พูดถึงความฉลาด หลาย ๆ คนอาจนึกถึงการมี IQ ดี อันที่จริงแล้วภายใต้คำว่าฉลาดมีส่วนประกอบที่สำคัญยิ่งสำหรับวัยคิดส์ที่ต้องมาเชื่อมร้อยให้สอดคล้องกับเด็ก ๆ แต่ละคนซ่อนอยู่ อยากรู้ว่าความฉลาดที่แท้จริงคืออะไร เรามีคำตอบ ตีความฉลาดให้แตก (ฉาน) การจะบอกว่า เด็กคนนั้นฉลาดกว่าเด็กคนนี้เพียงเพราะเขามีคะแนนสอบดีกว่าเพื่อนยังไม่พอ เพราะหากนึกดี ๆ แล้ว หากลูกสอบได้ที่ 1 เรียนเก่งเหนือใครแต่กลับไม่มีเพื่อน ไม่รู้วิธีเข้าสังคม หรือแม้แต่ไม่รู้จะเล่นกับเพื่อนอย่างไร นั่นคุณคิดว่าลูกคุณฉลาดพอแล้วหรือ ศาสตราจารย์โฮเวิร์ด การ์ดเนอร์ นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เชื่อว่าความฉลาดของบุคคลมีหลายด้านและทุกด้านก็มีความสำคัญเท่าเทียมกัน ขึ้นอยู่กับว่าใครเด่นด้านไหน ซึ่งความสามารถนี้เป็นลักษณะเฉพาะตัวของแต่ละบุคคล สรุปง่าย ๆ ก็คือ - ถ้าลูกวัยอนุบาลไม่เก่งคณิต แต่เก่งศิลปะ นั่นก็บอกได้ว่าเขามีความฉลาดเฉพาะตนอยู่ - หากลูกวัยประถมไม่เก่งทั้งคณิต ภาษา แต่มีมนุษยสัมพันธ์ดีกับคนรอบข้าง ก็เรียกได้ว่านั่นคือความฉลาดอีกทางหนึ่ง กล่าวโดยสรุปคือ มนุษย์มีปัญญาหลายด้าน ดังนั้นคำว่าฉลาดจึงตีความได้ว่า เป็นความสามารถหลายด้านรวมกันจนเกิดเป็นความสามารถเฉพาะตัวของเด็ก ๆ ที่ทำให้เขาเรียนรู้และอยู่บนโลกนี้ได้อย่างมีความสุข 5 เทคนิคง่าย ๆ ที่ช่วยเสริมความฉลาดให้ลูก 1. เรื่องนอนเรื่องใหญ่ เด็กอนุบาลควรนอนวันละ 11 - 13 ชั่วโมงต่อวัน เด็กประถมควรนอนวันละ 11 ชั่วโมงต่อวัน การนอนที่เหมาะสมจะช่วยให้เด็ก ๆ มีสมาธิ การเรียนรู้จดจำ (ขณะตื่น) มีประสิทธิภาพ ดังนั้นอยากให้ลูกฉลาด เรื่องนอนไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลย 2. อย่าลืมอาหารสมอง ให้ลูกกินอาหารครบ 5 หมู่ และอาหารบำรุงสมองเป็นประจำช่วยการเรียนรู้ที่ดีได้ - เมนูไข่ อุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยบำรุงสมองและจำเป็นต่อการสร้างเยื่อหุ้มเส้นใยประสาทด้วย - เมนูปลา เนื้อปลาและน้ำมันปลามีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาความจำและการเรียนรู้ เสริมสร้าง "เดนไดร์" ซึ่งทำหน้าที่เชื่อมโยงเรื่องเรียนรู้จากเรื่องหนึ่งไปสู่เรื่องหนึ่งได้ดี 3. Exercise ช่วยฟิต (หลายเรื่อง) วิจัยจากสหรัฐอเมริกาพบว่า สมองส่วนฮิปโปแคมปัสที่ควบคุมความจำและการเรียนรู้ของเด็กที่ออกกำลังกายจะมีขนาดใหญ่กว่าเด็กที่ขาดการออกกำลังกายถึง 12 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งการออกกำลังกายยังช่วยสร้างความมั่นใจ ลดความตึงเครียด มีเพื่อน ฯลฯ 4. ไม่เปรียบเทียบ เรียนรู้ไม่สะดุด ไม่เปรียบเทียบลูกกับคนอื่น เพราะนั่นเปรียบเหมือนการสร้างแรงกดดันในการเรียนรู้ให้กับลูก และทำให้ลูกรู้สึกว่าคุณกำลังจับผิดเขาอยู่ทุกฝีก้าว ดังนั้นไม่เปรียบเทียบและดูความถนัดของลูกว่าถนัดสิ่งไหนแล้วส่งเสริมสิ่งนั้นกับเขา ก็จะช่วยให้ความฉลาดที่มีอยู่ในตัวลูกไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างแน่นอน 5. อย่าลืมว่ามีคนมอง ทุกครั้งที่คุณแสดงพฤติกรรมใด ๆ ก็ตาม อย่าลืมว่าเด็ก ๆ เตรียมก๊อปปี้จากคุณอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล่น การปฏิบัติตัวทั้งเรื่องกิน เรื่องอยู่ เรื่องหาความรู้รอบตัว อยากให้ลูกเป็นแบบไหนแค่จำไว้ว่า "ทำดีให้ดู เพราะหนูมองพ่อแม่อยู่นะ" การพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ของลูกให้ฉลาดรอบด้านนั้น จะเห็นได้ว่าไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพียงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หากแต่ผู้ใหญ่ต้องเปิดโอกาสให้ลูกพบปะประสบการณ์ใหม่ที่หลากหลาย อีกทั้งไม่มองที่คะแนนสอบเป็นตัวตั้ง แต่ให้ค้นหาความถนัดตามศักยภาพที่ลูกมีอยู่ เพียงเท่านี้คุณก็จะเห็นแววความฉลาดในแบบที่เป็นตัวตนของลูกได้แล้วค่ะ //////////////////////////////// ขอบคุณบทความดี ๆ จากนิตยสาร Kidscovery for Parents ฉบับเดือนกรกฎาคม โดยในฉบับนี้ได้รวบรวม 25 + 5 ปฏิบัติการสร้าง "ลูกฉลาด" สำหรับคุณพ่อคุณแม่ให้นำไปใช้ได้กับน้องอนุบาลและพี่ประถม พบเทคนิคเด็ดฟิตสมองวัยคิดส์ให้เฟรชพร้อมเรียนรู้ และคอลัมน์ใหม่ English is fun โดยคุณสุผจญ กลิ่นสุวรรณ (พี่เต้) พิธีกรรายการ English Breakfast ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส แถมฟรี! นิตยสาร Kidscovery for Kids ที่มาพร้อมเกม นิทาน และกิจกรรมพัฒนาทักษะอีกมากมาย สนใจสมัครสมาชิก 1 ปี ราคา 720 บาท รับฟรี ตุ๊กตาช้างกอแก้วมูลค่า 455 บาทด้วยค่ะ | |