เดี๋ยวนี้คนหล่อ สวย ก็เป็น เน็ตไอดอล กันได้ไม่ยาก แม่ค้าสวย พี่วินหล่อ ก็มีให้เห็นมาแล้วมากมายกระแสความดังไหลไปอย่างรวดเร็ว จากที่อยู่ในโซเชียลก็ก้าวเข้ามาสู่โลกบันเทิงและสื่อต่าง ๆ ส่วนหนึ่งอาจด้วยภาพลักษณ์ที่ค่อนข้างขัดกับหน้าตาจึงทำให้ทั้งเขาและเธอกลายเป็นจุดสนใจ และดังเปรี้ยงปร้างเพียงชั่วข้ามคืน
ช่วงหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องราวของ เลโอ-นิธิโรจน์ อัคคานนท์พัฒน์ กระเป๋ารถเมล์หล่อ จาก ปอ.44 เป็นที่กล่าวถึงในโลกโซเชียลอย่างมากทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ถูกกดไลค์กดแชร์ไปอย่างรวดเร็ว
เรื่องราวของเขาจะไม่น่าสนใจเลยถ้ามีแค่ความหล่อเพียงอย่างเดียว เพราะหนุ่มน้อยคนนี้ไม่ใช่กระเป๋ารถเมล์ธรรมดา แต่มีดีกรีเป็นถึงนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร
และที่สำคัญคุณแม่เป็นถึงเจ้าของอู่รถเมล์ สาย 44 งานนี้ Life on campus จึงไม่พลาดที่จะบุกไปถึงมหาวิทยาลัย เพื่อพูดคุย ล้วงลึกทุกแง่มุมความคิด และทำความรู้จักกับหนุ่มคนนี้ให้มากขึ้น
เปิดชีวิต เลโอ- นิธิโรจน์
หลังจากที่ภาพกระเป๋ารถเมล์หล่อ จาก ปอ.44 ได้แพร่กระจายไปในโลกโซเชียลพักใหญ่ สื่อต่าง ๆ ก็ตามหาตัว น้องเลโอ กันให้ควักถูกเชิญตัวไปสัมภาษณ์ตามรายการโทรทัศน์มากมาย จนคิวแน่นตั้งแต่เช้ายันเย็น แม้จะมีสีหน้าที่อิดโรยเล็กน้อย แต่ก็ยังมีรอยยิ้มให้กับทีมงานเสมอ
ก่อนที่จะหาที่นั่งคุยกันแบบชิว ๆ น้องเลโอก็ได้พาทีมงานไปเดินชมคณะสถาปัตยกรรม ที่กำลังศึกษาอยู่ และเข้าไปทักทายสวัสดี เพื่อน ๆ รุ่นน้อง และอาจารย์ตลอดทาง แม้ตอนนี้จะเป็นคนดังแล้วแต่เห็นได้ว่า น้องเลยโอยังคงปฏิบัติตัวกับทุกคนเหมือนเดิม
ผมเป็นคนจังหวัดพิจิตรครับ เรียนและเติบโตมาจากที่นั่น พอจบชั้นมัธยมต้น ก็มาศึกษาต่อชั้นมัธยมปลายโรงเรียนมัธยมวัดบึงทองหลาง จากนั้นก็มาสอบเข้าที่คณะสถาปัตยกรรมและการออกแบบ สาขาออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร มีพี่น้อง 3 คน ผมเป็นพี่คนโต น้องอีก 2 คนเป็นผู้หญิงครับ ส่วนคุณแม่เป็นเจ้าของกิจการอู่รถเมล์ ปอ.44
เมื่อถอดรูปจากกระเป๋ารถเมล์ ก็ทำให้ได้เห็นอีกร่างหนึ่ง นักศึกษาธรรมดาที่คุณแม่เป็นถึงเจ้าของอู่รถเมล์ แต่กลับมีความคิดที่อยากจะหาเงินใช้เอง ด้วยการไปเป็นกระเป๋ารถเมล์ ไม่ดูถูกงาน ไม่ดูถูกอาชีพ
ยิ่งได้พูดคุยก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงตัวตนของเลโอมากขึ้น 'ข้างนอกว่าหล่อแล้วแต่ข้างในก็หล่อไม่แพ้กัน' เรื่องราวชีวิตที่ค่อย ๆ เปิดเผยออกมาทีละน้อย ๆ จนมาถึงช่วงสำคัญที่น้องเลโอบอกกับเราว่าเป็น ช่วงชีวิตที่แทบไม่มีแสงสว่าง คือ ชีวิตวัยเรียนช่วงมัธยมปลาย
ด้วยความที่เราเป็นเด็กต่างจังหวัด พอเข้ามาเรียนกรุงเทพฯ ไม่รู้จะเลือกเรียนอะไรก็เลยเลือกสายวิทย์-คณิต ความจริงก็ไม่ชอบเท่าไหร่ (หัวเราะ) ชอบทำกิจกรรม เล่นดนตรี มากกว่า เลยไม่ค่อยสนใจเรื่องการเรียน ทำให้ผลการเรียนไม่ค่อยดี เกรดเฉลี่ยตอนจบมัธยมปลายผมได้ 1.5 เองครับ
การสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยถือเป็นจุดมุ่งหมายสำคัญของเด็ก ๆ ทุกคน เมื่อปลายทางเริ่มริบหรี่ จากความฝันในวัยเด็กที่อยากจะศึกษาต่อด้านการออกแบบรถยนต์ แต่ด้วยผลการเรียนที่ค่อนข้างแย่ ทำให้ไม่มีตัวเลือกมากนักในการที่จะสอบเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย
จึงหันเหมาเรียนในสาขาที่ตัวเองพอจะมีความถนัด จนมาลงเอยที่ สาขาการออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ตามคำแนะนำของรุ่นพี่ที่รู้จัก
จากเด็กเรียน 'แย่' สู่คำว่า 'ดี' เกินความคาดหมาย
เลโอกับคุณแม่
หนึ่งคนสำคัญที่เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของน้องเลโอ จากเด็กที่มีผลการเรียนย่ำแย่จนแทบไม่มีแสงสว่างในชีวิต กลายมาเป็นเด็กเรียนดี กิจกรรมเด่น ในรั้วมหาวิทยาลัยได้อย่างเกินความคาดหมาย พลิกชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือ คำพูดที่ถูกถ่ายทอดออกมาจากปากของผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังบอกเล่าเรื่องราวของคนสำคัญในชีวิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก
จุดเปลี่ยนของผมคือ 'คุณแม่' ครับ ช่วงมัธยมปลายที่ผมเกรดไม่ดีเลย คุณแม่พูดกับผมเสมอว่า 'ถ้าโอจะทำอะไรไม่ต้องห่วงแม่จะคอยช่วยเหลือเสมอ ไม่ว่าจะล้มลุกคลุกคลานแค่ไหนแม่ก็จะอยู่ข้าง ๆ นี่เป็นสิ่งที่ผมได้ยินจากแม่มาโดยตลอด' จากนั้นผมก็เลยคิดว่าผมน่าจะทำอะไรดี ๆ ให้เขาบ้าง เพราะแม่ไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย
นอกจากคุณแม่แล้วก็ยังมีน้องสาวอีก 2 คน ที่มีส่วนในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เพราะเป็นพี่คนโต จึงอยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้อง เมื่อความคิดได้ตกผลึก การเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่จึงเกิดขึ้น จากเกรดเฉลี่ย 1.5 สมัยมัธยมปลาย กลายมาเป็น 3.92 เทอมล่าสุด
เรียกได้ว่าเป็นพัฒนาการก้าวกระโดดที่เกิดมาจากความพยายามล้วน ๆ ต้องตั้งใจเรียนมากขึ้น และทำทุกอย่างให้ดีในเวลาเดียวกัน
หลังจากที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ผมก็ปรับเปลี่ยนตัวเองเลยครับ ตั้งใจเรียนมากขึ้นแต่ก็ยังทำกิจกรรมกับทางมหาวิทยาลัยอยู่ เพราะผมเป็นเด็กในโครงการของมหาวิทยาลัย 'เพชรราชมงคลพระนคร'
โดยจะคัดเลือกจากนักศึกษาที่มีผลการเรียนที่ดี แล้วนำมาปั้นให้เป็นเด็กกิจกรรม ผมเริ่มเข้าโครงการนี้ช่วงจบชั้นปี 2 และมีโอกาสได้ไปเผยแพร่วัฒนธรรมที่ประเทศจีน
นอกจากแรงบันดาลใจทั้งจากคุณแม่และน้องสาว ที่เข้ามาเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญแล้ว น้องเลโอยังได้บอกเล่าถึงเคล็ดลับวิธีการเรียนให้ได้ผลดี จากประสบการณ์ตรงตลอดระยะเวลา 4 ปี ที่ผ่านมาว่า ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หากเราพยายาม
สำหรับเด็กที่เรียนไม่เก่ง เหมือนอย่างที่ผมเคยเป็น อยากให้เขาตั้งใจ เพราะคนเราพัฒนาตัวเองได้ตลอดเวลา ขอแค่ลุกขึ้นมาสู้กับมัน อย่าท้อ อดทนและพยายาม
ในชีวิตวัยเรียนการแบ่งเวลาเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เวลาเรียนก็ต้องตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่ งานทุกอย่างที่อาจารย์สั่งก็ต้องทำทุกชิ้นและส่งให้ตรงเวลา ไม่อย่างนั้นคะแนนมันก็จะหายไป แม้จะไม่กี่คะแนนแต่ก็ทำให้เกรดเราลดลงได้ครับ
แจ้งเกิด เลโอ กระเป๋ารถเมล์หล่อ
ชีวิตของเด็กวัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่ง ที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าวันนึงจะเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนจำนวนมาก จากสิ่งเล็ก ๆ ที่เขาทำมาตั้งแต่ช่วงมัธยมปลายเพียงเพื่อจะหารายได้พิเศษเหมือนเด็กคนอื่น ๆ ทั่วไป
แต่ใครจะรู้ว่านั่นคือจุดเริ่มต้นที่ให้เขากลายมาเป็นเน็ตไอดอล ที่หลายคนอยากรู้จัก น้องเลโอค่อย ๆ เริ่มเล่าย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นของการมาเป็นกระเป๋ารถเมล์
มันเริ่มมาตั้งแต่ช่วงมัธยมปลายประมาณ ม.4-5 แล้วครับ ตอนนั้นผมอยากหารายได้พิเศษ บางทีเราอยากได้อะไรก็อยากเก็บเงินเองไม่อยากขอที่บ้าน เลยเกิดความคิดว่าลองไปเป็นกระเป๋ารถเมล์ดีกว่า จะได้ศึกษากิจการของที่บ้านด้วยว่ามันเป็นยังไง และมีข้อบกพร่องอะไรบ้าง
ด้วยความเป็นกิจการของที่บ้าน คุณแม่เป็นเจ้าของอู่รถเมล์ การเป็นกระเป๋ารถเมล์จึงเป็นทางเลือกแรก ที่น้องเลโอคิดจะหารายได้พิเศษ แต่กว่าจะได้ทำไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจะต้องไปซุ่มฝึกซ้อมอยู่นาน ก่อนที่จะตัดสินใจเอ่ยปากขออย่างเป็นทางการ
ในส่วนของคุณแม่ เมื่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวนสนใจในกิจการของครอบครัวก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง และพร้อมจะสนับสนุนในทุกทาง ที่สำคัญไม่มีสิทธิพิเศษอะไรทำหน้าที่เหมือนกระเป๋ารถเมล์คนนึง และได้รับค่าจ้างอย่างเท่าเทียมกัน
ก่อนที่ผมจะไปทำก็เริ่มมีการฝึกอยู่บนรถเล็กน้อยแล้วครับ ฝึกจับกระบอก ฝึกจำระยะ ใช้เวลาฝึกนานอยู่ครับ หลังจากขอแม่แล้วผมก็เริ่มทำงานพิเศษเป็นกระเป๋ารถเมล์ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ รายได้ก็จะตกอยู่ประมาณวันละ 600-700 บาท
ขึ้นอยู่กับรายได้ทั้งหมดต่อวัน คิดเป็น 10 เปอร์เซนต์ ถือเป็นรายได้ที่น่าพอใจเลยทำมาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน
จนกระทั่งวันนึงความดังก็พุ่งมาชน เมื่อผู้โดยสารรถเมล์สาย ปอ.44 ได้พบกับกระเป๋ารถเมล์ที่ทั้งรูปร่างหน้าตาหล่อ ผิดจากกระเป๋ารถเมล์ทั่วไป จึงได้ถ่ายรูปและนำไปโพสลงในโลกโซเชียล
ในเวลาไม่นานรูปก็ถูกกระจายไปอย่างรวดเร็ว น้องเลโอเองก็แปลกใจไม่น้อย เพราะะความจริงก็ทำงานเป็นกระเป๋ารถเมล์มาหลายปีแล้ว แต่เพิ่งจะมาเกิดเป็นกระแสช่วงนี้เท่านั้นเอง
ช่วงแรกที่ไปทำก็อายนะครับ ด้วยความที่เราเป็นเด็กด้วย ก็มีโดนเพื่อน ๆ แซวบ้าง เพราะผมไม่เคยบอกใครเลยครับว่าแม่ผมเป็นเจ้าของอู่รถเมล์ ผมบอกแต่ว่าผมเป็นกระเป๋ารถเมล์ธรรมดา เพื่อนบางคนก็จะมองว่าเราจน ผมก็บอกไปว่าจนครับ (หัวเราะ) แต่ตอนนี้พอโตมาเราก็ได้คิดว่ามันไม่ควรจะอายเพราะเราก็ทำงานที่สุจริต
ทำในสิ่งที่ถูกต้องไม่มีอะไรต้องอาย...
สร้างกระแสหรือเปล่า? หรือ แอ๊บ ๆ มาเป็นหรือเปล่า?
ประโยคที่ตามมาพร้อมกับชื่อเสียง และทำให้น้องเลโอรู้สึกไม่สบายใจ หลังจากที่กลายเป็นเน็ตไอดอลที่ผู้คนในสังคมจับตามอง กระแสทุกอย่างที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว และแน่นอนว่าเมื่อมีคนชื่นชอบ ชื่นชม ก็ย่อมมีผู้ที่ตำหนิ ติติงเป็นธรรมดา
แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่นั่น ไม่ได้ต้องการให้เกิดกระแสแต่อย่างใด และคงเป็นเรื่องยากที่จะทำใจรับได้ กับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทางที่ไม่ดี
ช่วงแรกรู้สึกแปลก ๆ รู้สึกไม่ค่อยดีครับ แต่แม่ก็จะบอกว่าอย่าไปคิดมากเลย สังคมเรามันก็เป็นอย่างนี้มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด มั่นใจว่าเราทำในสิ่งที่ดีที่ถูกต้องแล้วก็ทำต่อไป สักวันหนึ่งคนเขาก็จะเห็นเอง
เมื่อคำสอนของแม่ช่วยชีวิตได้อีกครั้ง ทำให้ความเครียดต่าง ๆ ได้คลายลง หลังจากนั้นน้องเลโอก็ไม่สนใจคำพูดที่จะมาบั่นทอนความรู้สึก และพยายามทำตัวให้ดีขึ้นทั้งเรื่องความประพฤติและการเรียน จะได้เป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจดี ๆ ให้กับอีกหลายคน ที่ชื่นชอบและคิดจะยึดเลโอเป็นตัวอย่าง ตามคำสอนของคุณแม่
สำหรับคำว่า 'เน็ตไอดอล' ผมอยากให้มองที่งานมากกว่าและมองสิ่งที่ผมคิด คือผมคิดว่างานแบบนี้เราไม่จำเป็นต้องไปดูถูก หรือถ้าทำอยู่เราไม่จำเป็นต้องอาย เป็นงานที่สามารถสร้างรายได้และทำให้เรามีคุณค่า
อย่าดูถูกงานที่มันดูไม่ดีเท่าไหร่ บางทีงานพวกนี้แหละครับอาจจะเป็นตัวที่ช่วยขับเคลื่อนให้สังคมดำเนินไปได้
สำหรับอนาคตข้างหน้าที่กำลังจะเกิดขึ้น เมื่อกระแสมีขึ้นก็ต้องมีลง น้องเลโอก็ได้เตรียมใจไว้แล้ว ทำตัวปกติเหมือนเดิม ตอนนี้คิดแต่เพียงว่าอยากเรียนให้จบ และทำงานตามที่ได้เรียนมาก่อน ส่วนเรื่องกิจการของครอบครัวที่จะต้องดูแลต่อก็คงเป็นเรื่องของอนาคต
ถ้าเรียนจบไปผมก็อยากทำงานตามที่เรียนมาก่อน อยากจะใช้ความรู้ที่เรียนมาให้เต็มที่ครับ อยากเป็นนักออกแบบผลิตภัณฑ์ หรือเฟอร์นิเจอร์ให้คนได้ใช้ เพราะเวลาเห็นงานของเราที่ทำออกไปแล้วมีคนนำไปใช้มันรู้สึกมีความสุข รู้สึกว่าเรามีคุณค่าได้ทำงานที่มีประโยชน์กับคนอื่น
พร้อมทิ้งท้ายถึงโอกาสในวงการบันเทิงแม้จะมีทาบทามมาบ้าง แต่ยังไม่สนใจ เพราะยังอยู่ในช่วงฝึกงานจึงไม่ค่อยมีเวลา แต่ในอนาคตข้างหน้าถ้ามีโอกาสทำงานในวงการบันเทิง ก็ขอเลือกด้านร้องเพลง เพราะเคยมีวงดนตรีกับเพื่อนตอนมัธยม น่าจะถนัดมากกว่างานด้านการแสดง
ประวัติส่วนตัวชื่อ-นามสกุล : นิธิโรจน์ อัคคานนท์พัฒน์ชื่อเล่น : โอ (เลโอเป็นฉายาที่เพื่อน ๆ เรียก)วันเกิด : 4 เมษายน 2537 อายุ 21 ปีสูง : 178 ซม. น้ำหนัก : 65 กก.การศึกษามัธยมศึกษาตอนปลาย : โรงเรียนมัธยมวัดบึงทองหลางกำลังศึกษาอยู่ : คณะสถาปัตยกรรมและการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ชั้นปีที่ 4งานอดิเรก : วาดรูป ร้องเพลง ฟังเพลง อ่านหนังสือ เลโอกับคุณแม่
นักร้องนำวง "หน้าวัวโปรเจค" สมัยมัธยมปลาย
มาดนักร้องนำวง "หน้าวัวโปรเจค"
ออกแบบรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
พิธีกร กิจกรรมมหาวิทยาลัย
ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์
วุธวารสิริสวัสดิ์ค่ะ