Bloggang.com : ลูกอบรสเขียด :

Safe : โคตรระห่ำ ทะลุรหัส , เจสัน สเตทแธม กลับมา บู๊ ฆ่า ล่า และ บ้าดีเดือด

Safe (2012)

[ไม่เปิดเผยเนื้อเรื่องสำคัญ หรือ ไม่สปอยล์]

Rated R for strong violence throughout, and for language

ผมเป็นคนนึงที่ค่อนข้างติดใจกับคิวบู๊ และ ลีลาของเฮียเถิกอย่าง เจสัน สเตแธม มากๆ เพราะไม่ว่าจะเป็น Transporters หรือแม้แต่ Crank ที่นักวิจารณ์ค่อนข้างเฉยๆไปในทางที่ไม่ค่อยชอบกัน ผมกลับรู้สึกมันส์สุดตัว เพราะฉะนั้นถึงแม้หนังเรื่องล่าสุดของเฮียแกอย่าง Blitz จะล้มเหลว ผมก็ให้โอกาสกับเรื่องนี้ใหม่

เจสัน สเตทแธม กลับมาบู๊อีกครั้งในหนังเรื่องใหม่ของเขาอย่าง Safe กับเรื่องราวในเมืองสุดโหด ที่ถูกปกครองไปด้วยทั้งมาเฟีย , ตำรวจโกงกิน และ เหล่าแก๊งยากูซ่า แต่เป้าหมายทั้งหมดของพวกมันกลับไปจดจ้องอยู่กับที่เด็กสาวน้อยเพียงคนเดียว ที่เธอนั้นมีรหัสที่จะสามารถปลดเซฟที่กุมเงินอยู่ถึงหลายล้านเหรียญ จึงทำให้เดือดร้อนไปถึงพระเอกของเราอย่าง เจสัน สเตทแธม ที่ต้องเข้าไปเสี่ยงตายเพื่อเป็นภารกิจช่วยเด็กสาวคนนี้ไว้ให้ได้ ด้วยลีลาจากการเป็นตำรวจมหากาฬในอดีตของเขา โดย Safe มีเปิดรอบพิเศษให้ชมกันก่อนวันที่ 25 เมษายนนี้ ตั้งแต่รอบเวลา 18.00 เป็นต้นไปทุกโรงภาพยนตร์เลยครับ

Safe เป็นผลงานการกำกับของ บอแอซ ยาร์กิน ซึ่งหลังจากผมเห็นเครดิตของผู้กำกับก็เริ่มหวั่นๆตั้งแต่แรก เพราะถึงแม้ว่าเขาจะเป็นถึงมือเขียนบทของหนังแอ็คชั่นชื่อดังหลายๆเรื่องอย่าง The Punisher หรือแม้แต่ Prince of Persia : The Sand of Time ก็ตาม แต่จากผลงานการกำกับของเขากลับมาแต่หนังแนวโรแมนติค คอมเมดี้ ไม่ว่าจะเป็น Uptown Girls และ A Price Above Rubies เพราะฉะนั้นสำหรับ Safe จึงผลงานหนังแอ็คชั่นเรื่องแรกของเขา โดยการเรียกใช้บริการของนักแสดงบู๊ที่กำลังรุ่งอยู่ตอนนี้อย่าง เจสัน สเตทแธม ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ถูกของผู้กำกับ เพราะดูเหมือนสิ่งเดียวที่จะช่วยตัวหนัง จาก บท และ ฉากแอ็คชั่นที่ซ้ำจำเจได้ เห็นจะเป็น ลีลา และ คิวบู๊ ที่ช่วยส่งให้พระเอกนักบู๊ของเราอย่าง เจสัน สเตทแธม ได้โชว์ลีลาบู๊ที่สะสมมาซะนมนาน

โดยถ้าหากใครนั้นเป็นแฟนคลับของหนุ่ม เจสัน สเตทแธม คงจะไม่ผิดหวังแน่ๆ เพราะผู้กำกับ บอแอซ ยาร์กิน เปิดทางให้คนดูได้เห็นการสู้ด้วยมือเปล่าของ สเตทแธม เต็มที่ โดยการไม่ใส่ดนตรีประกอบในฉากแอ็คชั่นเลยสักนิด ซึ่งกรณีนี้จะเปรียบเสมือนกับหนังแอ็คชั่นที่เพิ่งผ่านมาอย่าง Haywire ที่เรื่องนั้นโชว์ให้เห็นถึงลีลาของ จีน่า คาราโน่ มาหักกระดูก แต่ใน Safe จะโชว์ลีลาการยิงปืน และ เตะต่อยของ เจสัน สเตทแธม โดยไม่ใช้ สลิง ไม่ใช่ สตันท์ แทน ซึ่งถ้าหากใครยังไม่ค่อยเต็มอิ่มกับคิวบู๊ของเฮียเถิก เจสัน สเตทแธม ใน Transporters ทั้ง 3 ภาค ใน Safe นี้อาจจะถูกใจคุณมากขึ้นก็เป็นได้อย่างแน่นอน

แต่ก็อย่างว่า สำหรับหนังที่ขายแต่แอ็คชั่นโดยไม่สนใจเรื่องอื่นก็มักจะมาในแนวเดียวกัน และ Safe ก็เป็นหนังอีกหนึ่งเรื่องที่ว่าไว้ตามนั้น เพราะนอกจากฉากแอ็คชั่นมันส์ๆที่ทำออกมาดูเพลินๆของหนังแล้ว ในด้านอื่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ตัวบท และ ประเด็นเกี่ยวกับความโลภของคนนั้นดูจะไม่สุดสักด้าน ถึงแม้ว่า Safe นั้นจะเป็นหนังแอ็คชั่นที่ต้องยอมรับว่าสามารถดำเนินเรื่องได้รวดเร็ว และใช้เวลาการปูบทแค่ 20 นาทีแรกของหนังเท่านั้น และหลังจากนั้นหนังได้ละเลงความมันส์กันไม่มีหยุดหย่อน แต่เบื้องหลังการดำเนินเรื่องที่เร็วของหนังนั้นจะพบกับช่องโหว่รูใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อใจกันที่ง่ายดีแท้ของพระเอกและเด็ก

หรือแม้แต่การลักพาตัวไปอย่างง่ายดายในที่สาธารณะชน แต่ที่เสียดายที่สุดใน Safe คงเห็นจะเป็นเรื่องของประเด็นเกี่ยวกับ 'ความโลภ' ของโลกมนุษย์ ที่หนังสามารถปูบท และ ขยายประเด็นนี้โดยผ่านตัวละครของ แก็งค์รัซเซีย , มาเฟียจีน และ ตำรวจคดโกง ได้อย่างชาญฉลาด และเรื่องราวของ 'การสูญเสีย' ใน 2 ตัวละครหลัก ที่สุดท้ายหนังกลับไม่ได้พาประเด็นเหล่านี้ไปสะกิดต่อมของ คนดู สักเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะเรื่องของ ความโลภ และ ความสูญเสีย ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าเสียดายมากที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราหนังอุตส่าห์ปูบทให้คนดูเอาใจช่วยพระเอกแล้วแท้ๆ แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากจะให้ผมเทียบกับหนังแอ็คชั่นที่เพิ่งดูมาเมื่อวานอย่าง Lockout และควรจะไปดูหนังแอ็คชั่นเรื่องไหนในสุดสัปดาห์นี้ ผมคิดว่า Safe เป็นที่ดูได้เพลินกว่า Lockout หลายเท่า

โดยรวมแล้ว Safe ถือว่าเป็นหนังแอ็คชั่น ที่มาใน บทเดิมๆ การดำเนินเรื่องเดิมๆ และไม่สามารถพาประเด็นที่หนังปูไว้แต่ต้นไปให้สะกิดใจของคนดูได้ แต่ถ้าหากมองในด้านความบันเทิงนั้นถือว่าทำออกมาค่อนข้างดีสำหรับหนังแอ็คชั่นเรื่องแรกของผู้กำกับแนว โรแมนติค ดราม่า และแฟนๆ เจสัน สเตทแธม อย่าลืมดู