bloggang.com mainmenu search
เลกซัสกรุ๊ป เปิดตัว เลกซัส GS 300h รถไฮบริดสปอร์ตซีดานสุดหรู ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมล้ำหน้าเทคโนโลยี “Full Hybrid” ควบคู่ไปกับที่สุดแห่งการออกแบบ ที่เน้นความประณีตและพิถีพิถัน

หลังจากที่เลกซัสกรุ๊ปแนะนำเลกซัส GS250 GS350 และ GS450h เมื่อปีที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า ในปีนี้เลกซัสกรุ๊ป เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า โดยการแนะนำรถไฮบริดสปอร์ตซีดานสุดหรู เลกซัส GS 300h ที่ได้รับการออกแบบภายใต้ปรัชญา “L-finesse” ที่โฉบเฉี่ยว และปราดเปรียวตามหลักอากาศพลศาสตร์ โดดเด่นด้วยดีไซน์กระจังหน้าแบบ “Spindle Grille” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์เลกซัส โดยสัญลักษณ์ h ที่อยู่หลังชื่อรุ่น แสดงถึงระบบ “Full Hybrid” ที่ผสานระบบการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงได้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมกันนี้ เลกซัส GS 300hถือเป็นรถไฮบริดรุ่นล่าสุด ที่มาเติมเต็มครอบครัวไฮบริดของเลกซัสที่พัฒนาและออกแบบภายใต้แนวคิด “The Power of h”

Full Hybrid (ระบบไฮบริดสมบูรณ์แบบ)

เลกซัส GS 300h ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ผสานการทำงานร่วมกันของเครื่องยนต์4 สูบแถวเรียง D-4S Dual VVT-i 2.5 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างลงตัว ให้กำลังสูงสุด 223 แรงม้า ถ่ายทอดพลังการขับเคลื่อนผ่านระบบส่งกำลังแบบอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง E-CVT (Electronically-Continuously Variable Transmission) ทำให้ทุกจังหวะการเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวลไร้รอยต่อให้อัตราเร่ง 0 - 100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 9.2 วินาที มีอัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 19.23 กม. /ลิตร* นอกจากนี้เลกซัส GS 300h ยังมีอัตราการปล่อยมลพิษต่ำสุดตามมาตราฐาน ยูโร 5 ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของโลก

ระบบขับเคลื่อน

เลกซัส GS 300h ใช้ระบบรองรับแบบเเปรผัน AVS (Adaptive Variable Suspension) ทำงานสัมพันธ์กับ Drive Mode Select ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามรูปแบบการขับขี่ ให้ทั้งความนุ่มสบายในรูปแบบการขับขี่ปกติ และ ให้ความมั่นคงเมื่อขับขี่ในแบบสปอร์ต ตอบสนองทุกการขับขี่ ในทุกๆการเดินทาง

ภายนอกปราดเปรียว และดุดันในแบบสปอร์ตซีดาน

กระจังหน้าแบบ Spindle Grille เอกลักษณ์เฉพาะของเลกซัส โดดเด่นด้วยระบบไฟ LED Daytime Running Lights (DRL) ทรงหัวลูกศร ให้ความรู้สึกโฉบเฉี่ยว ดุดัน พร้อมจัดระเบียบการไหลของกระแสลมให้ไหลผ่านอย่างราบเรียบ ด้วยครีบควบคุมการไหลของอากาศ Aero Stabilizing Fins ที่บริเวณกระจกมองข้างและไฟท้าย รวมถึงการติดตั้งแผงควบคุมอากาศใต้ท้องรถและการออกแบบปลายท่อไอเสียให้เป็นส่วนหนึ่งของกันชนหลัง ช่วยลดเสียงลมปะทะบริเวณตัวรถและใต้ท้องรถ และเพิ่มเสถียรภาพในการควบคุมรถได้อย่างมั่นคงมากขึ้น

ภายในอารมณ์สปอร์ต หรูและล้ำสมัย

เพื่อการขับขี่ที่สนุกแบบรถสปอร์ต แต่ยังคงความหรูหราในแบบเลกซัส ภายในของเลกซัสจึงถูกรังสรรแบบอารมณ์สปอร์ต ประณีตล้ำสมัย พร้อมเพิ่มคุณค่าของวัสดุตกแต่งภายในด้วยขอบโลหะเบาะนั่งที่คัดสรรจากหนังวัวชั้นดี ตัดเย็บด้วยความพิถีพิถันแบบโชว์การเดินเส้นด้าย (Stitching) ล้ำสมัยด้วยระบบแผนที่นำทาง (Lexus Navigation) ที่แสดงข้อมูลการจราจรอัจฉริยะ Real time ให้ความสุนทรีย์ทุกการเดินทางด้วยระบบเครื่องเสียงชั้นเลิศที่ออกแบบเฉพาะห้องโดยสารของเลกซัส Lexus Premium Audio System พร้อมลำโพงแบบแยกเสียง 12 ตัว เพิ่มสัมผัสแห่งความสะดวกสบายด้วยระบบควบคุมแบบมัลติฟังชั่น Remote Touch Interface (RTI) ที่สามารถควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ภายในรถอย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส

ระบบความปลอดภัย ประกอบด้วย

-ถุงลมนิรภัย 10 จุด สำหรับผู้ขับขี่ ผู้โดยสารตอนหน้าและบริเวณหัวเข่า 4 จุด บริเวณเสาคู่หน้า 2 จุด และด้านข้างเบาะที่นั่งตอนหน้าและหลัง 4 จุด ให้ความปลอดภัยสูงสุด

-เข็มขัดนิรภัย ELR แบบ 3 จุด แบบผ่อนแรงดึงและรั้งกลับอัตโนมัติ (pre-tensioner and force limited) สำหรับที่นั่งตอนหน้าและที่นั่งตอนหลัง ช่วยลดอาการบาดเจ็บจากแรงกระแทกในกรณีเกิดอุบัติเหตุ

-ระบบจัดการรวมไดนามิคของตัวรถ VDIM (Vehicle Dynamics Integrated Management) จะคอยตรวจจับและแก้ไขการสูญเสียการทรงตัวก่อนที่อาการดังกล่าวจะเกิดขึ้นโดยประสานการทำงานของระบบเบรคแบบป้องกันล้อล็อค (ABS) ระบบเพิ่มแรงเบรคอัตโนมัติ BA (Brake Assist) ระบบรักษาแรงดันเบรค (Adaptive Brake + Hold)

-ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist) ระบบควบคุมการทรงตัว (Vehicle Stability Control) ระบบป้องกันการลื่นไถล (Traction Control) และ ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า (Electric Power Steering) เพิ่มความปลอดภัยทุกการเข้าโค้ง

-ระบบป้องกันการลื่นไถล TRC (Traction Control) ป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัว ช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะออกตัวบนสภาพถนนที่เปียกลื่น

-ระบบเบรคแบบป้องกันล้อล็อค ABS (Anti-Lock Brake System) ระบบเพิ่มแรงเบรคอัตโนมัติ BA (Brake Assist) และระบบปรับสมดุลแรงดันเบรค (Adaptive Brake + Hold) ช่วยประสานการทำงานในการควบคุมรถให้เป็นไปอย่างแม่นยำ แม้ในเวลาเบรกกระทันหัน

-ไฟเบรคกระพริบฉุกเฉิน (Emergency Brake Light) โดยไฟเบรคจะกระพริบถี่ขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อรถเบรกอย่างกระทันหัน เพื่อเตือนให้รถที่ตามมาทราบ ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการถูกชนท้าย

-ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) ปรับตั้งความเร็วคงที่ในการขับขี่ โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่ง ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและช่วยลดอาการเมื่อยล้า เวลาขับรถทางไกล

-ระบบป้องกันการโจรกรรม Immobilizer ที่จะตรวจสอบความถูกต้องของรหัสกุญแจรถก่อนสตาร์ททุกครั้งและ Intrusion Sensor ระบบตรวจจับป้องกันการรุกร้ำภายในตัวรถ พร้อมสัญญาณเตือนอัตโนมัติ เพื่อป้องกันการโจรกรรม

-ระบบแจ้งเตือนการเข้ารับบริการ (Service Warning) โดยสัญญาณจะทำการแจ้งเตือนถึงช่วงเวลาที่ต้องนำรถยนต์เข้ารับบริการ

-ระบบเตือนแรงดันลมยาง (Tyre Pressure Warning) แจ้งเตือนสถานะแรงดันลมยางทั้ง 4 ล้อ

-ระบบช่วยจอด (Park Assist) โดยเซนเซอร์กะระยะทั้งบริเวณกันชนหน้าและกันชนหลังจะช่วยตรวจจับสิ่งกีดขวางทำงานร่วมกับกล้องมองหลัง พร้อมแสดงเส้นช่วยกะระยะในขณะถอยจอด ให้ความปลอดภัยพร้อมเพิ่มความมั่นใจในทุกการถอยจอด

ทุกรุ่นรับประกัน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง









//www.manager.co.th/Motoring/viewNews.aspx?NewsID=9560000124033
Create Date :06 ตุลาคม 2556 Last Update :6 ตุลาคม 2556 17:53:45 น. Counter : 2069 Pageviews. Comments :0