|
วชิระ เวทภพ สยบมาร (17) ศัตรูร่วมทาง
นี่คือเรื่องสุดท้ายที่เราต้องรบกวนให้ท่านช่วย
ชายทั้งสามคนกำลังยืนอยู่รอบเถ้าถ่านของสิ่งที่เคยเป็นโต๊ะ บนซากกองนี้มีดาบเล่มหนึ่งปักอยู่
ดาบมีลักษณะเป็นดาบโบราณเก่าแก่ ตัวดาบแม้ดูเก่าแต่คมดาบกลับคมจนเป็นประกายสีเขียว ที่ด้ามดาบสลักเป็นรูปดวงตาดวงหนึ่ง ดวงตาดวงนี้ยังคงปิดสนิทอยู่
ดาบเล่มนี้คือ ปีศาจแดง นั่นเอง ดาบปีศาจเล่มนี้จะมอบพลังให้กับผู้ใช้ทำให้มีฝีมือสูงขึ้น และคนที่ถูกดาบนี้ฟันให้เกิดแผลขึ้นแม้เพียงเล็กน้อยก็จะถูกดาบดูดพลังไป
ดังนั้นยิ่งต่อสู้ผู้ใช้ยิ่งเข้มแข็ง ยิ่งต่อสู้คู่ต่อสู้ยิ่งสูญเสียเรี่ยวแรงไป แต่ดาบนี้จะค่อยๆ ครอบงำผู้ใช้ จนสุดท้ายจะกลายเป็นเพียงหุ่นเชิดของมัน
หากทิ้งมันไว้ในเมืองนี้ มีแต่จะชักนำเภทภัยมาสู่พวกเราเท่านั้น
วชิระ ย่อมเห็นด้วยกับคำพูดของ วาณิช ตัวมันเองตอนนี้ก็ไม่มีอาวุธอะไรหลงเหลืออีกแล้ว ปีศาจแดง นับเป็นอาวุธที่ร้ายกาจอย่างยิ่งชิ้นหนึ่ง หากสามารถควบคุมบังคับก็อาจจะใช้มันในการล้ม จ้าวอสูร ลงก็เป็นได้
แต่ วชิระ รู้ดีว่า ในรอบหลายร้อยปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ ปีศาจแดง ได้ถูกค้นพบ ยังไม่มีจอมดาบผู้ใดที่จะสามารถสยบมันลงได้ แม้ใช้มันได้อยู่ระยะหนึ่ง แต่ในที่สุดก็จะถูกมันครอบงำไป
ปีศาจแดง ใช้พลังที่มันมีอยู่ในการล่อลวงดึงดูดให้คนเข้ามาหา ผู้คนทั้งหลายแม้รู้ถึงข้อนี้แต่ก็ยังคงคิดว่าจะสามารถสยบดาบปีศาจเล่มนี้ลงได้ แต่สุดท้ายก็กลับกลายเป็นเพียงเหยื่อของมันเท่านั้น
วชิระ เองเป็นนักเวท และนักสู้ มันไม่เคยฝึกฝนในวิชาดาบ ย่อมต้องประมาณตนเองในทางด้านนี้ มันย่อมไม่อาจจัดการกับดาบปีศาจเล่มนี้ได้
ขณะนั้นเอง ปีศาจแดง พลันลืมตาตื่นขึ้น ดวงตาสีแดงปรากฏขึ้นอีกครั้ง ดวงตาดวงนี้จ้องมองมายัง วชิระ อย่างเคียดแค้น มีมือข้างหนึ่งขยับเข้าหาดาบอย่างรวดเร็ว
อาทิตย์ ที่ความจริงยืนอยู่ห่างจากดาบมากที่สุด แต่มันค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้โดยที่มันเองก็ไม่รู้ตัว พอดาบลืมตาตื่นขึ้น ดวงตาของมันก็เปลี่ยนเป็นสีแดง มันเอื้อมมือซ้ายไปที่ด้ามดาบทันที
แต่ก่อนที่มือของมันจะได้สัมผัสกับด้ามดาบ ก็มีมืออีกข้างหนึ่งยื่นเข้ามาคว้าข้อมือของมันเอาไว้ มือที่แข็งกระด้างและเย็นเฉียบ เพราะมือข้างนี้ทำมาจากหิน
วชิระ รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างยิ่งที่ครั้งนี้มันสามารถเคลื่อนไหวแขนขวาได้อย่างรวดเร็ว มันพุ่งออกไปตามต้องการโดยไม่ติดขัดเลย
วชิระ ออกแรงบีบที่ข้อมือของ อาทิตย์ มันจึงได้สติกลับคืนมา มันไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังจะทำอะไรลงไป แม้มันจะวางดาบไปแล้วแต่ ปีศาจแดง ยังคงมีอิทธิพลครอบงำมันอยู่
พอ วชิระ ปล่อยมือออก มันก็รีบก้าวถอยหลังออกห่างจากดาบโดยทันที
วชิระ มองที่มือขวาของมันอย่างครุ่นคิด มันกำลังคิดอยู่ว่าหากใช้มือข้างนี้จับ ปีศาจแดง แล้วจะเกิดอะไรขึ้น
แขนขวาข้างนี้แม้ขยับเคลื่อนไหวไปตามที่มันต้องการแต่ก็ไม่ใช่แขนของมัน ดาบปีศาจจะสามารถครอบงำมันได้หรือไม่ ในที่สุดมันตัดสินใจจะทดลองดู มันหันไปถาม วาณิช ว่า
ในร้านท่านมีโซ่เส้นใหญ่ๆ อยู่บ้างหรือไม่
ไม่มี แต่เราสามารถไปหาหยิบยืมมาให้ท่านได้ ไม่ทราบว่าท่านต้องการสักขนาดเท่าใด
เอาขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ท่านจะหาได้
วาณิช เดินหายออกจากร้านไปครู่ใหญ่ และเมื่อมันกลับเข้ามาก็มีชายรูปร่างกำยำคนหนึ่งแบกโซ่ติดตามมันมาด้วย โซ่เส้นที่แบกอยู่มีข้อโตขนาดเท่าแขนของเด็กอ้วนๆ คนหนึ่งเลยทีเดียว
ชายคนนี้เป็นเจ้าของร้านตีเหล็กที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก มันกลัวว่า วาณิช จะแบกโซ่เส้นนี้มาไม่ไหวจึงแบกมาส่งให้ และมันเองก็ต้องการจะพบหน้าผู้ที่ช่วยเมืองแห่งนี้เอาไว้สักครั้งหนึ่งด้วย
วาณิช ถาม วชิระ ว่า
ท่านจะนำโซ่มาทำอะไร
นำมาผูกล่ามดาบเล่มนี้เอาไว้ หากข้าไม่สามารถสยบมัน อย่างน้อยมันก็ไม่อาจอาละวาดได้
ช่างตีเหล็กกลับกล่าวขึ้นว่า
หากท่านต้องการผูกยึดดาบเล่มนั้นให้แน่นหนา โซ่เส้นนี้นับว่าใหญ่เกินไป ของที่ยิ่งใหญ่ใช่ว่าจะยิ่งดี แต่ควรใช้ให้เหมาะสมจึงถูกต้อง ข้าจะกลับไปนำโซ่เส้นใหม่มา รับรองว่าใช้งานได้ตามที่ท่านต้องการแน่นอน
วชิระ ต้องขบคิดถึงความหมายในถ้อยคำเหล่านั้น จนช่างตีเหล็กกลับมาพร้อมด้วยโซ่ขนาดย่อมๆ จำนวนหลายเส้น
วชิระ เตือนไม่ให้มันสัมผัสถูกตัวดาบในขณะที่มันใช้โซ่ยึดตรึงดาบเข้ากับเสาของร้าน ร้านนี้แม้จะตั้งมาเกือบยี่สิบปี แต่ตัวเสาใช้ไม้เนื้อแข็งทั้งต้นฝังลึกลงไปในดิน มีความมั่นคงเป็นอย่างยิ่ง
ช่างตีเหล็กใช้เวลาอยู่นานกว่าจะทำเสร็จ มันทดลองดึงโซ่แต่ละเส้นจนกระทั่งมั่นใจว่าแน่นหนาดีแล้ว
วชิระ ตรวจดูโซ่แต่ละเส้นอีกครั้ง ช่างตีเหล็กผู้นี้นับว่าทำได้ตามที่พูดจริงๆ มันพอหันกลับไปมอง ก็พบว่าช่างตีเหล็กกำลังยืนยืดอกอยู่อย่างภาคภูมิใจ
พวกท่านถอยออกไปก่อน
วชิระ เดินตรงไปที่ ปีศาจแดง ในขณะที่อีกสามคนต่างพากันถอยห่างออกมา พวกมันต่างรอดูอย่างตื่นเต้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่
สองสายตามาประสานสบกันอีกครั้ง วชิระ ยื่นมือขวาออกไปอย่างช้าๆ มันรวบรวมจิตให้เป็นสมาธิเหมือนกับในตอนที่มันกำลังร่ายเวท มือข้างนั้นของมันค่อยๆ กุมกระชับลงบนด้ามดาบ
ช่างตีเหล็ก รู้สึกสำนึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง มันไม่ควรนำโซ่เส้นใหญ่นั้นกลับไปเลย มันความจริงสมควรใช้โซ่เส้นนั้นล่ามตัว วชิระ เอาไว้
วชิระ ตอนนี้สองตากลายเป็นสีแดงก่ำ มันกระชาก ปีศาจแดง ขึ้นมาโดยแรง โซ่ที่มัดพันอยู่ขาดกระเด็นไปหลายเส้น แต่ก็ยังมีหลงเหลืออยู่อีกสามเส้น
ทั้งสามคนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ต่างพากันถอยไปที่ประตูร้านทันที ร้านฟ้าสาง เขย่าไปมา เพราะเสาของร้านกำลังถูกโยกคลอน โซ่อีกเส้นหนึ่งพลันขาดสะบั้นลง
ตัวร้านหยุดสั่นลงอย่างฉับพลัน ทั้งสามคนที่ประตูจึงเหลียวหน้ากลับมาดู พวกมันเห็น วชิระ หยุดดึงโซ่แล้ว มันหยุดยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลงมือทำสิ่งที่น่าตระหนกขึ้น
มันไม่ออกแรงดึงโซ่อีกแล้ว แต่คราวนี้มันควงหมุนดาบในมือม้วนตัดโซ่ที่เหลืออีกสองเส้นออก โซ่เหล็กขนาดย่อมถึงกับถูกตัดขาดอย่างง่ายดาย
ทั้งสามคนแม้รู้ว่าสมควรต้องรีบหนี แต่พวกมันกลับก้าวขาไม่ออกพากันหยุดยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูนั่นเอง วชิระ พลันยกดาบประสานมือขึ้นพูดว่า
ขออภัยที่ทำให้พวกท่านต้องตกใจ
ตอนนี้สองตาของมันไม่เป็นสีแดงอีกแล้ว อาทิตย์ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก วชิระ เก็บ ปีศาจแดง ลงห้อยไว้ที่ข้างเอว ในตอนที่มันปล่อยมือออกจากด้ามดาบ ดวงตาสีแดงดวงนั้นยังคงมองมันด้วยความเคียดแค้น
วชิระ นับว่าได้อาวุธคู่มือใหม่แล้ว แต่มันจะไว้วางใจในอาวุธชิ้นนี้ได้สักเพียงใดกัน
วชิระ กล่าวคำอำลากับทุกคนอย่างรวบรัด ในตอนบ่ายของวันนั้นมันก็เดินทางออกจากเมืองไป จุดหมายปลายทางของมันในครั้งนี้ก็คือ มหานคร เมืองศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรแห่งนี้
Create Date : 27 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 27 กรกฎาคม 2552 9:12:24 น. |
|
0 comments
|
Counter : 451 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|