสวย และหุ่นเป๊ะขนาดนี้ เธอมีเคล็ดลับอยู่ไม่กี่อย่าง ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกัน

"อย่างแรก ต้องถ่ายทุกๆ เช้าค่ะ และก็มีไปออกกำลังกายบ้าง เข้าฟิตเนส ตีแบด อะไรประมาณนี้ อย่างตอนนี้ดาวกำลังเล่นพิลาทิสเพื่อกระชับกล้ามเนื้ออยู่ค่ะ ดีค่ะ ลองไปเล่นกันดู เหมาะสำหรับคุณผู้หญิงค่ะ ใครที่อยากมีกล้ามเนื้อที่แน่น กระชับ ดาวแนะนำค่ะ 4 อาทิตย์ก็รู้สึกได้แล้วว่ากล้ามเนื้อเราเฟิร์มมากๆ"

ปัจจุบัน ดาว กำลังศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) แม้จะต้องเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย แต่ก็สามารถจัดเวลาได้อย่างลงตัว

"การทำงานกับการเรียน ไม่มีปัญหาเลยค่ะ ดาวลงเรียนจันทร์ อังคาร พุธ ส่วนพฤหัสฯ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ก็ถ่ายละครเต็มที่ ตอนนี้ดาวเรียนคณะนิเทศศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 แล้วค่ะ เรียกว่าใกล้ถึงฝั่งละ (หัวเราะ) ซึ่งเรื่องเรียนกับเรื่องงานต้องไปด้วยกัน และที่บ้านก็ให้ความสำคัญมากค่ะ ถ้าแบ่งเวลาให้ดีก็ไม่มีปัญหา"

"ส่วนชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ดาวไม่ค่อยมีสังคมเท่าไร อาจจะมีเพื่อนสักคน สองคน เพราะเวลาของเรา ไม่สามารถลงเรียนกับเพื่อนได้ บางทีก็ยากอยู่เหมือนกันนะที่ไม่มีคนช่วยเหลือ แต่บางวิชาก็โอเคค่ะ

ด้านกิจกรรมในมหา’ลัย ก็จะมีบ้าง เช่นร้องเพลง แต่หลังๆ มานี้ ไม่ค่อยมีเวลาเลยค่ะ เพราะติดถ่ายละครบ้าง ทำงานอื่น ๆ บ้าง ประมาณนี้ค่ะ หนักอยู่ค่ะ แต่ก็ต้องอดทนค่ะ" เธอเล่า

เป็นนางร้ายที่ร้องเพลงเพราะ

ไม่เพียงแต่งานละครเท่านั้น เธอยังเคยเป็นนักร้องเกิร์ลกรุ๊ปวง I'm Lady จากโครงการ R U Ready To Be a Singer by L.C.H. สังกัดอยู่ค่ายอาร์เอส โดยมีซิงเกิลที่ชื่อว่า Lonely Valentine หลังจากนั้น ก็ได้หันไปเป็นนางแบบนิตยสาร และพลิกผันมาเป็นพิธีกรคั่นรายการของช่อง 3

"ดาวเรียนร้องเพลงตอนอายุ 10 ขวบ ซึ่งดาวเรียนร้องเพลงมาเรื่อยๆ และก็พัฒนาตัวเองมาตลอด เพราะเวลาเราไปออกงาน บางงานเราก็จะถูกเรียกให้ขึ้นไปร้องเพลง ซึ่งเราต้องเตรียมพร้อมอยู่ตลอด หลังๆ มาไม่ค่อยได้เรียนแล้ว ฝึกเองกับยูทิวบ์ที่บ้านค่ะ

ส่วนแนวเพลงที่ร้องจะเป็นสากลมากกว่า เนื่องจากดาวยึดแนวเพลงนี้มาตั้งแต่เด็ก นอกจากนั้นดาวยังเรียนเต้น และก็รำด้วยค่ะ เต้นนี่คุณแม่ส่งเรียนเหมือนกัน มีตั้งแต่บัลเลต์ แจ๊ส ฮิปฮอป ด้านการรำไทย คุณแม่ส่งเรียนตั้งแต่ 5 ขวบค่ะ" เธอย้อนวันวาน

ฝันจริงๆ อยากเป็นดีไซเนอร์

เชื่อว่าทุกคนมีฝัน เช่นเดียวกับ ดาว พิมพ์ทอง เธอมีฝันอยากจะเป็นดีไซเนอร์ และมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเอง

"ดาวอยากเป็นดีไซเนอร์ค่ะ อยากทำแฟชั่นโชว์ อยากมีแบรนด์เป็นชื่อ พิมพ์วิลา ซึ่งเป็นชื่อดาวกับชื่อแม่ (วิลาวรรณ) รวมกัน ขายอยู่ตามศูนย์การค้าต่างๆ นี่คือสิ่งที่ดาวอยากทำ คือดาวจะทำงานในวงการบันเทิงให้มีชื่อเสียงขึ้นมาก่อน เพราะไม่อยากให้โอกาสตรงนี้หลุดลอยไป

อย่างตอนนี้ดาวก็เริ่มคิดเรื่องเรียนต่อแล้วค่ะ เน้นการออกแบบโดยตรง โดยดาวตั้งใจจะเรียนแฟชั่นดีไซน์ และแฟชั่นมาร์เกตติ้งควบคู่กันไป ซึ่งตรงนี้ดาวถือว่า ไม่ใช่เรื่องที่ทำเล่นๆ แต่มันคือเป้าหมายในชีวิตของดาว เพราะดาวอยากให้คนจดจำว่านี่คือเสื้อผ้าแบรนด์ของดาว เห็นปุ๊บรู้เลยว่า นี่คือเรา"

"ตอนนี้วางแผนคร่าวๆ ไว้บ้างแล้วค่ะ มีแรงบันดาลใจบ้างแล้วว่า คอลเลกชันแรกจะทำเป็นอะไรดี จะเปิดโชว์รูมที่ไหน และจะใช้การตลาดออกไปอย่างไร เพราะแฟชั่นก็เหมือนความรักนะ ถ้าให้ความรัก เอาใจใส่ ใจเย็นๆ แฟชั่นก็จะออกมาสดใส น่าสวมใส่" เธอเผยถึงความฝันที่ใกล้จะเป็นจริงแล้ว

ทำให้วันนี้เธอเป็นอีกหนึ่งสาวที่ต้องสถาปนาให้เป็น 'แฟชั่นนิสต้า' ของวงการบันเทิงไทยไม่แพ้ซุป'ตาร์รุ่นพี่อย่าง "ชมพู่ อารยา" ด้วยสไตล์การแต่งตัวเด่นเด้ง เปรี้ยวปรี๊ดของเธอคนนี้

"แฟชั่นนิสต้า เป็นเหมือนคนที่รักในแฟชั่น และพยายามทำตัวเองให้แตกต่างจากคนอื่น ถือเป็นบุคคลหนึ่งที่ลุกขึ้นมาเพื่อเป็นไอดอลของแฟชั่น เพื่อให้คน ดูเป็นไอดอล อย่างพี่ชมพู่ อารยา พี่เขาเป็นตัวแม่ของแฟชั่นนิสต้าเลย พี่อั้มก็เหมือนกัน แต่พี่อั้มจะออกแนวเรียบหรู

ซึ่งดาวชอบแบบพี่อั้มมากกว่า แต่บางงานก็ต้องผสมผสานของพี่ชมพู่เข้าไปด้วย ซึ่งการเป็นแฟชั่นนิสต้า สำหรับดาว ไม่ใช่แต่งตัวให้แตกต่างจากคนอื่น ฉีกแนวให้เป็นสไตล์ของเรา แต่ต้องแต่งออกมาสวย น่ารัก และชวนมองด้วย" ดาวอธิบายความเป็นแฟชั่นนิสต้า

"คุณแม่" ต้นแบบงานดีไซน์

สำหรับความสนใจเรื่องแฟชั่น ปฏิเสธไม่ได้ว่า เธอมีคุณแม่ (วิลาวรรณ) เป็นต้นแบบในเรื่องนี้

"เลือดแฟชั่น ไม่ต้องมองไกลค่ะ คุณแม่ดาวนี่แหละค่ะ คุณแม่เรียนจบการออกแบบค่ะ เธอคือแฟชั่นนิสต์ตัวจริง เคยเปิดร้าน แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำแล้วค่ะ ต้องมาเป็นคอสตูม หรือดีไซเนอร์ส่วนตัวให้ลูก (หัวเราะ) ซึ่งแต่ละชุดที่ท่านเลือก สวย ๆ ทั้งนั้น

อย่างบางวันดาวไม่มีเวลา คุณแม่ก็จะเตรียมชุด และเครื่องประดับไว้ให้ ขอบอกว่าเป๊ะทุกชุด เรื่องนี้คุณแม่ค่อนข้างให้ความสำคัญมากค่ะ เห็นได้จากชุดที่ใส่มาวันนี้ คุณแม่ก็เป็นคนเลือกให้" เธอเล่าและหันไปยิ้มกับคุณแม่พร้อมกับบอกว่า "นี่แหละค่ะ ตัวจริงเรื่องแฟชั่นของดาว"

"เร็วๆ นี้ ดาวอาจจะมีเสื้อผ้าออกมาบ้างที่เป็นคอลเลกชันแรกของเรา ซึ่งเรากำลังทำกันอยู่ ซีเรียสกันอยู่ เพราะต้องถ่ายละครไปด้วย กลับมาบ้านก็ต้องมานั่งคิดเรื่องการออกแบบกัน เราจะเอาไงดีอ่ะแม่ คุณแม่ก็บอกว่า ไหนก็มาถึงขนาดนี้แล้ว ทำเลย ทำต่อไป ทำให้สำเร็จ

อย่างบ้านดาวเอง มีออฟฟิศคุณพ่ออยู่ข้างล่าง คุณพ่อก็ยอมย้ายขึ้นไปข้างบนเพื่อให้ดาวมีออฟฟิศเป็นโชว์รูมเสื้อผ้า ซึ่งท่านสนับสนุนเต็มที่"

บ้าน "วชิราคม" เขาเลี้ยงลูกกันอย่างไร?

สวย และเก่งแบบนี้ หลายคนคงอยากรู้กันแล้วว่า บ้านนี้เขาเลี้ยงลูกกันอย่างไร นี่คือสิ่งที่นางร้ายหน้าสวยคนนี้กำลังจะเล่าให้ฟังต่อไป

"ดาวถูกเลี้ยงดูมาด้วยความรัก และความเข้าใจค่ะ คุณพ่อคุณแม่ไม่ค่อยซีเรียสหรือจริงจังกับชีวิตเรามากว่า จะต้องเป็นแบบนั้น หรือทำแบบนี้นะ ไม่ได้อยู่ในกรงขนาดนั้นค่ะ แต่ครอบครัวดาว อยากทำอะไรทำ อยากเรียนอะไรเรียน ไม่ออกนอกลู่นอกทางเป็นพอ

ซึ่งทุกวันนี้ท่านจะสอนเรื่องการวางตัว โดยเฉพาะเวลาไปเที่ยวตามที่ต่าง ๆ เพราะบางคนคบผิวเผินได้ แต่บางคนสนิทชิดเชื้อมากไปก็อันตราย ซึ่งไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อตัวเราแล้ว ยังจะส่งผลต่องานในวงการบันเทิงของเราด้วย"

"ดังนั้นบ้านดาว เราจะอยู่กันแบบเพื่อนค่ะ คุยกันได้เกือบทุกเรื่อง แต่ไม่ตามใจนะคะ อย่างเวลาจะไปซื้อของ บางครั้งดาวเอาเงินเก็บแอบไปซื้อตอนไปเที่ยวอังกฤษกับพี่ชาย ซื้อของกลับมา คุณแม่ถึงกับกุมขมับ เพราะบางอย่างถ้าแม่ไปด้วย จะไม่ให้ซื้อเด็ดขาด เคยทะเลาะกันกลางห้างตั้งหลายครั้ง (หัวเราะ)"

ส่วนอาชีพของที่บ้าน ต้องบอกเลยว่า ครอบครัวนี้ถือเป็นครอบครัวที่มีหัวธุรกิจกันทั้งบ้าน

"ที่บ้าน ทำเกี่ยวกับเคมี เรามีโรงงานเคมี แล้วก็มีส่งออกเรือน้ำมัน เรือประมงขนาดใหญ่ ซึ่งจะแบ่งกันค่ะ คุณแม่จะทำเกี่ยวกับเรือ ส่วนคุณพ่อจะทำเคมีกับคุณอา แต่ทั้งสองธุรกิจอยู่ในบริษัทเดียวกันนะ

ส่วนอีกธุรกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นก็คือธุรกิจของหนูเองค่ะ พิมพ์วิลา (ยิ้ม) ของพี่ชายก็จะทำกับที่บ้านด้วย แล้วก็มีของเขาเองด้วย ซึ่งเขาจะรับกระเป๋าแบรนด์เนมมาขายบ้าง" เธอเล่า

ส่วนเรื่องหนุ่มๆ ที่เข้ามาในชีวิต ถามว่าที่บ้านปิดกั้นไหม เธอบอกว่า ไม่เคยปิดกั้นเลย

"ที่บ้านไม่ปิดกั้นเรื่องนี้เลยนะคะ แต่ต้องเข้าตามตรอกออกตามประตูนะ ทำให้ถูกต้อง ท่านก็โอเคค่ะ ส่วนใหญ่ที่เข้ามาก็จะเป็นเพื่อนๆ กันมากกว่า บางคนก็มีเข้าทางแม่ บางคนก็ทางพ่อ (หัวเราะ)" เธอตอบ พร้อมกับถือโอกาสเปิดใจเคลียร์ข่าวกิ๊กกัน กับนักแสดงชายจากเรื่องคุณชายจุฑาเทพไปด้วยเลย

"ข่าวกิ๊กกับดาราคนนั้นคนนี้ อย่างบอม ธนิน เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัยแล้วค่ะ เป็นความบังเอิญที่ได้เล่นเรื่องคุณชายรัชชานนท์ด้วยกัน ต่างคนต่างมาแคสติ้ง พอมาเจอกัน อ้าว บอม

ส่วนเจมส์ มาร์ก็ด้วย นั่นก็เพื่อนค่ะ เป็นเพื่อนที่ทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัยด้วยกันตลอด มีให้ช่วยโปรโมตมหาวิทยาลัย เราก็จะไปกัน 3 คน ทางด้านเจมส์ จิรายุ ด้วยความที่น้องเขาเป็นคนขี้อ้อน ขี้เล่นกับทุกคน มันก็เลยเป็นข่าว ซึ่งตัวดาวไม่เครียดนะคะ แต่กลัวน้องเขาจะเครียดมากกว่า"

สำหรับความรักตอนนี้ เธอแย้มๆ ให้ฟังว่า "มีคุยบ้างค่ะ ส่วนสเปก ดาวชอบคนที่อายุมากกว่าค่ะ คุยกันรู้เรื่อง ดุดาวได้ สอนดาวได้ เพราะดาวยอมรับว่า ดาวเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง ปราบดาวได้นี่ก็เก่งแล้วอ่ะ แต่ดาวไม่เจ้าชู้นะคะ (ยิ้ม)"

เสียใจกับข่าวว่ามีเสี่ยเลี้ยง!

ดารากับข่าวฉาว เป็นของคู่กัน แต่ถ้าข่าวนั้นไม่เป็นความจริงก็ทำเอาเจ้าตัว และครอบครัวเสื่อมเสียได้ โดยเฉพาะดาราสาว กับเสี่ยกระเป๋าหนัก นี่คือการเปิดใจครั้งแรกกับข่าวลือที่ว่า เธอมีเสี่ยเลี้ยง?

"เคยเจอคนต่อว่ามาค่ะ เพราะมีคนใส่ความดาวบ่อยมาก ว่าเนี่ย เห็นมีกระเป๋าใช้ มีรถใช้ ต้องมีคนเลี้ยงแน่ ๆ แล้วก็เอาไปพูดปากต่อปากจนเราเสียหาย ดาวขอพูดตรงนี้เลยนะคะว่า

ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า ซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของดาวเอง และคุณแม่ก็เป็นคนให้มาด้วย ไม่รู้ว่าเอาไปพูดกันได้อย่างไร เราไม่เข้าใจ คงดูภาพรวมๆ แล้วว่า เนี่ย แบบนี้ต้องมีเสี่ยเลี้ยงแน่ๆ เลย แต่จะมีสักคนไหมที่ไม่เป็นแบบนี้ นั่นก็คือ ดาว

เอาจริง ๆ นะ ได้ยินข่าวแบบนี้แล้วเสียใจมากค่ะ คุณแม่ร้องไห้กับข่าวนี้ไปตั้งหลายรอบ เพราะคุณพ่อคุณแม่ทำงานหนักมาตั้งแต่ดาว และพี่ยังเด็กๆ ของทุกอย่างที่หามาได้ ก็มาจากเงินที่ท่านทำงาน

ของบางอย่าง เช่น กำไลข้อมือ หรือของอื่น ๆ ที่มีค่า ท่านก็เก็บไว้ให้ลูก พอมีข่าวแบบนี้ เหมือนดูถูกเรา ดูถูกคุณแม่ ดูถูกคุณพ่อดาวด้วย" เธอเผยความรู้สึกต่อกรณีข่าวฉาวที่เกิดขึ้น

ส่วนภาพชีวิตที่ใครหลายคนมองว่า หรูหรา ฟุ่มเฟือยในอินสตาแกรมนั้น เป็นอีกเรื่องที่ดาวอยากจะชี้แจงเช่นกัน

"ดาวเป็นคนชอบแต่งตัว และชอบถ่ายรูปสวยๆ หรือเจอสถานที่สวยๆ ดาวก็จะถ่ายขึ้นอินสตาแกรมค่ะ เพราะนี่คือความสุขของดาว ถามว่าหรูหราไหม เวอร์ไหม แล้วแต่มุมมองค่ะ แต่นี่คือดาว ความเป็นตัวเรา หลายคนจำดาวได้เพราะตรงนี้

ไม่ว่าจะเรื่องการแต่งตัว แต่งหน้า อีกอย่าง ทั้งเนื้อทั้งตัวก็ไม่ได้แบรนด์เนมหมดนะคะ หรือเสื้อผ้า รวมไปถึงสินค้าบางอย่างก็ได้จากกิฟต์วอชเชอร์ก็มีค่ะ" เธอเผย

อย่าหลงมายาจนลืมความมั่นคง

ถึงวันนี้ การได้เป็นนักแสดง ไม่ใช่โอกาสที่ได้มาง่าย ๆ แต่ก็ใช่ว่าจะหลง จนลืมสร้างฐานความมั่นคงให้แก่ตัวเอง และครอบครัว นี่คือมุมมองของเธอ

"อย่าปล่อยให้ความมีชื่อเสียงผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เก็บเงิน ใช้เงินให้เป็น การทำธุรกิจก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง อีกอย่าง ดาวเชื่อว่า คนที่เป็นดารานักแสดง ต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดค่ะ ไม่ใช่อยู่นิ่งๆ

เพราะแค่ว่า ฉันหน้าตี ฉันต้องดังแน่ๆ ดังค่ะ แต่คงได้ไม่นาน เพราะทุกวันนี้ดาราหน้าใหม่เกือบจะขี่คอกันอยู่แล้ว ถ้าไม่มีความสามารถ และพัฒนาฝีมือให้ดีอยู่เรื่อยๆ โอกาสร่วงก่อนเวลาอันควรย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ"

"นอกจากนี้ ความรับผิดชอบต่องาน และชีวิตตัวเองก็สำคัญเช่นกัน อย่างที่ผ่านมา ดาวจองบัตรจัสติน บีเบอร์ไปนานมาก ได้ที่นั่งวีไอพีด้วย แต่สุดท้ายก็ต้องเลือกงานไว้ก่อน เพราะนั่นคืออนาคตของเรา หากดูจัสติน บีเบอร์ หรือไปเที่ยวแล้วเกิดอะไรขึ้นมา ทำงานไม่ได้ ใครจะช่วยเรา ทางที่ดี อย่าเสี่ยงเลยดีกว่าค่ะ เซฟความปลอดภัยให้ตัวเองดีที่สุด"

ท้ายนี้ ดาวขอบคุณผู้ใหญ่ทุกท่านที่ให้โอกาส ก่อนจะเปรยๆ ว่า นอกจากบทนางร้ายแล้ว บทดรามาคืออีกหนึ่งบทบาทที่อยากเล่น

"อยากเล่นบทดรามาเข้มข้นเลยค่ะ ร้องไห้ ชีวิตรันทด อยากเล่นมากๆ ค่ะ รู้สึกว่าท้าทายดี ซึ่งจริงๆ นักแสดงคืออาชีพที่ต้องเล่นให้ได้ทุกบทบาท ยิ่งนักแสดงหน้าใหม่ ๆ ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดด้วยแล้ว ดาวยอมรับและทำใจไว้เลยว่า โอเค เท่าไหนเท่านั้น เราถือว่าเราทำเต็มที่แล้ว

นี่คือเหตุผลที่สนใจอยากมาเล่นบทร้ายๆ เนื่องจากบทนางเอก มีคนยืนพื้นที่ตรงนั้นเยอะแล้ว เราย้ายมาอยู่ในพื้นที่ตรงนี้ดีกว่า ซึ่งเอาเข้าจริง ใครๆ ก็อยากเป็นนางเอก แต่บางทีก็ไม่จำเป็นต้องบทนางเอกก็ได้อ่ะเนอะ" เธอทิ้งท้าย

ทั้งหมดนี้ คือชีวิต และมุมคิดของ ดาว-พิมพ์ทอง วชิราคม นางร้ายหน้าหวาน ที่ไม่เพียงแต่สวย และหุ่นเป๊ะ เธอยังเก่ง แถมมีหัวคิดอีกด้วย

ดาว พิมพ์ทอง นางร้ายหน้าหวาน
เล่นร้ายก็เก่ง ร้องเพลงก็เพราะ


ประวัติส่วนตัว

ชื่อ พิมพ์ทอง วชิราคม

ชื่อเล่น ดาว

ชื่อในวงการ พิมพ์ดาว

วัน/เดือน/ปีเกิด 14 มิถุนายน พ.ศ. 2535

ศาสนา คริสต์

ส่วนสูง 166 ซม. น้ำหนัก 40 กก. รอบเอว 23 นิ้ว

การศึกษา

- โรงเรียนอุดมศึกษา
- ปัจจุบันศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC- Assumption University of Thailand)

ผลงานในวงการบันเทิง

- ประกวด R U Ready To Be a Singer by L.C.H. ตำแหน่ง LCH Fresh & Cool
- นักร้อง I'm Ready จากโครงการ ( R U Ready To Be a Singer by L.C.H. )
- ประกวด s cawaii girls contest 2010
- ผู้ประกาศคั่นรายการของช่อง3
- นางเอกละคร หลานสาวนายพล รับบทเป็นไหมทอง
- นางเอกหนังดังสุดสัปดาห์ เรื่อง ลิเกต๊องเต้นก้องโลก
- สุภาพบุรุษจุฑาเทพ รับบทเป็น หม่อมหลวงศินีนุช (นางร้าย)
- รอยฝันตะวันเดือด รับบทเป็น อาคิโกะ (ติดตามชมได้ เร็วๆ นี้)

สัมภาษณ์โดย ASTVผู้จัดการ LITE

ภาพโดย พลภัทร วรรณดี และขอบคุณภาพประกอบจากอินสตาแกรม @pimtdao



ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์
ASTVผู้จัดการ LITE
คุณพลภัทร วรรณดี

อาทิตยวารสิริสวัสดิ์ค่ะ
Create Date :27 ตุลาคม 2556 Last Update :27 ตุลาคม 2556 5:33:52 น. Counter : 23405 Pageviews. Comments :0