ตอนที่ ๘ เปรมาธิปไตยกระบวนการทำลายชาติ โดยอาคม ซิดนีย์ ตอนที่ ๘ เปรมาธิปไตยกระบวนการทำลายชาติ โดยอาคม ซิดนีย์ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐ ถ้าหากท่านผู้อ่านสังเกตพฤติกรรมของเปรมดูให้ดีก็จะพบความจริงว่า ทุกครั้งที่เปรมออกมาเคลื่อนไหวเพื่อความเป็นใหญ่ เปรมจะต้องสร้างทหารโจรขึ้นมาเป็นฐานรองรับอำนาจก่อน ท่านผู้อ่านต้องไม่ลืมเด็ดขาดว่ามีทหารหาญในกองทัพที่มักใหญ่ใฝ่สูงอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย ดังจะเห็นได้ว่าในแต่ละปีเมื่อถึงเวลาโยกย้ายนั้น นายทหารมักใหญ่ ใฝ่สูงพวกนี้จะสร้างปัญหาให้ทุกรัฐบาลไม่เว้นในแต่ละปี จุดอ่อนตรงนี้ที่ทหารอาชีพอย่างเปรมได้นำมาเป็นประโยชน์ในการขึ้นสู่อำนาจและเป็นฐานให้อย่างมีประสิทธิภาพจนได้ฉายาว่า "นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา" เปรมขึ้นสู่อำนาจด้วยการสนับสนุนของนายทหารจปร.๗ หรือที่รู้จักกันในนามยังเติร์ก นายทหารรุ่นนี้เป็นรุ่นที่โด่งดังจนเป็นตำนานกล่าวขานกันแม้กระทั่งทุกวันนี้ นายทหาร รุ่นนี้สร้างชื่อขึ้นมาได้จากการเป็นนักรบชนิดบ้าบิ่นบู้ล้างผลาญแบบยกรุ่น จึงทำให้มีอิทธิพลจนคุยได้ว่าสามารถกุมอำนาจการบังคับบัญชาของทหารบกได้ในเวลานั้น ที่เป็นเช่นนี้ก็สืบเนื่องจากหน่วยกำลังหลักในทุกกรมมีจปร. ๗ เป็นผู้บังคับการกรม ซึ่งไม่เคยปรากฎมีจปร.รุ่นไหนสามารถทำได้มาก่อน การที่เป็นผู้บังคับการกรมย่อมมีอำนาจในการบังคับบัญชาหน่วยกำลังระดับกองพัน ที่มีอยู่ ๗๒ กองพันในเวลานั้น เมื่อหน่วยกำลังพลที่เป็นมือปฎิบัติการอยู่ภายใต้อิทธิพลของนายทหารรุ่นนี้ จึงอยากต่อการปกครองของผู้ที่เป็นผู้บังคับบัญชา ดังนั้นเอกลักษณ์ของกลุ่มยังเติร์กจึงปรากฎออก มาในลักษณะฮึกเหิมแข็งกร้าวและดุดัน และในที่สุดก็แผ่อิทธิพลเข้าไปมีบทบาทในการกำหนดทิศทางการเมือง วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๒๐ พล.ท.เปรม ติณสูลานนท์ แม่ทัพภาคที่ ๒ ทยานขึ้นสู่ตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกพร้อมกับครองยศพลเอก และในเดือนต่อมาเปรมก็เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่มีพล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการรัฐประหาร ยึดอำนาจรัฐบาลนายธานินทร์ กรัยวิเชียร (ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากองคมนตรีและเป็นนายกรัฐมนตรีพระราชทาน) โดยมี พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ เป็นหัวหน้าคณะปฎิรูปฯ และมีชื่อเปรมเป็นหนึ่งในคณะรัฐประหารในคราวนั้น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายทหารที่กลุ่มยังเติร์กกำหนดและสนับสนุนให้เป็นผู้รับผิดชอบบ้านเมือง ดังนั้นในปีถัดมาเปรมจึงก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกพร้อมควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลพล.อ.เกรียงศักดิ์ ซึ่งในคราวนี้มาจากการเลือกตั้ง จวบจนกระทั่งต้นปี ๒๕๒๓ ฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ก็มีการกดดันจากกลุ่มยังเติร์กเพื่อบีบให้พล.อ.เกรียงศักดิ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยวิธีการที่ตื่นเต้นและเร้าใจ ว่ากั นว่าพ.อ.มนูญ นำระเบิดใส่กล่องเบียร์เข้าไปกดดันถึงในสภาเลยทีเดียว (เป็นที่น่าสังเกตุว่าการขึ้นสู่อำนาจของเปรมในแต่ละย่างก้าวนั้นมักจะมีกลิ่นอายแห่งการปฎิวัติและเรื่องระเบิดเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ) พล.อ.เกรียงศักดิ์ประกาศลาออกกลางสภาฯพร้องกับทิ้งคำปริศนา "เพื่อให้ระบบรัฐสภาคงอยู่ต่อไป" พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ได้ขึ้นสู่ตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีและได้จัดตั้งรัฐบาลเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๒๓ และหลังจากที่ได้ง่วนอยู่กับการจัดสรรตำแหน่งในส่วนซีกการเมืองเป็นที่เรียบร้อย ก็ถึงคิวที่จ ะต้องมาจัดสรรตำแหน่งในส่วนซีกของกองทัพเพราะถึงฤดูโยกย้ายพอดี ซึ่งในปีนี้มีเรื่องที่แตกต่างไปจากทุกปีนั่นก็คือพล.ต.อาทิตย์ กำลังเอก ผู้บัญชาการกองพลที่ ๑ รักษาพระองค์ ได้เป็นผู้เสนอการต่ออายุราชการของพล.อ.เปรม จึงอย่าได้แปลกใจว่าทำไมเปรมจึงเลือกเอาพล.ต.อาทิตย์ขึ้นมาเป็นทหารคู่ใจและคอย ถ่วงดุลอำนาจกลุ่มยังเติร์ก พล.ต.อาทิตย์ กำลังเอก ได้รับการบรรจุเข้าในหลักสูตรเร่งรัด เป็นหลักสูตรที่ท่านผู้อ่านต้องติดตามอ่านชนิดคำต่อคำ เพราะปรากฎการณ์เช่นนี้ไม่มีให้ได้เห็นกันบ่อยๆ คือ วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๒๓ พล.อ.อาทิตย์ได้เลื่อนจากผู้บัญชาการกองพลที่ ๑ รักษาพระองค์ ไปดำรงตำแหน่งเป็นรองแม่ทัพภาคที่ ๒ วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๒๔ ย้ายจากรองแม่ทัพภาคที่ ๒ มาดำรงตำแหน่ง แม่ทัพภาคที่ ๑ พร้อมกับครองยศพลโท วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๒๔ ในปีเดียวกัน เลื่อนจากแม่ทัพภาคที่ ๑ ทะยานขึ้นสู่ตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก พร้อมกับครองยศพลเอกจ่อคิวเป็นผู้บัญชาการทหารบก การที่เปรมจับวางอาทิตย์ขึ้นมามีบทบาทในกองทัพนั้นไม่ได้มีเจตนาเพียงต้องการให้ถ่วงดุลอำนาจจปร.๗ เท่านั้นหากแต่เป้าหมายหลักก็คือต้องการลดบทบาทและสลายอำนาจกลุ่มนายทหารยังเติร์กอีกด้วย ลำพังอาทิตย์คงไม่อาจต้านอำนาจกลุ่มยังเติร์กได้หากเปรมไม่มาผูกสัมพันธ์กับนายทหารจปร .๑ อย่าง พ.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ, จปร.๒ ที่มี พ.อ.พิจิตร กุลวานิช และจปร.๕ ที่มี พ.อ.สุจินดา คราประยูร เข้าร่วมผนึกกำลังในการโค่นล้มในกรณีกบฏเมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๒๔ หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า "เมษาฮาวาย" การผนึกกำลังของนายทหารสามรุ่นดังกล่าวนอกจากสามารถสลายพลังนายทหารกลุ่มยังเติร์กที่สนับสนุนเปรมขึ้นมาเป็นนายกฯได้สำเร็จแล้ว เปรมก็หันมาให้ยาและอาหาร เสริมกับนายทหารทั้งสามรุ่นให้โตทันที่จะขึ้นมาคานอำนาจพล.อ.อาทิตย์ ในเวลาต่อมา แล้วกลายมาเป็นฐานกำลังสำคัญในการกำจัด พล.อ.อาทิตย์ ในกรณีลดค่าเงินบาท และใช่ว่าตำนานในการขึ้นสู่อำนาจในระบอบเปรมาธิปไตยชนิดที่ทำให้หนังสือสามก๊กขายไม่ออกจะหยุดอยู่เพียงเท่านั้น พันธมิตรที่ร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกันอย่างพล.อ.ชวลิตและพล.อ.สุจินดา ก็มีอันจะต้องมาผิดใจกันด้วยวาทะ "ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกนั้นได้มาง่ายๆ หรือ" ในกรณีที่ชวลิตต้องส่งมอบตำแหน่งให้สุจินดาเมื่อครบสองปีตามสัญญาสุภาพบุรุษ จนกลายมาเป็นเหตุการณ์นองเลือดเมื่อเดือนพฤษภา ๒๕๓๕ หรือที่รู้จักกันในนาม "พฤษภาทมิฬ" การที่เปรมขึ้นสู่อำนาจด้วยการหักหลังพล.อ.เกรียงศักดิ์โดยสมคบกับนายทหารกลุ่มยังเติร์กจปร.๗ แล้วก็หักหลังเรื่อยมาในทุกกลุ่มนายทหารที่ค้ำยันบัลลังก์อำนาจเปรม ตลอดมาจนเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ คงสามารถบ่งบอกความเป็นคนของเปรมได้เป็นอย่างดี จึงอย่าได้แปลกใจว่านายทหารรุ่นก่อนที่เคยร่วมเป็นร่วมตายกันมา ถึงได้หนหายไม่มีใครอยากคบหาด้วย จะมีก็แต่พวกนายทหารรุ่นใหม่ที่มักใหญ่ใฝ่สูง อย่างที่ผมเรียกว่าทหารโจรเท่านั้นที่อยู่รอบกายเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นสนธิ บุญยรัตกลิน หรือ สะพรั่งกัลยาณมิตร และบรรณวิทย์ เก่งเรียน และดังที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นนี้จึงเป็นที่มาของฉายา "นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา" การที่ผมเรียกนายทหารข้างกายเปรมเป็นทหารโจรนั้น ผมไม่ได้เรียกอันสืบเนื่องจากอารมณ์หรือมีความแค้นเป็นการส่วนตัว แต่ผมมีเหตุผลในการเรียกนี้เนื่องเพราะพฤติ กรรมของพวกเขาเอง การก่อเหตุแย่งชิงอำนาจโดยไม่เคารพกฎกติกาและกรอบแห่งรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศนั้นมีแต่โจรเท่านั้นที่สามารถจะทำได้ สุจริตชนคนทำมาหากินทั่วไปไม่มีใครที่คิดจะทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย การกล่าวผิดให้เป็นถูกโดยไม่คำนึงถึงเหตุผลและความเป็นจริง การพูดขาวให้เป็นดำ ตลอดจนการยัดเยียดความผิดให้ผู้นำรัฐบาลที่มาจากการมอบความไว้วางใจของคนส่วนใหญ่ในประเทศก็ดี การขัดขวางและกำจัดผู้รักษากฎหมายอย่าง พล.ต.อ.โกวิทย์ วัฒนะ ผบ.ตร. อย่างมีเงื่อนงำ เนื่องเพราะการปฎิบัติหน้าที่ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดกฏหมายจนส่อเค้าว่าจะเป็นกลุ่มพวกเดียวกับผู้มีอำนาจก็ดี ล้วนมีพฤติกรรมของโจรอย่างไม่อาจปฎิเสธได้ การก่อการยึดอำนาจด้วยการทำรัฐประหารนั้นมีโทษถึงประหาร เพราะตามกฎหมายกำหนดไว้ชัดเจนว่าเป็นความผิดในข้อหาก่อการกบฏ การที่รัฐบาลที่มาจากวิถีทางที่ผิดกฏหมาย แล้วกำลังจะตั้งข้อหาให้พ.ต.ท .ทักษิณ ชินวัตร ว่ามีการกระทำอันเป็นกบฏ จะให้ผมเข้าใจเป็นอื่นไม่ได้เด็ดขาด นอกเสียจากมีความคิดว่า กว่าหนึ่งปีที่ผ่านมามีการยัดเยียดและกล่าวหานายกฯทักษิณ (ขอย้ำนายกฯทักษิณ ผมไม่ใช้คำว่าอดีตนายกฯตามแบบฉบับจารุวรรณ เพราะยังไม่มีพร ะบรมราชโองการฯปลดออกจากตำแหน่ง) จนไม่มีข้อกล่าวหาอันใดมายัดเยียดให้อีก หรืออาจเกิดจากคนเสียสติหรือสิ้นคิด และหรือคนที่คิดในเวลานั้นก้อนสมองอาจจะกำลังเกิดอาการอับเสบอย่างรุนแรง การยัดเยียดและกล่าวหาเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่พ.ต.ท.ทักษิณที่ผ่านมาผมคงไม่ต้องลงรายละเอียดในที่นี้ให้สิ้นเปลืองเนื้อที่ เชื่อว่าท่านผู้อ่านที่มีใจเป็นธรรมทุกท่านคง ทราบและรู้อยู่แก่ใจทุกท่านแล้วว่ามีความจริงเท็จอย่างไร ดังนั้นผมจึงขออนุญาตนำเสนอในส่วนที่ยังไม่มีใครพูดถึง นั่นก็คือเรื่องสนามบินสุวรรณภูมิที่มีการออกมาโจมตีเป็นรายวันอยู่ในเวลานี้ ผมอยากจะเรียนท่านผู้อ่านทุกท่านว่าในแต่ละจุดที่โจมตีนั้นมัน สามารถทำเงินได้อย่างเป็นกอบเป็นกำสำหรับบรรดาทหารโจร สนามบินสุวรรณภูมินั้นเป็นที่ทราบกันดีว่า เป็นโครงการที่เกิดขึ้นในสมัยอดีตที่ยาวนาน ตั้งแต่เมื่อครั้งจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์โน่นซึ่งล่วงเลยมาแล้วเกือบห้าสิบปี โครงการนี้มี ความไม่ชอบมาพากลตลอดมาในทุกรัฐบาล และผมเชื่ออยู่ลึกๆ ว่าหากไม่ได้รัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่มีผู้นำที่ชื่อว่าทักษิณ สนามบินแห่งนี้ก็ยังคงเป็นที่ช่วงชิงของนักเลือกตั้งในการตักตวงแสวงหาผลประโยชน์อย่างไม่เลิกรา โครงการสนามบินแห่งนี้เป็นโครงการใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเนื้อที่หลายพันไร่ การก่อสร้างจึงจำเป็นที่ต้องแจกจ่ายไปให้ผู้รับเหมาหลายรายด้วยวิธีการประมูล ส่วนเนื้อที่ใช้สอยในส่วนของภายใน ก็มีการให้สัมปทานแก่ผู้ที่เสนอให้ผลประโยชน์สูงสุด ผมคงจะไม่ลงในรายละเอียดเพราะไม่ใช่เป็นประเด็นที่ผมจะนำเสนอ เพราะฉะนั้นโครงการสนามบินแห่งนี้จึงจำเป็นต้องมีผู้คนที่เข้าไปเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพ.ต.ท.ทักษิณให้ความสำคัญกับสนามบินสุวรรณภูมิ ถึงกับเคยประกาศว่าจะให้เสร็จภายในรัฐบาลไทยรักไทยนี้ให้ได้ ซึ่งยังสื่อความหมายให้เป็นที่รับรู้กันอีกว่า ไม่เพียงแต่จะถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงสำหรับรัฐบาลพียงเท่านั้น หากแต่ยังจะมีความสำคัญถึงกับเป็นหน้าเป็นตาของประเทศอีกด้วย โดยตั้งความหวังถึงขั้นที่จะให้เป็นสนามบินที่ทันสมัยที่สุดในโลกโน่นเลยทีเดียว สนามบินแห่งนี้เสร็จทันตามสัญญาประชาคมเหมือนดังในหลายๆ โครงการในนโยบายของรัฐบาลทักษิณ ความสามารถเฉพาะตัวอย่างนี้นี่แหละที่ทำให้พรรคฝ่ายค้านอดรนทนไม่ได้ เพราะมีแนวโน้มที่จะต้องเป็นฝ่ายค้านตลอดไป ก็เลยมีการตีรวนเพื่อที่จะล้มล้างด้วยวิธีการอันสกปรก มันก็เลยเหมือนเตะหมูไปเข้าปากหมา เพราะมีกลุ่มคนที่คอยจ้องที่จะล้มมาเป็นเวลานานแล้ว (ดังที่เคยนำเสนอในบทความเรื่องจิ๋วตายน้ำตื้น) ดังนั้นเมื่อมีเหตุการณ์ร่วมด้วยช่วยกันจนการล้มล้างเป็นผลสำเร็จ ในขณะที่โครงการสนามบินแห่งนี้ก็สามารถเปิดบริการได้ พร้อมกับมีกลิ่นไม่สู้ดีในกรณีซีทีเอ็กซ์ ก็เลยจะถือโอกาสจะขุดคุ้ยเพื่อมาเป็นประเด็นพิฆาตทักษิณ แล้วก็เลยลุกลามมาเป็นการตรวจสอบเพื่อหาผิดมาเพิ่มเติม การส่งสัญญาณตรวจสอบเพื่อจับผิดทักษิณ ทำให้พ่อค้ารับเหมาบางรายที่ใจเสาะ ด่วนวิ่งเข้าหาให้สินบนเพื่อขอยกเว้นในส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบด้วยความเคยชิน ทหารมักใหญ่ใฝ่สูงก็เลยได้ลิ้มรสแห่งความมีอำนาจว่าที่แท้มันดีอย่างนี้นี่เอง ก็เลยได้ใจขยันตรวจสอบกันเป็นยกใหญ่ ตอนนี้กี่จุดๆ ที่เป็นข่าวออกไปก็เลยกลายเป็นเงินกลับมาให้นับกันไม่หวาดไม่ไหว เมื่อข่าวสนามบินสุวรรณภูมิถูกโจมตีเป็นรายวันอย่างนี้ มีหรือที่กลุ่มมาเฟียที่เคยหากินอยู่ที่ดอนเมือง จะปล่อยให้โอกาสเลยผ่านไป ดอนเมืองเหงามาเฟียก็เฉา นาทีทองอย่างนี้จึงมีการลงขันให้โยกสนามบินกลับมาคึกคักดังเดิม เลยกลายเป็นโชคสองชั้นของพวกทหารโจรโดยไม่ตั้งใจ โจรกับมาเฟียแต่ไหนแต่ไรมันเคยแยกกันออกที่ไหน เรื่องมันก็เลยไปกันใหญ่ เงินทองมันเข้าใครออกใครเสียเมื่อไหร่ แล้วเหตุทั้งหลายในส่วนของโจรที่มาปะทะกั บมาเฟียจึงมีที่มาด้วยประการ ฉะนี้แหละครับท่านผู้อ่าน ความเป็นโจรนั้นบนความเป็นจริงแล้วไม่มีใครเกิดมาเป็นโจรโดยกำเนิด หากแต่ความเป็นโจรนั้นมีจุดเริ่มต้นจากความเป็นคนกล้าในหมู่คนใกล้ตัว จนสามารถสร้างความ เกรงกลัวแล้วกลายมาเป็นผู้มีบารมีในแวดวงคนใกล้ชิด จากนั้นจึงพัฒนามาเป็นผู้กว้างขวางแล้วก็พุ่งทะยานเป็นผู้มีอิทธิพลในที่สุด สุดแต่ว่าใครจะมีความห้าวหาญบ้าบิ่นและ โหด!!! มาเป็นตัวกำหนดว่าจะมีอิทธิพลอยู่ในระดับไหน นายทหารโจรที่อยู่ในแวดวงใกล้ชิดเปรมก็เช่นเดียวกัน นายทหารจปร.๗ ความจริ งเป็นนายทหารที่มีคุณสมบัติที่เป็นแม่บทของทหารที่ดี เพราะเป็นกลุ่มทหารหาญที่มีความกล้าจนเป็นที่ประจักษ์ จนไม่มีนายทหารรุ่นไหนกล้าที่จะตอแยด้วย แต่ด้วยอำนาจและผลประโยชน์จึงทำให้บางคนมีพฤติกรรมที่แปรเปลี่ยนไป อย่างเช่นพ.อ.มนูญ ที่กล้าถึงกับคุกคามพล.ท.วิฑูรย์ ยะสวัสดิ์ ซึ่งมีศักยภาพสูงจนเป็นที่เกรงกลัวของคนทุกวงการ และมีบารมีในกองทัพถึงขั้นมีการคาดหมายว่าจะเป็นหัวหน้าคณะปฎิวัติในเวลานั้น ให้หลุดพ้นไปจากวงจรอำนาจอันเป็นการเคลียร์พื้นที่ให้เปรมได้ขึ้นสู่อำนาจอย่างไร้คู่แข่ง หรืออย่างกรณีสองนายธนาคารที่ระดมเงินกักตุนน้ำตาลและข้าวสารเพื่อเก็งกำไรจนทำให้สินค้าทั้งสองขาดตลาด ก็มีวาทะอันชวนขนหัวลุกจากแกนนำจปร.๗ อย่าง พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิต ออกมาประกาศจะฆ่าเศรษฐี ๕๐๐ คนด้วยวิธีใช้ค้อนทุบหัวโดย ไม่ต้องสิ้นเปลืองกระสุน ด้วยวิธีการอันบ้าบิ่นนี้เองที่ทำให้ผู้คนเกิดความเกรงกลัวไปทั่วทุกวงการ ดังนั้นการเคลื่อนไหวเพื่อก่อการรัฐประหารในแต่ละ ครั้งจึงมีเงินสนับสนุนเข้ามาเป็นจำนวนมหาศาล พ.อ.ประจักษ์ เป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักรบที่กล้าและบ้าบิ่น ชื่อเสียงเป็นที่โด่งดัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เขตชายแดนเขมร ว่ากันว่าในสมัยที่ประเทศเขมรแตก ประชาชนหอบลูกจูงหลานหนีตายทะลักเข้ามาทางเขตชายแดนอรัญประเทศ การหนีภัยสงครามผู้ที่มีฐานะจะสะสมทองเป็นส่วนใหญ่ การหอบทองเป็นจำนวนมากเป็นอันตรายสำหรับผู้พกพา ดังนั้นด้วยชื่อเสียงของวีรบุรุษตาพระยาคนนี้ จึงมีพ่อค้าวาณิชชาวเขมรนำทอง มาฝากเป็นจำนวนมากเพื่อความปลอดภัย และหลายรายต้องฆ่าตัวตายเพราะไม่ได้คืน พ.อ.ประจักษ์คงจะมีภาพหลอนจากอดีตที่ตามมารังควาน ยิ่งเมียมาประสบปัญหาโดนหลอกซื้อเครื่องเพชรปลอมก็เลย ต้องคิดมากและอัตวินิบาตกรรมตนเองในที่สุด ในส่วนของจำลอง ศรีเมือง แกนนำคนสำคัญของจปร.๗ หลังจากอิทธิพลนายทหารกลุ่มยังเติร์กถูกสลายทำลายลง เส้นทางการทหารก็ดูไม่สดใส จึงหันมาเล่นการเมืองโดยฝากอนาคตให้กับสำนักโล้นและได้เรียนรู้วิชาเคลื่อนไหวต่อต้านเพื่อตบทรัพย์อันถือได้ว่าเป็นอาชีพหลักของสำนักนี้ จนกระทั่งสำนักโล้นล่มสลายกลายเป็นสำนักเถื่อน จำลองก็เลยยึดถืออาชีพนี้หากิน หากินด้วยวิธีข่มขู่เพื่อรีดทรัพย์และหากไม่ได้ดังที่ต้องการ ก็จะทำการเคลื่อนไหว ดังเช่นเคลื่อนไหวต่อต้านทักษิณและเบียร์ช้างอย่างที่เห็นนี่แหละ จำลองถือได้ว่าเป็นลูกป๋าที่ใกล้ชิดเปรมที่สุดคนหนึ่งที่เปรมเคยยกบ้านให้ทั้งหลัง ก่อนที่จะเข้าไปยึดบ้านสี่เสามาเป็นเรือนตาย โดยไม่ยอมคืนหลวงด้วยหลักคุณธรรมและจริยธรรม เปรมมีพฤติกรรมหักหลังมาโดยตลอดในส่วนของทหาร ในด้านการเมืองเปรมก็มีพฤติกรรมที่ไม่แตกต่างกัน ดังที่ได้กล่าวมาแล้วในบทความเรื่อง "เปรมข้อต่อ-ธุรกิจ-การเมืองและเบื้องสูง" ว่าเปรมเข้ามาสู่วงการเมืองด้วยความอุปการะของพรรคกิจสังคม โดยมีหม่อมคึกฤทธิ์ฉายาเฒ่าสารพัดพิษเป็นผู้ดูแลอุ้มชู แต่สุดท้ายเปรมคนดีศรีสังคม ก็ส่งพล.อ.อ.สิทธิ เศวตศิลาเพื่อนรักเข้าไปยึดครองพรรคกิจสังคมด้วยอิทธิพลทางทหาร จนกลายเป็นอวสานบนเส้นทางการเมืองอันยาวนานของม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ผู้มีพระคุณต่อเปรม เปรมถือกำเนิดมาจากครอบครัวที่ไม่จัดว่ามีฐานะมั่งมี ดังจะเห็นได้ว่าพอจบเรียนชั้น ม.๖ ที่โรงเรียนมหาวชิรวุธแล้ว ก็มาเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนสวนกุหลาบจนจบม.๘ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะเรียนแพทย์ แต่เนื่องจากฐานะทางครอบครัวไม่อำนวยจึงได้เปลี่ยนใจมาเรียนการทหารแทน นี่จึงเป็นการยืนยันได้เป็นอย่างดีถึงฐานะทางครอบครัวในอดีต แต่เมื่อมาเปรียบเทียบกับฐานะในปัจจุบันที่เจ้าสัวต้องเรียกพี่ ทั้งๆ ที่ในชีวิตไม่เคยทำธุรกิจอื่นใดนอกจากรับราชการ แต่มีฐานะเกินกว่าชีวิตข้าราชการคนหนึ่งพึงจะหาได้ ซึ่งคงเป็นหน้าที่ของท่านผู้อ่านทุกท่านที่ต้องช่วยกันค้นหาคำตอบกันเอาเอง ผมคงทำได้แค่ผู้นำเสนอ บทสรุป ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นอันเป็นการชี้ให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเปรมว่า ตลอดเวลาอันยาวนานที่ผ่านมาเปรมอยู่บนอำนาจด้วยการหักหลังและเนรคุณมาโดยตลอด แต่กลับ เป็นบุคคลที่มีหน้ามีตาเป็นที่ยอมรับนับถือของคนจำนวนไม่น้อย แล้วการที่ไปมีชื่อร่วมอยู่ในคณะรัฐประหาร ทำการยึดอำนาจรัฐบาลนายธานินทร์ กรัยวิเชียร ที่เป็นนายกรัฐมนตรีพระราชทานโดยเฉพาะอย่างยิ่งมาจากตำแหน่งองคมนตรี แต่กลับมีคนยกย่องว่าเป็นผู้ที่มีจงรักภักดีฯได้อย่างไร แล้วที่เปรมเคยประกาศเป็นสัญญาประชาคมจนกลายเป็นอมตะวาจาว่า "ผมพอแล้ว" พฤติกรรมของเปรมทุกวันนี้มีเครื่องบ่งชี้ว่าพอแล้วหรือ โดยเฉพาะการปลุกกระแสคุณธรรม, จริยธรรม, ธรรมาภิบาล ตลอดจนพอเพียงที่ทุกคนฟังจนขึ้นใจ มันมีความสอดคล้องต้องกับการกระทำและความเป็นอยู่จริงของเปรมหรือไม่ อย่างไร และถ้ากะเทาะจนหมดเปลือกอย่างนี้แล้ว ยังมีคนนับถือเปรมอยู่อีกก็นับว่ามันคนนั้นบ้าแล้ว อาคม ซิดนี่ย์ arkomsydney@yahoo.com.au copyright © arkomsydney 2007 ฉบับหน้ามาว่ากันเรื่อง "พรรคจักรีในยุคเปรมหวลกลับ" Create Date : 14 กรกฎาคม 2550 Last Update : 14 กรกฎาคม 2550 5:56:01 น. 0 comments Counter : 554 Pageviews.   Share Tweet