Udatsu no Agaru Machinami... ที่ Tokushima
และก็หายไปนานกว่าจะมาเขียนได้อีกบล็อก
แสดงให้เห็นถึงความขี้เกียจอย่างเด่นชัด... Smiley
เอาล่ะค่ะ อย่ารอช้า ไปเที่ยวที่ต่อไปดีกว่า

วันนี้... ไปเที่ยวที่ Udatsu no Agaru Machinami กัน... Smiley


แปลกใจล่ะสิ ไปกันทำไมที่นี่
ทำไมไม่ไปโอซาก้า เกียวโต ฮิโรชิม่า
เราเองก็ไม่รู้เหมือนกัน... ฮ่าๆๆ

จริง ๆ แล้ววันนั้นไปธุระที่ Tokushima

แล้วเสร็จธุระเร็ว คือ ฟ้ายังไม่มืด เพิ่งจะบ่ายสาม
ก็เลยหาอะไรทำแถว ๆ นั้น
และผลจากการหยิบมือถือออกมาสืบค้น
ก็เลยพบว่า... มันมีสถานที่นี้อยู่ด้วย
เลยตกลงจะไปดูกัน ไปแบบไม่คาดหวัง เพราะมันเป็นทางผ่านกลับบ้านอยู่แล้ว
แต่... พอไปถึง... อารมณ์จะเสีย...
ทำไมไม่คิดจะมากันเร็วกว่านี้ แล้วทำไมแบตกล้องต้องมาหมดตอนนี้... Smiley

ก่อนอื่นมาดูก่อนว่า สถานที่นี้มีความสำคัญอย่างไร
และ udatsu (うだつ) นี่คืออะไร

หมู่บ้านนี้อยู่ในเขต Mino
เป็นหมู่บ้านที่สร้างกันมาตั้งแต่สมัยเอโดะ
และเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นเมืองพ่อค้าที่ร่ำรวยมาก
(ขอเน้นอีกทีว่ามากกกก)
และธุรกิจของหมู่บ้านคือการขายผ้าย้อมคราม
เป็นผ้าย้อมด้วยวัสดุธรรมชาติเป็นสีน้ำเงินเข้มน่ะค่ะ
ซึ่งในสมัยนั้น ผ้าย้อมครามถือเป็นของราคาแพง และเป็นที่นิยมอยู่ช่วงนึง
ไม่แน่ใจว่ากางเกงยีนส์ถือเป็นการย้อมครามนี่ด้วยหรือเปล่าแฮะ
แต่เอาเถอะ... นั่นไม่ใช่ประเด็น
เพราะสมัยเอโดะคงไม่มีใครมาใส่กางเกงยีนส์... Smiley

แล้ว udatsu ล่ะ คือ อะไร
udatsu คือ กำแพงสีขาว ๆที่ป้องกันไฟไหม้ ใช้กั้นระหว่างบ้าน
ลองเลื่อนขึ้นไปดูภาพด้านบนก็ได้นะคะ กำแพงขาว ๆ นั่นล่ะค่ะ
ซึ่งการตกแต่งก็จะขึ้นอยู่กับความร่ำรวยของเจ้าของบ้าน
อ่ะนะ... บ่านพ่อค้าร่ำรวย ก็ต้องประกาศความร่ำรวยกันหน่อย
ซึ่งถ้าบ้านไหนรวยมากกำแพงก็จะใหญ่หน่อย
และประดับตกแต่งสวยงาม อาจจะมีมุงหลังคาอย่างดี หรูหรา
ประดับประดาด้วยรูปปั้นสัตว์ต่าง ๆ เช่น ปลา หรือ การ์กอยล์ส
ส่วนบ้านใครที่ยังมีไม่เท่าเค้าก็ทำเล็กหน่อย ไม่มีการประดับรูปปั้น
ที่สำคัญ... กำแพงนี้สามารถขยายให้ใหญ่ขึ้นได้
เพราะงั้น ถ้าวันนี้ค้าขายยังไม่รวยไม่ใช่ปัญหา
พอรวยขึ้นค่อยมาประกาศความรวยกันอีกทีก็ได้



(ไม่ค่อยอยากโพสต์รูปเท่าไหร่เลย เพราะถ่ายด้วยไอโฟน
ซึ่งก็เป็นอันรู้กันว่าไอโฟนในยามไร้แสง น้อยส์กระจายยยย... Smiley)

หมู่บ้านนี้ก็ยังอนุรักษ์ไว้อย่างที่เป็นในสมัยเอโดะ
มีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก
และมีสถานที่ให้เข้าชมด้านในได้แบบเสียเงิน
ซึ่งก็จะเป็นบ้านพ่อค้าที่ร่ำรวยสุด ๆ และมีความสำคัญในสมัยนั้น ๆ
ก็เหมือนกับเราไปซึมซับเอาวัฒนธรรมน่ะค่ะ
ซึ่งมันเป็นแนวเราอยู่แล้ว เราเลยเสียดายที่กล้องแบตหมด
ถามว่าถ้าให้ไปอีกไปมั้ย... ก็ไปค่ะ
จะไปขอซ่อมภาพถ่าย... ฮ่าๆๆ



ชอบหน้าต่างมาก แลดูเห็นภาพคิเคียวยะซัง (ณ อิคคิวซัง) กันเลยทีเดียว
บ้านพวกนี้ดูเก่า ๆ แต่บางหลังยังมีคนอาศัยอยู่นะคะ
เห็นเด็กนักเรียนถีบจักรยานกลับบ้าน
เห็นแม่บ้านขับรถกลับมาจากซื้อของ



มีบ่อน้ำด้วย ความสำคัญ... หมดปัญญา
เพราะอธิบายเป็นภาษาญี่ปุ่น... Smiley
อยากส่องลงไปดูว่าเป็นไง แต่ไม่กล้าเข้าใกล้
มันต้องมืดอ่ะเราว่า
แล้วเราเป็นคนกลัวความมืดขึ้นสมอง... Smiley

ตอนที่เราไปถึงร้านปิดหมดเพราะเป็นฤดูหนาว
มืดเร็ว เลยปิดเร็ว
แถมวันนั้นฝนตกกันทั่วญี่ปุ่น บรรยากาศมืดครึ้ม
อดได้รูปสวยเลยทีเดียว

การเดินทาง... ก็ต้องเริ่มจากสถานี Gifu
ขึ้น JR Takayama Line ไปประมาณ 34 นาที ลงที่สถานี Minoota
แล้วเปลี่ยนเป็น Nagaragawa Railway อีก 30 นาที ลงที่สถานี Minoshi
แล้วเดินอีกประมาณ 15 นาทีค่ะ

ถามว่าคุ้มมั้ย ถ้าจะเดินทางไปเพื่อชมสถานที่นี้โดยเฉพาะ
เราว่า... ไม่ค่อยคุ้มนะ เพราะแถบนั้นเมืองเก่ามีมากมาย
ไปเกียวโต ก็น่าจะมีอะไรทำนองนี้ และสวยกว่านี้
แต่ถ้าใครชอบที่เก่า ๆ สถานที่ที่มีเรื่องราว
หรือมีเวลาเหลือเฟือ อยากชิล ก็ลองไปดูก็ได้ค่ะ
สำหรับเรา... เราชอบ แล้วก็อยากกลับไปถ่ายรูปใหม่
ใส่ไว้ในแพลนสำหรับปลายมีนาเรียบร้อยแล้วค่ะ... Smiley



Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2556 0:32:05 น.
Counter : 1649 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

melody_bangkok
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่บางครั้งก็มีโลกส่วนตัวสูงมากมาย แต่ในบางครั้งก็พยายามจะยัดเยียดตัวเองเข้าไปในโลกส่วนตัวของคนอื่น... :P
ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ... ^^
Daisypath Vacation tickers
กุมภาพันธ์ 2556

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
16
17
18
20
21
23
27
28
 
 
19 กุมภาพันธ์ 2556
All Blog