นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 2
2. บ่วงสวาทพิษพาราเซตามอลบวกอุบัติการณ์พญานาคคายพิษกลางสายธาราเมื่อเช้า ทำให้ผมอ่อนเปลี้ยเพลียแรงกระทั่งหลับใหลอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ใต้โคนไม้ติดกับชายคาทับนอนหลังนั้นจนเลยเวลาเที่ยงวัน พวกเพื่อน ๆ ซึ่งทำงานอยู่ที่หน้าเหมืองเห็นผิดสังเกต ผมไม่เอาข้าวน้ำไปส่ง จึงต่างก็คิดว่าผมคงเป็นไข้แล้วจริง ๆ ก็หยุดพักงานกลับมาที่กระท่อมทับกันเสียเองผมได้ยินเสียงพวกมันเดินพูดคุยกันมาดังลั่น แต่ทว่าขณะนั้นสภาวะร่างกายยังคงย่ำแย่ สมองยังตกอยู่ในอาการสะลึมสะลือ ยังเผยอเปลือกตาและลุกนั่งไม่ไหว ไอ้บองหลาตรงเข้ามาคลำหน้าผากผมแล้วเขกโป๊กเปรต หัวเย็นเมี้ยบ! มันหมายถึงอาการของคนที่ปราศจากพิษไข้ เพราะธรรมดาคนไข้อุณหภูมิร่างกายจะสูงกว่าปรกติ เมื่อเอามือแตะหน้าผากก็จะรู้สึกร้อนผ่าว หากแต่ผมกลับนอนตากลมตัวเย็นเฉียบ อย่างที่คนปักษ์ใต้บ้านผมพูดว่า เย็นเมี้ยบ นั่นจริง ๆไข้ของกูหลบเข้าในโว้ย ว่าแล้วผมก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ยกท่อนแขนปาดคราบน้ำลายที่ไหลยืดออกมาคาอยู่ตรงมุมปากขณะนอนหลับอย่างเป็นสุขอยู่เมื่อครู่ หลบพ่อหลบแม่มึงนะซี- ไอ้เปรต พวกกูหิวจนจะแทะกางเกงในกินแทนข้าวกันอยู่แล้ว-มึงรู้ไหม?ผมหัวร่อก๊าก ๆ ก่อนจะพูดเอาใจและอวดพวกมันว่ามึงไปแหกตาเปิดหม้อใบนั้นดูซิ มื้อนี้มีกับข้าวพิเศษอะไรให้กินมั่ง?ไอ้หมึก-เพื่อนอีกคนที่ยืนอยู่ใกล้ย่นหัวคิ้วครุ่นคิดจนผมสะดุ้งโหยง...กูหมายถึงว่า ฝีมือกูอร่อยไหม? ผมรีบกลบเกลื่อน หลังฉุกคิดว่าเกือบพลั้งปากให้เสียหาย เพราะหลังจากเสร็จสมอารมณ์หมายกับสาวบัวในธารน้ำนั้นแล้ว เราก็เก็บถ้วยจานและจูงมือกันกลับมายังทับที่พัก สาวบัวจัดแจงติดไฟแกงเลียงยอดผักหวานป่ากลิ่นหอมยั่วจมูกทิ้งไว้หม้อหนึ่งกินให้เยอะ ๆ นะจะได้คืนเรี่ยวแรง หล่อนพูดออกมาแผ่วเบาดุจเสียงกระซิบ ขณะก้มลงหอมแก้มผมที่นอนแผ่หลาหายใจรวยรินเหมือนคนหมดท่าอยู่บนแคร่ฟอดหนึ่ง ผมรีบตะแคงตัวหันไปหมายจะโอบคว้าหล่อนให้ทรุดตัวลงมานอนเล่นด้วยกัน หากแต่ดูเหมือนหม้ายสาวจะระวังตัวอยู่ก่อนแล้ว... ผมจึงคว้าลม!จะรีบไปไหน? ผมออดอ้อนเสียงละห้อย เมื่อเห็นหล่อนถอยห่างไปยืนอยู่ในตำแหน่งที่สุดมือเอื้อม บัว-มานานแล้ว เดี๋ยวลูกร้องหา หม้ายสาวตอบ กังวานเสียงของหล่อนดูเศร้าสร้อยเมื่อเอ่ยถึงลูกส่งหอมแก้มมาให้หอมก่อน-เร้ว! ผมออเซาะหล่อนอีกครั้งไม่เอา- -เค้าเจ็บระบบไปหมดทั้งตัวแล้วรู้ไหม...?คราวนี้ผมปล่อยก้ากออกมาอย่างถูกใจ ก่อนจะดีดกายลุกนั่งและทอดตามองหม้ายสาวเดินส่ายตะโพกพึ่บพั่บห่างออกไป กระทั่งเสียงบอกเล่าของหล่อนก็ได้ผุดขึ้นมาสร้างความไม่สบายใจให้ผมอีกครั้ง! ไอ้บองหลาก็เอากะเขาด้วย...เหมือนกินปลาแล้วโดนก้างตำคอ จะกลืนคำต่อไปได้อย่างไรถ้าไม่คิดหาทางดึงก้างอันนั้นให้หลุดออกมาเสียก่อน แต่ก็คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไร? หรือหล่อนต้องการโอ้อวดว่ามีคนมาหลงใหลติดพันมากมาย?แต่ถึงอย่างไรก็กันไว้ดีกว่าแก้... ผมจะไม่ยอมแพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครรู้เป็นอันขาด เว้นแต่พวกเขาจะสังเกตรู้กันเองคราวหลัง ซึ่งนั่นก็อีกเรื่อง... เพราะเรื่องแบบนี้-ขึ้นชื่อว่าลูกผู้ชายชื่อไอ้แผนย่อมไม่นำมาคุยโม้โอ้อวดให้ฝ่ายผู้หญิงเขาเสียหายจึงเป็นอันว่า...วันนั้นผมนอนกินแรงเพื่อนฟรี ๆ อยู่ที่ทับนอนตลอดทั้งวัน อาการครั่นเนื้อครั่นตัวพาลจะเป็นไข้บวกกับการคายพิษในน้ำจนอ่อนระทวยชวยชอกไปหมดทั้งตัว มือเท้าอ่อนล้า ยกไม่ขึ้น กระทั่งนึกหมั่นไส้ตัวเอง พร้อมกับสาบานว่าจะเจ็บจำไปจนปรโลก อ้ายลีลาไหว้ครูกามาด้วยท่วงท่าพญานาคเล่นน้ำเช่นนี้ ต่อไปจะไม่นำมาใช้อีกแล้ว ขนาดยังหนุ่มยังแน่นอยู่แท้ ๆ ยังอ่อนเปลี้ยเพลียแรงถึงปานนี้ ลองแก่ขึ้นมาสักหน่อยตะคริวมิแดกตายห่าอยู่ในน้ำนั่นดอกรึ? บ้าจริง !แต่หยั่งว่าละครับ- คนเราพอหิวจัดขึ้นมาแม้กระทั่งข้าวเย็นคลุกหัวปลาทูในจานแมว เมื่อเหลือบไปเห็นก็แทบจะกระโดดตีลังกาเข้าไปแย่งกิน... หากแต่เมื่อไหร่ฟาดมาอิ่มแปล้กระทั่งยัดสิ่งใดไม่ลงอีกแล้ว ต่อให้หูฉลามน้ำแดงหรืออาหารวิเศษเลิศล้ำลอยมาวางอยู่ตรงหน้าก็คงกระเดือกเข้าไปไม่ลง ฉันใดก็ฉันนั้น อ้ายเรื่องพรรค์อย่างนี้ก็เหมือนกัน เข็ดได้ประเดี๋ยวประด๋าว-ชั่วเรี่ยวแรงหดหาย ครั้นพอมันกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาเมื่อใด- แม่เจ้าโว้ย-ตรงปลายหัวเทียนก็จะมีหยาดน้ำมันเครื่องไหลเยิ้มยังกะช้างตกมันอีกแล้วมิน่า ไอ้บองหลามันถึงได้เขกหน้าแข้งตัวเองบ่อย ๆ ส่วนเจ้าเพื่อนรักอีกสองคนที่เหลือ ผมไม่แน่ใจว่ามันหาทางออกหรือแอบถ่ายน้ำมันเครื่องของมันด้วยวิธีใด แต่ถ้าหากพวกมันรู้ว่าผมมีอู่ถ่ายน้ำมันเครื่องเป็นการส่วนตัวที่กลางป่าลึกแห่งนี้ได้แล้ว พวกมันจะคิดอย่างไรกันหนอ? มันจะอิจฉาหรือขุ่นเคืองผมกันแน่? ผมสงสัย ไอ้บองหลาก็เอากะเขาด้วย คืนนั้นกว่าจะข่มตาหลับลงได้ คำบอกเล่าของสาวบัวก็วนเวียนกลับไปกลับมาท่ามกลางความวิตกกังวลที่ผุดขึ้นรบกวนจิตใจผมอีกหลายรอบ กระทั่งรุ่งเช้าขณะช่วยกันหุงหาอาหารก่อนจะออกไปขุดแร่ ผมเก็บความอึดอัดระคนสงสัยไว้ไม่ไหว จึงถามบองหลาว่ามึงเคยไปเที่ยวที่ทับสาวบัวไหม?เพื่อนรักของผมหันมาสบตาก่อนตอบ เมื่อก่อนเคยไป... แต่หว่างนี่ไม่เลยอ้าว ! ทำไมละ ก็เห็นว่ามึงชอบเขาไม่ใช่เหรอ? ใครบอก สายสมร ผมแกล้งปด เพราะความจริงตั้งแต่ขึ้นมาขุดแร่อยู่กลางป่าลึกหนนี้ ผมยังไม่เคยเจอหน้าค่าตาสายสมร- น้องสาวของสายบัวเลยสักครั้ง ใช่ครับ! สาวบัวนั้นมีชื่อจริงว่า สายบัว หล่อนมีน้องสาวที่สวยผุดผาดบาดตา เป็นสาวรุ่นอ่อนเยาว์กว่าผมเพียงหนึ่งปีอีกคนหนึ่งท่าทางมึงจะคั่วอีหมอนละซี? ไอ้บองหลายิ้มปากกว้าง ระวังนา-อีนี่ปากร้ายเหมือนหมาผมได้ช่องทางจะหยั่งเชิงเพื่อนฝูงก้อมึงไปหลอกจีบพี่สาวของมันนี่หว่าเปรต- พี่สาวมันหลอกกูต่างหากล่ะแล้วมึงรักสาวบัวหรือเปล่า? ผมต้อนไอ้บองหลามองหน้าผมแล้วหัวร่อก้าก ๆไอ้เปรตเอ้ย -ไปแอบหลงเสน่ห์แม่หม้ายแล้วยังจะปากหมา ไม่ยอมบอกกันกรง ๆ มันว่า อีสายบัวมันไม่จริงจังกะใครนะเว้ย ระวังมันจะหลอกแดกมึงจนหมดตูด กูจะบอกให้ฮา ฮา ไอ้เพื่อนเอ๋ย...!!ผมแอบสูดลมหายใจจนล้นทรวงอก รู้สึกตัวเบาหวิวเหมือนหยิบภูเขาบนอกโยนทิ้ง และอดยิ้มแต้ออกมาไม่ได้ แม้จะต้องปกปิดเรื่องราวทั้งหมดนั้นไว้ก่อน ด้วยสำนึกว่าสำหรับลูกผู้ชายสิ่งนั้นไม่ใ่ช่ของที่จะนำมาโอ้อวดกัน แค่รู้ว่าเพื่อนรักเลิกใฝ่ฝันในตัวหม้ายสาวผู้นั้น ผมก็สุขใจเหลือประมาณ ชะรอยไอ้บองหลามันหันมาเห็นท่าทางยิ้มกริ่มของผมแล้วคงจะหมั่นไส้ไม่ได้ เลยส่งลูกถีบมาปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์เข้าที่ตะโพกทีหนึ่งผมสะดุ้ง และหันไปด่ามันหัวทอ-เล่นเปรต ๆ ไอ้บองหลาหัวร่อจนตัวโยนเลิกงานเย็นนี้ เราไปเที่ยวที่นั่นกันไหม? มันถาม เอาน้ำตาลอ้อยกับแป้งข้าวเหนียวไปวานให้พวกมันทำขนมแป้งเปียกให้กินกันดีกว่า ไอ้หมึกกับไอ้พริ้งเดินมาได้ยิน เป็นความคิดที่ไม่เลว ไอ้หมึกว่า กูก็หิวกัญชามาหลายมื้อแล้วเหมือนกัน ได้ไปล่อกับพ่ออีบัวซักบ้องสองบ้อง แล้วซัดของหวานตามลงไป- -มึงเอ๋ย -- ไอ้นุ้ยเอ๋ย- มันสุขเกษมเปรมปรีดิ์อย่าบอกใครพูดแล้วไอ้หมึกก็แลบลิ้นเลียปาก ราวกับจะให้เวลานั้นมาถึงเสียเร็ว ๆ ***************************
หรือยังเอ่ย
แวะเข้ามาอ่านนิยายค่ะ