|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ธงคำตอบเนติบัณฑิต กลุ่มกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ภาคหนึ่ง สมัย ๖๓
ข้อมูล : //www.thaijustice.com เพลง : รุ่งอรุณ (ชัยภัค ภัทรจินดา)
ข้อ ๑. กรณีโรงเรือนส่วนที่อยู่ในที่ดินของนายไมตรีนั้น เนื่องจากขณะที่นายมิตรสร้างโรงเรือน นายมิตรเป็นเจ้าของที่ดินทั้งสองแปลง นายมิตรย่อมมีสิทธิที่จะสร้างได้ในฐานะผู้มีกรรมสิทธิ์ กรณีจึงมิใช่เป็นการสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๑๒ นายไมตรีในฐานะผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการซื้อจากการขายทอดตลาดในการบังคับคดี ย่อมมีแดนกรรมสิทธิ์และมีสิทธิตามมาตรา ๑๓๓๕ และมาตรา ๑๓๓๖ ที่จะเรียกร้องให้รื้อถอนโรงเรือนส่วนที่อยู่ในที่ดินของตนออกไปได้ และมิใช่เป็นกรณีที่ไม่มีบทกฎหมายที่จะยกมาปรับแก่คดีได้ อันจะต้องอาศัยมาตรา ๔ ให้นำมาตรา ๑๓๑๒ มาปรับใช้ในฐานะที่เป็นบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง นายมิตรจึงต้องรื้อโรงเรือนออกไปตามที่นายไมตรีเรียกร้อง (คำพิพากษาฎีกาที่ ๗๙๖/๒๕๕๒)
สำหรับกำแพงส่วนที่อยู่ในที่ดินของนายสหายซึ่งถือได้ว่าเป็นการสร้างสิ่งก่อสร้างอย่างอื่นรุกล้ำนั้น แม้นายมิตรจะได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕ ว่าสร้างโดยสุจริต แต่มาตรา ๑๓๑๔ ก็มิได้บัญญัติให้นำบทบัญญัติมาตรา ๑๓๑๒ มาใช้บังคับแก่สิ่งก่อสร้างอื่นซึ่งมิใช่โรงเรือนโดยอนุโลม นายมิตรจึงไม่อาจอ้างมาตรา ๑๓๑๒ วรรคหนึ่ง ว่าตนเป็นเจ้าของกำแพงส่วนที่อยู่ในที่ดินของนายสหายด้วย และต้องรื้อถอนกำแพงส่วนนั้นออกไปตามที่นายสหายเรียกร้อง
ข้อต่อสู้ของนายมิตรฟังไม่ขึ้นทั้งสองกรณี
ข้อ ๒. แม้ขณะทำสัญญาจะซื้อขายที่ดิน นายใจยอมรับกับนายคิดว่าจะปฏิบัติตามข้อตกลงที่จะให้นายหมายใช้ถนนผ่านที่ดินของตนออกไปสู่ทางสาธารณะอันเป็นข้อตกลงว่าจะชำระหนี้แก่บุคคลภายนอก ซึ่งบังคับกันได้ตายนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๗๔ วรรคหนึ่ง ก็ตาม แต่นายหมายก็ยังมิได้แสดงเจตนาแก่นายใจ ซึ่งเป็นลูกหนึ่งว่าจะถือเอาประโยชน์ตามข้อตกลงอันจะทำให้เกิดสิทธิแก่นายหมายตามมาตรา ๓๗๔ วรรคสอง ดังนั้นก่อนหน้านั้นนายคิดกับนายใจซึ่งเป็นคู่สัญญาย่อมเปลี่ยนแปลงหรือระงับสิทธินั้นได้ การที่นายคิดขอค่าที่ดินเพิ่มแล้วแจ้งแก่นายใจว่าไม่ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงอีกต่อไปโดยนายใจตกลงด้วย ถือว่าเป็นการตกลงระงับสิทธิตามข้อตกลงนั้นแล้ว นายใจไม่มีหนี้ที่จะต้องให้นายหมายใช้ถนนผ่านที่ดินของตนอีกต่อไป (เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๒๐๐/๒๕๕๒)
ข้อ ๓. นายกวงไม่มีความรู้ในการยกตัวบ้านให้สูงขึ้น แต่ได้ฝืนกระทำโดยการใช้แม่แรงยกบ้านขึ้นผิดวิธีการ เป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้บ้านพังลงมาทับถูกนายสีคนงานได้รับบาดเจ็บเป็นอัมพาต เป็นการละเมิดต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๒๐
ความเสียหายที่นายกวงผู้รับจ้างได้ก่อให้เกิดขึ้นในระหว่างทำการงานที่ว่าจ้างดังกล่าว เกิดจากผู้รับจ้างที่นายสมผู้ว่าจ้างเป็นผู้เลือกหามาไม่มีความรู้ในการยกบ้าน นายสมจึงต้องรับผิดในความเสียหายนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๒๘
เหตุที่เกิดขึ้น แม้จะทำให้นายสีเป็นอัมพาตตลอดชีวิตหาเลี้ยงตนเองมิได้ อันเป็นเหตุให้ไม่สามารถให้การอุปการะเลี้ยงดูนางสาได้ก็ตาม ก็ไม่เป็นเหตุให้นางสามีสิทธิฟ้องเรียกค่าขาดไร้อุปการะจากนายกวงและนายสมได้ เพราะผู้มีสิทธิเรียกค่าขาดไร้อุปการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๓ วรรคสาม ต้องเป็นกรณีที่ทำละเมิดเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายเท่านั้น
แต่นายสีซึ่งเป็นสามีมีหน้าที่ต้องช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูนางสาภริยาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๖๑ วรรคสงอง อันถือได้ว่ามีความผูกพันตามกฎหมายจะต้องทำการงานให้เป็นคุณแก่บุคคลภายนอกในครัวเรือน เมื่อนายสีถูกทำละเมิดจนเป็นอัมพาตตลอดชีวิตไม่สามารถให้การช่วยเหลือนางสาในครัวเรือน นางสาจึงมีสิทธิฟ้องเรียกให้นายกวงกับนายสมรับผิดในค่าขาดแรงงานในครัวเรือน ตามมาตรา ๔๔๕ (เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๘๑๒/๒๕๓๕ และ ๕๑๘๓/๒๕๓๗)
ข้อ ๔. ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๕๘ บัญญัติห้ามผู้เช่าดัดแปลงหรือต่อเติมทรัพย์สินที่เช่าโดยมิได้รับอนุญาตจากผู้ให้เช่า แต่การดัดแปลงหรือต่อเติมตามบทกฎหมายดังกล่าวหมายถึงการกระทำที่มีลักษณะติดตรึงตรากับทรัพย์สินที่เช่าด้วย การที่นายมานะใช้ไม่กระดานอันตีกั้นห้องเก็บของทำเป็นห้องนอนสามห้องย่อมมีลักษณะรื้อถอนออกได้ง่าย ทั้งไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปทรงห้องเดิม จึงไม่ถือว่าเป็นการดัดแปลงหรือต่อเติมทรัพย์สินที่เช่า (คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๗๗-๑๐๗๙/๒๕๑๕) การกระทำของนายมานะไม่ขัดต่อกฎหมาย ข้อต่อสู้ของนายมานะข้อนี้ฟังขึ้น
ส่วนข้อต่อสู้เกี่ยวกับการบอกเลิกสัญญาเช่านั้น เนื่องจากสัญญาเช่าบ้านระหว่างนายมานะกับนายวสุมีกำหนดชำระค่าเช่าเป็นรายเดือน เมื่อนายมานะผิดนัดไม่ชำระค่าเช่า นายวสุผู้ให้เช่าย่อมมีสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๖๐ วรรคสอง โดดกำหนดอย่าให้น้อยกว่าสิบห้าวัน ที่จะบอกกล่าวให้นายมานะชำระค่าเช่าที่ค้างอยู่ หากไม่ชำระตามกำหนดก็สามารถบอกเลิกสัญญาเช่าได้ เมื่อหนังสือบอกกล่าวได้ให้เวลาชำระค่าเช่าไม่น้อยกว่าสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสืออันเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และนายมานะไม่ปฏิบัติตาม สัญญาเช่าบ้านจึงเป็นอันเลิกกันตามหนังสือบอกกล่าวนั้น นายวสุมีสิทธิฟ้องขับไล่นายมานะพร้อมเรียกค่าเช่าที่ค้างกับค่าเสียหายได้ แม้สัญญาเช่ารายนี้จะไม่มีกำหนดเวลา แต่เมื่อเป็นกรณีบอกเลิกสัญญาเช่าด้วยเหตุผู้เช่าไม่ชำระค่าเช่า นายวสุผู้ให้เช่าไม่จำต้องบอกกล่าวให้เวลาแก่นายมานะผู้เช่าให้รู้ตัวก่อนชั่วกำหนดเวลาชำระค่าเช่าระยะหนึ่ง คือหนึ่งเดือนตามมาตรา ๕๖๖ แต่อย่างใด ข้อต่อสู้ของนายมานะข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ข้อ ๕. นายโทค้ำประกันการทำงานของนายเอกในตำแหน่งพนักงานสินเชื่อ เมื่อบริษัททำสัญญาจ้างฉบับใหม่จ้างนายเอกให้ทำงานในตำแหน่งผู้จัดการอันเป็นตำแหน่งผู้จัดการอันเป็นตำแหน่งงานใหม่ที่มีความรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น โดยนายโทผู้ค้ำประกันมิได้รู้เห็นยินยอมด้วย อีกทั้งบริษัทให้นายตรีเข้าเป็นผู้ค้ำไประกันโดยกำหนดความรับผิดชอบมากกว่าเดิม แสดงว่าบริษัทและนายเอกเจตนาผูกพันกันตามสัญญาจ้างใหม่เป็นผลให้สัญญาจ้างเดิมและสัญญาค้ำประกันที่นายโททำไว้สิ้นสุดลง ขณะนั้นนายเอกยังไม่ได้ทำความเสียหายแก่บริษัท นายโทจึงไม่ต้องรับผิดในการกระทำของนายเอกหลังสัญญาค้ำประกันสิ้นสุด (เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ ๖๐๒๐/๒๕๕๑)
นายเอกยักยอกเงินของบริษัทในขณะทำงานในตำแหน่งผู้จัดการ นายตรีจึงต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันหนี้ที่นายเอกก่อเป็นหนี้ละเมิด การค้ำประกันของนายตรีจึงมิใช่การค้ำประกันหนี้อันจะต้องชำระในเวลามีกำหนดแน่นอนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๗๐๐ ดังนั้น แม้บริษัทยอมผ่อนเวลาชำระหนี้ให้แก่นายเอก ก็ไม่ทำให้นายตรีหลุดพ้นจากความรับผิด (คำพิพากษาฎีกาที่ ๕๐๐/๒๕๐๗ และ ๖๑๓๗/๒๕๓๘)
การที่บริษัทให้นายจัตวาเข้ามาเป็นผู้ค้ำประกันหลังจากที่ทราบว่านายเอกยักยอกเงินบริษัท และยอมชำระหนี้ภายในกำหนดเป็นการทำให้มีหลักประกันมั่นคงยิ่งขึ้นเมื่อความเสียหายปรากฏขึ้นแล้ว หาใช่เป็นการยอมให้นายตรีพ้นความรับผิดไม่ นายตรีและนายจัตวายอมตนเข้าเป็นผู้ค้ำประกันในหนี้รายเดียวกัน แม้มิได้ค้ำประกันรวมกันก็ต้องรับผิดร่วมกันใช้เงินจำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท แก่บริษัท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๘๒ วรรคสอง (คำพิพากษาฎีกาที่ ๕๐๐/๒๕๐๗)
ข้อ ๖. กรณีที่ผู้สั่งจ่ายเช็คตาย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๙๒ (๒) ได้บัญญัติถึงหน้าที่และอำนาจของธนาคารซึ่งจะใช้เงินตามเช็คอันเบิกแก่ตนนั้น ท่านว่าเป็นอันสิ้นสุดลงเมื่อรู้ว่าผู้สั่งจ่ายตาย กรณีเช่นนี้ไม่อยู่ในบังคับว่าผู้ทรงเช็คจะต้องนำเช็คไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารเสียก่อนดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๙๙๐ ดังนั้น เมื่อนายเพชรผู้สั่งจ่ายตาย แม้นายคงผู้ทรงจะยังมิได้นำเช็คฉบับที่สองไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารเมื่อเช็คถึงกำหนดเสียก่อนก็ตามแต่เมื่อนายคงทวงถามนายนากบุตรของนายเพชร และนายนากปฏิเสธไม่ชำระหนี้ตามเช็ค นายคงย่อมมีอำนาจฟ้องเรียกเงินตามเช็คได้ ข้อต่อสู้ของนายทองข้อนี้ฟังไม่ขึ้น (คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๐๓/๒๕๒๔, ๓๙๗๓/๒๕๒๖ และ๔๐๒๗/๒๕๒๗)
ส่วนที่นายทองอ้างว่า นายคงไม่ได้ฟ้องทายาทของนายเพชรผู้สั่งจ่ายด้วย จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๖๗ วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา ๙๘๙ ผู้สั่งจ่ายหรือผู้ลักหลังต้องร่วมกันรับผิดต่อผู้ทรง และในวรรคสองได้บัญญัติถึงสิทธิของผู้ทรงไว้โดยตรงว่า จะเรียกให้ลูกหนี้ทั้งหลายในตั๋วเงินรับผิดเรียงตัว หรือรวมกันได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงลำดับที่บุคคลเหล่านี้เข้ามาเป็นลูกหนี้ในตั๋วเงินก่อนหรือหลังกันอย่างไร หรือเข้ามาเป็นลูกหนี้ในฐานะใด ดังนั้น นายคงผู้ทรงจึงมีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากนายทองแต่เพียงผู้เดียวให้รับผิดใช้เงินตามเช็คฉบับที่สองโดยไม่ต้องฟ้องทายาทของนายเพชรผู้สั่งจ่ายด้วยก็ได้ ข้อต้อสู้ของนายทองข้อนี้ก็ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
ข้อ ๗. (ก) ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๗๘/๑ หุ้นส่วนผู้จัดการคนใดจะลาออกจากตำแหน่งให้ยื่นใบลาออกต่อหุ้นส่วนผู้จัดการคนหนึ่งคนใด การลาออกมีผลนับแต่วันที่ใบลาออกไปถึงหุ้นส่วนผู้จัดการอื่นนั้น เมื่อนายหนึ่งได้ยื่นใบลาออกต่อนายสาม การลาออกของนายหนึ่งย่อมมีผลทันทีนับแต่วันที่ใบลาออกไปถึงนายสาม ดังนั้น การที่นายสามไม่ยอมยกเลิกการลาออกของนายหนึ่งถูกต้องแล้ว
(ข) แม้ว่าจะได้มีการเปลี่ยนแปลงรายการชื่อหุ้นส่วนผู้จัดการ โดยนำไปจดทะเบียนแล้วในวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๒ แต่รายการดังกล่าวยังไม่ได้ลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือราชกิจจานุเบกษา ดังนั้น เมื่อนายสองเข้าทำสัญญากับบริษัทสังคม จำกัด และบริษัทสังคม จำกัด ไม่ทราบถึงการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อหุ้นส่วนผู้จัดการดังกล่าว ห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่สหายจึงจะอ้างว่านายสองไม่มีอำนาจกระทำการไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๒๓/๑
ข้อ ๘. นายดวงกับนางใจจดทะเบียนสมรสกัน การหย่าโดยความยินยอมจะสมบูรณ์ต่อเมื่อจดทะเบียนการหย่านั้นแล้วเท่านั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๑๕ บุคคลทั้งสองจึงยังเป็นคู่สมรสกันอยู่
ที่ดิน ๑ แปลงที่นายดวงซื้อมาในราคา ๔๐๐,๐๐๐ บาท เป็นสินสมรสระหว่างนายดวงกับนางใจตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๗๔ (๑) เพราะได้มาระหว่างสมรส แม้เงินที่ชำระหนี้จะเป็นเงินเดือนของนายดวงแต่เพียงผู้เดียวก็ตาม แต่ก็เป็นเงินเดือนที่ได้รับมาระหว่างสมรสนั่งเอง (คำพิพากษาฎีกาที่ ๙๕๗๐/๒๕๕๑) จึงต้องแบ่งสินสมรสคนละส่วนเท่ากัน ตามมาตรา ๑๖๒๕ (๑) ประกอบมาตรา ๑๕๓๓ นายดวงมีส่วนได้ในที่ดิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท
สำหรับเงินฝากกับดอกเบี้ยทั้งสองจำนวนรวม ๕๐๕,๐๐๐ บาท ซึ่งนางหมวยมีก่อนและหลังสมรสนั้น เป็นของนางหมวยแต่เพียงผู้เดียว เพราะการสมรสระหว่างนายดวงกับนางหมวยฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๕๒ จึงเป็นโมฆะตามมาตรา ๑๔๙๖ ไม่ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ทางทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาตามมาตรา ๑๔๙๘ วรรคหนึ่ง แลวรรคสอง นายดวงจึงมีทรัพย์ที่เป็นมรดกเพียง ๒๐๐,๐๐๐ บาท เท่านั้น และตกทอดแก่ทายาทโดยธรรม นางใจคู่สมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๒๙ วรรคท้าย ถูกศาลศาลพิพากษาถึงทีสุดว่ากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้นายดวงถึงแก่ความตาย ซึ่งมิใช่การกระทำโดยมีเจตนาฆ่านายดวงเจ้ามรดก จึงไม่ถูกกำจัดมิให้รับมรดกตามมาตรา ๑๖๐๖(๑)
เด็กชายสมซึงแม้นายดวงจะปฏิเสธไม่ยอมรับว่าเป็นบุตรของตนก็ตาม แต่เด็กชายสมเกิดจากนางใจในขณะเป็นภริยาของนายดวง จึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายดวงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๓๖ วรรคหนึ่ง จึงอยู่ในฐานะผู้สืบสันดานตามมาตรา ๑๖๒๙ (๑)
นางหมวยไม่มีสิทธิรับมรดกของนายดวงในฐานะทายาทโดยธรรม เพราะการสมรสระหว่างนายดวงกับนางหมวยเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๙๙ วรรคสอง ดังนั้น นางใจและเด็กชายสมจึงได้รับมรดกของนายดวงคนละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท เท่ากันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๓๐ วรรคสอง และมาตรา ๑๖๓๓
ข้อ ๙. บริษัทชิพ จำกัด รับขนส่งเครื่องดูดฝุ่นจากบริษัทเอ็ม จำกัด ผู้ส่ง จึงเป็นผู้ขนส่งซึ่งจะต้องรับผิดในความเสียหายของเครื่องดูดฝุ่นที่สูญหายในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของตนตามพระราชบัญญัติการรับขนของทางทะเล พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๓๙ และจะต้องรับผิดในความเสียหายของเครื่องดูดฝุ่นที่เสียหายในระหว่างที่อยู่ในความดูและของผู้ขนส่งอื่นตามมาตรา ๔๓ การที่เครื่องดูดฝุ่นถูกลูกเรือของบริษัทชิพ จำกัด ที่เฝ้าสินค้าลักไป เป็นกรณีการสูญหายที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการที่ลูกจ้างของผู้ขนส่งกระทำโดยมีเจตนาที่จะให้เกิดการสูญหาย ผู้ขนส่งจึงต้องรับผิดชอบในการสูญหายเต็มตามราคาเครื่องละ ๕๐,๐๐๐ บาท ตามมาตาม ๓๙ และมาตรา ๖๐(๑) ไม่อาจนำข้อจำกัดความรับผิดตามมาตรา ๕๘ มาใช้บังคับได้ และแม้จะมีข้อตกลงกำหนดความรับผิดของผู้ขนส่งในใบตราส่งให้รับผิดเครื่องละ ๓๐,๐๐๐ บาทก็ตาม ก็ต้องรับผิดโดยไม่จำกัดตามที่กฎหมายบัญญัติ เพราะมิใช่กรณีที่ผู้ขนส่งต้องรับผิดจำกัดตามมาตรา ๕๘ แต่มีข้อตกลงกำหนดความรับผิดไว้มากว่า บริษัทชิพ จำกัดจึงต้องรับผิดในความเสียหายของเครื่องดูดฝุ่นที่สูญหาย ๑๐ เครื่อง ราคาเครื่องละ ๕๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท
ส่วนการที่เครื่องดูดฝุ่นเสียหาย ๑ เครื่อง ค่าเสียหายเป็นเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท เมื่อมีข้อตกลงกำหนดความรับผิดไว้เครื่องละ ๓๐,๐๐๐ บาท สูงกว่าที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการรับขนของทางทะเล พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๕๘ และสูงกว่าความเสียหายที่ได้รับ บริษัทชิพ จำกัด ผู้ขนส่งจึงต้องรับผิดในความเสียหายของเครื่องดูดฝุ่นที่เสียหาย ๑ เครื่องเป็นเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท ตามมาตรา ๖๐(๒)
บริษัทเรือไทย จำกัด เป็นผู้ขนส่งอื่นต้องรับผิดในความเสียหายของเครื่องดูดฝุ่นที่สูญหายหรือเสียหายเฉพาะการขนส่งในส่วนที่ผู้ขนอื่นได้รับมอบหมาย ตามพระราชบัญญัติการับขนของทางทะเล พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๔๔ เครื่องดูดฝุ่นที่สูญหาย ๑๐ เครื่อง มิได้สูญหายในระหว่างการขนส่งที่ผู้ขนส่งอื่นได้รับมอบหมาย แต่สูญหายในระหว่างที่อยู่ในความดูและของบริษัทชิพ จำกัดผู้ขนส่ง บริษัทเรือไทย จำกัด ผู้ขนส่งอื่นจึงไม่ต้องร่วมรับผิดด้วย ส่วนความเสียหายของเครื่องดูดฝุ่น ๑ เครื่อง เป็นเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท เกิดขึ้นจากความประมาทของลูกเรือในระหว่างที่อยู่ในความดูแลของบริษัทเรือไทย จำกัด ผู้ขนส่งอื่น บริษัทเรือไทย จำกัด ผู้ขนส่งอื่นจึงต้องร่วมรับผิดกับบริษัทชิพ จำกัดผู้ขนส่งในความเสียหายดังกล่าวตามมาตรา ๓๙ มาตรา ๔๔ และมาตรา ๔๕ บริษัทคลืน จำกัด เป็นผู้รับสลักหลังรับโอนในตราส่งจากบริษัทเอ็ม จำกัด ผู้ส่ง จึงเป็นผู้รับตราส่งมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทชิพ จำกัด และบริษัทเรือไทย จำกัด ตามจำนวนและความรับผิดดังกล่าวข้างต้น
ข้อ ๑๐. แม้ผู้ทรงอนุสิทธิบัตรจะมีสิทธิแต่ผู้เดียวในการผลิต ใช้ ขาย มีไว้เพื่อขาย เสนอขายหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งผลิตภัณฑ์ตามอนุสิทธิบัตรตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๕ ทศ ประกอบมาตรา ๓๖ วรรคหนึ่ง (๑) แต่เมื่อนายสันติผู้ทรงอนุสิทธิบัตรในผลิตภัณฑ์ แชมพูสมุนไพร ได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวให้นายแสวงไปแล้ว สิทธิแต่ผู้เดียวของผู้ทรงอนุสิทธิบัตรยกเว้นการผลิตผลิตภัณฑ์ของนายสันติที่ตนผลิตออกมาจำหน่ายนั้น ย่อมระงับไป การที่นายแสวงนำผลิตภัณฑ์ แชมพูสมุนไพร ขนาด ๒ ลิตร ที่ตนซื้อมา ไปแบ่งบรรจุในขวดขนาด ๒๐๐ มิลลิลิตร แล้วนำออกจำหน่าย จึงไม่ใช่การผลิต และขายผลิตภัณฑ์ตามอนุสิทธิบัตรอันจะเป็นการละเมิดสิทธิแต่ผู้เดียวของนายสันติผู้ทรงอนุสิทธิบัตร ตามมาตรา ๖๕ ทศ ประกอบมาตรา ๓๖ (๗) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว
เจ้าของเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนแล้วเป็นผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในอันที่จะใช้เครื่องหมายการค้านั้นสำหรับสินค่าที่ได้จดทะเบียนไว้ตามมาตรา ๔๔ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.๒๕๓๔ หากเจ้าของเครื่องหมายการค้าไม่ได้จดทะเบียนเครื่องหายของตนไว้ แต่มีบุคคลอื่นเอาสินค้าของตนไปลวงขายว่าเป็นสินค้าของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น เจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียนก็มีสิทธิฟ้องคดีเพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียน หรือเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อการละเมิดสิทธิดังกล่าวตามมาตรา ๔๖ วรรคสอง ประกอบมาตรา ๔๖ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว การที่นายแสวงนำผลิตภัณฑ์ แชมพูสมุนไพร ที่ตนซื้อมา ไปแบ่งบรรจุในขวดเปล่าที่มีเครื่องหมายการค้า คำว่า แสงธรรม ของบริษัทรัศมีบุญ จำกัด แล้วนำออกจำหน่าย ย่อมเป็นการเอาสินค้าของตนไปลวงขายว่าเป็นสินค้าของบริษัทรัศมีบุญ จำกัด เจ้าของเครื่องหมายการค้า คำว่า แสงธรรม ที่ไม่ได้จดทะเบียนตามมาตรา ๔๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว
Create Date : 06 ตุลาคม 2553 |
|
26 comments |
Last Update : 6 ตุลาคม 2553 16:57:14 น. |
Counter : 3243 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: อาลีอา 6 ตุลาคม 2553 18:20:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงแว่น 6 ตุลาคม 2553 22:28:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: อิ ส ร ะ ช น ตั ว โ ต เ ต็ ม วั ย . . ไม่ ใ ช่ ใ ค ร . . . มัน คื อ . . (เป็ดสวรรค์ ) 8 ตุลาคม 2553 20:53:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงแว่น 9 ตุลาคม 2553 7:25:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: panwat 9 ตุลาคม 2553 9:03:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: กลิ่นดอย 10 ตุลาคม 2553 21:00:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: พรหมญาณี 11 ตุลาคม 2553 14:34:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: พรหมญาณี 14 ตุลาคม 2553 12:43:42 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
สมุทรสงคราม Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]
|
มากกว่าได้ยิน
"Pacta Sunt Servanda-สัญญาต้องเป็นสัญญา"
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เเวะมาส่งกำลังใจ
แล้วอย่าลืมเเจ้งผลให้พี่ด้วยนะคะ
สู้ๆจ้า