Group Blog
 
 
มิถุนายน 2555
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
28 มิถุนายน 2555
 
All Blogs
 
เทคนิคเลี้ยงลูกให้น่ารักและเป็นที่รัก (ของผู้อื่น)

ขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
       ถามถึงหัวอกคนเป็นพ่อแม่ เชื่อว่า ทุกคนต่างวาดหวังให้ลูกเติบโตเป็นคนดี และเป็นที่รักของคนอื่น แต่บุคคลแรกที่จะปูพื้นฐานทักษะในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ดีนั้น ไม่ใช่ใครอื่นไกล แต่คือพ่อแม่นั่นเอง วันนี้ทีมงาน Life & Family มีแนวทางดีๆ ในการเลี้ยงลูกให้น่ารัก และเป็นที่รักของผู้อื่นมาฝากกัน ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันเลยครับ
       
       พาไปพบปะญาติพี่น้อง
       
       นอกจากพ่อแม่แล้ว ควรพาลูกไปพบปะสมาคมกับคนอื่นบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเด็กในวัยเดียวกันหรือต่างวัย หรือแม้กระทั่งผู้ใหญ่ก็ตาม เนื่องจากเด็กจะค่อยๆ เรียนรู้ที่จะเลือกหัวข้อสนทนาที่น่าสนใจ หรือเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น และโต้ตอบมีปฏิสัมพันธ์ได้อย่างเหมาะสม
       
       ยิ้ม ไหว้ ทักทาย
       
       พยายามสอนให้ลูกรู้จักยิ้ม ไหว้ ทักทาย เพราะมิตรภาพใหม่ๆ ที่จะงอกเงยขึ้นมาได้นั้น มาจากรอยยิ้มพิมพ์ใจนั่นเอง เรื่องนี้คุณพ่อคุณแม่ควรทำให้ลูกเห็นเป็นตัวอย่างบ่อยๆ จนลูกติดเป็นนิสัย ต่อไปเด็กๆ ก็จะทำได้เองโดยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องบอกหรือสั่งให้ทำ
       
       พาเข้าร่วมกิจกรรมที่สร้างสรรค์
       
       ถ้าลูกเก็บตัวจนไม่มีเพื่อนสนิทเลย คุณพ่อคุณแม่คงต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ด้วยการหมั่นพาลูกไปร่วมกิจกรรมกับเด็กอื่นบ้าง อาจจะเป็นลูกของเพื่อน หรือลูกของพี่ป้าน้าอา หรือเชิญชวนเพื่อนร่วมชั้นมางานวันเกิดของลูก กิจกรรมเหล่านี้ จะช่วยให้ลูกค่อยๆ ทำความรู้จักและทำความคุ้นเคยจนเป็นเพื่อนกับคนอื่นได้ แต่สำหรับเด็กที่ชอบเข้าสังคม บางคนอาจมีนิสัยชอบโอ้อวดอยู่ลึกๆ คุณพ่อคุณแม่อาจหากิจกรรมให้ลูกได้แสดงบทบาทร่วมกับคนอื่น ทำงานเป็นทีมกับเด็กอื่น หรือมีกิจกรรมที่ต้องมีการช่วยเหลือร่วมมือกัน แบ่งหรือผลัดบทบาทกันทำ ซึ่งจะฝึกทักษะทางสังคมของลูกไปในทางสร้างสรรค์มากขึ้น
       
       เอาใจเขามาใส่ใจเรา
       
       ทักษะนี้เป็นทักษะสำคัญในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้เด็กรู้จักเห็นใจผู้อื่นอยู่เสมอ เช่น สอนลูกว่า ถ้าลูกไม่ชอบให้คนอื่นทำกับเราอย่างไร คนอื่นก็ไม่อยากให้ลูกทำกับเขาอย่างนั้นเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้สอนได้ตั้งแต่ในช่วงวัยเตาะแตะ เพราะเป็นช่วงที่เด็กกำลังเรียนรู้ว่า ตัวเองเป็นตัวตนที่แยกออกจากคนใกล้ชิดโดยเฉพาะพ่อแม่ พร้อมกับเริ่มเรียนรู้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวมีเจ้าของ ดังนั้น ควรสอนให้ลูกรู้เขารู้เรา และแบ่งของเล่นให้เพื่อนเล่นบ้าง

ขอบคุณภาพประกอบจากรพ.มนารมย์
       ให้กำลังใจ
       
       เด็กชอบเก็บตัวบางคนอาจมีที่มาจากการเป็นเด็กที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง รู้สึกไม่มั่นคง ขี้อาย ขี้กลัว และขี้กังวล เวลาพบเพื่อนใหม่จะรู้สึกขลาดๆ กล้าๆ กลัวๆ ไม่มั่นใจว่า เพื่อนใหม่จะชอบตัวเองหรือไม่ การปลีกตัวไปอยู่คนเดียว จึงเป็นเรื่องที่ปลอดภัยที่สุดในความคิดของเขา ทางที่ดี คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นให้กำลังใจลูกรักอยู่เสมอๆ ไม่ว่าเรื่องเล็กน้อยเพียงใด แต่ในขณะเดียวกัน ไม่ควรผลักดันลูกให้ออกไปสู่สังคมมากเกินไป แต่ควรให้ลูกค่อยๆ ออกไปสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่นด้วยตัวของเขาเองดีกว่า อีกอย่างการให้กำลังใจลูก จะช่วยให้เขาเติบโตเป็นเด็กที่คอยมอบกำลังใจดีๆ ให้แก่ผู้อื่นต่อไปด้วย
       
       ให้โอกาสเด็กได้ระบาย
       
       เด็กที่ขี้อายมากๆ บางครั้งอาจจะชอบเก็บตัวมากเสียจนไม่มีเพื่อนที่สนิทพอที่จะระบายทุกข์สุขอยู่ในโรงเรียนเลยสักคน การเปิดโอกาสให้เด็กได้ระบายความรู้สึกนึกคิดออกมา โดยคุณพ่อคุณแม่คอยถามไถ่ลูกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในแต่ละวัน จะช่วยฝึกฝนให้เด็กได้พูด ได้ระบายในสิ่งที่เขาอยากระบาย และเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้แก่เด็กด้วยว่า สิ่งที่เขาคิดเขาพูดไม่ได้ไร้สาระ แต่ยังมีคนที่เข้าใจและยินดีรับฟังเขาเสมอ และเมื่อเขาโตขึ้น เวลาเพื่อนของเขามีปัญหา เขาก็จะเป็นผู้รับฟังที่ดีเหมือนกัน
       
       ดังนั้น พ่อแม่คือบุคคลสำคัญในการเลี้ยงลูกให้น่ารัก และเป็นที่รักของผู้อื่น หากพ่อแม่มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับลูกตั้งแต่แรกเริ่ม ลูกก็จะเติบโตเป็นคนที่เป็นมิตรกับผู้คน และสามารถมีสัมพันธภาพที่ราบรื่นกับคนอื่นได้ดีตามไปด้วย



Create Date : 28 มิถุนายน 2555
Last Update : 28 มิถุนายน 2555 5:36:25 น. 1 comments
Counter : 1208 Pageviews.

 
ขอบคุณข้อมูลคะ


โดย: skylion วันที่: 3 กรกฎาคม 2555 เวลา:12:58:49 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ยี่สิบห้าเดือนเจ็ด
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






Friends' blogs
[Add ยี่สิบห้าเดือนเจ็ด's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.