หากใครเป็นแฟนประจำการ์ตูนชุดโดราเอมอน คงจำกันได้ดีกับภาพของโนบิตะที่มักจะเดินคอตก - ร้องไห้กลับบ้านเสมอ ๆ เพราะตนเองถูกกีดกันไม่ให้ร่วมวงเล่นของเล่น (มักจะเป็นชิ้นใหม่ล่าสุด) ของซูเนโอะ ขณะที่ไจแอนท์ และชิซูกะ รวมถึงเพื่อนคนอื่น ๆ กลับได้รับการยอมรับและให้เล่นของเล่นนั้นได้ตามสบาย มาถึงปี พ.ศ. 2555 สถานการณ์การใช้ "ของเล่น" เป็นตัวแบ่งแยกกลุ่มเพื่อน ๆ ก็ยังเกิดกับเด็ก ๆ ทั่วโลกไม่เคยเปลี่ยน เพียงแต่ในยุคนี้ พ่อแม่เริ่มยอมจำนนต่อความต้องการของลูก ๆ มากขึ้น และทำให้เด็กได้รับของขวัญที่มีราคาสูงเช่น ไอโฟน ไอแพด มาครอบครองกันมากขึ้นด้วย สำหรับต้นเหตุของการเป็น "พ่อแม่บุญทุ่ม" ของคนในยุคนี้มาจากสองปัจจัย หนึ่งคือความละอายแก่ใจที่ตนเองเอาแต่ทำงานจนไม่มีเวลาให้กับลูก ๆ จึงต้องการชดเชยด้วยของขวัญราคาแพง หรือไอเท็มสุดฮิต ส่วนข้อสองนั้นเป็นเหตุผลที่น่าสงสารมากขึ้นไปอีก เพราะมาจากความเชื่อที่ว่า กลัวลูกไม่มีเพื่อน หรือก็คือเป็นพ่อแม่ที่ตกอยู่ในวังวนของลัทธิบริโภคนิยมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และพบว่า สิ่งแวดล้อมรอบตัวลูก เช่น เพื่อน ๆ ก็ตกเป็นทาสของกระแสวัตถุนิยมไปแล้ว ดังนั้นหากลูกของตนเองไม่มีไอเท็มรุ่นล่าสุดเหมือนเพื่อน ๆ ที่โรงเรียน ก็เป็นไปได้ว่าลูก ๆ จะถูกเพื่อน ๆ เมิน ไม่คบหาสมาคมเหมือนเช่นที่เกิดกับโนบิตะด้วยนั่นเอง เทรซี่ เฟล็ตเชอร์ จาก Skipton Building Society ผู้ทำการสำรวจความคิดเห็นครั้งนี้เผยว่า "โดยธรรมชาติแล้ว คนเป็นพ่อแม่เป็นห่วงลูกตัวเองเสมอว่าจะได้รับการยอมรับจากกลุ่มเพื่อน ๆ ทั้งในและนอกห้องเรียนไหม และหากพ่อแม่รู้สึกว่าตนเองพอจะมีทางช่วยให้ลูกได้รับการยอมรับจากเพื่อน ๆ ได้ พวกเขาจะไม่รีรอเลยที่จะลงมือช่วย แต่น่าเสียดายที่ความช่วยเหลือจากพ่อแม่สุดท้ายแล้วไปจบที่การใช้เงินซื้อของใช้อินเทรนด์ หรือสินค้าแฟชั่นต่าง ๆ" กระแสวัตถุนิยมยังทำให้การเลี้ยงเด็กใน พ.ศ.นี้ ลำบากขึ้นอีกหลายเท่า เพราะในการสำรวจเผยว่า ปัจจุบัน การจะกระตุ้นให้เด็กทำการบ้าน หรือทำงานต่าง ๆ ที่ตนเองได้รับมอบหมายนั้น พ่อแม่อาจต้องเสียเงินหารางวัลมาหลอกล่อมากขึ้น บางครอบครัวอาจต้องเสียเงินประมาณปีละ 500 เหรียญสหรัฐเลยทีเดียว เปรียบเทียบกับสมัยที่พ่อแม่เป็นเด็กกลับพบว่าสามารถปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายนั้นโดยไม่จำเป็นต้องมีของขวัญ หรือรางวัลมาล่อแต่อย่างใด การศึกษานี้เผยด้วยว่า พ่อแม่ของเด็กอายุ 5 - 9 ขวบมีแนวโน้มว่าจะซื้อของเล่นยี่ห้อ Ben 10, Moshi Monsters, เลโก ส่วนถ้าเป็นเด็กอายุระหว่าง 10 - 12 ปีนั้นก็จะขอของเล่นประเภท Xbox หรือเพลย์สเตชั่น 3 และถ้าเป็นเด็กวัย 13 - 15 ปีนั้น สิ่งที่อยากได้จากพ่อแม่มักหนีไม่พ้น ไอโฟน ไอแพด โทรศัพท์มือถือ แอปส์ต่าง ๆ เป็นต้น พ่อแม่ราว 1 ใน 3 เผยด้วยว่า ไม่ต้องการปฏิเสธลูก ๆ ที่มาร้องขอ "ของเล่นราคาแพง" เพราะไม่ต้องการให้ลูกถูกล้อเลียน หรือกลายเป็นคนที่เพื่อนไม่คบเพราะไม่มีของเล่นอินเทรนด์เหมือน ๆ กัน อีกทั้งพ่อแม่ 6 ใน 10 ยอมรับว่า การที่ลูก ๆ ได้รับการยอมรับจากเพื่อนฝูงนั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนเป็นพ่อแม่ และ 34 เปอร์เซ็นต์ยอมรับว่า พวกเขาตามใจลูกด้วยเหตุผลนั้น นอกจากนี้ พ่อแม่มากกว่าครึ่งยอมรับด้วยว่า ลูก ๆ ของตนเองได้รับการตามใจมากกว่าสมัยที่ตนเองยังเด็ก โดยในยุคที่พ่อแม่ยังเด็กนั้น จะได้รับของขวัญก็ต่อเมื่อถึงเทศกาลต่าง ๆ หรือวันเกิดเท่านั้น และการสำรวจความคิดเห็นของพ่อแม่ ส่วนหนึ่งก็ยอมรับว่า การให้ลูกมีทีวีในห้องนอน มีเครื่องเล่นเกมแบบพกพา คอมพิวเตอร์ และสมาร์ทโฟนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเด็กยุคใหม่ไปเสียแล้ว เทรซี่ เฟล็ตเชอร์กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า "เรากำลังอยู่ในยุควิกฤติทางการเงิน ยุคที่การสอนให้เด็ก ๆ เข้าใจถึงการใช้จ่ายเงินอย่างชาญฉลาดเป็นเรื่องสำคัญ และถ้าไม่สามารถเก็บออมได้ก็อาจเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาตามมาในอนาคต ดังนั้น แม้ว่าการปฏิเสธลูกจะเป็นเรื่องยากสำหรับพ่อแม่บางคน แต่ก็ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่พ่อแม่สามารถมอบให้กับเด็กว่า คนเราอาจไม่ได้ทุกอย่างที่ต้องการมาครอบครองเสมอไป" ความรักอาจไม่จำเป็นต้องแสดงออกในรูปของสิ่งของเสมอไปนะเด็ก ๆ อ้างอิงข้อมูลจากเดลิเมล | |