วันสบายที่ปลายด้ามขวาน @ นราธิวาส (EP2)


จะจบมั้ย?? Smiley เนี่ย... เป็นแบบนี้ตลอดเลย พอไปไหนมาก็เขียนบล็อก แต่ไม่จบเลยซักบล็อก นี่ขนาด commit กับตัวเองโดยการโพสต์ EP1 ไปแล้วนะ ปกติอีกวันต้องตามด้วย EP ต่อ ๆ ไปจนจบทริป ถูกเรียกตัวให้ไปทำงานวันเสาร์-อาทิตย์ จบกันเลย เมื่อตอนที่แล้วบอกว่าวันนี้จะออกไปนอกเมืองเนาะ ต่อเลยดีกว่าค่ะ




เช้าวันนี้ตื่นมาแต่เช้าด้วยเสียงอาซานจากมัสยิดเช่นเคย เราชอบจัง เมืองที่สงบและมีเสียงอาซานดังไปทั่วกับนกนางแอ่นที่บินว่อน เช้านี้อากาศเย็นเลยล่ะ 23 องศา




ถามว่าเสียงอาซานคืออะไร คือเสียงที่เค้าเปิดเพื่อเรียกให้ละหมาดน่ะค่ะ เราก็เพิ่งทราบนี่แหละ เรียกว่าเสียงเพลงมาตั้งนาน การละหมาดทำ 5 เวลา แต่ถ้าช่วงเวลาไหนยุ่งหรือติดงานก็ทบกับช่วงเวลาต่อไปได้ ข้อมูลตรงนี้คิดว่าน่าจะทราบกันอยู่แล้ว แต่เขียนไว้อาจจะมีใครไม่เคยทราบเกี่ยวกับศาสนาอิสลามเหมือนเรา (อย่าบอกว่าศาสนาอิสลามเล้ย เป็นคนพุทธแท้ ๆ สมัยเรียนนี่วิชาพุทธศาสนาตกตลอดอ่ะ Smiley


คราวนี้เราก็ถามว่าละหมาดนี่ทำอะไรกันบ้างอ่ะ คือไปนั่ง ๆ สวดขอพรอะไรแบบนี้เหรอ พี่มัง (พี่คนที่มาช่วยขับรถ) เค้าก็บอกกว่าประมาณนั้น ก็คือนึกถึงพระเจ้าด้วย เราก็มานั่งนึก การสวดมนต์นึกถึงพระเจ้า 5 ครั้งต่อวัน ไม่มีเวลาคิดจะทำชั่วเลยนะ เพราะพอจะทำ อ้าวว... เข้าหาพระเจ้าอีกละ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากอ่ะ Smiley


มัสยิดใกล้ ๆ โรงแรมค่ะ




เช้านี้ไม่ไปตลาดละ แต่แวะไปนั่งหัวเราะความฮาพี่ร้านก๋วยเตี๋ยวเซียนหยงก่อน พี่น่ารักอ่ะ Smiley


วันนี้เราจะขับรถออกไปที่ "สุคิริน" กันค่ะ ก่อนไปถามพี่เค้าแล้วว่าเคยไปมั้ย พี่เค้าบอกเคย รู้ทาง เราก็โอเคหมดห่วง

อ้อ... เดี๋ยวค่ะ เกือบลืม รถสาธารณะที่นี่ มีนะ เราคิดว่าน่าจะมีรถบัสระหว่างจังหวัดแบบ นราธิวาส-ยะลา นราธิวาส-ปัตตานี นะคะ แต่รถที่วิ่งระหว่างเมืองก็มีค่ะ เป็นรถสองแถวสีเขียวเข้ม เห็นเยอะเลย นราธิวาส-สุไหงโกลก นราธิวาส-ตากใบ อะไรแบบนี้แต่ถ้าใครไม่อยากขึ้นรถสองแถวนั่งทรมาน ก็ใช้บริการรถตู้ได้เช่นกัน วินมอเตอร์ไซค์มีทั้งจังหวัดเลยนะคะที่เห็น


การขับรถออกนอกตัวเมือง เมื่อวานก็ขับออกนอกตัวเมืองนะ แต่มันยังเป็นไม่นอกมาก ตากใบ บาเจาะ ยี่งอ คือข้างทางมีบ้านคน มีชุมชนเพียบ แต่วันนี้ออกนอกตัวเมืองไกลหน่อย ก็เลยได้สัมผัสวิวสวนยางแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้... Smiley

แต่ๆๆ... สวนยางของจริงไม่น่ากลัวเหมือนในภาพข่าวแฮะ เรากลับรู้สึกสบายตา รู้สึกร่มรื่น บวกกับที่อากาศดี เลยดูโปร่ง มากกว่านั้นคือร่มรื่นตลอดสองข้างทางเลยด้วยนะ มวลต้นไม้หนาแน่น ไม่น่ากลัวเลยแม้แต่นิด เราถามพี่เค้าว่าทำไมไม่เห็นเหมือนในภาพข่าวเลยอ่ะ เปลี่ยว ๆ รก ๆ ชื้น ๆ พี่เค้าก็ไม่ได้ตอบอะไร (คงไม่รู้จะตอบอะไร Smiley)




เห็นขบวนมอเตอร์ไซค์จากมาเลเซียเยอะเลยค่ะ ที่นี่นักท่องเที่ยวส่วนมากมาจากมาเลเซียนะ อยู่ที่นี่ 4 วันไม่เห็นฝรั่งเลยซักคน 




อ้อ... คนท้องถิ่นที่นี่ส่วนมากเค้าขับรถมอเตอร์ไซค์กันไม่ใส่หมวกกันน็อคแฮะ พี่มังบอกว่าเพราะทหารขอ จะได้เห็นหน้าเห็นตากัน แต่เค้าก็ขับกันไม่เร็วนะคะ ไปเรื่อย ๆ ชิว ๆ 




อ้อ... เรื่องมอเตอร์ไซค์อีกอย่าง ที่นี่ด่านเยอะนะ เยอะมากกกกกก สารพัดด่าน แต่รถไม่ติดนะคะ ถ้าไม่ได้บรรทุกมอเตอร์ไซค์มาก็ไม่โดนเรียกตรวจค่ะ 


หลงทางค่ะ... ขับไปมาหลงทาง ก็งงเหมือนกันว่าหลงได้ยังไง พี่เค้าทราบนะคะว่าต้องไปทาง อ.แว้ง (เป็นอำเภอที่ได้ชื่อว่าสงบที่สุดของนราธิวาส) แว้งนี่เราว่าน่าจะมีอะไรที่น่าสนใจ แต่วันนี้ไม่มีเวลา เดี๋ยวค่อยมาเที่ยวใหม่ละกัน ปกติหลงทางจะใจหายใจคว่ำกันใช่มั้ยคะ ช่วงแรก ๆ ของการออกเดินทางคนเดียวของเราก็เป็นแบบนั้นแหละ แต่พอเริ่มหลงมาก ๆ ก็เริ่มชิน หนำซ้ำการหลงทางเรามักจะได้เจอสิ่งสวยงาม ไม่เว้นแม้แต่ที่นราธิวาส Smiley


พี่มังขับรถเลยทางแยกที่จะเลี้ยวไปสุคิรินไปไกลมาก กำลังจะออก "ด่านบูเก๊ะตา" เข้ามาเลเซีย เราบอกมันไม่ใช่ละพี่ เนี่ย... ขอดูพาสปอร์ตอยู่เนี่ย ไปสุคิรินมันไม่ต้องใช้พาสปอร์ตมั้ยอ่ะ Smiley


ตอนหลงนี่แหละ ถามพี่ทหารที่ด่านว่าไปสุคิรินไปทางไหน พี่ทหารน่ารักมาก ช่วยคิดหาทางทั้ง ๆ ที่ไม่เคยไป โอ้ยย... ปรึกษาหาทางกันใหญ่เล้ยยย สุดท้ายยอมแพ้ ให้ไปถามวินมอเตอร์ไซค์ Smiley


โห้วว... พี่... ไม่บอกแต่แรก ไม่งั้นก็จบละ พี่ทหารถามมาจากไหนเนี่ย บอกไปว่ามาจากกรุงเทพฯค่ะ พี่เค้าก็โห้ยย... มาไกล มาทำไม?? อ้าววว... มาเที่ยวจิพี่ก็ Smiley


พี่เค้าก็ขำ อือๆ... ไม่ค่อยมีใครมาเที่ยวหรอกที่นี่ ป่ะ ไปถามวินมอเตอร์ไซค์ไป๊ 


มาถึงวินมอเตอร์ไซค์ยิ่งขำ นึกภาพนะคะ ทุกคนเป็นคนมุสลิมพื้นที่หมดเลยนั่งคุยกันอย่างร่าเริง เราเปิดกระจก ทุกคนเงียบ เราก็เงียบ พี่มังซึ่งควรจะถามก็เงียบ (พี่จะเงียบทำไม?? Smiley) นึกขึ้นได้ว่ามันไม่ควรจะเงียบ เลยถามไปว่าสุคิรินไปทางไหนคะ เค้าก็มอง จะไปสุคิรินเหรอ เราเลยให้พี่มังออกหน้า เท่านั้นแหละ เรียกทุกคนในวินมาคุยเฮฮาเพื่อจะสรุปว่าสุคิรินไปทางไหน Smiley


แล้วที่นี่เค้าใช้ภาษามาลายูเนาะ คุยอะไรกันไม่รู้เรื่องเลย ขอซับไตเติ้ลด้วยสิ อยากรู้เรื่องด้วย ท่าทางจะสนุก นี่ถ้าไม่รีบนี่จะนั่งคุยยาวละนะ เพราะเค้าสนุกมากอ่ะ แค่ถามทางมีแต่เสียงหัวเราะงี้ หมดเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง Smiley


ปกติ... เวลาขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัด สองข้างทางจะมีของขายเนาะ ผลไม้ ของกิน อะไรก็ว่าไป แต่ที่นี่ไม่มีนะ เพิงขายของมีค่ะ เยอะด้วย แต่ทั้งหมดคือขายน้ำมันจากมาเลย์จ้ะ 




เมื่อวานเราเติมน้ำมั้นที่ปั๊มเพราะอยู่ในเมือง แต่นี่ขับ ๆ อยู่พี่หันมาบอกเราต้องเติมน้ำมันนะเพราะมันแตะขีด แล้ว 


อ้าวว... พี่ แล้วทำไมเพิ่งมาบ๊อกกก!! Smiley


ไม่มีทางเลือกค่ะ ก็เติมน้ำมันมาเลย์นี่แหละ ถามว่ารัฐฯเรียกว่าน้ำมันเถื่อนมั้ย มันก็ใช่ ราคาถูกกว่า ที่เติมไม่ใช่เพราะราคาถูกนะคะ แต่จะให้ไปเติมที่ไหน ตั้งแต่ เจาะไอร้อง มาจน บูเก๊ะตา จะออกมาเลย์อยู่แล้วเนี่ยไม่มีปั๊มน้ำมันซักกะปั๊ม พี่เค้าบอกว่ามีปั๊ม ปตท อยู่ปั๊มนึงที่สุไหงโกลก


โห... พี่... อย่างไกล หนูสายแล้ว เติมนี่แหละ Smiley




มาถึง อ.สุคิริน ก็หาทางไปจนงงอีก ที่มาที่นี่เพราะอยากดูเค้าร่อนทอง ทองคำนี่ล่ะค่ะ เห็นมีรีวิวสุคิรินกันเยอะอยู่ ข้อมูลหาได้ไม่ยากเลยค่ะ ส่วนมากจะมาดูทะเลหมอกกัน แต่เราไม่สามารถ ตื่นเช้านี่ไม่ถนัดเลยจริง ๆ


เราไปที่ "ไอร์ปาโจ" เพื่อที่จะดูเค้าร่อนทอง แต่กลายเป็นว่าช่วงนี้ไม่มีการร่อนทองเพราะฝนตก น้ำขึ้น ร่อนได้ยาก ปกติร่อนทองจะทำกันช่วงหน้าแล้ง ช่วงนี้ชาวบ้านจะไปรับจ้างเก็บผลไม้ที่สวนผลไม้แทน แต่คุณพี่ท่านนี้ใจดีมาก พอรู้ว่าเรามาจากกรุงเทพฯพี่เค้าจะไปเปลี่ยนชุดไปร่อนทองให้เราถ่ายรูป เราร้องห้ามแทบไม่ทัน เค้าก็อยากให้เราได้รูป เราบอกไม่เป็นไร เดี๋ยวหน้าแล้งครั้งต่อไปจะมาใหม่ จะลงไปร่อนทองกับพี่ด้วยเลย พี่เค้าก็หัวเราะมาเลย มา ๆ




ชอบคนที่นี่จริง ๆ ขอถ่ายรูป บางครั้งขอถ่ายรูปของเฉย ๆ ยิ้มให้กล้องหมด น่ารักอ่ะ 


เราถามว่าพี่เป็นคนที่นี่เลยเหรอ พี่บอกไม่ใช่ พี่มาจากโคราช มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ พ.ศ. 2519 เราถามว่าพี่มาอยู่ที่นี่ได้ไง พี่เค้าตอบว่า... ในหลวง (รัชกาลที่ 9) ท่านพามา


จากคำตอบนี้ พอจะเข้าใจได้แล้วใช่ไหมคะ นั่งฟังพี่เค้าเล่าก็น้ำตาซึม... คิดถึงท่าน คิดถึงสิ่งที่ท่านทำ จะมีใครมั้ยนะที่ไปตั้งแต่เหนือจรดใต้ ทุกช่วงเวลาของลมหายใจคือการพัฒนาประเทศให้เจริญขึ้นทุกตารางนิ้ว


การร่อนทองจะใช้เครื่องมือนี้เป็นถาดเว้าคล้ายกะทะทำจากไม้ค่ะ




ร่อนกันในแม่น้ำนี้แหละค่ะ




ใช้ถาดไม้แกว่ง ๆ วน ๆ เศษทองคำก็จะแยกตัวออกจากทราย




ทองคำที่ได้เป็นทองคำบริสุทธิ์ พอได้มาเค้าก็จะเอาไปขายให้กับพ่อค้าทองที่สุไหงโกลก ราคาก็ตามราคาทองคำเลยค่ะ




ไม่ใช่หน้าร่อนทอง ก็ไปเกฺ็บผลไม้ค่ะ สุคิรินทุเรียนเยอะนะ ตอนเรากลับมาเห็นมีข่าวการแข่งกันทานทุเรียนสุคิรินด้วย เหมือนว่าเพิ่งจัดปีนี้ปีแรกเพื่อจะส่งเสริมการปลูกทุเรียนและส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยค่ะ




แมวไอร์ปาโจ Smiley นอกจากจับฉ่ายร้านอั้งม้อแล้ว ก็มีแมวนี่แหละที่อยากเก็บกลับกรุงเทพฯ แต่ละตัวอ้วนท้วนขนฟูน่าฟัด




สิ่งที่เราอยากเห็นจริง ๆ คือจบแล้วของวันนี้ แต่ถ้าเป็นไปได้เราอยากเห็นเขตชายแดน ปรึกษาพี่คนขับว่าเอาไงดี พี่เค้าไม่เคยไป แต่ก็บอกเอาสิมาถึงนี่แล้ว


6 กิโลจากไอร์ปาโจ เป็น "วัดพระธาตุภูเขาทอง" ก็เลยขอพี่เค้าแวะหน่อย พี่เค้าก็โอเค




ที่พระธาตุภูเขาทองนี่เป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยมากนะคะ เห็นรีวิวเยอะอยู่ สวยมากจริง ๆ ที่นี่ร่มรื่นจริง ๆ ค่ะ 












เมฆฝนก่อตัวมาแล้ว นี่คือสิ่งที่เรากลัว เพราะถ้าฝนตกหนักมันถ่ายรูปไม่ได้ แต่เพราะความเขียวขจี และความสมบูรณ์ของป่า ความงดงามของทิวเขา เรายืนนิ่ง เราชอบภาพนี้




หลวงตาโผล่มาจากไหนไม่รู้ โผล่มาเงียบ ๆ ตกใจนะ Smiley


หลวงตาเล่าว่าหลวงตามาจากร้อยเอ็ด (หรือศรีสะเกษ ลืมอีกละ) นั่นล่ะค่ะแถว ๆ นั้น มาที่นี่ตั้งแต่ พ.ศ. 2519 เราถามว่าแล้วหลวงตามาไม่กลัวเหรอคะ สมัยนั้นแถวนี้คอมมิวนิสต์เยอะจะตาย หลวงตามีคำตอบ... ไปฟังจากปากท่านเถอะ แล้วจะรู้สึกตื้นตันใจ Smiley


ถามหลวงตาว่าแต่ก่อนไม่มีถนนนะ แล้วหลวงตามาได้ยังไงคะ หลวงตาบอกว่าขี่ช้างเข้ามาบ้าง นั่งรถถัง รถ GMC เข้ามาบ้าง... หืมมม...มันคงทรหดน่าดู




ตรงนี้เป็นที่พัก ใครอยากชมทะเลหมอกยามเช้าแล้วขี้เกียจลากสังขารมาแต่เช้ามาพักที่นี่ได้ค่ะ หลังนึงพักได้หลายคน แต่ห้ามเสียงดัง มีอาหารให้ถ้าแจ้งก่อน (ที่พักและอาหารมีค่าใช้จ่ายค่ะ) รีบฝากตัว... หนูจะมาใหม่นะหลวงตา หลวงตาบอกได้เลย พาพรรคพวกมานะ




ด้ามขวานไอเดียหลวงตา หลวงตาภูมิใจมาก อวดสุด ๆ Smiley




ออกจากที่วัดมาฝนเริ่มตกแล้วค่ะ แต่ไหน ๆ หลวงตาก็ชี้ทางมาที่หลักกิโล "จุดผ่อนปรนบ้านภูเขาทอง" ชายแดนไทย-มาเลเซียละ ก็ไม่ขัด ถึงทางเข้าที่ไม่ใช่แค่สงบ... แต่สงัด บวกกับฟ้าครึ้มและฝนที่ตกหนัก มองหน้าพี่คนขับรถเอาไงดี พี่เค้าบอกตามใจแต่อีกแค่ 200 เมตรนะ (มีป้ายบอก) 


มันเงียบจนน่ากลัว แต่ตัดสินใจไปค่ะพี่... แต่แค่ 200 เมตรนะ ไม่ว่าจะเจอหรือไม่เจอเราจะกลับนะ พี่เค้าก็โอเค (บางครั้งการไปเที่ยวคนเดียวก็มีข้อเสียตรงนี้ ต้องระวังตัวเองมากขึ้นอีกหลายเท่า)


แต่ก็เจอ ตรงนี้เป็นด่านเก่าก่อนมีด่านบูเก๊ะตาเค้าให้คนมาเลเซียมาค้าขายได้ และให้คนไทยไปค้าขายทางนั้นได้ แต่ตอนนี้ปิดแล้วค่ะ




ดูทางที่มาสิ มันเงียบ แล้วฟ้าครึ้มนะ คือโชคดีเกิดมามีหน้าเป็นอาวุธ ไม่มีใครมาทำอันตรายใด ๆ แน่นอน Smiley




หาอาหารเที่ยงง่าย ๆ ที่ร้านอาหารตามสั่งทานก่อนจะมาที่สุไหงโกลก อาหารบ้านนี้เมืองนี้ให้เยอะมาก แล้วอร่อยด้วยนะ




แมวสุคิริน Smiley






ถึง "สุไหงโกลก" แต่ด้วยความเป็นวันอาทิตย์ร้านรวงเลยปิดกัน สุไหงโกลกในวันนี้เลยเงียบไม่ค่อยมีคนค่ะ 




พี่เค้าจะพาข้ามเรือไปฝั่งมาเลเซียเพื่อชมตลาด อยากจะไปนะ เพราะปกติเราจะลองทุกสิ่งอย่างอยู่แล้ว แต่เราเริ่มปวดหัว เลยบอกพี่เค้ากลับดีกว่า




ฝนตกหนักจนแทบมองอะไรไม่เห็น บอกพี่เค้าว่าขับช้าหน่อยก็ได้นะพี่ หนูรอดจากเจาะไอร้องจากตันหยงลิมอมา ถ้าจะมาจบชีวิตเพราะอุบัติเหตุบนท้องถนนนี่มันเสียศักดิ์ศรีมากนะฮะ พี่เค้าขำแบบคิดได้ไง?? Smiley




ขับมาถึงตัวเมืองนราธิวาสก็หกโมงเย็น ฝนตกหนักเลย แต่เห็นเด็ก ๆ เพิ่งเลิกเรียนออกมา พี่เค้าบอกว่าที่นี่โรงเรียนเปิดเรียนวันเสาร์-วันพุธ วันศุกร์เค้าจะไปละหมาดกันน่ะค่ะ


กลับถึงโรงแรม น้องที่โรงแรมถามว่าไปไหนมา เราบอกสุคิริน ทุกคนบอกพี่แน่มาก... คืออะไรฟระ?? อย่าทำให้พี่ต้องคิดมาก ฮ่าๆๆ Smiley


ค่ำนั้นฝนตกหนักเลย เราเลยสั่งรูมเซอร์วิส ข้าวยำของโรงแรมขึ้นชื่อค่ะ อร่อยเลย กว่าฝนจะหยุดก็เกือบสองทุ่มแน่ะ แต่อากาศเย็นจนไม่ต้องเปิดแอร์เลยค่ะ




Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley Smiley


เช้าวันนี้... กลับแล้วสินะ ไม่อยากกลับอ่ะ ลาพักร้อนต่อเลยได้มั้ย ที่นี่มีงานอะไรให้ทำบ้าง... ไม่ใช่ละ แหะๆๆ Smiley


วันนี้เราแพลนว่าจะไปสนามบินด้วยรถตู้ บอกที่โรงแรมได้นะคะ เค้าจะจัดการจองให้ค่ะ มารับถึงโรงแรมเลย แต่น้องวาสนาที่น่ารักของเราเสนอตัวจะมารับและไปส่งที่สนามบิน เราบอกไม่ต้อง ๆ เราดูแลตัวเองได้ น้องบอกเต็มใจแล้วน้องก็มารับจริง ๆ เล่าให้น้องชายฟังน้องบอกไม่หรอก เค้าแค่อยากเห็นเราไปจากบ้านเมืองเค้าจริง ๆ หน้าแบบเราเป็นภัยต่อความมั่นคง ดูมันเส่ะ!! Smiley




มีเวลาซักพักก่อนน้องจะมารับ เราเลยไปนั่งฮาที่ร้านก๋วยเตี๋ยวอีก ไม่พอ นึกขึ้นได้ว่าพี่มังบอกไว้ว่าใกล้ ๆ นี่มีร้านอาหารอิสลามอร่อยมากอยู่เจ้านึง ชื่อร้าน “เจ๊ะสะนิ” ความอร่อยก็แค่ช่วงรอมฎอนอาหารจะถูกสั่งจนหมดในเวลาอันรวดเร็ว ถามว่าช่วงนั้นเค้าถือศีลอดกันไม่ใช่?? แล้วมาสั่งไปทำไม?? เค้าก็สั่งไว้ทานหลังพระอาทิตย์ตกน่ะค่ะ แล้วช่วงรอมฎอนนี่แหละจะมาพร้อมเทศกาลอาหารหาทานยากเลย


เราถามว่าถ้าจะยังทานแล้วเราจะอดทำไมอ่ะ พี่เค้าอธิบายให้ฟังว่าการถือศีลอดไม่ใช่แค่อดอาหารแต่เป็นการอดอย่างอื่นด้วย ซึ่งนั่นหมายถึงการระงับความอยาก ไม่ให้โลภ ซึ่งมันเป็นคำถามที่เรามีตั้งแต่วันแรกที่เรามาที่นี่เหมือนกัน เพราะเราสัมผัสได้แบบนั้นจริง ๆ นะคะ


ว่าด้วยเรื่องร้านอาหารอิสลามอร่อยต่อ เมื่อมีคนแนะนำมาเช่นนั้น เราก็เลยแวะไปลองชิมหน่อยซิ


เดินเข้าร้านอย่างมั่นใจ และสตั๊นท์ไป 10 วิ... มันคืออะไรบ้าง ยืนงงหน้าหม้อแกง Smiley




แต่พี่คนขายและคนที่นั่งทานอยู่น่ารักมาก มาช่วยกันอธิบายกันใหญ่ เราถามว่าอะไรที่มันเป็นพื้นฐานของที่นี่ ทุกคนชี้พร้อมเพรียง “นาซิดาแฆ”


พยักหน้าเหมือนจะรู้เรื่อง แต่มันคืออะไรง่าา?? พี่เค้าหัวเราะ มันคือข้าวเจ้าผสมกับข้าวเหนียวใส่น้ำกะทิเอาไปหุง ใส่สมุนไพรเข้าไป มัน ๆ เหนียว ๆ หอม ๆ ดีค่ะ พี่เค้าเลยตัก แกงปลา มาให้ทานกับข้าวด้วย อร่อยจริงแล้วสังเกตว่าร้านอาหารที่นราธิวาสนี่สะอาดดีจัง หม้อใหม่กริ๊บ สะอาดสะอ้าน อาหารก็อร่อยอี๊กกก มันคือสวรรค์จริง ๆ




นั่งทานโดยมีสายตาหลายคู่มองจับอยู่ อร่อยมาก เผลอทำหน้าฟิน ทุกคนหัวเราะ แล้วเลยกลายเป็นคุยกันทั้งร้าน แย่งกันเล่าถึงอาหาร ทีละคนก็ได้ค่ะพี่ หนูฟังไม่ทัน แหะๆๆ 


พี่คนนี้ใจดีมาก ชาเย็นพี่เค้าโออยู่นะคะ เราเรียกชื่ออาหารผิดเพราะไม่คุ้น พี่เค้าสอนจนหัวเราะ แถมนั่งดูว่าเราจะทานได้มั้ยจนลืมทานข้าวของตัวเอง น้อยไปสิ เรียบค่ะพี่ Smiley




ทานเสร็จจ่ายเงิน ทุกคนมายืนบ๊ายบายอยู่หน้าร้าน ยกมือขอบคุณแทบไม่ทัน เราหลงรักที่นี่จัง จะมาอีกมั้ย... แน่นอนค่ะ มาอีกแน่นอน Smiley


เราว่าคนที่นี่อ่อนโยนนะคะ มีน้ำใจด้วย เราถามว่าที่นี่เค้ายินดีต้องรับนักท่องเที่ยวมั้ย พี่ ๆ ที่เราคุยด้วยต่างตอบว่าอยากให้มา เพราะถ้ามีนักท่องเที่ยว เศรษฐกิจของที่นี่ก็อาจจะดีกว่านี้


ก่อนที่เราจะมาเราก็ได้ยิน ได้เห็น ไม่ต่างจากทุกคน แต่เรามานึกได้ถึงข้อนึง... เราเคยเห็นนักข่าวทำข่าวตอนน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพฯ ถนนนี่แห้งกริ๊บ ไม่ยืน ไปยืนจมน้ำรายงานข่าวอยู่ตรงหลุมถนนที่กำลังจะซ่อม (คือใครที่อยู่แถวนั้นจะทราบดีว่าหลุมนี้มีมาเป็นปีแล้ว) แล้วเป็นแอ่งประมาณเกือบ 2 เมตร (เลนนึงน่ะค่ะ) เพื่อจะให้ดูมีน้ำท่วม... เราเลยตัดสินใจได้ว่าเราจะไป 


แล้วเราก็ได้เห็นอะไรหลายอย่าง เราเรียนรู้อะไรหลายอย่าง เราได้ข้อคิดอะไรดี ๆ กลับมาหลายอย่าง 


เราจะไม่บอกว่ามาเที่ยวกันเถอะ... 

แต่เราอยากให้ทุกคนได้เห็นรอยยิ้มของผู้คนที่นี่จัง แล้วคุณจะรู้ว่ายิ้มที่ออกมาจากหัวใจสวยงามเพียงใด Smiley Smiley





Create Date : 20 สิงหาคม 2561
Last Update : 21 สิงหาคม 2561 11:33:25 น.
Counter : 1358 Pageviews.

4 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณKavanich96, คุณสองแผ่นดิน

  
ขอบคุณที่แบ่งปัน
โดย: Kavanich96 วันที่: 21 สิงหาคม 2561 เวลา:4:03:37 น.
  
หลงรักนราธิวาสไปด้วยเลยครับ เลิฟๆ
โดย: IFINDNOI (Ces ) วันที่: 21 สิงหาคม 2561 เวลา:19:44:17 น.
  
คิดถึงนราธิวาสครับ อยากไปเดินชาย+เล่นน้ำทะเลหาดนราทัศน์
กินลองกองตันหยงมัสของแท้

โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 24 สิงหาคม 2561 เวลา:23:52:11 น.
  
นั่งอ่านลงมาเรื่อย ๆ อมยิ้มไป

ชอบเขียนแบบนี้ คือชอบอ่านวิธีเขียน มีอารมณ์ขัน เขียนได้
เก่งมากครับ

ถ้าเขียนอัพบล๊อก ไปเคาะประตูบ้านให้รู้บ้างนะครับ จะได้
กลับมาอ่านอีก
โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 26 สิงหาคม 2561 เวลา:5:52:57 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

melody_bangkok
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่บางครั้งก็มีโลกส่วนตัวสูงมากมาย แต่ในบางครั้งก็พยายามจะยัดเยียดตัวเองเข้าไปในโลกส่วนตัวของคนอื่น... :P
ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ... ^^
Daisypath Vacation tickers
สิงหาคม 2561

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
22
25
26
29
30
31
 
 
All Blog