ถ้าขจัดความกลัวออกไปได้ ไม่นานความสำเร็จก็จะตามมา
Group ตัวอย่าง
กุมภาพันธ์ 2554
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
2 กุมภาพันธ์ 2554
เรื่องสั้น/คืนวันล่องไหลชั่วกะพริบตา
จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ 9
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๘
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๗
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๖
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๕
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๔
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๓
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๒
นวนิยาย จะลองรักอีกสักครั้ง บทที่ ๑
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 32
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 31
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 30
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 29
นวนิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 28
นวนิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 27
อดีตรักเหมืองป่า บทที่ 26
อดีตรักเหมืองป่า บทที่ 25
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 24
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 23
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 22
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 21
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 20
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 19
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 18
นิยายอดีตรักเหมืองป่า บทที่ 17
นิยาย /อดีตรักเหมืองปา ตอนที่ 16
นิยาย /อดีตรักเหมืองปา ตอนที่ 15
เรื่องสั้น/ไม่มีวันนั้นอีกแล้ว
นิยาย อดีตรักเหมืองปา ตอนที่ 14
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 13
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 12
เรื่องสั้นตกรอบครับ
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 11
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 10
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 9
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 8
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 7
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 6
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 5
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 4
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 3
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 2
นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 1
เรื่องสั้น/คืนวันล่องไหลชั่วกะพริบตา
เรื่องสั้น-ดักไซแห้ง
เรื่องสั้น/คืนวันล่องไหลชั่วกะพริบตา
ตอนที่ 1
ปกติการตัดลูกปาล์มในสวนออกไปขาย ชาวสวนจะทิ้งระยะการตัด 15-18 วันต่อครั้ง เพื่อให้ลูกปาล์มแต่ละรุ่นสุกจัดตามที่ตลาดต้องการ ดังนั้นเมื่อครบกำหนดผมก็จะต้องพักงานประจำที่ร้านทำป้ายที่บ้านส้อง แล้วขับกระบะคู่ชีพไปยังสวนปาล์มของผมที่คุระบุรี เพื่อตัดลูกปาล์มในสวนไปขายให้กับลานเทที่เปิดรับซื้ออยู่ที่นั่นเสมอ
ชีวิตวัยเยาว์กระทั่งย่างเข้าสู่วัยหนุ่ม ผมคลุกคลีอยู่กับบรรยากาศบ้านไร่ปลายนาและท้องทะเลสีครามที่อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา มาตลอด เพิ่งจะไปมีครอบครัวและมีอาชีพเป็นช่างเขียนป้ายโฆษณาอยู่ที่บ้านส้องเมื่อย่างเข้าสู่วัยกลางคน แต่ถึงกระนั้น พ่อแม่และญาติพี่น้องของผมส่วนใหญ่ก็ยังอาศัยอยู่ที่คุระบุรี เพราะฉะนั้นแม้ผมจะไม่มีสวนปาล์มอยู่ที่นั่น แต่ผมก็จะต้องเดินทางไปมาระหว่างดินแดนทั้งสองนี้อยู่ดี
บนเส้นทางกว่าสามร้อยกิโลเมตร ระหว่างบ้านส้องกับคุระบุรี แม้จะไกลสักหน่อย แต่ผมก็ขับรถไปกลับเสียจนชิน และผมก็รู้สึกชอบบรรยากาศของที่นั่นมาก โดยเฉพาะบริเวณรอบ ๆ สวนปาล์มของผมก็แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม... แม้ไม่อาจเทียบกับสี่สิบกว่าปีก่อนโน้น แต่ทว่าความงามของมันก็มักจะทำให้ผมหวนถวิลถึงอดีตและมีความสุขเสมอเมื่อได้สัมผัสกับมัน
สายวันนี้บรรยากาศภายในสวนปาล์มของผมก็แลดูสดชื่นเหมือนเคย ท้องฟ้าโปร่งโล่งสดใส พร้อมกับเหยี่ยวภูเขาสีน้ำตาลเข้มตัวหนึ่งกำลังกางปีกร่อนวนเป็นวงกว้างไปรอบ ๆ อย่างเพลิดเพลิน แม้ตัวมันจะไม่ใหญ่โตเทียบเท่าพญาอินทรี-นกยักษ์ของผืนป่า แต่ทว่าภาพที่กำลังปรากฏแก่สายตาผมในขณะนี้ ก็ปลุกเร้าความหลังของผมให้แจ่มชัดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง!
สมัยเด็ก ๆ ผมก็เคยเห็นเหยี่ยวภูเขากางปีกร่อนวนอยู่บนท้องฟ้าเป็นเวลานานอย่างนี้บ่อย ๆ เหมือนกัน เพียงแต่ว่าผมไม่เคยใส่ใจและเก็บเอามาครุ่นคิดเป็นอารมณ์ และนึกเป็นสุขเหมือนทุกวันนี้
หรือว่า...บัดนี้ผมแก่แล้ว!
ความแก่ที่มักจะโน้มนำจิตใจของเราให้หวนถวิลถึงอดีตอยู่เสมอ
เมื่อมองจากสะพานแขวนที่ทอดข้ามลำคลองซึ่งผมกำลังยืนเหม่อลอยอยู่นี้ ก็จะเห็นต้นปาล์มภายในสวนของผมแผ่ใบร่มรื่นเขียวขจีแลลิบดุจแพรไหมผืนใหญ่พลิ้วสะบัดทักทายแดดอ่อนอยู่วับวาว
กลาง ๆ สวนปาล์ม,ต้นสะตอสามสี่ต้นผุดแซมขึ้นห่าง ๆ กิ่งก้านของมันแต่ละต้นทอดยื่นออกไปเป็นวงกว้าง บนปลายกิ่งที่ยื่นล้ำออกไปจากสะตอต้นสูงต้นหนึ่ง มีนกขมิ้นเหลืองอ่อนที่อวบอ้วนดุจปลีกล้วยน้ำหว้าตัวหนึ่งกำลังแผ่ปีกซบแนบกิ่งไม้นอนอาบแดดนิ่งเฉย...
ภัยร้ายจะมาถึงตัวอยู่แล้ว ยังจะนอนเฉยอยู่อีก...ประเดี๋ยวเถอะ
ผมใจคอไม่ดี ภาวนาขออย่าให้สายตาอันแหลมคมของเหยี่ยวภูเขาตัวนั้นมองกราดลงมาเห็นตัวมัน
นกกะปูด นกขมิ้น นกบวช อีกา แซงแซว และอีกหลายนก รวมถึงกระรอกกระแต กิ้งก่า ตะกวด หรือแม้แต่ตัวเงินตัวทองที่หากินแถวนี้ ผมรู้สึกผูกพันรักใคร่พวกมันเสมือนญาติโยมหรือเพื่อนเก่าแก่ที่พลัดพรากจากกันแล้วหวนกลับมาพบเจอ ผมจึงประกาศห้ามรังแกสัตว์ในสวนปาล์มของผมอย่างเด็ดขาด จนเดี๋ยวนี้พวกที่เคยแบกอาวุธเข้ามาเพื่อจะล่าพวกมันก็ไม่มีอีกแล้ว
นกหนูตัวเท่านิ้วก้อย ไม่อิ่มท้องพวกเอ็งหรอก เวลาผมห้ามพวกเขา ผมก็มักจะล้วงกระเป๋าและควักเงินส่งให้ ไปหาซื้อหมูไก่ในตลาดกินกันดีกว่า อย่าทำร้ายสัตว์พวกนี้เลย
ผมรู้ว่าเป้าหมายของการล่าที่แท้จริงสำหรับคนบางคนคืออะไร แต่เมื่อได้พยายามอธิบายให้พวกเขาเข้าใจจุดประสงค์ของผม สายตาที่เคยมองมาอย่างคลางแคลงนั้นก็ค่อย ๆ ส่อประกายสดใสและยิ้มให้กันในที่สุด
ซึ่งนับเป็นลางดีแก่นกหนูทั้งหลาย จนผมอดชื่นชมพวกเขาอยู่ในใจไม่ได้!
ทว่า,กับไอ้พวกนักล่าหนังสติ๊กตัวกะเปี๊ยกเหมือนอย่าง ตาหลวง ของพวกมันในอดีตนี่สิ,พากันยิ้มแต้เมื่อเห็นใบเขียว ๆ แดง ๆ ในมือผม และที่สำคัญผมต้องเสียค่าจ้างไปฟรี ๆ แทบทุกครั้ง
แรก ๆ ก็นึกโมโหอยากจะหักกิ่งไม้ฟาดก้นกันเสียให้เข็ด แต่ก็ทำไม่ลง เพราะเมื่อย้อนรำลึกถึงคืนวันเก่า ๆ ผมกลับพบว่าตัวเองทั้งดื้อและซนยิ่งกว่าพวกมันเป็นร้อยเท่า
สมัยก่อนนอกจากผมจะดื้อและซุกซนอย่างหาตัวจับยากแล้ว ผมยังชอบที่จะพกหนังสติ๊กออกจากบ้านโฉบฉายไปตามที่ต่าง ๆ อย่างที่เรียกกันว่า บินเดี่ยว อยู่เสมออีกด้วย
วันหนึ่ง ขณะอยู่ในช่วงปิดเทอม ตาผู้ใหญ่ในชุดโสร่งสีเขียวลายสก๊อตและเสื้อกล้ามห่านคู่สีขาว พร้อมผ้าขาวม้าแดงพาดบ่าผืนหนึ่ง เดินย่ำเท้าฝ่าแดดร้อนยามสายมาจากบ้านชายทุ่งซึ่งอยู่ห่างไปทางทิศตะวันตกของบ้านไร่ของเรากว่าครึ่งชั่วโมงเดินเท้า มาหาพ่อที่บ้านผม ซึ่งขณะนั้นพ่อของผมกำลังนั่งเหลาหวายถักบ่วงแร้วดักไก่ป่าอยู่ที่ใต้ถุนเรือน พ่อเชิญตาผู้ใหญ่นั่งพูดคุยธุระกันบนแคร่ไม้ไผ่ซึ่งมีเชี่ยนหมากและกล่องยาเส้นวางอยู่พร้อม ผมนอนคว่ำหน้าวาดรูปเล่นบนหน้ากระดาษสมุดวาดเขียนพร้อมกับคอยไกวเปลน้องสาวคนเล็กอยู่บนเรือน แม่ไปซักผ้าที่ลำคลอง น้องสาวคนรองของผมก็ตามแม่ไปด้วย
บริเวณลำคลองที่แม่กับน้องสาวมาซักผ้าด้วยกันตอนนั้น ก็คือบริเวณสะพานแขวนตรงนี้เอง!
สมัยก่อนบริเวณนี้เป็นป่าไผ่ร่มรื่น สวนปาล์มเบื้องหน้าผมยังเป็นสวนสมรมของย่า มีนกหนูชุกชุม กระรอก กระจง กระทั่งอีเก้งก็เคยพลัดหลงเข้ามาบ่อย ๆ แม้ผมจะไม่เคยเจอมันซึ่งหน้า แต่ก็เคยได้ยินเสียงมันกระโจนหนีเข้าป่าพร้อมกับเห่าเป๊ก ๆ อยู่ไกล ๆ สองสามครั้ง
นุ้ยไปตามแม่กลับมาหุงข้าวก่อนไป๊ พ่อร้องสั่งผมขึ้นมาจากข้างล่าง แล้วเลยไปบ้านตารุ่มด้วยนะ บอกแกว่า พ่อขอยืมมะพร้าวมาแกงลูกหนึ่งก่อน ถ้าแกว่าง ก็บอกให้แกมากินข้าวมื้อเที่ยงที่บ้านเราด้วย... บอกแกว่าตาผู้ใหญ่มาเยี่ยม
เวลานั้นมะพร้าวที่พ่อปลูกไว้ในไร่สิบกว่าต้นเพิ่งสูงเสมอกับหัวของผม ยังไม่ออกลูก ถึงคราวจะใช้มะพร้าวต้มแกงหรือทำขนม ก็ต้องไปสอยมาจากสวนของย่าที่บ้านชายทุ่ง ใกล้ ๆ กับบ้านของตาผู้ใหญ่ท่านนี้แหละ พ่อจะไปสอยมะพร้าวสุกแล้วหาบมาเก็บไว้ที่บ้านไร่แห่งนี้คราวละมาก ๆ ใครขาดเหลือก็มาหยิบยืมไปก่อน
ผลัดกันหยิบยืมอย่างนี้เหมือนกันทุกบ้าน...
พ่อเอ็งดักแร้วได้ไก่เถื่อนกี่ตัว ตารุ่มถาม
ยังถักบ่วงไม่เสร็จ ผมตอบ
อ้าว-กูนึกว่ามึงจะเอามะพร้าวไปแกงไก่เถื่อน จะได้ตามไปกินด้วย
แต่พ่อก็สั่งให้ตาไปกินข้าวที่บ้านด้วยแหละ ผมบอกแก ตาผู้ใหญ่มาธุระ สงสัยพ่อจะเชือดไก่บ้านแกงให้กินละมั้ง
อ้อ-น้าผู้ใหญ่มานี่เรอะ งั้นเอ็งกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวมะพร้าวตาจะหิ้วตามไปเอง
แหม- ทำไมถึงโชคดีอย่างนี้ !
ผมครุ่นคิดด้วยความลิงโลด เพราะไม่ต้องหิ้วมะพร้าวกลับบ้าน...
ถ้าอย่างนั้นตัวเราก็ไม่ต้องรีบกลับบ้านนะสิ!
คิดถึงเรื่องนั้นแล้วผมก็รู้สึกดีใจมาก?
และสองเท้าก็ว่องไวยิ่งกว่าความคิด...แค่ชั่วสองสามอึดใจผมก็วิ่งกลับมาถึงท่าน้ำที่จะข้ามไปยังฝั่งสวนสมรมของย่า ซึ่งบัดนี้แม่กับน้องสาวพากันกลับบ้านไปแล้ว
ผมลุยน้ำข้ามไปยังฝั่งโน้นตรงช่วงที่ระดับน้ำตื้นแค่เข่า พร้อมทั้งเก็บลูกหินก้อนกลม ๆ ขนาดหัวแม่มือใต้ผิวน้ำริมหาดทรายได้หนึ่งกระเป๋ากางเกง
หินก้อนเล็ก ๆ กลม ๆ พวกนี้ใช้ทำกระสุนหนังสติ๊กได้อย่างวิเศษ
กระเป๋ากางเกงนักเรียนตัวเก่า ๆ ข้างที่ใส่ก้อนหินเปียกชุ่มให้ความรู้สึกเย็น ๆ ที่โคนขา ขณะก้าวเดินเข้าไปในร่มไม้ภายในสวนแห่งนั้น กระรอกที่หากินอยู่ใกล้ ๆ ก็ยกฝูงแห่กันมาต้อนรับ แหกปากร้องทักดัง จ๊ก ๆ จ๊ก ๆ ระงมไปทั่วทั้งป่า!
กระรอกสีน้ำตาลอ่อนลำตัวอวบอ้วนและกลมลื่นเหมือนกาบไม้ไผ่พวกนั้นหูตาว่องไว แถมพรางตัวซุ่มซ่อนศัตรูได้ดีสมกับฉายาเวรยามแห่งพงไพร ทว่าบ่อยครั้งที่ผมย้อนเกล็ดพวกมันอย่างสาสม ด้วยการลุยน้ำข้ามไปอีกช่องทางหนึ่ง แล้วแอบซุ่มอยู่ข้างพุ่มไม้ รอจังหวะจนมันชะล่าใจและไต่กิ่งไม้เข้ามาหาในระยะใกล้ พอที่ผมจะปล่อยก้อนหินออกจากรังกระสุนหนังสติ๊กได้ถนัด
ซึ่งมันก็เสร็จผมทุกราย...
ทว่าวันนั้นผมไม่ได้ตั้งใจจะไปยิงกระรอก แต่จะเอาหนังสติ๊กไปสอยนกที่บินมากินลูกกำซำที่กลางสวน... ผมจึงไม่สนใจพวกมัน
ดีเสียอีก! เดินเหินจะได้ไม่ต้องระวังว่าจะเกิดเสียงดัง เพราะเสียงร้องทักพวกมันจะกลบเสียงอื่นเสียหมด
หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็ถึงที่หมายพร้อมกับความผิดหวัง...
ตรงบริเวณริมสวนติดกับชายป่าทิศตะวันออก มีต้นกำซำใบดกหนาต้นหนึ่งสูงกว่าหลังคาบ้านผม กำลังออกลูกดกดื่นคล้ายช่อลูกกวาดเหลือง ๆ แดง ๆ ห่มคลุมอยู่เต็มต้น แต่ทว่า,อย่าว่าแต่นกเฮือกตัวเท่าแม่ไก่จะยกฝูงมาเกาะกินเลย แม้แต่นกกระจิบเท่าปลายนิ้วก้อยสักตัวก็หาขนทำยาไม่ได้ นอกจากบนกิ่งทุเรียนพื้นบ้านใบร่วงโกร๋นและสูงลิบจนผมต้องแหงนคอมอง ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กันนั้น จะปรากฏเหยี่ยวภูเขาสีน้ำตาลแดงจะงอยปากโง้งง้ำและดำเหมือนจะงอยมีดพร้าเกาะนิ่งอยู่ตัวหนึ่ง
อีกทั้งนกยักษ์ตัวนั้นก็ไม่กลัวเด็กชายตัวเล็กกระจ้อยร่อย ที่มีเพียงกางนักเรียนตัวเก่า ๆ ปกปิดท่อนล่างพร้อมกับในมือก็มีเพียงหนังสติ๊กอันเดียวเหมือนอย่างผมเสียด้วย
เพราะมึงทีเดียว!
ผมนึกโมโห คิดว่ามันเป็นต้นเหตุทำให้นกอื่นไม่กล้าบินมาหากินแถวนี้...
ด้วยความผิดหวังผมจึงหันหลังกลับ แต่ในชั่วพริบตา,แม้พวกกระรอกที่ริมคลองจะยังคงแผดเสียงอื้ออึงอยู่ หากแต่เสียงฟ่อ ๆ เต็มไปด้วยพลังอำนาจอันน่าหวาดเสียวก็พุ่งกระทบโสตจนผมสะดุ้งเฮือก ชะงักเท้าที่กำลังจะควบกลับทางเดิม พร้อมกับเหลียวมองไปยังทิศทางอันเป็นที่มาของเสียงนั้นโดยเร็ว
*******************************
ตอนที่ 2
เสียงฟ่อ ๆ ที่ผมได้ยิน เป็นเสียงพ่นดังมาจากปากงูเห่าขนาดท่อนแขนตัวหนึ่ง ซึ่งกำลังถกจวักแผ่แม่เบี้ยส่ายหัวโอนเอนไปตามจังหวะหลอกล่อของเจ้าพังพอนตัวเท่ากระรอกเขื่อง ๆ ที่กำลังกระโดดซิกเซ็กซ้ายขวา พร้อมกับแยกเขี้ยวตั้งท่าจะกระโจนเข้าขย้ำคู่ต่อสู้ของมันอยู่เบื้องหน้า
นิทานพังพอนกับงูเห่าผมเคยฟังมานักต่อนัก แม้แต่พวกรถเร่ขายยาสมุนไพร ที่หลอกต้มผู้คนให้เข้าไปมุงดูเขาโฆษณาสรรพคุณว่านศักดิ์สิทธิ์ เพื่อรอดูพังพอนกับงูเห่าที่เขาบอกว่าจะปล่อยพวกมันออกมากัดกัน ผมก็เคยมาแล้ว เพียงแต่ไม่เคยเห็นเขากระทำเหมือนปากพูดเลยสักครั้ง ได้แต่โยกโย้ไปมาจนกระทั่งเก็บข้าวของขึ้นรถยนต์และจากไปพร้อมกับคำสัญญาที่ฟังคล้ายคำแก้ตัวเสียมากกว่า
คราวหลังชักชวนกันมาให้เยอะกว่านี้นะครับ ผมจะได้ปล่อยงูเห่ากับพังพอนออกมากัดเสียที วันนี้พวกท่านมากันไม่กี่คน ไม่คุ้มโสหุ้ย
หากแต่วันนี้... เบื้องหน้าผมกลับปรากฏของจริงอย่างจะแจ้ง จนผมยืนตัวแข็งไม่กล้ากระดุกกระดิก เกรงว่าพวกมันเห็นผมแล้วพาลตกใจเลิกราไปเสีย เพราะถึงอย่างไรมนุษย์ก็เป็นสัตว์พี่เบิ้มที่สัตว์อื่นไม่อยากตอแยด้วย เสือหมีที่ดุร้ายหากไม่จวนตัวจริง ๆ ไหนเลยจะกล้าโผล่หน้าให้มนุษย์ได้เห็น
พังพอนกับงูเห่าสองตัวนั้นจะโรมรันพันตูกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ผมไม่รู้ แต่เห็นมันขับเคี่ยวกันโดยไม่ใส่ใจผมผมจึงค่อย ๆ สืบเท้าย่องถอยหลัง พร้อมเหลือบมองตอไม้ใกล้ ๆ สลับกับหันไปจ้องสมรภูมิรบของพวกมันอย่างไม่กะพริบตา ช่วงไหนที่พวกมันจด ๆ จ้อง ๆ เหมือนนักมวยรอจังหวะเพลี่ยงพล้ำของคู่ต่อสู้กลางสังเวียน ผมก็จะชะงักเท้าหยุดเคลื่อนไหว เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต ต่อเมื่อมันลงมือฉกกัดกันอุตลุดยกใหม่ ผมก็จะเร่งสืบเท้าเข้าที่กำบังอีกครั้ง จนในที่สุดก็เข้าไปแอบชมการต่อสู้อันน่าระทึกใจนี้อยู่หลังตอไม้ที่หมายตาได้สำเร็จ
ด้วยความที่ผมเป็นคนเกลียดกลัวงู ไม่ว่าชนิดไหน มีพิษหรือไม่ เมื่อผมได้เห็นผมก็จะรู้สึกขยะแขยงและเกลียดกลัวทั้งสิ้น ดังนั้นขณะแอบมองการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิตของพวกมันในครั้งนี้ จิตใจของผมจึงเอนเอียงข้างฝ่ายพังพอนอย่างช่วยไม่ได้ ผมจะรู้สึกสะใจและเป็นสุขอยู่ลึก ๆ เมื่อพังพอนเป็นฝ่ายได้เปรียบ... ครั้งหนึ่งพังพอนกระโจนเข้าขบงับงูเห่าจนพลิกหงาย บิดลำตัวหมุนกลิ้งไปบนพื้นหญ้า กระทั่งมันคลายเขี้ยวเพื่อจะหาจังหวะซ้ำเติม สัตว์เลือดเย็นอย่างงูเห่าจึงไม่ปล่อยโอกาสให้คู่ต่อสู้ทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว
ด้วยความว่องไวจนมองดูแทบไม่ทัน เขี้ยวน้ำพิษอันแหลมโง้งของมันคู่นั้นก็สับฉึกเข้าที่สีข้างของศัตรูอย่างถนัดถนี่ และเมื่อมันพลิกลำตัวสลัดเขี้ยวออกมาเพื่อจะฉกซ้ำ เจ้าพังพอนผู้ย่ามใจจนกระทั่งได้รับบทเรียนอันเจ็บปวดก็ได้จังหวะถอยฉากออกมาอย่างมิรอช้า การฉกลงไปอย่างฉับไวของเจ้างูร้ายรอบสองจึงพลาดเป้าอย่างน่าเสียดาย
เช่นเดียวกับผม ที่เผลอดีใจเมื่อเห็นเจ้าพังพอนหลุดรอดหมัดน็อคหนนี้ไปได้ ก็แทบจะโห่ร้องออกมาอย่างลืมตัว
หนังสติ๊กในมือพร้อมก้อนหินกลม ๆ ขนาดปลายนิ้วโป้งในรังกระสุน เตรียมที่จะพุ่งออกไปช่วยเจ้าพังพอนตลอดเวลา ถ้าหากเห็นว่ามันเพลี่ยงพล้ำจนเอาตัวรอดไม่ได้
เจ้าพังพอนโดนงูเห่าฉกกัดรอบนั้นทำให้มันอ่อนความว่องไวลงไปถนัด หากแต่ยังแยกเขี้ยวข่มขู่คู่ต่อสู้ที่ชูคอแผ่แม่เบี้ยส่งเสียงฟ่อ ๆ อยู่ตรงหน้าอย่างมิหวั่นเกรง พอได้จังหวะก็กระโจนเข้าไปอีก แต่ก็ถูกงูเห่าตอบโต้จนกระเด็นออกมา โชคดีที่มิได้โดนคมเขี้ยว เพียงแค่ปะทะเข้ากับปลายจมูกอันมู่ทู่ของเจ้าอสรพิษร้ายจนหงายหลัง และมันก็พลิกตัวหลบการฉกซ้ำของศัตรูไปได้อย่างหวุดหวิดอีกครั้ง จนในที่สุดพังพอนก็ถอดใจผละหนีการต่อสู้ ตะกายเท้าถอยหลังห่างออกมาเกือบครึ่งวา ก่อนกระโจนแผล็วเข้าไปในดงหญ้ารกทึบใต้พุ่มตะขบใบดกหนา ปล่อยให้งูเห่าซึ่งบาดเจ็บไม่ต่างจากมันถกจวักชูคอมองตามไปอย่างย่ามใจในชัยชนะ
ร้อนถึงผมที่แอบอยู่ข้างตอไม้ก็ให้นึกหวาดเสียว เกรงมันจะเลื้อยผ่านเข้ามา จึงง้างหนังสติ๊กเล็งหมายไปที่หัวสามเหลี่ยมเหนือแม่เบี้ยของมัน... ทว่าพลันนั้นเงาดำวูบจากเบื้องสูงก็ฉายวาบลงมารวดเร็วปานจักรผัน ชั่วกะพริบตางูเห่าตัวนั้นก็ตกอยู่ในกรงเล็บอันแหลมคมของพญาเหยี่ยวที่โฉบดิ่งลงมาจากกิ่งทุเรียนที่มองเห็นเมื่อสักครู่ จากนั้นก็กระพือปีกเหินฟ้าบินวาบ ๆ ผ่านยอดมะปรางริมสวนลับหายไป
กาลเวลาล่วงเลยมากว่าสี่สิบปี มะปริงต้นนั้นถูกโค่นเผาไฟเป็นเถ้าถ่านไปนานแล้ว พร้อมกับมะเฟือง มะไฟ ส้มโอ ลางสาด เงาะ ทุเรียน ฯลฯ จากนั้นก็ปลูกยางพาราลงไปแทน เพราะเห็นว่ามันพืชเศรษฐกิจ คงจะให้ผลประโยชน์มากกว่าพืชพรรณพื้นเมืองพวกนั้น
ส่วนสะตอสองสามต้นที่เห็นอยู่ตอนนี้ เพิ่งปลูกทีหลัง...หลังจากโค่นยางพาราหนีปัญหาน้ำท่วมในฤดูฝน ซึ่งเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก...
ทุก ๆ ปี-พอย่างฤดูฝนฝนตกหนักติดต่อกันสักวันสองวัน ภายในสวนปาล์มตรงฝั่งคลองเบื้องหน้าผม สายน้ำขุ่นข้นจากลำคลองจะเอ่อล้นเข้าไปท่วมสูงจนกลายเป็นทะเลน้ำเชี่ยว แถบที่ลุ่มบางแห่งระดับน้ำสูงถึงกลางหน้าอก และไหลเชี่ยวกราก ชักพาจอกยางสูญหายปีละสองสามลังไม้(300 ใบ)เป็นประจำ จึงจำต้องโค่นเผาไฟแล้วปลูกพืชอย่างอื่นทดแทนใหม่อีก
ลองผิดลองถูกมาสองสามรอบ กว่าจะกลายเป็นสวนปาล์มเหมือนตอนนี้ เพราะดูเหมือนปาล์มจะเป็นพันธุ์พืชที่เหมาะกับที่ดินสิบกว่าไร่ ซึ่งอยู่ในที่ลุ่มตรงนี้มากกว่าอย่างอื่น แม้น้ำท่วมก็ไม่เป็นปัญหา เพราะรอให้น้ำแห้งแล้วค่อยเก็บเกี่ยวภายหลังได้
ส่วนลำคลองเจ้าปัญหาสายนี้ถือกำเนิดมาจากป่าดงดิบด้านทิศตะวันออก หน้าฝนน้ำเชี่ยวและขุ่นข้นตลอดเวลา แต่ครั้นถึงช่วงแล้งอย่างนี้ สายน้ำใสแจ๋วมองเห็นกรวดทรายท้องคลองถนัดตา เมื่อห้าสิบกว่าปีที่แล้วเป็นอย่างไร บัดนี้ก็เป็นอยู่อย่างนั้น ถ้าจะมีสิ่งผิดแผกไปจากเดิมก็เห็นจะเป็นฝูงปลา ที่เหลืออยู่แค่ปลาซิวปลาสร้อยตัวเท่าปลายก้อยแค่นั้นที่ยังวนเวียนแหวกว่ายให้เห็น ปลาตาแดง ปลาโสด ปลายี่สก ตัวเท่าฝ่ามือเหมือนแต่ก่อนจะหาเกล็ดทำยาก็ไม่มี พวกชนรุ่นหลัง บวกกับ พม่า มอญ ที่มารับจ้างทำสวนอยู่แถวนี้ล่อมันด้วยโล่ติ๊นบ้าง ยาเบื่อมดบ้าง ไม่ช้าไม่นานพวกมันก็สูญพันธุ์ แม้แต่หอยขมหอยโข่งแถว ๆ ริมคลองก็ดูเหมือนจะหาดูยากเหลือเกิน
วันคืนล่องไหลเหมือนสายน้ำไม่ย้อนคืน การย้อนอดีตของผม อย่างมากก็เพียงสูดลมหายใจลุ่มลึก ขณะยืนทอดสายตาเหม่อมองไปตามคุ้งน้ำ มองดูยอดไม้ที่ทอดเงาร่มครึ้มอยู่สองฝั่งคลองเพื่อย้อนรำลึกคืนวันก่อนเก่าอันร่มเย็น...
เสียงนกกินปลาตัวเขียว ๆ ปากแดง ๆ ยังพอมีให้ได้ยินอยู่บ้าง แต่หาตัวมันยากเหลือเกิน เพราะแค่มันเห็นเรายืนอยู่บนสะพาน มันก็โฉบผ่านไปเสียแล้ว นกกินดอกกาฝากตัวเล็ก ๆ สีสวย ๆ ก็ดูเหมือนจะระแวดระวังภัยเสียนักหนา ทั้งที่เมื่อก่อนโน้นแทบจะเอื้อมมือคว้ามาจากยอดไม้ก็ยังได้ เพราะมันไม่กลัวว่าพวกเด็ก ๆ จะไปรังแก
ก็ตัวมันแค่นิ้วโป้งจะไปยิงให้เสียกระสุนทำไม!
โน่น!นกเปล้า นกเฮือก นกตะเภา บนกิ่งไทรโน่น, ตัวขนาดน้อง ๆ แม่ไก่ สอยลงมาได้สักตัว ถอนขน ผ่าอกโรยเกลือแล้วย่างไฟ กินกับข้าวสวยร้อน ๆ หวานมันและอิ่มท้องอย่าบอกใคร
หรือจะเป็นนกคุ่ม นกกวัก และไก่นาแถว ๆ ริมน้ำก็ไม่เลวเหมือนกัน ในป่าบอนป่าพรุนกพวกนี้ออกหากินชุกชุม เมื่อผมหายไปจากบ้านนาน ๆ พ่อจะรู้ทันทีว่าผมหายไปไหน ถ้าหน้าลูกไม้ชุกชุม ผมก็จะไปแอบซุ่มอยู่ที่ใต้โคนไม้นั่นแหละ ช่วงแล้ง,หนองน้ำตรงไหนเหือดแห้ง ท่านก็จะมุ่งไปหาผมแถวนั้นได้เลย
ฤดูแล้ง,พวกนกที่หากินอยู่ตามหนองน้ำขอดแห้งมีชุกชุมเหลือเกิน เว้นแต่นกกระยางแล้ว ผมก็ล่ามันด้วยกระสุนหนังสติ๊กทั้งนั้น
นกกระยางไม่น่ากิน เพราะส่วนมากมักผอมและมีพยาธิเยอะ ถ้าไม่เหลืออดจริง ๆ ผมจะไม่ยิงมันเลย
ส่วนเช้าวันนี้ เมื่อเวลาล่วงไป ดวงตะวันก็โผล่ขึ้นเหนือยอดไผ่ริมคลอง สาดแสงลูบไล้ต้นไม้ใบหญ้าสว่างไสว เหยี่ยวภูเขาตัวนั้นยังคงบินร่อนอยู่เหนือสวนปาล์มของผม เฉกเช่นเจ้านกขมิ้นเหลืองอ่อนที่ยังคงกางปีกอาบแดดอยู่บนกิ่งสะตอต้นนั้นอย่างสุขารมณ์
หรือมันมีญาณวิเศษ หยั่งรู้ว่าเจ้านกยักษ์ตัวนั้นเพียงแค่เหินฟ้าเล่นลมรับอุ่นไอแดดเหมือนอย่างมัน ไหนเลยสายตาอันคมกริบของพญานกจะสอดส่องลงมาเห็น
แต่ถึงอย่างไรผมก็อดที่จะเป็นห่วงมันเสียมิได้... เพราะผมอยากจะให้มันมีชีวิตและโบยบินอยู่เป็นเพื่อนผมแถวนี้ไปนาน ๆ ผมจึงยืนครุ่นคิดหาทางช่วยเหลือมันให้อยู่รอดปลอดภัย...
อ้อ! มากันแล้ว เจ้าลิงทโมนสามสี่ตัว!
วันนี้วันเสาร์ไม่ต้องไปโรงเรียน ชีวิตพวกมันจึงอิสระเสรีดุจนกน้อยโผจากกรงคอนโบยบินสู่พฤกษ์พงไพรที่แสนสำเริงสำราญ
เจ้าตัวแรกนุ่งกางเกงกีฬาผ้าร่มสีกรมท่า ปล่อยท่อนบนเปลือยเปล่า เหน็บหนังสติ๊กไว้กับขอบยางกางเกงตรงชายพุงใต้สะดือ มันทอดย่างขึ้นมาบนสะพานเป็นคนแรก สมุนที่ตามติดมาข้างหลังก็อยู่ในฟอร์มเดียวกัน คือปล่อยท่อนบนล่อนจ้อน
สะพานแขวนยาวกว่าสิบแปดเมตรไหวยวบ เมื่อพกมันชักแถวก้าวกันขึ้นมา
ไม่มีอ้ายตัวไหนแสดงอาการสะทกสะท้านเมื่อเหลือบเห็น ตาหลวง ของพวกมันยืนจ้องอยู่ที่กลางสะพานก่อนแล้ว
ยัดแม่-บอกกี่ครั้ง ว่าอย่ามายิงนกแถวนี้ ผมเปิดฉากสงครามเข้าใส่ ประเดี๋ยวใครเข้าไปในสวนปาล์ม กูจะตีให้ตาย
พวกเรามาเล่นน้ำ-ตาหลวงเหอ ไม่ใช่มายิงนก
อ้ายตัวที่เดินขึ้นสะพานมาก่อนทำปากดี หาทางหลบเลี่ยง
ผมรู้, ถ้าจับไม่ได้คาหนังคาเขาก็อย่าหวังว่ามันจะยอมรับ ผมจึงย้อนกลับไปว่า มาอาบน้ำทำไมต้องพกหนังสติ๊กมาด้วย
ยัดแม่ พวกสูมาอาบน้ำแล้วไซต้องพกปางติกมาด้วย
อ้าว-สมัยเด็ก ๆ เวลาไปไหน ตาหลวงไม่พกปางติกไปด้วยเหอ
จริงของมัน!
ไปไร่ ไปโรงเรียน ไปเล่นน้ำคลอง หรือแม้แต่ไปถ่ายทุกข์ในป่าริมไร่ ปางติก หรือหนังสติ๊กไม่เคยห่างมือผมเลย
มันเปรียบเสมือนเพื่อนตายของผมก็ว่าได้
สมัยก่อน บ้านตาอินยายเขียวเลี้ยงสนัขดุไว้ตัวหนึ่ง สองผู้เฒ่าตายายจับมันสวมปลอกคอและผูกโซ่ล่ามไว้กับเสาเรือน... วันหนึ่งมันสะบัดปลอกคอหลุด พุ่งปรี่เข้าใส่ผม แยกเขี้ยวขาววับน่าเสียวน่องมาแต่ไกล... แต่ทว่าสุดท้ายมันก็แหกปากร้องลั่น ขณะวิ่งหนีกระเซอะกระเซิงเข้าป่ารก เพราะผมควักลูกตาของมันข้างหนึ่งออกมาด้วยคมกระสุนหนังสติ๊กที่กระชับอยู่ในมือ
ซึ่งต่อมาเจ้าหมาดุตัวนั้นก็กลายเป็นไอ้บอดที่แสนเชื่องกับผม!
เอาปางติกมานี่ ผมยื่นมือออกไป เจ้าเด็กน้อยปากดีแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน จนผมต้องขู่ซ้ำ ยัดแม่-ทำหูหนวก เดี๋ยวเหอะ-เดี๋ยวกูถีบพลัดคลอง
พอมันดึงหนังสติ๊กจากสะเอวยื่นให้ ผมก็ถามหากระสุน มันส่ายหน้า
ไม่มี มันว่า ก็บอกแล้วไง- ว่าจะมากระโดดน้ำคลอง จะพกกระสุนมาทำไม
ยัดแม่ ไปหามาให้กูลูกหนึ่ง- -เร็ว ๆ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว ผมพูดเสียงดัง อ้ายตัวที่เดินมาถึงทีหลังยืนหน้าซีด ผมจึงหันไปถาม ที่สูมีไหม
มี
มันพยักหน้า และล้วงกระเป๋ากางเกงคว้าลูกแก้วออกมาส่งให้ผมลูกหนึ่ง
ลูกแก้วมันเบา พอเรายิงออกไปมันก็ปลิว ไม่แม่น แล้วยังต้องซื้อให้เปลืองสตางค์ เพราะฉะนั้นถ้าคิดจะเล่นปางติก พวกสูต้องรู้จักเฟ้นหาก้อนหินในคลอง หรือไม่ก็ปั้นกระสุนให้เป็น เอาดินเหนียวท้องคลองนั่นแหละมาปั้น ตากแดดให้สีคล้ำ และจำไว้...อย่าปล่อยให้แห้งขาว เพราะมันจะเบาเหมือนลูกแก้ว พวกเด็ก ๆ อย่างสูไม่มีแรงดึงยางให้ยืดได้มากเหมือนอย่างผู้ใหญ่ เวลายิงออกไปก็ปลิวเหมือนลูกแก้วเหมือนกัน
ผมสอนพวกมันขณะจับลูกแก้วลูกนั้นใส่เข้าในรังกระสุนหนังสติ๊ก แล้วหมุนกายหันไปทางกิ่งสะตอที่เจ้านกขมิ้นน้อยกางปีกอาบแดดอยู่
พวกหลาน ๆ สามสี่คนนั้นยืนเงียบกริบ ไม่รู้พวกมันคิดอะไรกันบ้าง แต่อย่างน้อยก็น่าจะมีสักคนที่นึกแปลกใจ
ตาหลวงห้ามกู แต่แกกลับยิงเสียเอง...?
พรึบ!
ยางสติ๊กในมือผมสะบัดออกไปสุดแรง กระสุนลูกแก้วพุ่งจากรังปลิวหวือไปตามแรงส่ง และโดนเป้าหมายที่ผมเล็งอย่างแม่นยำ...
กิ่งไม้แห้งขนาดนิ้วก้อยห่างจากนกขมิ้นตัวนั้นประมาณคืบเศษหักสะบั้น และร่วงลงพื้นพร้อมกับเสียงเย้ยหยันของไอ้ตัวหัวโจก
ไหนโม้นักหนาว่ามือแม่น แค่นี้ก็ยิงไม่ถูก โน่น-เจ้านกขมิ้นบินฉีกวานไปโน่นแล้ว ฮ่า ๆ
มันฉีกปากหัวเราะ แต่...
เฮ้ย! ตาหลวง อย่าเล่นบ้า ๆ นะ เฮ้ย เฮ้ย
ร่างเล็ก ๆ ขาว ๆ ของเจ้าเด็กปากดีหล่นตูมลงน้ำ ผมหดเท้าพลางหัวเราะ ฮา ฮา
ยัดแม่-กูแก่แล้วโว้ย มือไม่แม่นเหมือนพวกสู
ว่าแล้วผมก็ตรงเข้าจัดการกับพวกที่เหลือ... ทั้งผลักและยันด้วยฝ่าเท้า พักเดียวพวกมันอีกสองสามคนก็หล่นจากสะพานแขวนที่ไหวโยกเหมือนไกวเปล ลงไปลอยคออยู่ในน้ำเบื้องล่างจนหมดสิ้น
เสียดายที่ไม่อาจย้อนเวลา ไม่งั้นคนสุดท้ายที่จะแก้ผ้ากระโดดตามลงไปก็คงไม่แคล้วเด็กชายตัวเล็ก ๆ ผอม ๆ ที่ชอบกระโดดน้ำในท่าตีลังกากลับหลังอยู่เสมอ
เพราะเขาจะวาดท่ากระโดดน้ำคลองหมุนพลิ้วสวยงามที่สุดในหมู่เด็ก ๆ รุ่นเดียวกัน
-จบ-
Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 20 มกราคม 2555 20:56:55 น.
12 comments
Counter : 1175 Pageviews.
Share
Tweet
ตามมาอ่านค่ะ ทำไมลงเร็วจัง ไม่ให้เวลาแควนๆได้ตั้งตัวกอ่นทีละเรื่องเลยเหรอ ฮิฮิ
โดย:
ดอยสะเก็ด
วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:22:28:13 น.
หลังจากเรื่องนี้ก็คงอีกนาน เพราะจะไปสวนอยู่พอดีครับ
โดย:
หลวงเส
วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:22:41:18 น.
โดย:
deeplove
วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:23:33:08 น.
^
^
อื้อ! รู้จักสรรหาของเล่น
ขอบคุณในคำอวยพรครับ
คุณก็เหมือนกัน
เฮง เฮง เฮง เซ็งลี่ฮ้อ-อ่านะ
โดย: หลวงเส (
หลวงเส
) วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:8:08:14 น.
วัดีวันพฤหัศค่ะ หลวงเ วันนี้เข้าสวนทั้งวันหรือคะ คงมีโอกาสได้ไปชมสวนของคุณบ้าง เพราะไปชุมพรบ่อยค่ะ
โดย:
ดอยสะเก็ด
วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:11:46:07 น.
จะออกเดินทางพรุ่งนี้เช้าครับ ออกรถจากบ้านส้อง ขับไปตามสบาย ชมทิวทิวทัศน์สองข้างทางไปบ้าง ใช้เวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมง ก็ถึงครับ
กะว่าจะอยู่ทำธุระที่นั่นสักสองสามวัน เพราะพ่อผมเพิ่งกลับจากหาหมอที่ศูนย์แพทย์ธรรมศาสตร์ ที่กรุงเทพฯ อยากจะอยู่พูดคุยกับท่านสักหน่อย
พ่อผมเป็นผู้ที่จดจำความหลังเก่งเหมือนกันนะครับ
ไม่แน่! กลับมาเที่ยวนี้อาจมีพล๊อตเด็ด ๆ ได้มาสักเรื่องก็ได้
ถ้าคุณดอยสะเก็ดจะไปเที่ยวที่คุระบุรี ก็อย่าลืมแจ้งข่าวล่วงหน้านะครับ และขอแนะนำให้ไปช่วงแล้งครับ
พังงา ระนอง ภูเก็ต สองสามจังหวัดนี้มีสองฤดูครับ
คือ ฝนแปด แดดสี่
ฤดูแดดก็นับแต่เดือนนี้ไปจนถึงปลายเมษา หลังจากนั้นก็เป็นฤดูฝนไปตลอด แม้สมัยผมเด็ก ๆ จะมีหนาวบ้าง ระหว่างเดือนพฤศจิกากับธันวา แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว พวกเด็ก ๆ ที่ขี้มูกโป่งคารูจมูกเหมือนสมัยผมไม่มีสักคน เพราะอากาศหนาวเย็นที่ทำให้พวกเขาเป็นหวัดได้นาน ๆ อย่างนั้น ไม่มีใครได้เคยสัมผัสกันเลย
และเมื่อไหร่ถ้าคุณคิดจะไปเที่ยวจริง ๆ ก็ขอให้ส่งข่าวล่วงหน้านะครับ แม้ผมไม่ได้อยู่ประจำที่นั่น แต่เพื่อน ๆ ผมมีกิจการเกี่ยวกับเรื่องที่พักอาศัยและเรื่องนำเที่ยวหลายคน ปะเหมาะตรงกับช่วงผมไปตัดลูกปาล์ม เราอาจจะได้ร่ำสุราอาหารกันสักมื้อครึ่งมื้อก็ได้
สวัสดีครับ
โดย:
หลวงเส
วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:12:46:30 น.
ขอบคุณที่แวะมาทักทายนะคะ
ชื่อไดม่อนสกาย (ท้องฟ้าสีเพชรค่ะ)
แต่จริงๆ ได้มาตอนฟังเพลงของ The Beatles
"Lucy in the Sky with Diamonds"
เปิดเพลงนี้ฟังทางยูทูป เลยเอามาทำชื่อล็อกอิน 555+
(ไม่ได้ล้อเล่นนะคะ อิอิ)
เรื่องสั้นที่นี่น่าอ่านค่ะ
แต่ขอเวลานิดนึง ตอนนี้ต้องรีบออกไปธุระนอกบ้าน
ไว้จะกลับมาอ่านละเอียดๆ อีกทีค่ะ
โดย:
diamondsky
วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:15:16:09 น.
อรุณสวัสดิ์ค่ะ หลวงเส
โดย:
ดอยสะเก็ด
วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:7:37:33 น.
จากบล๊อก..มาเรียกเค้าว่ายาย...แล้วยังมาแอบฟังเพลงอีก แอบอ่านที่บ่น แล้วยังแอบฟังเพลง..ต้องโดนค่าปรับค่ะ...ฝันดีนะคะ
โดย:
deeplove
วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:21:19:03 น.
Diamondsky
เอาเป็น เพชรประกายฟ้า ดีไหม? จะได้ฟังดูมีพลัง(ภายใน) ที่งามล้ำขึ้นอีกหน่อย ว่าไหม ฮา ฮา
โดย:
หลวงเส
วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:6:24:00 น.
พี่คะ ถ้าพี่สนใจอยากมีสวนปาล์มที่ อ.คุระบุรี เพิ่ม (หรือมีเพื่อนๆอยากได้) ช่วยบอกต่อให้หน่อยนะคะ หนูมีที่จะขาย ติดถนนใหญ่ค่ะ .....จ๋า... 081-5355 971
โดย: จ๋า IP: 180.183.38.236 วันที่: 12 กันยายน 2554 เวลา:10:17:53 น.
ผมไม่ได้แวะมาดูความก้าวหน้าในบล็อกนี้เลย คุณจ๋ามาโพสข้อความฝากไว้ เลยไม่ได้ติดต่อกัน โอเค ครับ ผมจะช่วยสอบถามพรรคพวกดูนะครับ สำหรับผมคงไม่มีปัญญาแล้วละครับ
โดย:
หลวงเส
วันที่: 28 พฤศจิกายน 2554 เวลา:20:48:11 น.
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
หลวงเส
Location :
สุราษฏร์ธานี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
ดอยสะเก็ด
diamondsky
บ้าได้ถ้วย
ยาชมภู
เกศสุริยง
KeRiDa
วัวป่าหลงเงาจันทรา
nonguide
Webmaster - BlogGang
[Add หลวงเส's blog to your web]
Bloggang.com