ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
14 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 

วชิระ เวทภพ สยบมาร (8) มุ่งสู่จุดหมาย

“เจ้ามันใจอ่อนเกินไป…”

เสียงของบิดาที่คอยพูดตักเตือนอยู่เป็นประจำดังขึ้นภายในหัวของ วชิระ เมื่อครู่มันสมควรจัดการสองคนนั้นให้จบสิ้นไป แต่มันเมื่อได้เห็นน้ำมิตรของทั้งคู่ที่มีต่อกันก็ไม่อาจตัดใจลงมือได้

“สักวันเจ้าจะต้องสำนึกเสียใจ…ความใจอ่อนของเจ้านี้จะย้อนกลับมาทำร้ายเจ้าเอง”

มันแม้จะปล่อยให้ทั้งคู่รอดชีวิตอยู่ แต่มันก็จัดการจนสองคนนั้นไม่อาจย้อนกลับมาตีกระหนาบหลังมันได้ มันแม้จะใจอ่อนแต่ยังคงรอบคอบอยู่

การปะทะกันที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้หนักกว่าที่คาดคิดเอาไว้ มันต้องหมดเปลืองพลังสมาธิ และพลังเวท ไปมาก ดังนั้นจึงคิดที่จะใช้ช่วงเวลาในระหว่างเดินทางอยู่นี้ฟื้นพลังกลับคืนมา

มันใช้ หิ่งห้อยสายฟ้า บินเป็นค่ายกลดาวหกแฉกล้อมรอบตัวเอาไว้ ค่ายกลนี้แม้ใช้สำหรับกักศัตรูก็จริง แต่เมื่อเข้าไปอยู่ในค่ายกล ผู้ที่อยู่ภายนอกก็ยากที่จะจู่โจมเข้าไปเช่นกัน

เมื่อมีค่ายกลล้อมเอาไว้เช่นนี้แล้ว ก็สามารถลดการระวังป้องกันตัวลง มันทำจิตใจให้ผ่อนคลายเพื่อฟื้นฟูพลังให้กลับคืนมา มีลมแรงพัดเอาเมฆกลุ่มใหญ่เข้ามาบดบังดวงจันทร์ไว้รอบข้างจึงมืดมิดลง แต่ด้วยแสงจาก หิ่งห้อยสายฟ้า ทำให้สามารถมองเห็นทางเดินได้ไม่ยากนัก

บริเวณรอบข้างเงียบสงัด ไม่มีวี่แววของการวางกำลังซุ่มโจมตีไว้แต่อย่างใดทั้งสิ้น พวกมันมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดห้าคน ตายไปตั้งแต่แรกแล้วหนึ่ง บาดเจ็บสาหัสไปสอง ตอนนี้ก็หลงเหลือเพียงสองคนเท่านั้น หากจะมีพวกเจ้าหน้าที่ ที่เป็นคนในเมืองนี้อยู่บ้าง พวกเหล่านี้ก็ไม่อาจนับเป็นอย่างไรได้

แต่หากว่าหนึ่งในสองคน ที่เหลืออยู่นั้นเป็นหนึ่งในพวกมันคนใดคนหนึ่งจริงๆ แล้วละก็ มันเองก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะได้ และถ้าหากเป็นพวกมันทั้งสองคนเลยละก็… มันรีบหยุดความคิดไว้แต่เพียงแค่นั้น

เรื่องราวของตระกูลที่บิดาเล่าให้ฟังตั้งแต่ครั้งมันยังเป็นเด็ก ซึ่งในตอนนั้นมันคิดว่าเป็นเพียงนิทานเรื่องหนึ่ง จวบจนเมื่อเติบโตขึ้นมันจึงเข้าใจได้ว่าเรื่องทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น เรื่องราวเหล่านั้นค่อยๆ ผุดขึ้นมาจากความทรงจำของมันอีกครั้ง

“เมื่อหลายร้อยปีก่อนต้นตระกูลของเราผู้หนึ่งเป็นผู้ที่มีพลังสูงมากในการพยากรณ์ ได้ทำนายถึงเหตุการณ์ที่หน้ากลัวเอาไว้ ท่านทำนายไว้ว่าในอนาคตอีกหลายร้อยปีข้างหน้าจะมีภัยพิบัติร้ายแรงเกิดขึ้นจากฝีมือของบุคคลสี่คน”

“ทั้งสี่คนนี้ได้ทำลายผนึกโบราณและนำเอาสิ่งที่ดุร้ายน่ากลัวมาสู่โลก สิ่งนี้ทรงพลังอำนาจจนไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดจะสามารถทำลายได้ โลกจะเข้าสู่กลียุค ผู้คนจะล้มตายลงเป็นอันมาก ส่วนผู้ที่เหลือรอดอยู่ก็จะตกอยู่ภายใต้อำนาจการปกครองที่ทารุณโหดร้ายของบุคคลทั้งสี่นี้”

“ดังนั้นท่านจึงจัดเตรียมหนทางแก้ไขเอาไว้ โดยจัดสร้างไม้เท้าเวทด้ามหนึ่งขึ้นมา ไม้เท้าด้ามนี้มีความลับที่จะใช้ในการกำจัดสิ่งที่หลุดออกมาจากผนึกโบราณนั้นซ่อนอยู่ และไม้เท้าด้ามนี้เองก็ได้ตกทอดกันมาในตระกูลของเราซึ่งในที่สุดก็ตกมาถึงมือแม่ของเจ้า”

“แต่น่าเสียดายที่คำทำนายหลงเหลืออยู่เพียงเท่าที่เล่าให้เจ้าฟังเท่านั้น ส่วนที่เป็นรายละเอียดอื่นๆ กลับตกหล่นสูญหายไปจนหมดสิ้น”

แต่อยู่มาวันหนึ่งแม่ของเจ้าซึ่งในตอนนั้นกำลังเริ่มตั้งครรภ์เจ้าอยู่ก็เล่าว่า นางฝันถึงชายแก่ผู้หนึ่ง ชายคนนั้นมาพูดกับนางว่า ช่วงเวลาแห่งคำทำนายมาถึงแล้ว และได้บ่งบอกความลับที่ซุกซ่อนอยู่ในไม้เท้าเวทประจำตระกูลให้นางได้รู้

หลังจากวันนั้นไม่นานนัก ข่าวเกี่ยวกับพวกมันทั้งสี่ก็ปรากฏขึ้น พวกมันเรียกตัวเองเป็น จ้าวอสูรเหนือ ใต้ ตะวันออก และ ตะวันตก ในตอนแรกพวกมันเป็นเพียงกองโจรที่มีกำลังคนอยู่เพียงคนละหยิบมือเดียว แต่เมื่อเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่เดือนก็กลับกลายเป็นกองทัพขนาดใหญ่ขึ้นสี่กองทัพ

พวกมันเดินทัพบุกตะลุยมาจากทิศทั้งสี่มุ่งตรงเข้าสู่ มหานคร ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรทั้งหมด ไม่มีกองทัพใดจะสามารถต้านทานการรุกรานของมันได้เลย เนื่องจากพวกมันสามารถใช้ภูติประหลาดที่ไม่มีผู้ใดเคยรู้จักมาก่อนที่พวกมันเรียกว่า อสูร ได้

เจ้า อสูร ทั้งสี่ที่ว่านี้มีรูปร่างเหมือนยักษ์ที่มีเขา และเขี้ยวเล็บแหลมคม มีความว่องไว และพละกำลังมหาศาล พวกมันกินสิ่งมีชีวิตทุกชนิดเป็นอาหาร ที่สำคัญก็คือ ไม่ว่าจะใช้ อาวุธ เวท หรือแม้แต่ภูติชนิดต่างๆ เท่าที่มีผู้ผนึกเอาไว้ได้ ก็ไม่สามารถทำอันตรายพวกมันได้เลย

พวกเราจึงมั่นใจว่าพวกมันทั้งหมดคือสิ่งที่คำทำนายได้กล่าวถึงเอาไว้ เรากับแม่ของเจ้าซึ่งตอนนั้นตั้งครรภ์เจ้าได้หกเดือนแล้วก็รีบขอเข้าพบ ท่านเจ้านคร เป็นการด่วน

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะ ท่านเจ้านคร เชื่อในเรื่องราวของตระกูลเรา หรือเป็นเพราะท่านไม่มีหนทางอื่นให้เลือกอีกแล้ว ท่านจึงจัดเตรียมการตามที่แม่ของเจ้าต้องการโดยทันที ที่แม่เจ้าต้องการคือกองทัพใหญ่ที่มีพลังฝีมือสูงที่สุดของ มหานคร เป้าหมายไม่ใช่เพื่อการปะทะกับกองทัพ จ้าวอสูร ทั้งสี่ให้แตกหัก แต่เพียงต้องการล่อกองทัพทั้งสี่ให้อยู่ในจุดที่กำหนดเท่านั้น

แผนการทั้งหมดถูกจัดเตรียมขึ้นอย่างรัดกุมที่สุด แต่เมื่อถึงคืนก่อนวันเคลื่อนทัพ แม่ของเจ้ากลับบอกให้เรารีบเดินทางกลับบ้านไม่ยอมให้เราร่วมเดินทางไปด้วย

“ท่านรีบกลับบ้าน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากเสร็จสิ้นศึกคราวนี้ ให้พวกเราทั้งหมดรีบถอนตัวเร้นกายไปโดยเร็ว เรื่องราวต่างๆ เราจะบอกแก่ท่านในภายหลัง”

ในที่สุดเราก็ไม่อาจขัดแม่ของเจ้าได้ แม้จะเป็นห่วงทั้งแม่เจ้าและตัวเจ้าก็ตาม ซึ่งต่อมาในภายหลังเราจึงค่อยทราบว่าแม่ของเจ้าไม่ได้ใช้เป็นแต่เพียงเวทในทางรักษาเท่านั้น นางยังมีพลังในการพยากรณ์อีกด้วย

แม้จะไม่กล้าแข็งนักแต่นางก็คงพอจะล่วงรู้ถึงผลของการศึกในครั้งนั้นอยู่ก่อนแล้ว นางแม้ล่วงรู้แต่ยังคิดลองเสี่ยงดู นางอาจคาดว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้

เราที่อยู่ทางบ้านยังสามารถรับทราบข่าวสารของการศึกได้โดยตลอด เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นไปตามแผนที่ได้วางไว้จนกระทั่งถึงคืนวันตัดสิน ศึกสุดท้ายที่จะเป็นการตัดสินผลแพ้ชนะ ระหว่าง กองทัพใหญ่ของ มหานคร กับกองทัพของ จ้าวอสูร ทั้งสี่หรือระหว่าง แม่ของเจ้า กับ อสูร ทั้งสี่ก็มาถึง

คืนนั้นเราออกมาสวดภาวนาอยู่ที่หน้าบ้าน ขอให้ทั้งแม่และเจ้าปลอดภัยกลับมา เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนก็ปรากฏแสงสว่างเจิดจ้ามาจากทิศทางที่เป็นสมรภูมิ เวลากลางคืนกลับสว่างดุจดั่งเป็นเวลากลางวัน แสงนั้นสว่างอยู่เพียงครู่เดียวก็ดับหายไป และในตอนนั้นเองที่เราได้พบหน้าเจ้าเป็นครั้งแรก

เจ้าพุ่งลงมาที่เบื้องหน้าเราดุจดั่งสายฟ้าฟาด รอบตัวของเจ้ามีพลังเวทกางคุ้มครองอยู่ ตัวเจ้าตอนนั้นยังเหี่ยวย่นเหมือนกับพึ่งคลอดได้ไม่นาน ซึ่งหากนับเวลาดูแล้วก็ยังไม่ครบเก้าเดือน แสดงว่าเจ้าคลอดออกมาก่อนกำหนด

เจ้าใช้แขนและขากอดไม้เท้าเวทที่เหลืออยู่เพียงครึ่งเดียวด้ามนี้เอาไว้แน่น และในมือซ้ายก็กำกระดาษที่แม่ของเจ้าเขียนข้อความสั่งเสียเอาไว้

“พวกเราทั้งหมดไม่รอให้ถึงเวลาเช้า ก็รีบเคลื่อนย้ายหลบหนีตามที่ได้เตรียมการเอาไว้ทันที”

ความคิดคำนึงพลันหยุดชะงักลง เมื่อ วชิระ เดินทางมาถึงอาคารหลังหนึ่ง มันมีหน้าตาเหมือนกับอาคารหลังอื่นๆ ที่อยู่ในเมืองนี้ จะผิดกันก็เพียงแต่มันมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อยเท่านั้น สถานที่นี้คือ จวน ของท่านเจ้าเมืองนั่นเอง

ประตูของจวนถูกเปิดทิ้งเอาไว้คล้ายดั่งจะเป็นการเชิญชวนให้มันก้าวเข้าไป




 

Create Date : 14 กรกฎาคม 2552
0 comments
Last Update : 14 กรกฎาคม 2552 12:26:41 น.
Counter : 512 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.