bloggang.com mainmenu search

จาก ข่าวเก่า 5 ธันวาคม 2557

“ปอ ทฤษฎี” พระเอกตัวจริง ให้ที่ชาวนาปลูกข้าวไม่คิดค่าเช่า กับชีวิตที่มีในหลวงเป็นแบบอย่าง

“ผมได้เล่นเป็นพระมหาชนกซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์ของในหลวง นับเป็นความภาคภูมิใจ ถือเป็นมงคลชีวิต ถือเป็นบุญชีวิตสำหรับผมและสำหรับคนรอบข้างผมครับ”

เป็นคำบอกเล่าถึงความรู้สึกของพระเอกหนุ่ม “ปอ ทฤษฎี สหวงษ์” กับการรับบทเป็น “พระมหาชนก” ของละครเพลงกลางน้ำ “พระมหาชนก เดอะ ฟีโนมีนอนไลฟ์ โชว์” ที่จะจัดแสดงเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคล 5 ธันวาคม

        สังเกตทั้งจากน้ำเสียง สีหน้าและแววตา ล้วนแล้วแต่ย้ำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสิ่งที่เจ้าตัวพูดนั้นออกมาจากใจขนาดไหน โดยในครั้งนี้เจ้าตัวยังถือโอกาสพาพ่อบังเกิดเกล้าเดินทางจากบ้านเกิด จ.บุรีรัมย์ เพื่อชมการแสดงครั้งนี้โดยเฉพาะ ซึ่งนอกจากจะทำเอาอีกฝ่ายยิ้มไม่หุบแล้ว ผู้เป็นลูกเองก็หัวใจพองโตด้วยความสุขกับวันพ่อที่แสนวิเศษที่สุดในปีนี้

“เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ถือว่าเป็นบุญชีวิตสำหรับผมและสำหรับคนรอบข้างผมด้วยครับ ถือเป็นมงคลชีวิตครับ นับเป็นเกียรติสำหรับผมและครอบครัวเพราะเป็นบทพระราชนิพนธ์ของในหลวง และผมได้เล่นเป็นพระมหาชนกด้วย ก็เป็นความภาคภูมิใจ ผมซ้อมหนักมากครับ บางวันตีสองเพราะว่าหนึ่งเป็นการแสดงสด”

        “สองต้องเล่นกับคนเยอะเป็นเวทีใหญ่ คิวบนเวทีเยอะ ไหนจะเรื่องเอฟเฟ็กต์ เรื่องสลิง ฉากเรือล่ม มีวงโอเปร่า คณะประสานเสียง คิวไฟ คิวน้ำพุ คิวระเบิด คิวพลุ รายละเอียดเยอะมากครับ และต้องจัดบล็อกกิ้งให้ดูสวยงามเพื่อที่คนดูจะได้เห็นเราสวยงามที่สุด ตอนซ้อมมีการเปลี่ยนบล็อกกิ้งทุกวันจนได้จุดที่สวยงามที่สุดในวันแสดงจริง”

        “ที่ต้องซ้อมหนักเพราะทุกส่วนที่พูดมาต้องทำงานให้แมทช์กัน ต่างคนต่างที่มาต้องเอามารวมให้เป็นก้อนเดียวกันให้ได้เพราะฉะนั้นจึงต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจกัน เราทุกคนก็เลยต้องทุ่มเทอย่างหนักเลยครับ

ทางคณะผู้จัดมีความตั้งใจทำเพื่อเฉลิมพระเกียรติในหลวง พวกเรานักแสดงและทีมงานก็มีความตั้งใจเช่นนั้นด้วยครับ พวกเราทำให้เต็มที่ พระมหาชนกมีความเพียร เราเหนื่อยยังไงแต่เรายังไม่เหนื่อยเท่าท่าน”

        “เพราะฉะนั้นสิ่งที่พวกเราทุ่มเทกับการแสดงนี้ถามว่าเหนื่อยมั้ย ไม่เหนื่อยครับ มันมีความสุขมากกว่า ผมอยากทำให้ออกมาดีที่สุด อยากทำให้ประทับใจคนดูมากที่สุด ผมได้รับโอกาสนี้ฉะนั้นผมต้องทำให้ดีมากๆ

วันพ่อปีนี้ผมไม่ได้กลับบ้านครับเพราะมีงานและต้องเล่นพระมหาชนก ตั้งแต่วันที่ 1-9 ธันวาฯด้วย แต่เมื่อวันที่ 3 ธันวาฯ พ่อผมมาดูละครพระมหาชนกแล้วครับ ก็ถือเป็นของขวัญวันพ่อด้วย เพราะพ่อภูมิใจมากที่ผมได้ทำงานนี้ (ยิ้ม)”

ไม่ใช่แค่ความจงรักภักดีที่หนุ่มคนนี้มีอยู่เต็มหัวใจ แต่หนุ่มปอยังมีในหลวงเป็นต้นแบบในเรื่องการทำงานหนักและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าตัวนำมาใช้ในการดำเนินชีวิตปัจจุบัน 

“ในหลวงเป็นต้นแบบเรื่องการทำงานหนักครับ ในหลวงทำงานหนัก นี่คือสิ่งที่ผมยึดถือเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ไม่ท้อที่จะทำ

สำหรับผมในฐานะเป็นคนไทยคนหนึ่ง อยากขอคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่อยู่บนโลกนี้ โปรดดลบันดาลให้พระเจ้าอยู่หัวของเรา หายจากประชวรโดยเร็ว และอยู่เป็นมิ่งขวัญให้กับพวกเรานานๆ ครับ”

อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้นั่นก็คือการที่เจ้าตัวได้แบ่งปันที่นาบางส่วนที่ซื้อไว้ ว่ากันว่าร่วม 200 ไร่ ที่บ้านเกิด จังหวัดบุรีรัมย์ เอื้อเฟื้อให้ชาวนาละแวกนั้นเอาไปปลูกข้าวโดยไม่คิดค่าเช่า แม้ปอจะออกตัวว่าไม่ได้เป็นบุญคุณอะไรขนาดนั้น แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นการกระทำที่น่ายกย่องจริงๆ หัวใจนายหล่อมาก

“ผมไม่อยากพูดถึงจำนวนว่าเท่าไหร่ (จำนวนที่ดิน) เดี๋ยวมันจะเวอร์ครับ (ยิ้ม) เอาเป็นว่าจำนวนหนึ่ง ผมไม่คิดค่าเช่าครับ แต่เขาก็เอาข้าวมาให้เรานะ มันคือการให้โอกาสคนครับ ถ้าเก็บไว้ทำเองมันคงไม่ได้อะไรเยอะหรอกครับ แบ่งๆ กันทำ แบ่งๆ กันกินจะได้อยู่กันอย่างมีความสุขครับ(ยิ้ม) มันเป็นความตั้งใจของผมที่ให้ที่ชาวบ้านไปทำ

แต่เขาก็แบ่งข้าวให้ผมครับ จริงๆ ก็เหมือนเขาให้ค่าเช่านั่นแหละเพียงแต่ให้เป็นข้าวที่ได้จากผลผลิต ผมไม่ได้เรียกร้องว่าให้เอาเงินมาเช่าไม่ใช่ครับ (เลือกคนให้ยังไงเพราะชาวบ้านมีเยอะ?) ผมให้คนที่รู้จักกันมาเคยช่วยเหลือกันมา”

“จริงๆ การที่ผมแบ่งที่ให้ชาวบ้านทำ เวลาผมไม่อยู่พวกเขาก็ช่วยดูแลที่ให้ผมด้วย ไม่ใช่เราให้เขาอย่างเดียว เขาก็ให้เรากลับมาเหมือนกัน เราไม่ต้องไปคิดเป็นจำนวนเงิน ความช่วยเหลือหรือน้ำใจต่างๆ ผมว่าบางทีเงินก็ซื้อไม่ได้ เพื่อนใช้เงินซื้อไม่ได้หรอกครับ (ชาวบ้านเขาพูดถึงปอยังไงบ้าง มีมาขอบใจอะไรมั้ย?)

ต้องถามพ่อครับ แต่จริงๆ ก็ไม่ต้องมาพูดอะไรขนาดนั้นครับเพราะไม่ได้เป็นบุญคุณอะไรขนาดนั้น เวลาผมกลับบ้านก็เอาของไปฝากเขา เสื้อผ้าที่ผมไม่ได้ใช้แล้วก็เอาไปแบ่งๆ เขา ก็ถือว่าดูแลกัน เขาก็ดูแลของของเรา เราก็ดูแลเขาด้วยก็แลกๆ กัน แชร์ๆ กัน”

นอกจากนี้หนุ่มปอยังน้อมนำเอาพระราชดำริของในหลวงด้านการทำการเกษตรมาเป็นแนวทางในการจัดการไร่นาของตนเอง ตอนนี้มุ่งเน้นที่จะทำเกษตรอินทรีย์ปลูกข้าวปลอดสารพิษร้อยเปอร์เซ็นต์

“ผมเอาแนวคิดของในหลวงมาทำครับ ก็คือทำเกษตรก็ต้องมีน้ำ เพราะถ้ามีน้ำเราจะปลูกอะไรก็ได้ ผมก็เลยแบ่งที่อีกส่วนนึงไปทำที่เก็บน้ำ ซึ่งสามารถใช้ได้ตลอดทั้งปีในเฉพาะพื้นที่ของเรา อันนี้เป็นแนวคิดของท่านเลยครับ

คือต้องมีการจัดสรรที่เหมาะสม คือต้องมีที่เก็บน้ำสำหรับเพาะปลูกอะไรต่างๆ หรือถ้าจะเลี้ยงสัตว์ ผมก็ไปปรึกษาเกษตรจังหวัดให้เขามาเช็คดูคุณภาพดินให้ ให้มาดูว่าที่ตรงนี้มันเป็นที่ลุ่มที่ดอนยังไง เหมาะจะปลูกข้าวหรือจะปลูกอะไร

ผมก็ถามคนที่มีความรู้แล้วเอามาใช้ เราต้องมีความรู้ในสิ่งที่จะทำเพราะถ้าทำดุ่ยๆ ไม่ศึกษาเลยปลูกอะไรก็ไม่ขึ้นหรอกครับ ผมก็ต้องไปเรียนรู้เพราะพ่อบอกถ้าจะทำอะไรก็ต้องรู้ทุกอย่าง ก็ศึกษาจนรู้วิธีการทำว่าต้องทำอะไรยังไงแต่ก็ไม่ถึงกับลงไปดำนาเองขนาดนั้นครับเพราะผมทำงานอยู่ทางนี้ด้วย แต่ก็เคยขับรถไถแต่ไม่ได้ถึงกับจริงจัง เรามีคนงานที่ช่วยคุณพ่ออยู่ครับ”

       “ส่วนเรื่องซื้อที่เพิ่ม ตอนนี้ผมอยากเพิ่มในเรื่องของคุณภาพที่ดินที่เรามีก่อน ผมจะทำเป็นเกษตรอินทรีย์ แบบปลูกข้าวปลอดสารพิษร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งผมอยากให้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์จริงๆ ไม่ใช่ร้อยเปอร์เซ็นต์แค่ที่พูด

อย่างบางแปลงยังมีสารตกค้างอยู่เพราะเจ้าของเก่าเขาใช้ยาฆ่าแมลง มันก็จะค้างอยู่ในดินเพราะฉะนั้นต้องใช้เวลาหลายปีหน่อยที่จะทำให้ดินปลอดสารพิษจริงๆ ตอนนี้ผมอยากเอาเรื่องคุณภาพก่อน

ส่วนเรื่องขยายที่ผมว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ แต่เรื่องทำให้ที่มีคุณภาพมันยากกว่า แล้วผมก็ทำไปแล้วด้วยครับ โชคดีที่พ่อเกษียณแล้วด้วยก็เลยมีเวลาดูแลเวลาผมไม่อยู่ ที่ผมทำนาเพราะอยากให้พ่อมีอะไรทำด้วย

คนแก่เวลาอยู่เฉยๆ จะเจ็บป่วยออดๆ แอดๆ พ่อผมตั้งแต่ทำนาไม่ค่อยได้เสียเงินไปหาหมอเลยนะ โรงพยาบาลไม่ค่อยได้เข้าแล้ว ดีด้วยซ้ำครับ พ่อแข็งแรงและไม่เป็นโรคเหงา”

ช่างเป็นปีทองของหนุ่มปอจริงๆ เพราะนอกจากได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตแล้ว ปีนี้คุณพ่อของเจ้าตัวยังได้รับรางวัลพ่อดีเด่นให้ชื่นใจฉลองวันพ่อแห่งชาติที่แสนพิเศษ

 “ปีนี้พ่อได้รางวัลพ่อดีเด่นด้วยครับ ถามว่าสนิทกับพ่อมั้ย ครอบครัวเราสนิทกันทั้งบ้านครับเพราะเป็นครอบครัวเล็กๆ ส่วนเรื่องการปลูกฝังส่วนใหญ่พ่อจะทำให้ดูมากกว่า อย่างเรื่องของการทำงาน ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน คนไม่ทำงานคือคนไม่มีค่าครับ

งานอะไรก็ช่างทำเลยครับ มันจะมีค่าในตัวมันเองครับ ให้ภูมิใจในงานที่ทำและให้เกียรติคนอื่นทุกอาชีพ ทุกๆ คนมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ไม่มีใครที่ดีกว่าใครและไม่มีใครที่ด้อยกว่าใคร นี่คือสิ่งที่พ่อเป็นแบบอย่างให้ผมมาตลอด

ทุกวันนี้ผมมีความสุขนะ หนึ่งคือผมเห็นพ่อแม่ผมมีความสุข สองผมแฮปปี้กับการทำงานของตัวเอง สามเราไม่ได้ไปเบียดเบียนใครเราไม่บาป ผมมีความสุขแล้วครับ” 

“ปอ ทฤษฎี” พระเอกตัวจริง ให้ที่ชาวนาปลูกข้าวไม่คิดค่าเช่า กับชีวิตที่มีในหลวงเป็นแบบอย่าง "ปอ" กับความภูมิใจสูงสุดที่ได้รับบท "พระมหาชนก" ละครเพลงกลางน้ำเพื่อเทิดพระเกียรติในหลวง

ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์

สวัสดิ์สิริชีววารค่ะ







Create Date :12 พฤศจิกายน 2558 Last Update :12 พฤศจิกายน 2558 7:01:46 น. Counter : 787 Pageviews. Comments :0