ถ้าขจัดความกลัวออกไปได้ ไม่นานความสำเร็จก็จะตามมา

<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
26 เมษายน 2554
 

นิยาย/อดีตรักเหมืองป่า ตอนที่ 8


ตอน : ไข่นุ้ยบ่งหนาม


"พรุ่งนี้นุ้ยก็จะกลับ ว.ค. มิใช่หรือ?"

หญิงหมอนยกท่อนแขนที่สวมเสื้อแขนยาวสีฟ้าเข้มปาดซับหยาดน้ำตาที่กำลังไหลริน ภาพแม่หญิงงามก๋ากั่นราวกับนางเอกนิยายเหมือนอย่างคืนนั้นหายไปสิ้น บัดนี้เบื้องหน้าผมซึ่งนั่งอยู่บนโขดหินริมลำธาร มีเพียงแม่สาวนุ่งผ้าปาเต๊ะถกชายสูงถึงกลางแข้ง สวมเสื้อยืดคอกลมสีขาวและสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าเข้มคลุมทับอีกชั้น กำลังยืนทอดกายระริกไหว

"ถ้าไม่ติดว่าจะต้องกลับไปเรียนหนังสือ ผมก็คงไม่ไปจากที่นี่

"พี่บัวโชคดี" หล่อนว่า

"สักวันหมอนก็คงมีโชคกับเขาบ้างหรอก..."

"คนหาเช้ากินค่ำอยู่กลางป่าดง จะมีวันพบโชคบ่อยนักหรือ?"

กังวานเสียงของหล่อนฟังแล้วชวนหดหู่ ผมตวัดสายตาหนีการมองจ้องของหล่อนไปเสียอีกทาง รู้สึกเหมือนมีของบางอย่างแล่นมาจุกที่คอจนพูดไม่ออก

ไกลออกไปเบื้องหน้าโน้น เป็นป่าสูงชัฏ หมู่ไม้น้อยใหญ่เบียดเสียดกิ่งก้านแลดูเลื่อมสลับเป็นเชิงชั้นเมื่อต้องแสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องลงมาสว่างไสว แมกไม้บางต้นออกดอกเหลืองแซมขาว สลับกับที่เพิ่งแตกใบอ่อนสีเม็ดมะปริงดูหม่นเศร้า ชะนีป่าซึ่งเงียบหายไปนานก็กลับมากู่ร้องโหยหวนชวนเศร้าซ้ำทวี

"แถวในเมืองที่นุ้ยไปเรียนหนังสือ พอจะมีงานให้ทำบ้างไหม?" หญิงหมอนถามออกมาเบา ๆ หากแต่กังวานเสียงนั้นเต็มไปด้วยความวาดหวัง

"ก้อน่าจะมีบ้าง" ผมว่า"หมอนอยากไปอยู่ในเมืองหรือ?"

หญิงสาวหันมาสบตาผม ร่องรอยหม่นเศร้ายังคงซุกซ่อนอยู่ในแววตา

"อยู่ป่าก็ต้องตายติดป่า ไม่มีวันได้ผุดได้เกิด โลกภายนอกจะเป็นเช่นไรก็คงไม่มีโอกาสได้พบพาน"

ผมพยักหน้าคล้อยตาม...

จริงของหล่อน ผมคิด ทั้งสาวบัวและหญิงหมอนต่างก็ยังอ่อนวัยอยู่ด้วยกันทั้งคู่ หากจะคิดขยับขยายไปสู่โลกภายนอกก็นับว่ายังไม่สาย หากแต่ผมจะทำฉันใดได้เล่า เพราะทุกวันนี้ตนเองก็ยังต้องอาศัยพ่อแม่ส่งเสียเล่าเรียน แม้เงินทองส่วนแบ่งที่เพื่อน ๆ แบ่งให้จากการขายแร่จะเหลืออยู่มากโข แต่ผมก็มอบให้แม่นำไปฝากธนาคารจนหมดสิ้น ถ้าคิดจะเบิกจ่ายสิ่งใด แม่ก็ต้องรับรู้ทั้งหมด เพราะสมุดบัญชีเงินฝากเล่มนั้นเป็นชื่อแม่ ดังนั้นการที่จะคิดช่วยเหลือเจือจานพวกเธอในขณะนี้ก็เป็นอันปิดประตูได้เลย

คิดแล้วผมก็ทอดสายตาเหม่อมองสายน้ำที่ไหลเอื่อยเฉื่อยผ่านชายผ้าถุงลายดอกไม้ของหญิงหมอนไปทางทิศใต้ด้วยความเหนื่อยล้าในใจ

"เอาอย่างนี้นะหมอน" ผมพูดขึ้น--หลังจากคิดว่าตนเองได้ไตร่ตรองดีแล้ว "รอผมอีกหน่อย...รอให้ผมเรียนจบและได้ทำงานพึ่งลำแข้งลำขาของตนเองให้ได้เสียก่อน การช่วยเหลือพวกเธอสองคนก็จะไม่ใช่เรื่องยากเย็นอีกต่อไป"

พอผมพูดจบหญิงหมอนก็ขยับกายเข้ามาใกล้ และโดยไม่คาดฝัน หล่อนก็ตรงเข้ารวบตัวผมดึงเข้าไปสวมกอดแนบกระชับ เอามือข้างหนึ่งลูบและขยี้เส้นผมของผมอยู่ไปมา กระทั่งผมสุดจะหักห้ามใจไหว จึงอ้านแขนสวมสอดกอดรัดสะเอวของหล่อนโอบกระชับเข้ามาบ้าง ปลายจมูกของผมฝังแนบอยู่กับหน้าท้องอันเนียนนุ่มของเธอพอดี แม้จะถูกขวางกั้นไว้ด้วยเส้นใยเสื้อผ้าเปียกน้ำถึงสองชั้น หากแต่ผมกลับรู้สึกเหมือนได้แนบเนื้อนางใน กรุ่นกลิ่นสาปสาวหอมยวนยั่วความหนุ่มของผมให้ผุดผงาดขึ้นโดยมิอาจหักใจห้ามได้เลย

จมูกของผมซุกฝังจมลงไปตรงนั้นนิ่งนาน... ภายใต้สภาวะจิตใจที่ระส่ำระสาย สติสัมปชัญญะก็หลุดไปจากการควบคุมของตนจนหมดสิ้น

เจ้าป่าเจ้าเขา ผีห่าซาตานเจ้าข้าเอย ช่วยไอ้นุ้ยด้วยเถอะ!

แม้ผมจะพยายามฝืนห้ามใจก็ดูเหมือนจะไร้ผล ฤทธิ์มนต์ดำฤษณากลับมีอำนาจเหนือกว่า จนในที่สุดผมก็คลายวงแขนที่กอดรัดหญิงหมอนพร้อมกับแกะมือหล่อนให้หลุดออกจากศีรษะผมชั่วคราว ก่อนจะขยับลุกขึ้นจากโขดหินที่นั่งอยู่ ยืนประจันหน้า แล้วรวบกระชับเนื้อกายบอบบางของหญิงสาวแนบชิดเข้ามาอีกครั้งอย่างรุนแรง พร้อมประกบริมฝีปากบดขยี้เพลงจูบอย่างเมามัน

ลมเย็นจากป่าพัดเอื่อยเฉื่อยต้องผิวกายให้เย็นชื่น ขณะที่แนวป่ารอบด้านก็แซ่ซ้องด้วยสรรพเสียงนกไพร ผีเสื้อสีสวยกระพริบปีกบินเคล้าเกสรดอกไม้ริมลำธารวับวาบ

ทว่าในขณะที่หญิงมอนกำลังอ่อนเรี่ยวเรือนกายระทดระทวยอยู่ในอ้อมแขนเพราะรสจูบอันแสนหนักหน่วงของผมนั้น ผมก็เหมือนมีบุญเก่าไล่ตามทัน...

‘มึงริจะเป็นอ้นรึไงวะ!'

เสียงเตือนของไอ้บองหลาก็พลันดังแว่วขึ้นข้างหู ความรู้สึกที่จะชักพาตัวตนให้กระโจนลงสู่ความต่ำช้าในบัดดล ก็พลันเหือดหายมลายไป หากแต่หญิงหมอนนี่สิกลับกอดรัดมิยอมคลาย... จนผมต้องสอดมือสองข้างประคองจับบั้นเอวของหล่อน แล้วค่อย ๆ ยันร่างอันบอบบางชวนทะนุถนอมนั้นให้ถอยห่างออกไปทีละน้อย... พร้อมกับเพ่งพิศประสานสายตาด้วยความอาลัยอาวรณ์

สักชั่วอึดใจหญิงสาวก็คืนสติ ถอยออกไปราวครึ่งก้าว หยุดยืน...และจ้องผมด้วยสายตาที่เปี่ยมล้นเสน่หา หากแต่กลับเอ่ยว่า

"หมอนขอโทษ..."

ผมถอนใจหายโล่งอก หนามรักที่คอยมุดทิ่มตำทรวงจนต้องสะดุ้งผวาอยู่บ่อยครั้ง บัดนี้ได้ถูกศีลธรรมอันดีงามที่มนุษย์พึงมีถอดถอนมันออกไปแล้ว หากแต่ภาพที่กำลังนั่งมองก็ทำให้อดที่จะรู้สึกประหลาดใจเสียมิได้

แม่เทพธิดาแห่งพงไพร บัดนี้สลัดความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับหล่อนเมื่อครู่ออกไปได้จนสิ้นเชิงจริงละหรือ?

ผมนั่งครุ่นคิดอย่างไม่ค่อยมั่นใจ ขณะทอดสายตามองหญิงหมอนเดินไปทรุดนั่งลงในลำธารและคว้าเรียงร่อนแร่ขึ้นมาร่อนหินทรายทิ้งไปอีกครั้ง ราวกับเมื่อสองสามอึดใจที่ผ่านมามิได้มีสิ่งใดแผ้วพานเข้าสู่ในจิตใจของหล่อนเลย

ผิดกับผมที่ส่งสายตาเหม่อมองแม่หญิงอย่างสุดเศร้า ขณะย้อนรำลึกถึงรสรักอันแสนหวานที่เพิ่งผ่านพ้นไปนั้น เพื่อจารึกไว้ในความทรงจำตลอดกาล


"เหลืออีกปีนี้ปีเดียว นุ้ยก็จะจบออกมาสอบบรรจุเป็นครูได้แล้วไม่ใช่หรือ?" ลุงทองถามผม "ไม่คิดจะเรียนต่ออีกรึ? ได้ยินว่าเขามีให้เรียนไปจนถึงปะรินโยงปริญญา ลุงก็ไม่ค่อยเข้าใจนะ"

"ครับ ถ้าคิดจะเรียนต่อ ก็เรียนได้จนถึงระดับปริญญาเหมือนอย่างที่ลุงว่านั้นแหละ..." ผมหยิบความรู้เรื่องหลักสูตรการเรียนการสอนในระดับต่าง ๆ มาพูดให้ชายชราฟังอย่างคร่าว ๆ พอให้แกเข้าใจ พร้อมกับบอกแกว่า "แต่ผมคงเรียนอีกแค่ปีนี้ปีเดียว แล้วจะออกมาสอบบรรจุเป็นครูให้ได้เสียก่อน จากนั้นก็ค่อยสอบวิชาครูชุด ป.ม. เมื่อสอบได้แล้ว ถ้ายังไม่เบื่อเรียนก็จะลาพักราชการไปศึกษาต่ออีกที..."

ลุงทองพยักหน้าคล้อยตาม

"ดีแล้วลูกเอ๋ย สอบบรรจุเข้าทำงานทำการเสียก่อนสักคราวก็ดีเหมือนกัน เอาความแน่นอนไว้ก่อน ..."

ขณะนั้นเป็นเวลาพลบค่ำ เรานั่งคุยกันที่ระเบียงทับ ลุงทองกับป้าพัวนั่งข้างเชี่ยนหมาก หญิงหมอนกับสาวบัวหยอกเล่นอยู่กับเจ้าตัวน้อยด้านใน ภายหลังผมกลับจากเยี่ยมเยียนและถือโอกาสบอกลาเพื่อนรักทั้งสามคนที่ทับเก่าซึ่งผมเคยพักอาศัยอยู่ก่อนเสร็จแล้ว ผมกับลุงทองป้าและพัว สามคน ก็นั่งคุยกันอยู่ตรงนั้นสารพัดเรื่อง กระทั่งพระจันทร์ขึ้น 4 ค่ำ พลัดตกทิวไม้หลังทับแห่งนั้นลับหายไป ความืดก็โรยตัวลงมาห่มคลุมผืนป่าเหมือนละครสลับฉากอย่างรวดเร็ว หากแต่เวลานั้นสุดฟากฟ้าก็ยังคงแลโล่งเหมือนเช่นทุกคืน บนฟ้าสูงดาวดวงน้อยใหญ่นับล้านดวงยังคงกระพริบแสงระยิบระยับมองจากใต้ริ้วชายคาทับเห็นชัดเจน

แต่ทว่า นับตั้งแต่พวกนักแสวงโชคกรีฑาทัพขึ้นมาเสี่ยงชะตาขุดหาขี้ตะกรันอยู่ในป่าแห่งนี้ บรรยากาศภายในป่าดงพงไพรในยามค่ำคืนก็เปลี่ยนไปอย่างน่าสะพรึงกลัว เสียงปืนที่ปะทุขึ้นแทนเสียงปีบร้องของสัตว์ป่ามีให้ได้ยินแทบทุกคืน จนผมอดที่จะรู้สึกเป็นห่วงครอบครัวของลุงทองเสียมิได้ ก่อนที่ลุงทองกับป้าพัวจะขอตัวเข้าไปดับตะเกียงนอนกันข้างใน ผมจึงพูดกับลุงทองว่า

"พวกต่างถิ่นที่เพิ่งเข้ามาใหม่ บางคนดูท่าทางน่าเกลียดน่ากลัว ลุงต้องคอยดูแลสาวบัวกับหญิงหมอนให้ดีนะลุง"

ชายชราหัวเราะ

"ลุงเลี้ยงมันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย มีรึที่ลุงจะไม่รักไม่หวงมัน..." ลุงทองหยุดถอนหายใจ ก่อนที่จะพูดต่อไปอย่างเนิบนาบว่า "แม้แต่วันสองวันนี้... พวกมันสองคนก็ไม่เคยแคล้วคลาดไปจากสายตาของลุงเลย"

ฟังแกพูดยังไม่ทันจบ ผมก็ชิงสะดุ้งเหมือนวัวสันหลังหวะขึ้นมาเสียก่อน-อย่างลืมตัว

ตายห่าละกู!

ผมเผลอสติเลิกคิ้วขึ้นสบตากับว่าที่พ่อตาเข้าโดยบังเอิญ ก็เห็นดวงตาคู่นั้นเปี่ยมล้นไปด้วยแววปราณี... จากความหวาดหวั่นพรั่นพรึงเหมือนเด็กริขโมยของเล่นแล้วถูกผู้ใหญ่ใจดีจับได้ ก็กลับกลายเป็นความขวยเขินกระดากอายจนเก็บอาการไม่อยู่ ผิดกับชายชราที่ยังคงเก็บความรู้สึกได้ดียิ่ง นอกเหนือจากแววตาที่ผมพอจะสัมผัสได้แล้ว ลึกลงไปภายในจิตใจของแกผมมิอาจหยั่งรู้ได้เลย ถึงจะคาดเดาก็คงห่างไกลความจริง เพราะแววตาของชายชรานั้นอ่อนโยนและสุกใสยิ่งกว่าดวงดาว ลึกล้ำเกินกว่าที่ผมจะชี้ชัดได้ว่า ขณะนี้ว่าที่พ่อตาของผมกำลังคิดอะไรอยู่

ชะรอยชาติก่อนผมคงเคยสร้างกุศลกับเขามาบ้าง เมื่อเช้านี้จึงได้หักห้ามจิตมิให้ล่วงเกินหญิงหมอนมากไปกว่านั้น เพราะมิฉะนั้นแล้ว ผมอาจจะมิได้เห็นแววตาอันเปี่ยมล้นไปด้วยความเอ็นดูรักใคร่ประดุจลูกเต้าจากชายชราผู้นี้ก็ได้ และต่อจากนั้นความเสียใจก็จะต้องกระโจนเข้ายึดครองชีวิตผมไปจนตาย...

เมื่อลุงทองกับป้าพัวหายเข้าไปข้างในกันแล้ว ผมก็ดับตะเกียงและล้มตัวนอนที่หน้าระเบียงทับตรงนั้น ซึ่งเป็นที่นอนประจำของผมตั้งแต่ย้ายมาอาสาเป็นผู้คุ้มครองสองหญิงอยู่ที่นี่ พร้อมกับทอดสายตามองลอดชายคาทับออกไปนับดาวที่กำลังกระพริบพร่างพราวอยู่บนฟ้าสูงด้วยจิตใจที่ล่องลอยไร้จุดหมาย... ลมป่ายามค่ำพัดห่มใบไม้พลิกพลิ้วสั่นเสียงเกรียวกราวอยู่ใกล้ ๆ ผมนอนฟังเสียงนั้นจนกระทั่งหลับผล็อยไปในที่สุด

"นุ้ย ! ช่วยบัวด้วย... ช่วยบัวด้วย.. นุ้ย " เสียงหวีดร้องอย่างตื่นตระหนกตกใจดังก้องสนั่นอยู่ในหุบเหวลึกชัน เมื่อผมก้มหน้ามองลงไปจากยอดผาสูง ก็พบว่า ณ เบื้องล่างอันลึกลิ่วสุดคะเนนั้นมีแต่ความว่างเปล่า ปราศจากเรือนร่างอันน่าสงสารของหล่อน คงมีแต่เสียงหวีดร้องของผู้ซึ่งกำลังตกอยู่ในความหวาดหวั่นจนสุดขีดเท่านั้นที่ดังเล็ดลอดขึ้นมา

"บัว ! บัวอยู่ไหน? บัว บัว - - โธ่" ผมสะอื้นรันทด "บัว บัวอยู่ไหน ทำไมผมจึงมองไม่เห็น...บัว! โธ่...แล้วนี่ผมจะลงไปช่วยบัวได้อย่างไร.."

ภาพของสาวบัวขณะวิ่งหนีอะไรมาสักอย่าง แล้วพลาดพลั้งพลัดตกหน้าผาลงไปต่อหน้าต่อตา โดยที่ผมไม่อาจไขว่คว้าช่วยหล่อนไว้ได้ ทำให้ผมรู้สึกคลุ้มคลั่งจนแทบกระโดดตามลงไป

อนิจจา...

ในที่สุดผมก็ป้องปากตะโกนเรียกหล่อนขึ้นสุดเสียง...

"บัว! - -อื้ออมม!!"

หากแต่เสียงนั้นก็มิอาจเล็ดลอดออกมาจากปากผมได้แม้แต่น้อย เพราะมีฝ่ามือนุ่มนิ่มของแม่หญิงนางหนึ่งปิดทับไว้โดยแรง พร้อมแนบเสียงกระซิบที่ข้างหู ซึ่งฟังดูคล้ายกำลังขบขันเสียเต็มประดา

"โถ-น่าสงสาร" เสียงนั้นว่า "ทูนหัวของบัว บัวนอนแนบข้างอยู่นี่แล้ว"

ในเศษเสี้ยววินาทีที่กลิ่นแป้งของเจ้าตัวน้อยที่ติดกายหล่อนมา-ลอยเข้าจมูก ซึ่งเป็นสิ่งแรกที่ผมสัมผัสได้หลังคืนสติตื่นจากฝัน ท่ามกลางหมู่ดาวน้อยใหญ่บนท้องฟ้าที่สาดแสงสว่างมารำไร ผมก็พลันลืมตาและเห็นสาวบัวนอนซบอยู่กับอกของผม แล้วหม้ายสาวก็ค่อย ๆ ถอนฝ่ามืออ่อนนุ่มที่ปิดปากผมอยู่เคลื่อนออกไปอย่างแช่มช้า เมื่อหล่อนรู้ว่าผมตื่นจากฝันร้ายนั้นแล้ว

"บัว...! " ผมกระซิบถาม "...มานอนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?"

"ตั้งแต่เริ่มได้ยินเสียงนุ้ยละเมอ" หล่อนกระซิบตอบ

ผมเผยอจูบแก้มหล่อนอย่างสุดแสนดีใจ

"นอนกอดผัวอยู่ตรงนี้อย่าไปไหนอีกนะ"

หม้ายสาวผงกหัวแทนคำตอบ

ผมจูบหล่อนซ้ำเบา ๆ อีกครั้ง แล้วสองหูก็แว่วเสียงไก่ป่าละเมอขัน ราวกับห้วงเวลารุ่งรางกำลังจะมาพรากเราสอง แต่เมื่อสอดสายตามองออกไปข้างนอก ก็เห็นดาวจระเข้ยังคงทำมุมเฉียงอย่างอ้อยอิ่งอยู่ใต้ชายคาทิศตะวันออก... อีกนานกว่าจะรุ่งสาง ผมบอกตัวเองก่อนจะกอดรัดหม้ายสาวเสียแนบแน่น ราวกับหวั่นว่าหล่อนจะร่วงหล่นลงสู่หุบเหวเหมือนอย่างฝันร้ายเมื่อครู่นั้นอีก



********************************************





Create Date : 26 เมษายน 2554
Last Update : 26 เมษายน 2554 20:23:47 น. 12 comments
Counter : 1341 Pageviews.  
 
 
 
 
ง่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
 
 

โดย: ตะวันเจ้าเอย วันที่: 26 เมษายน 2554 เวลา:20:31:51 น.  

 
 
 
ติดตามมาแล้วครับหลวงเส
อดีรักเหมืองป่า น่าติดตามซะแล้ว
อยากรู้ขีวิตไข่นุ้ยจะไปยังไง
ระหว่าง 2 สาวบ้านป่า
............
สวัสดีครับหลวงเส
 
 

โดย: panwat วันที่: 26 เมษายน 2554 เวลา:20:44:25 น.  

 
 
 
แวะมอ่านและเอาดอกไม้มาฝากค่ะ โหวตให้ด้วย

 
 

โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:9:34:55 น.  

 
 
 
 
 

โดย: KeRiDa วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:10:40:27 น.  

 
 
 

ชวนไปชม อีกมุมหนึ่งของนางยักษ์ .......เกศสุริยง
สร้างกริตเตอร์

ทักทายยามสายของวันพุธ อากาศขมุกขมัวแต่ร้อนจับใจ หวังว่าคุณหลวงเส คงสบายดีนะคะ
 
 

โดย: เกศสุริยง วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:11:18:20 น.  

 
 
 
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นดีดีนะจ่ะ ทำให้มีแรงใจเขียนบล๊อกต่อไป อิอิ
 
 

โดย: ตะวันเจ้าเอย วันที่: 27 เมษายน 2554 เวลา:13:07:05 น.  

 
 
 
 
 

โดย: KeRiDa วันที่: 29 เมษายน 2554 เวลา:1:52:06 น.  

 
 
 
Orkut Scraps - Good Morning




วันเสาร์แล้ว เข้ามาทักทายด้วยความคิดถึงน๊า
 
 

โดย: KeRiDa วันที่: 30 เมษายน 2554 เวลา:7:49:50 น.  

 
 
 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
ราตรีสวัสดิ์ หลับฝันดีมีความสุขนะคะคุณหลวงเส
 
 

โดย: เกศสุริยง วันที่: 30 เมษายน 2554 เวลา:23:30:07 น.  

 
 
 
จากบ้านส้องไปตัดปาล์มในสวนที่คุระบุรี-พังงาตังแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ไม่ได้พกเจ้า notebook ไปด้วย ทำให้ห่างหายหน้าจอไปเสียวันสองวัน
ขอบคุณแควน ๆ ที่แวะมาเยือนครับ
 
 

โดย: หลวงเส วันที่: 4 พฤษภาคม 2554 เวลา:20:08:13 น.  

 
 
 


อรุณสวัสดิ์ค่ะ ขอให้มีความสุข
และสนุกกับวันหยุดในวันนี้นะค่ะ
 
 

โดย: KeRiDa วันที่: 5 พฤษภาคม 2554 เวลา:5:17:06 น.  

 
 
 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
วันหยุด ตื่นสาย อากาศร้อน ไปไหนดี?คิดถึงนะคะคุณหลวงเส
 
 

โดย: เกศสุริยง วันที่: 5 พฤษภาคม 2554 เวลา:11:51:43 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

หลวงเส
 
Location :
สุราษฏร์ธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add หลวงเส's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com