bloggang.com mainmenu search
ศัลยกรรมจมูก



รู้ให้ลึก ๆ ก่อนเสริมจมูก (นิตยสาร APPEAL)

โดย นายแพทย์ ปิยะ รังรักษ์ศิริวร แพทย์ประจำนิดาคลินิก

การเสริมจมูก เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เป็นที่นิยมอย่างมากในวงการเสริมความงามบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นคุณผู้หญิงหรือคุณผู้ชายต่างกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่เข้าคลินิก เพื่อหาวิธีเสริมจมูก ฉบับนี้เราเลยขอนำความรู้ของการเสริมจมูกสองวิธีหลัก ๆ มานำเสนอกันเพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจ

การเสริมจมูก

           ก่อนอื่นเลยสิ่งสำคัญในการเสริมจมูกนั้น อย่างแรกคือการดูว่าปัญหาของคนไข้คืออะไร จมูกไม่สวยที่ตรงไหนตรงที่ไม่มีดั้งหรือส่วนปลายไม่สวยด้วย คือสิ่งที่ต้องคุยกันว่าคนไข้ต้องการอะไร แล้วแพทย์สามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งปกติแล้วจมูกจะแบ่งปัน 3 ส่วน คือ ส่วนแรกดั้งจมูกเป็นสิ่งที่คนไทยไม่ค่อยมี จึงมักจะเสริมส่วนนี้เป็นหลัก ส่วนที่สอง คือส่วนก่อนที่จะถึงปลายจมูก บางคนอาจจะมีเนื้ออ้วน ๆ ทำให้ดูไม่มีมิติ และส่วนที่สาม เป็นส่วนที่ยากที่สุดคือส่วนปลายจมูก บางคนปลายจมูกบาน บางคนปลายจมูกรั้งขึ้น บางคนก็มีปลายจมูกงุ้มเป็นรูปหยดน้ำสวยดีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นทั้ง 3 ส่วนนี้คือสิ่งที่จะต้องพิจารณาว่าคนไข้ต้องการจะเพิ่มตรงไหน

วิธีในการเสริมจมูก

1. การใช้ซิลิโคนในการเสริมจมูก

  โดยการใช้ซิลิโคนที่ขึ้นรูปมาแล้ว จะเป็นซิลิโคนสำเร็จรูป ไม่ต้องนำมาเหลาใหม่ มีหลายยี่ห้อ ทั้งผลิตในต่างประเทศ หรือในประเทศเอง

ข้อดี : สามารถนำไปใช้ได้เลย

          ข้อเสีย : อาจจะมีรูปทรงที่ไม่เหมาะกับคนไข้ทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไข้ในบ้านเรา รูปทรงอาจจะดูแข็งไป และไม่เข้ากับรูปจมูกดั้งเดิมของคนไข้ ซึ่งถ้าทำไปแล้วจะแก้ไขให้มันสวยก็จะเป็นเรื่องยากขึ้น

  โดยการใช้ซิลิโคนที่ต้องมาเหลาขึ้นรูปเอง สำหรับแบบนี้อาจจะต้องดูว่ารูปทรงจมูกของคนไข้เป็นแบบไหน ที่คนไข้อยากจะได้จะเหมาะกับจมูกของคนไข้หรือไม่

ข้อดี : แบบนี้จะเหมาะกับคนไทยมากกว่าเพราะคนไทยมักจะไม่ได้มีทรงเดียวกันหมด และทั้งสามส่วนของจมูกที่กล่าวไปนั้น ส่วนปลายจมูกจะเป็นส่วนที่ยากที่สุด

          ข้อเสีย : จำเป็นต้องใช้ความชำนาญของแพทย์ในการเหลาเพื่อให้ได้รูปตามต้องการ แล้วสามารถทำพื้นที่ให้ซิลิโคนอยู่ได้อย่างเหมาะสม แพทย์ต้องตรวจดูว่าควรจะเพิ่มจุดไหน เพราะบางคนผิวบาง บางคนผิวหนา

           สำหรับการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนนั้นแพทย์จะใช้วิธีการผ่าตัด ซึ่งมีสองวิธี แบบแรกคือซ่อนแผลไว้ข้างใน ซึ่งการซ่อมแผลข้อดีคือไม่เห็นแผล แต่ต้องให้แพทย์ที่ชำนาญในการเหลาให้ขึ้นรูป ถ้าไม่มีประสบการณ์ก็มีโอกาสเอียงได้สูง ส่วนอีกวิธีคือแบบเปิด โดยแพทย์จะเปิดบริเวณตรงฐานของปลายจมูกที่มาต่อกับตรงปาก จะมีแผลอยู่ข้างนอก หากเป็นคนที่เป็นแผลเป็นง่ายวิธีนี้จะไม่เหมาะนัก แต่ข้อดีคือการเปิดแผลนั้นจะค่อนข้างเห็นชัด จัดวางได้แน่นอนกว่า

2. การฉีดเสริมจมูก

  ใช้คอลลาเจนหรือไฮยาลูรอนิกแอซิดในการฉีด

ข้อดี : ซื้อมาและทำการฉีดได้เลย ไม่ต้องเอาส่วนของร่างกายเรามาใช้ในการฉีด ไม่ต้องเจ็บตัวที่ต้องดูดไขมัน

          ข้อเสีย : อยู่ได้แค่ 4-6 เดือนก็จะสลายไป แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ แพทย์จะต้องฉีดเป็น และต้องระวังให้มากเพราะในปัจจุบันจะมีข่าวเรื่องภาวะแทรกซ้อนของการฉีดพวกนี้เกิดขึ้นในแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์หรือฉีดไม่เป็น และภาวะแทรกซ้อนบางอย่างนั้นไม่สามารถแก้ได้

  ใช้ไขมันตัวเองในการฉีด คือต้องดูดไขมันออกมาจากร่างกายเราเอง แล้วฉีดเข้าไปบริเวณจมูก จะคล้าย ๆ กับการฉีดคอลลาเจนเพียงแต่ใช้ไขมันตัวเองเท่านั้น

ข้อดี : ถ้า 6 เดือนไปแล้วไขมันที่ฉีดเข้าไปเหลืออยู่แค่ไหนก็จะสามารถอยู่ยาวไปได้ตลอด ไม่ต้องดูดซ้ำ และไม่ไหล อยู่ตัวไปตลอด

          ข้อเสีย : คนไข้จะเจ็บตัวอีกจุดหนึ่ง และอีกจุดหนึ่งคือตอนฉีดจมูก ซึ่งไขมันที่ฉีดเข้าไปนั้นจะอยู่หรือไม่ค่อนข้างบอกได้ยาก ส่วนใหญ่ไขมันที่ฉีดเข้าไปจะค่อย ๆ ยุบตัวหรือฟ่อตัวลงในช่วง 6 เดือนแรก บางคนอาจจะเหลือ 50 % บางคนเหลือ 70 % บางคนอาจจะเหลือแค่ 20 % ก็มี หรือบางคนไม่เหลือเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่แพทย์เองก็ไม่สามารถบอกได้

           สำหรับวิธีการฉีดนั้น  ไม่ว่าจะฉีดด้วยอะไรก็ตามคนไข้จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาตรงปลายจมูกได้ แก้ไขได้เฉพาะแค่ตรงสันจมูกเท่านั้น

แพทย์แนะนำ

           คนไข้ต้องถามใจตัวเองก่อนว่าอยากทำเพราะอะไร ปัญหาที่ไม่ชอบใจจมูกตัวเองคือตรงไหน  แล้วมาปรึกษากับแพทย์ว่าสิ่งที่คนไข้ต้องการนั้น แพทย์สามารถแก้ไขได้หรือไม่ ถ้าแพทย์ที่มีประสบการณ์ก็จะสามารถบอกได้เลยว่าตรงนี้ได้ตรงไหนไม่ได้ สิ่งสำคัญคือต้นทุนเดิมที่มีอยู่ นั่นคือทรงจมูกเดิมนั่นเอง










ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ฉบับเดือนธันวาคม 2555 ISSUE 20
Create Date :20 ธันวาคม 2555 Last Update :20 ธันวาคม 2555 15:12:41 น. Counter : 1824 Pageviews. Comments :0