เปิดบ้านไว้ที่แพไพรวัลย์ซะนาน....มาปิดทริปแล้วค่ะ
ฝนฟ้าไม่ค่อยจะเป็นใจ..เดินทางไปไหนก็ลำบาก ..เกี่ยวกันไหมเนี้ยะ
จากแพนี้เดี๋ยวบ่ายๆ เราก็จะกลับขึ้นฝั่งกลับบ้านกันแล้วค่ะ
ดังนั้น สำรวจโดยละเอียดอีกทีกันดีกว่า
คราวแล้วบ่นๆ ไปว่าเค้าห้ามใช้สบู่ แชมพูอาบน้ำ
เพราะที่นี้เค้าต้องการรักษาสภาพน้ำให้ไร้มลภาวะจากสารเคมีค่ะ
ห้องน้ำห้องท่าของที่นี่..เลยถูกเอาไปไว้บนเขาปู๊นนนนนนน
จะทำธุระทีต้องปีนกันจนเมื่อยเลยค่ะ
อยากรู้ไหมค่ะว่าสูงแค่ไหน..ดูได้เลยค่ะ
นี่ถ่ายจากหน้าห้องน้ำนะคะ...มองต่ำลงมา....สูงปะคะ
ห้องน้ำจะมี 2 จุด ซ้าย ขวา ของแพตรงข้ามที่เรานอนกันค่ะ
เดี๋ยวไปดูอีกด้าน....แต่แดดแรงมากค่ะวันนี้
นี่ถ่ายเข้าไปหาแพที่ใช้เป็นส่วนต้อนรับกับร้านอาหาร
ห้องน้ำเค้าทำสะอาดสะอ้าน ไม่ได้มุงคาแบบแพนะคะ
เอ็นทรีแรกๆ น่าจะมองเห็น .. ถ่ายใกล้ๆ ไม่ได้ค่ะ ไม่มีที่จะถอย 555
อีกด้านจากมุมสูง.....เวิ้งน้ำทางออกจากแพ
เหมือนที่นี่ถูกซ่อนอยู่เงียบๆ จริงๆ นะคะ
สายน้ำคดเคี้ยว...เชื่อมต่อออกไปจากที่นี้
อีกไม่กี่นาที...เราก็จะจากกันไปซะแล้ว...
น้ำสีเขียวมรกต..สวยไม่แพ้ทะเลอันดามันเลย
แถมสง๊บสงบ...ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเย้ๆ ให้เหม็นหู 555 (อีกที)
เงาไม้ที่กระทบลงน้ำสีเขียวๆ...
คงจะติดตาตรึงในความรู้สึกตลอดไป...แถมเรียกให้เรากลับมาอีก ^^
กลับมาที่แพเก็บสัมภาระ..
...แต่ก่อนไป เราต้องไปจัดการค่าที่พักกันก่อนนะคะ
แพไพรวัลย์ คิดค่าพัก 800 บาทต่อหัวนะคะ
ได้กินข้าว 3 มื้อ นอนสบายๆ อีก 1 คืน
เคลียร์ค่าใช้จ่ายแล้ว.....แดดร้อนเปรี้ยง
ไม่อยากกลับเลย..กลัวดำ 555....เลยนอนเล่นอีกพักใหญ่
วันนี้วันธรรมดาแท้ๆ....แต่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาที่แพด้วย
นอนดูเด็กเล่นน้ำเพลินไปเลย อิอิ
ไม่ไหวแล้ว.....ไถลนานไป..
เพราะต้องขึ้นเครื่องกลับเย็นนี้..เห็นทีต้องจรลีจริงๆ
น้องคนเรือกวักมือเรียกเราหย่อยๆ
คงงงทำไมป้าใจเย็นเยี่ยงนี้...มารู้อีกทีน้องบอกว่าบ่ายแล้วกลัวฝนจะลง..
จำใจก้าวเท้าลงเรือ .. ปุเลงๆ กลับบ้าน
อาลัยอาวรณ์...กลิ่นน้ำใสๆ ลมเย็นๆ จุงเบย
นั่งปล่อยตัวอยู่บนลำเรือ....
ยอมให้ลมแรงๆ..หอมๆ....พัดโกรกผมปลิว....แต่ทันใดนั้น...
ไหงจู่ๆ เรือก็ดับ ลอยเค้งเต้งอยู่กลางน้ำ...เจ๊ยยยยย
โชคดีมีเพื่อนเรือด้วยกัน....ผ่านมา...เฮ้อ...
ผู้หญิงบอบบางแบบเราจะช่วยไรเค้าได้...
ได้แต่นั่งมอง....เรือ 2 ลำพลอดรักกันผิดเวลา....ไม่รู้กาละเทศะซะเลย..55
ช่วยกันซ่อมช่วยกันดูอยู่ตั้งนาน....
เครื่องก็ยังเงียบฉี่...เห็นที...จะแห้งตายคาลำเรือ
แต่อนิจจาไม่น่าเชื่อ....555
เห็นพระเอกจ้วงพายเรือลำไม่ใหญ่...พุ่งตรงฉิวๆ มาแต่ไกล
ตกลงเรือ 3 ลำ...ทำเป็นเอาหัวเรือสัมมนากัน
ส่วนฉัน..นั่งมองอยู่เงียบๆ ....
ไม่กล้าเอ๊ดอึงอันใด...เพราะต้องลุ้นในใจ...
"จะรอดไหมเนี้ยะตรู" 555
นานพอดู...แต่สุดท้าย....เราก็รอดพ้นจากความระทึก
ขอบคุณกันเรียบร้อย..น้องคนขับเรือก็เร่งเอาเรามาส่งถึงฝั่ง
...ไม่อยากบอกเลยว่า..ขึ้นฝั่งไม่นาน
เราเห็นรถกู้ภัยขับสวนทางเข้าไปในเขื่อน...
ได้ข่าวอีกที..มีนักท่องเที่ยวจมน้ำเพราะขับเรือคว่ำ..
ไม่กี่นาทีตอนที่เราถึงฝั่งนี่เอง.....
"ไปก่อนนะเชี่ยวหลาน....ฉันจะคิดถึงเธอ..ไม่ลืม"
ตามไปสูดอากาศเย็นๆ นอนนับดาว เอามือคว้าหมอกมากอดไว้กะอกกับมัจฉานุทางนี้นะคะ
"เขื่อนเชี่ยวหลาน ๑ :: เขาสูง สายน้ำและก้อนเมฆ"
"เขื่อนเชี่ยวหลาน ๒ :: เมฆทมึน..หน้าบึ้งบนแผ่นน้ำกว้างไกล"
"เขื่อนเชี่ยวหลาน ๓ :: เสียงลมหายใจที่แผ่วลง..ตรงที่แพคลองคะ"
"เขื่อนเชี่ยวหลาน ๔ :: ที่ที่ฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจของธรรมชาติ"
"เขื่อนเชี่ยวหลาน ๕ :: ยามเช้าเบื้องหน้าที่คงเงียบสงบ.."
"เขื่อนเชี่ยวหลาน ๖ :: แอบส่องผู้ชายพายเรือเล่นน้ำ.."
"เขื่อนเชี่ยวหลาน ๗ :: เยี่ยมเขาสามเกลอ แล้วไปเออออกับพระจันทร์ที่แพไพรวัลย์"
"เขื่อนเชี่ยวหลาน ๘ :: แดดอ่อน..น้ำใส..ร่มคากลางไพร"
ปล.๑ ทริปนี้เราเดินทางเมื่อพฤษภาคม ปี 2555 ตอนที่กลับตรงกับวันที่เกิดอุบัติเหตุนักท่องเที่ยวพอดี
ปล.๒ คิดแล้วก็นึกถึงความโชคดีของตัวเองที่หลุดรอดมาได้อย่างปลอดภัย.....
ปล ๓ เกือบลืมบอกอีกนิด ราคาค่าเรือที่เราเสียไป 2,500.- บาท เพราะไปหลายวันนอนหลายคืน คนเรืออยู่กับเราตลอดค่ะ
ปล ๔ ช่วงนี้พลุบๆ โพล่ๆ ไปๆ มาๆ หน่อยนะคะ
ปล ๕ ขอบคุณเมโลดี้น่ารัก Over the Rainbow - ThePianoGuys กับเด็กๆ น่ารักจากบ้านคุณยายกุ๊กไก่นะคะ
Create Date : 19 กรกฎาคม 2556 |
Last Update : 26 ตุลาคม 2556 19:49:54 น. |
|
12 comments
|
Counter : 4571 Pageviews. |
|