วันเข้าพรรษา-อาสาฬหบูชา
|
บำเพ็ญกุศล-เข้าพรรษา
"พ่อขุนรามคำแหงเจ้าเมืองสุโขทัยนี้ ทั้งชาวแม่ชาวเจ้า ท่วยปั่วท่วยนาง ลูกเจ้าลูกขุนทั้งสิ้นทั้ง หลาย ทั้งผู้ชายผู้หญิง ฝูงท่วยมีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทรงศีลเมื่อพรรษาทุกคน"
ข้อความในศิลาจารึก หลักที่ 1 กล่าวถึงประเทศไทยได้มีการบำเพ็ญกุศลเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ตั้งแต่สมัยสุโขทัย
วันเข้าพรรษา อยู่ถัดจากวันอาสาฬหบูชา การเข้าพรรษาจาริกไปยังสถานที่ต่างๆ ตลอด 3 เดือนในฤดูฝน เว้นแต่มีกิจจำเป็นจริงๆ ช่วงจำพรรษา จะอยู่ในระหว่างฤดูฝน คือ แรม 1 ค่ำ เดือน 8 ถึงขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี
สืบเนื่องจากในพุทธกาลพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา จะจาริกไปเรื่อยๆ ไม่หยุดยั้งแม้ในระหว่างฤดูฝน บางครั้งก็ไปเหยียบข้าวกล้าของชาวนาเสียหาย ในขณะที่พวกนิครนถ์ นักบวช ในศาสนาอื่น และฝูงนกยังหยุดพักผ่อนไม่ท่องเที่ยวในฤดูฝน พระพุทธเจ้าได้ทราบถึงความเดือดร้อนของชาวนา จึงทรงรับสั่งให้พระสงฆ์ประชุมพร้อมกันและทรงบัญญัติ เรื่องการเข้าพรรษาไว้ว่า...
"อนุชานามิ ภิกขะเว วัสสัง อุปะคันตุง" แปลว่า "ภิกษุทั้งหลายเราอนุญาตให้พวกเธออยู่จำพรรษา"
โดยกำหนดวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 เป็นวันเข้าพรรษา (ปุริมพรรษา) แต่ถ้าปีใดเป็นอธิกมาส มีเดือน 8 สองหน ก็เลื่อนไปเข้าพรรษาในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 9 ก็ได้ ไปสิ้นสุดเอาวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เรียกว่า วันเข้าพรรษาหลัง (ปัจฉิมพรรษา)
การบำเพ็ญกุศลเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ยังมีประเพณีสำคัญอยู่ 2 ประเพณี คือ - ประเพณีแห่เทียนพรรษา สมัยก่อนยังไม่มีไฟฟ้าใช้เหมือนปัจจุบัน พระสงฆ์จำพรรษาจะต้องทำวัตรสวดมนต์เช้ามืดและตอนพลบค่ำ การศึกษาพระปริยัติธรรมต้องอาศัยแสงสว่างจากเทียนที่พระสงฆ์จุดบูชาพระรัตนตรัย ด้วยเหตุนี้พุทธศาสนิกชนจึงนิยมหล่อเทียนต้นใหญ่เพื่อจะจุดได้ตลอด 3 เดือน ไปถวายพระภิกษุในวัดใกล้ๆ บ้าน เรียกว่า เทียนจำนำพรรษา ในปัจจุบันการแห่เทียนก็ยังคงมีอยู่ทั่วไป แต่บางแห่งก็จะถวายไฟนีออน หลอดไฟฟ้าแทนก็มี
- ประเพณีถวายผ้าอาบน้ำฝน เกิดขึ้นแต่สมัยพุทธกาล คือ มหาอุบาสิกา ชื่อว่า วิสาขา ได้ทูลขอพระบรมพุทธา นุญาตให้พระสงฆ์ได้มีผ้าอาบน้ำสำหรับผลัดเปลี่ยนเวลาสรงน้ำฝนระหว่างฤดูฝน นางวิสาขาจึงเป็นสตรีคนแรกที่ได้พุทธานุญาตให้ถวายผ้าอาบน้ำฝนแก่พระสงฆ์
สำหรับการทำผ้าอาบน้ำฝน พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้ใช้ผ้าผืนยาว 6 คืบ พระสุคตกว้าง 2 คืบครึ่ง คิดโดยประ มาณของช่างไม้ปัจจุบันยาวรวม 4 ศอก กับ 3 กระเบียด กว้างราว 1 ศอก 1 คืบ กับ 4 นิ้ว กระเบียดเศษ ถ้าทำให้ยาวหรือกว้างเกินประมาณนี้ พระภิกษุใช้สอยต้องอาบัติ ต้องตัดส่วนที่กว้างหรือยาวเกินประมาณนั้นออกเสีย
| |
|
Create Date : 08 กรกฎาคม 2554 |
|
1 comments |
Last Update : 20 กรกฎาคม 2554 9:30:50 น. |
Counter : 830 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: kobnon 8 กรกฎาคม 2554 11:42:35 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|