Bloggang.com : ลูกอบรสเขียด :

Act Of Valor : หน่วยพิฆาตระห่ำกู้โลก , ในที่สุดฉันก็ได้เห็น Call Of Duty เวอร์ชั่นภาพยนตร์

Act Of Valor (2012)

[ไม่เปิดเผยเนื้อเรื่องสำคัญ หรือ ไม่สปอยล์]

Rated R for strong violence including some torture, and for language

นี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ไม่ได้คาดหวังเลยว่าจะเข้าไปดู แต่ก็ด้วยเหตุที่โดนสภาวะกดดันให้บังคับเข้าไปดูจากคนรอบข้าง สรุปในวันนี้เลยได้ไปดูเรื่องนี้มาแล้วแบบยังงงตัวเองอยู่ ซึ่งจากตัวอย่างหนังและคำวิจารณ์ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรจากหนังเรื่องนี้มากมายอยู่แล้ว นอกจาก ฉากแอ็คชั่น ที่ว่าหนังจะมอบให้แก่คนดูได้รึปล่าว

เมื่อหน่วยซีลได้รับคำสั่งให้ ไปทำภารกิจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ของซีไอเอที่ ถูกจับเป็นตัวประกัน และได้รับเบาะแสสำคัญของแผนการณ์ก่อการร้ายของกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่จะโจมตี สหรัฐอเมริกา พวกเขาจึงออกเดินทางไปทั่วโลกเพื่อหยุดยั้งพวกมัน ในขณะที่ทีมปฏิบัติการณ์พิเศษในชื่อรหัสแบนดิโต้พยายามหยุดยั้งการโจมตีของ พวกผู้ก่อการร้ายที่อาจสังหารชีวิตผู้บริสุทธิ์ชาวอเมริกันนับร้อยนับพัน ชีวิต พวกเขาก็ต้องชั่งน้ำหนักความสำคัญของการรับใช้ชาติ, ความสัมพันธ์ของลูกทีมทุกคนในหน่วยฯ และชีวิตครอบครัวที่รอพวกเขาอยู่ที่บ้าน แต่เมื่อทำภารกิจเสร็จสิ้นไปหนึ่ง ก็จะมีข้อมูลใหม่ๆมาให้พวกเขาเสมอ

Act Of Valor กำกับการแสดงโดย 2 ผู้กำกับเพื่อนซี้หน้าใหม่แห่งวงการอย่าง สก็อต วอห์น และ ไมค์ แม็คคอย ซึ่งรายหลังนั้นเป็นผู้กำกับหน้าใหม่ที่แทบจะไม่มีผลงานออกมาให้เห็นเลย ส่วนรายแรกนั้นเคยทำสารคดีตามติดชีวิตการกิน การนอน และการอยู่ ของ นาวิก มาก่อน พร้อมทั้งยังเคยแสดงเป็น สตั๊นท์ ให้กับหนังดังๆหลายเรื่องเช่น Spider-Man 2 เป็นต้น โดยในปีนี้พวกเขากำลังจะมีหนังเป็นของตัวเองแล้ว และเลือกที่จะเปิดตัวเรื่องแรกด้วยหนังแอ็คชั่นที่นำเอา หน่วยซีล ตัวจริงมาเล่นในหนังด้วย ซึ่ง Act Of Valor จะเป็นหนังที่จัดอยู่ในประเภทเดียวกับ Battle Los Angeles และ Courageous ที่เป็นหนังแนวเชิดชูอเมริกา ประมาณว่า อเมริกาทำอะไรไม่เคยผิด แต่ถ้าประเทศอื่นคิดจะทำอะไรนิดหน่อยผิดตลอด โดยถ้าหากคุณไม่ชอบประเทศอเมริกา

นี้ก็เป็นหนังที่คุณไม่ควรดูอย่างยิ่ง เพราะตลอดเวลา 110 นาทีของหนังนั้น เต็มไปด้วย การสรรเสริญ ยกย่อง และ เชิดชู หน่วยทีม ซีล ของอเมริกาที่คอยปกป้องประเทศของพวกเขาจากเหล่าร้าย โดยผมสงสัยว่า ผู้กำกับ คงจะไปเน้นที่ประเด็นการยกย่องมากเกินไป ใน องค์ประกอบ ที่เหลือจึงไม่ค่อยจะใส่ใจอะไรเลย โดยเฉพาะด้านการเล่าเรื่อง และ ตัวบท ที่คงเป็นเพราะยังคงเป็นผู้กำกับหน้าใหม่ จึงยังไม่เก่งมากนักในด้านการเล่าเรื่อง และ การปิดท้ายบทสรุปในแต่ละฉาก ผลสรุปที่ Act Of Valor ออกมามันจึงกลายเป็นเหมือนกับว่า หนังเรื่องมีอยู่ 2 ตอนด้วยกัน ซึ่งตอนแรกนั้นคือ หน่วยซีลไปช่วยตัวประกัน

และในตอนที่ 2 คือ การที่หน่วยซีลไปหยุดยั้งการก่อการร้าย โดยที่ผมบอกว่าหนังมันเหมือนมี 2 ตอน เพราะว่าผู้กำกับเล่นปิดท้ายฉากการช่วยเหลือตัวประกันของหน่วยซีลใน 1 ชั่วโมงแรกด้วย บรรยากาศ และ เพลงประกอบ ที่ดูยิ่งใหญ่ จนทำเอาหลายๆคนรวมทั้งผมดูไปแล้วงงๆว่า 'เห้ย นี้มันจบแล้วหรอเนี่ย' และเพราะรู้สึกยังนั้น ในช่วงครึ่งหลังของหนังสำหรับผมมันจึงเต็มไปด้วย ความน่าเบื่อ และ ความยืดเยื้อ ของผู้กำกับมากกว่า เพราะแทนที่ผู้กำกับน่าจะเล่นเล่าเรื่องให้มันจบไปตั้งแต่ ภารกิจช่วยตัวประกัน ของหนัง แต่ผู้กำกับดันอยากจะใส่ภารกิจใหม่ๆให้หน่วยซีลนี้เสมอ สุดท้าย ภารกิจต่างๆที่ผู้กำกับยัดเข้ามา มันก็ไม่สามารถผสมผสาน หรือว่าให้มันแนบเนียนไปกับเนื้อเรื่องได้ เพราะฉะนั้นในช่วงครึ่งหลังสำหรับผมจึงต้องขอบอกเลยว่า น่าผิดหวัง มาก

แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังถือว่าดีที่ Act of Valor นั้นยังมีสิ่งมาทดแทนด้านของ บท และ การเล่าเรื่อง อยู่บ้าง นั้นคือด้านของ ฉากแอ็คชั่น ของหนังที่เรียกได้ว่าถอดรูปแบบจากเกมส์ Call Of Duty มาเลยก็ว่าได้ ด้วยสไตล์มุมกล้องสุดแนวของผู้กำกับ ที่ต้องยอมรับว่าถึงแม้จะเป็นผู้กำกับหน้าใหม่ แต่มุมกล้องทั้งหลายนี้ ไอเดีย ดีกว่าผู้กำกับที่ทำหนังมานานแล้วเสียอีก โดยเฉพาะ มุมกล้อง ในแบบ FPS นั้นถือว่าช่วยตัวหนังไว้ได้ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว พร้อมทั้ง เพลงประกอบ และ ฉากบรรยากาศ ต่างๆที่เป็นหนังที่โชว์ให้เห็นไว้ว่า หน่วยซีล ของ อเมริกา นั้นเขาทำงานกันอย่างไร และ ต้องแบกรับอะไรไว้บ้างในชีวิต

ซึ่งโดยสรุปแล้ว Act of Valor ก็ถือว่าเป็นหนังแอ็คชั่นอีกเรื่องที่ดูเอามันส์อย่างเดียว โดยเฉพาะครึ่งแรกของหนังที่จัดเต็มเหนี่ยว แต่น่าเสียดายที่ครึ่งหลังของหนังกลับพกความสนุกมาไม่เท่าครึ่งแรกเลยสักนิด แถมหนำซ้ำหนังยังมีปัญหากับการเล่าเรื่องอีกด้วย แต่ว่าก็โอเคแล้ว สำหรับ ผู้กำกับหน้าใหม่คู่นี้ครับ