กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
 
เมษายน 2565
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
space
space
29 เมษายน 2565
space
space
space

สามัญ-(ต่อ)


   ต้นไม้ก็เหมือนกัน เราปลูกต้นไม้ในดิน มันแตกหน่อขึ้นมานิดหนึ่ง ค่อยๆเจริญขึ้น แตกใบ ๒ ใบ ๓ ใบ ๔ ใบ แตกกิ่งก้านจนกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ แล้วมันก็เปลี่ยนแปลงไปจนกระทั่งมันตายไป แต่เวลาของการเปลี่ยนแปลงอาจไม่เหมือนกัน  คน กับ สัตว์ กับ ต้นไม้ กับ วัตถุสิ่งของ กาลเวลาระยะการเปลี่ยนแปลงอาจไม่เหมือนกัน เช่น ร่างกาย กับ เสาคอนกรีต มันก็เปลี่ยนแปลงเหมือนกัน แต่ว่ามันช้า ระยะของการเปลี่ยนแปลงมันช้า ที่ช้าก็เพราะว่าสิ่งปรุงแต่งมันไม่เหมือนกัน อันใด ที่เครื่องปรุงแต่งอ่อนก็เปลี่ยนแปลงไว ถ้าเครื่องปรุงแต่งแข็ง แปลว่าเปลี่ยนแปลงช้า แต่เราจะเห็นว่ามันเปลี่ยนแปลง

เราดูว่าหิน ก็นึกว่ามันไม่เปลี่ยนแปลง  แต่มันก็เปลี่ยนแปลงลงไปทุกวัน ไปดูหินอ่อนที่เขาปะไว้ตามกลีบบัวของโบสถ์ ถ้าเราไปลูบดูมันจะรู้สึกว่ามันขรุขระ แรกเริ่มเดิมทีนั้นมันขัดเรียบร้อย แต่ว่าเป็นร้อยปี ดูมันขรุขระ เพราะถูกอากาศ ถูกความร้อน ความชื้น มันก็เริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นขรุขระ จากนั้น จะสึกหรอจนหมดไป เห็นง่ายที่อิฐสำหรับก่อที่เสาโบราณ

   คราวหนึ่ง  ไปที่ชายทะเลสงขลา ไปที่ศาลา “ตาตุมะระหุ่ม” ชื่อนี้ เป็นเจ้าของเมืองพัทลุงสมัยสุโขทัย แล้วท่านก็ตายไป  เขาว่าท่านเป็นอิสลาม  แขกเปอร์เซีย  แล้วสืบสกุลมาเป็น ณ พัทลุง มาตอนปลายลูกหลานก็นับถือพุทธ “ตาตุมะระหุ่ม” ชาวบ้านเรียกว่า “ทวดหุ่ม”  อีกคนหนึ่ง เรียกว่า “ตาตุมมะระโหม”  ชาวบ้านเรียกว่า “ทวดโหม”  ฝังไว้คนละที่  ที่ศาลานี่ฝังศพทวด  อิฐนั้นกร่อนไปจนกิ่ว เกือบจะขาดตรงเสา ทั้งๆที่ไม่มีใครไปทำอะไร แต่ลมทะเลที่พัดมาทุกๆวัน นี้มากระทบ มันก็กิ่วไปได้

ต้นไม้ก็เช่นกัน  ต้นไม้ที่อยู่ชายทะเลเหมือนกับคนไปตัด เอามีดไปตัดไปแต่ง ความจริงไม่มีใครไปตัด แต่ลมมันตัด ลมมันพัดกระทบทุกวันมันก็กร่อนไป เหมือนคนเอาตะไกรไปตัด  อันนี้ สิ่งทั้งหลายเมื่อกระทบกับลมฟ้าอากาศมันก็เปลี่ยนแปลงไป

   แผ่นดินที่เราอยู่อาศัย มันเปลี่ยนแปลงไปเท่าใด   เรามองไม่เห็น  ถ้าไม่ไปดูตามสถานที่ต่างๆ เช่น  ไปดูเมืองเก่าสมัยสุโขทัย   เห็นแผ่นดินมันสูง  ความจริงที่มันสูงขึ้นนั้น  เพราะมันทับถมขึ้นมาเป็นเวลา ๗๐๐ ถึง ๘๐๐ ปี  ที่ทับถมสูงขึ้นมาตั้งเมตร   ครั้นเมื่อเขาไปจัดการแผ้วถางปัดกวาดเอาอะไรออกหมด   ถึงรู้ว่าข้างล่างมีอิฐปูไว้เป็นพื้นรอบโบสถ์  เหมือนกับโบสถ์ เหมือนกับวัดเรา เมื่อกวาดขี้ดินออกหมด ดินนั้นสูงขึ้นตั้งเมตร นี่คือความเปลี่ยนแปลงของท้องถิ่นนั้นๆ

ถ้าไปเมืองศรีสัชนาลัย จะเห็นกำแพงที่เขาก่อด้วยศิลาแลง เวลาเดินต้องก้มเข้าไป ชาวบ้านก็พูดว่า คนสมัยพระร่วงคงจะตัวเล็ก จึงทำซุ้มประตูต่ำ คนสมัยนี้ จึงต้องเดินก้มเข้าไป ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น คนสมัยพระร่วงท่านใหญ่กว่าเราเสียอีก แต่ว่าแม่น้ำเอาดินมาทับถมทุกปีๆ มาจนสูงขึ้นมา โบสถ์เก่าๆ เมื่อเราไปเห็นก็จะติว่าทำไมทำโบสถ์ต่ำอย่างนั้น หน้าต่างเสมอแผ่นดิน ก็คงว่าคนโบราณทำไมทำหน้าต่างอย่างนี้ ปีนขึ้นไปยังได้ หารู้ไม่ว่า ดินมันทับสูงขึ้น ถ้าไปโกยดินนั้นออกจะเห็นรากฐานของโบสถ์ว่าอยู่ข้างล่างลึกลงไป

ที่พระธาตุไชยาก็เหมือนกัน เขาโกยดินออกตั้งเมตรที่มาทับถมองค์พระธาตุ ทำให้เห็นว่าพระธาตุเตี้ยไป ความจริงพระธาตุไม่เตี้ย

ที่พัทลุงข้างภูเขาสมัยก่อนเป็น พรุใหญ่ ถ้าเราลงไปเหยียบโคลนมันจะจมถึงเข่า เวลาเขาจะปลูกข้าว เขาไม่ต้องไถ เพียงแต่ว่าไปตัดต้นกกออกไปเท่านั้นเอง ต้นข้าวงามเพราะปุ๋ยเยอะ เดี๋ยวนี้ สถานที่นั้นกลายเป็นที่ดอนไป ไม่มีน้ำ เพียง ๔๐ ปีเท่านั้น ทำให้ที่ตรงนั้นกลายเป็นที่ดอน เป็นดินดอนไม่มีโคลน เวลาจะทำนาก็ไม่มีน้ำแล้ว  นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ

 
 


Create Date : 29 เมษายน 2565
Last Update : 29 เมษายน 2565 12:36:42 น. 0 comments
Counter : 204 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space