|
9 กรกฏาคม 2550
|
|
|
|
คดี ทำบุญ วัดพระแก้ว ไม่หมิ่น ศาลไม่รับฟ้อง "ทักษิณ" รายละเอียด
*** คดี ทำบุญ วัดพระแก้ว ไม่หมิ่น ศาลไม่รับฟ้อง *** ที่ พว ๐๐๐๘/๒๕๔๘ สำนักพระราชวัง พระบรมมหาราชวัง กทม.๑๐๒๐๐
๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๘
เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติในงานพิธีจัด ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
เรียน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี
อ้างถึง หนังสือที่ นร ๐๕๐๑/๗๕๙๖ ลงวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๘
ตามที่ขอทราบหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติในงานพิธีที่จัด ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามตลอดจนการแต่งกาย ข้อพึงปฏิบัติของประธานในพิธี และผู้เข้าร่วมพิธีนั้น สำนักพระราชวังมีระเบียบที่ถือปฏิบัติ คือ เมื่อส่วนราชการหรือคณะบุคคลมีความประสงค์จะขอใช้พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อประกอบพิธีต่างๆ ต้องทำหนังสือถึงสำนักราชเลขาธิการ เพื่อนำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัวพระราชทานพระบรมราชานุญาติแล้ว สำนักราชเลขาธิการจะทำหนังสือแจ้งผู้ขอพระบรมราชานุญาติ และแจ้งสำนักพระราชวังทราบดังตัวอย่างเช่น ๑. พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ พลตำรวจเอก สล้าง บุนนาค ประกอบพิธีมังคลาภิเษกเหรียญที่ระลึก เบญจมหามงคล เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒ ๒. พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ นายประมวล สภาวสุ ประกอบพิธีมังคลาภิเษกเหรียญที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิ พลอดุลยเดช เฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ และเหรียญที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๔๒ ๓. พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ กระทรวงสาธารณสุข ประกอบพิธีพุทธาภิเษก พระพุทธรูปประจำกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันอังคารที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๔๓ ๔. พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ พลเอกวิเศษ คงอุทัยกุล รองสมุทหราชองครักษ์ประกอบพิธีมังคลาภิเษกและเทองหล่อชนวนรูปหลวงพ่อทวดพระ นามาภิไธย สก. เมื่อวันอังคารที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๔๔ ๕. พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ นายสวัสดิ์ โชติพานิช ประกอบพิธีมังคลาภิเษกพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและเหรียญที่ระลึก เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๔๕
การดำเนินงานหลังจากนั้นเป็นหน้าที่ของ 3 หน่วยงาน คือ ๑. เจ้าของงาน ๒. เจ้าหน้าที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ๓. เจ้าหน้าที่กองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง ทั้ง ๓ หน่วยงานพิจารณาดำเนินการร่วมกัน โดยเจ้าหน้าที่กองพระราชพิธีเป็นผู้จัดสถานที่ตามหลักการที่เคยปฏิบัติ และให้คำแนะนำในพิธีการปฏิบัติ
การจัดที่นั่งของประธานในพระอุโบสถ จัดเป็น ๓ แบบ ดังนี้ ๑. ในกรณีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มาทรงเป็นประธานในพิธี การตั้งพระราชอาสน์ที่ประทับ จะตั้งโดยหันพระพักตร์ไปยังอาสนสงฆ์ ส่วน เก้าอี้ของข้าราชการ และผู้มาเฝ้าฯ จะหันหน้าเข้าสู่พระพุทธมหามณีรัตนปฎิมากรเพราะถือว่าข้าราชการและผู้มีเกียรตินั้นมาเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว ๒. ในกรณีที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระบรมวงศ์ พระราชวงศ์ องคมนตรีปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ต้องตั้งพระราชอาสน์พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นประธาน ตั้งพระเก้าอี้หรือเก้าอี้ผู้แทนพระองค์ทางเบื้องขวาและต่ำกว่าพระราชอาสน์ โดนหันหน้าไปทางอาสนสงฆ์ ส่วนเก้าอี้ ของข้าราชการและผู้มีเกียรติจะตั้งหันเข้าสู่ พระมหามณีรัตนปฎิมากร เพราะถือว่าข้าราชการและผู้มีเกียรตินั้นมาเฝ้าฯ สมเด็จพระบรมวงศ์หรือผู้แทนพระองค์ ๓. ในกรณีที่พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้หน่วยราชการหรือบุคคลใช้พระอุโบสถโดยเชิญผู้มีเกียรติหรือเจ้าของงานเป็นประธาน การตั้งเก้าอี้ของ ประธานจะตั้งหันหน้า ไปยังอาสนสงฆ์ ส่วนเก้าอี้ของผู้มีเกียรติที่มาร่วมงาน จะตั้งด้านหลังของเก้าอี้ผู้เป็นประธาน และหันหน้าไปยังอาสนสงฆ์เช่น เดียวกับประธาน
การแต่งกายในพิธี ถ้าเป็นการเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมวงศ์ หรือผู้แทนพระองค์ สำนักพระราชวัง กำหนดการแต่งกาย เครื่องแบบ เต็มยศ เครื่องแบบครึ่งยศ หรือเครื่องแบบปกติขาวแล้วแต่กรณี ส่วนที่เป็นพิธีของหน่วยราชการและบุคคล กำหนดการแต่งกายเป็นชุดสากลนิยม ชุดพระราช ทานหรือชุดสุภาพ
การปฏิบัติของผู้เป็นประธาน ปฏิบัติตามเจ้าหน้าที่กองพระราชพิธี สำนักพระราชวังแนะนำและเชิญประธานไปปฏิบัติตามธรรมเนียมที่ได้ปฏิบัติกันสืบมา จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
(นายแก้วขวัญ วัชโรทัย) เลขาธิการพระราชวัง
กองพระราชพิธี โทร. ๐ ๒๖๒๓ ๕๕๐๐ ต่อ ๒๕๒๖ โทรสาร. ๐ ๒๖๒๓ ๕๕๐๐ ต่อ ๒๕๒๗
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ข้ออ้างทำรัฐประหารหมดแล้ว ทักษิณทำบุญวัดพระแก้ว ไม่หมิ่นเบื้องสูง ข้ออ้างของเผด็จการทหารในการทำรัฐประหารหมดลงโดยสิ้นเชิง หลังอัยการสั่งไม่ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำ ผิดจารีตประเพณีกระทำอาจเอื้อมทำตัวเสมอพระมหากษัตริย์เข้าไปเป็นประธานในพิธีทำบุญในวัดพระแก้ว
สำหรับคำวินิจฉัยของอัยการฯ นั้น ได้อ้างนายสนอง บูรณะ รองราชเลขาธิการ สำนักราชเลขาธิการ พระบรมมหาราชวัง เป็นพยานยืนยันว่าการที่ผู้ต้องหาที่ 1 ที่ 2 เข้าไปประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาภายในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามในวันที่ 10 เมษายน 2548 นั้น ได้รับพระบรมราชานุญาตจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยถูกต้องแล้ว ไม่ขัดต่อระเบียบหรือขั้นตอนแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน ยังอ้าง นายธงทอง จันทรางศุ เป็นพยานสนับสนุนว่าภายในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามนั้น หน่วยราชการต่างๆ สามารถขอพระราช ทานพระบรมราชานุญาตประกอบพิธีภายใต้คำแนะนำของสำนักพระราชวังได้ ซึ่งการจัดงานในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามนั้นมีมาหลายครั้งแล้ว และสามัญชนก็สามารถเป็นประธานในพิธีได้ รูปแบบการจัดสถานที่ภายในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามตามวันเวลาเกิดเหตุนั้น ได้มีกองพระราชพิธี สำนักพระราชวังเป็นผู้ดำเนินการโดยมีความแตกต่างกับกรณีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือพระบรมวงศ์ศานุวงศ์ได้เสด็จมาเป็นประธานในพิธีด้วย พระองค์เอง และการที่ผู้ต้องหาที่ 1 ที่ 2 และผู้เข้าร่วมพิธีแต่งกายชุดสุภาพก็ไม่ขัดต่อระเบียบสำนักพระราชวังหรือประเพณีปฏิบัติแต่อย่างใด
อีกทั้งการที่สวมรองเท้าเข้าไปภายในพระอุโบสถนั้นก็สามารถกระทำได้เช่นนั้น สำหรับเครื่องใช้สอย อาทิ เก้าอี้ โต๊ะ ผ้าปู พรมสีแดง ฯลฯ กองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง เป็นผู้จัดเตรียมให้ เชื่อว่าถูกต้องตามระเบียบและขนบธรรมเนียมประเพณีแล้ว ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าการจัดพิธีทำบุญประเทศภายในอุโบสถ วัดพระศรีรัตนาศาสดารามในพระบรมมหาราชวัง ได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว โดยกองพิธีสำนักพระราชวังเป็นผู้ดำเนิน การจัดรูปแบบและจัดสถานที่ประกอบพิธี ซึ่งการแต่งกายของผู้ต้องหาที่ 1 และที่ 2 ก็ไม่ขัดต่อระเบียบของสำนักพระราชวัง หรือประเพณีปฏิบัติ การกระทำ ของผู้ต้องหาที่ 1 และที่ 2 จึงไม่เป็นการดูหมิ่นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันเป็นความผิดฐานดูหมิ่นพระมหากษัตริย์แต่อย่างใด
จึงมีคำสั่งไม่ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาที่ 1 และนายวิษณุ เครืองาม ผู้ต้องหาที่ 2 ข้อหาดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 คำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 1
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ที่ต้องนำมาลงเผื่อบางคนไม่ทราบ เพราะเวลาผ่านไปข่าวก็ถูกลืม เพราะข่าวหรือคำชี้แจงต่างๆ มักทำแค่ครั้งเดียววันเดียว แต่พวกที่จ้องหาเรื่องจะกล่าวหาได้ทุกวันเช้ากลางวันเย็นไม่มีวันหยุด ยิ่งพอคนลืมเลือนไปแล้วยิ่งบิดเบือนได้ง่ายขึ้น อย่างกรณีคดีนี้ ก็ได้ผ่านกระบวนการศาลแล้ว ซึ่งก็เป็นคำสั่งศาลที่อยู่ในสมัยรัฐบาลของ คมช. ด้วยซ้ำ ข้อกล่าวหาต่างๆ ถ้าผิดก็คงโดนเล่นงานไปแล้ว ขนาดไม่ผิดยังพยายามหาเรื่องให้ผิดได้ แล้วถ้ากรณีนี้มีความผิดแม้เพียงเล็กน้อย หรือรัฐบาลก่อนกระทำการอันใดไม่เหมาะสม หมิ่นเบื้องสูงหรืออะไรก็แล้วแต่ คิดว่าจะรอดไหม แต่ก็ยังไม่วายมีคนเอามากล่าวหาอยู่เรื่อยๆ บางคนคนอย่างชี้แจงแต่พอชี้แจงบ่อยๆ ก็เบื่อก็เซ็ง เพราะจุดประสงค์คนกล่าวหาเขาไม่ยอมรับความจริง แม้จะผ่านกระบวนการอะไรถ้าไม่ตรงใจที่อยากให้เป็น ก็หลับหูหลับตากล่าวหาไปเรื่อยๆ บางพวกก็รอให้เรื่องเงียบก็ขุดเรื่องเดิมๆ มากล่าวหา ใครเขาอยากตามไปชี้แจง ชี้แจงไปก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เพราะจุดประสงค์ต้องการกล่าวหาดิสเครดิตและตะแบงไปเรื่อยๆ ไม่ให้จบ แค่นั้นไม่ต้องการอยากรับรู้ความจริงว่าเป็นยังไง โดยเชื่อว่าอย่างน้อยหลอกคนไม่รู้ข้อเท็จจริงให้หลงเชื่อ ก็ถือว่าประสพผลสำเร็จแล้ว
Create Date : 09 กรกฎาคม 2550 |
Last Update : 9 กรกฎาคม 2550 22:38:36 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2249 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
|
VikingsX |
|
|
|
|
|