อาจจะดูว่าเป็นเทพด้านนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ ที่ผสานเรื่องราวยุทธจักรและการต่อสู้เข้าด้วยกันได้อย่างแนบเนียน แต่สำหรับแฟนพันธุ์แท้งานเขียนของนักเขียนเรืองนามแห่งเกาะฮ่องกง คงประจักษ์ชัดกันเป็นอย่างดีว่า เสน่ห์อย่างหนึ่งในนิยายของหวงอี้ซึ่งต่อเติมสีสันให้บทประพันธ์ของเขาได้เป็นอย่างดี ก็คือ ฉากรักอีโรติก หรือเลิฟซีน
| สกัดเปลือก เลือกแก่น คุณค่าแท้แห่งนิยายหวงอี้ ไม่ว่าจะหวิว ไม่ว่าจะหวาม สักปานใด แต่สำหรับคอนิยายกำลังภายในซึ่งเป็นแฟนเดนตายของหวงอี้ตัวจริง คงมินำพาต่อ เรื่องอย่างว่า แต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคิดถึงข้อเท็จจริงที่ว่า เนื้อหาสาระอันกว้างขวางลึกล้ำ ดุจดั่งทะเลสาบเยี่ยหยาหู นั้น มีพร้อมให้ผู้คนเสพรับอย่างเต็มที่ มีคนบอกว่า หนังสือของหวงอี้ครอบคลุมหลายด้าน หวงอี้เองก็บอกว่า เนื่องจากเขาอ่านนิยายกำลังภายในมาตั้งแต่ยังหนุ่ม ระหว่างที่ศึกษาในมหาวิทยาลัยก็กราบอาจารย์อินเดียคนหนึ่งฝึกโยคะ ทานเจ ครึ่งปี แล้วจากนั้นเขาก็กราบอาจารย์คนอื่นๆ อีกไปเรื่อย ก็มีทั้งวิชาสอนเป่าขลุ่ย สอนวาดรูป หวงอี้มีอาจารย์คนหนึ่งที่เป็นนักวาดภาพชื่อดัง หวงอี้นั้นศึกษารอบด้าน เพราะฉะนั้น หนังสือของเขาจะมีทั้งแนววิทยาศาสตร์ หลักพุทธศาสนา โหราพยากรณ์ แล้วก็วิชาฮวงจุ้ย นอกจากนั้นเขายังศึกษาวิชานรลักษณ์ แล้วปัจจุบัน เขาก็ศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และวิชาเกี่ยวกับธรรมชาติ เพราะฉะนั้น พอศึกษาอะไรมา เขาก็มักจะสอดแทรกเข้าไปในงานเขียนของตัวเอง อย่างเช่น ดูง่ายๆ เขาเลื่อมใสหลักวิชาของม่อจื๊อ ซึ่งเป็นนักปราชญ์ในยุคสมัยเลียดก๊ก ม่อจื๊อนี่จัดกองกำลังของตัวเองทำสงครามเพื่อยุติสงคราม เพราะฉะนั้น เขาก็เอาหลักปรัชญานี้มาใช้ในเจาะเวลาหาจิ๋นซี เซี่ยงเส้าหลงไปฝึกวิชาพวกนี้ ก็เพื่อต้องการยุติสงครามด้วยการทำสงคราม ผมว่ามันก็เป็นปรัชญาอันหนึ่งซึ่งน่าศึกษา แม้กระทั่งตอนนี้ ผมว่าก็ยังใช้ได้นะปรัชญาของม่อจื๊อ ดังนั้น ถ้าดูหนังดูละครแล้วย้อนดูตัว อ่านหนังสือก็คือการเรียนรู้โลก สำรวจชีวิตได้ด้วยทางหนึ่ง ซึ่งสำหรับหวงอี้ น.นพรัตน์ สรุปรวบยอดสั้นๆ ว่า เวลาเราอ่านงานเขียนของเขา เรามักจะได้อะไรบางอย่างกลับมาเสมอ *** เล่าฮู คือ คำเรียกผู้อาวุโส
| ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์ Taste สิริสวัสดิ์วุธวารค่ะ |