ภิกษุทั้งหลาย เพราะอวิชชาดับ สังขารจึงดับ เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ ฯลฯ กองทุกข์ทั้งมวลดับลง ด้วยอาการอย่างนี้...ปฏิจจสมุปบาท แปลว่าธรรมที่อาศัยกันเกิดขึ้น เมื่ออย่างใดอย่างหนึ่งดับ หรือถูกทำลายลง ส่วนที่เหลือก็ดับตามกันลงไป พระพุทธเจ้าทรงทบทวนพิจารณามากที่สุด คือ ปฏิจจสมุปบาท ทรงพิจารณานานถึง 7 วัน กล่าวคือ สัปดาห์แรกหลังจากตรัสรู้แล้ว ยังคงประทับอยู่ที่บริเวณ โพธิมณฑลนั่นเอง และทรงพิจารณาปฏิจจสมุปบาทโดยตลอดทั้งสายเกิด (สมุทัยวาร) และสายดับ (นิโรธวาร) ... ความสงสัยของพระองค์หมดสิ้นไป ทรงกำจัดมารและเสนามารเสียได้ เพราะทรงรู้กฎแห่งเหตุผล หรือกฎแห่งความเป็นเหตุผลของกันและกัน (Cr-ครูวศิน อินทสระ)
เทพบุตรทูลถามว่า อยู่พระองค์เดียวไม่ทรงเบื่อหน่ายบ้างหรือ ตรัสตอบว่า ไม่เบื่อหน่าย
ข้าแต่สมณะ พระองค์ทรงยินดีอยู่หรือ เราได้อะไรเล่า ถึงต้องยินดี
พระองค์ทรงเศร้าโศกอยู่หรือ เราเสื่อมอะไร จึงต้องเศร้าโศก
พระองค์ไม่ทรงยินดี และไม่ทรงเศร้าโศกเลยหรือ เป็นอย่างนั้น เราไม่ยินดีและไม่เศร้าโศก
พระองค์ไม่มีทุกข์บ้างเลยหรือ ความเพลิดเพลินไม่มีบ้างหรือ ประทับนั่งแต่พระองค์เดียว ไม่ทรงเบื่อบ้างหรือ เราไม่มีความทุกข์เลย ความเพลิดเพลินก็ไม่มี อนึ่งเมื่อเรานั่งอยู่แต่ผู้เดียว ความเบื่อหน่ายก็มิได้ครอบงำเรา
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นได้ ความเพลิดเพลินย่อมมีแก่ผู้มีทุกข์ ความทุกข์ย่อมมีแก่ผู้เพลิดเพลิน ผู้เป็นภิกษุ ย่อมไม่มีทั้งความเพลิดเพลิน และความทุกข์ ท่านจงรู้อย่างนี้เถิด...