*** ความสุขเล็ก ๆ ของ ๆ คนหนึ่ง ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหม ว่ามันจะเป็นเพียงแค่การได้อยู่ ได้มอง ได้เห็น และสัมผัส สิ่งมีชีิวิตเล็ก ๆ ที่เรียกว่าลูก เติบโต ตามวัย คืน และวัน โดยไม่จำเป็นต้องมีสิ่งประกอบใดอีก ***
ก็ว่าจะไม่รัก..(love me my dog story) ตอนที่ 2 เปิดตัว


ในความมืดมิดยามค่ำคืนของอาคารและหมู่บ้านที่ถูกตัดกระแสไปเพราะระดับน้ำท่วมที่ค่อนข้างสูง ปรากฏแสงไฟเจ็ทสกีสองลำ กำลังมุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็วพอประมาณ นั่นเพราะคนขับมีเจตนาที่จะไม่ทำให้กระแสน้ำทำลายข้าวของ ของผู้คนที่เดือดร้อนเพราะน้ำท่วมในขณะนี้อีก

จนเมื่อมาถึงตึกร้างแห่งหนึ่ง เจ็ทสกีทั้งสองก็หยุดนิ่ง พร้อมกับดับเครื่อง และใช้แสงสว่างจากไฟฉายดวงโตสาดส่องเข้าไปด้านในที่เงียบสนิทเหมือนไร้สิ่งมีชีวิตอยู่ที่นี่

“หรือจะไม่อยู่กันแล้ว”
“ต้องอยู่สิจะไปไหนได้”

หญิงสาวส่องไฟฉายไปด้านในด้วยความมุ่งมั่น ก่อนจะใช้นกหวีดที่ติดอยู่กับเสื้อชูชีพ เป่าให้เกิดเสียง

“โฮ่ง..”

เสียงหนึ่งดังขึ้นมา และเสียงที่สองก็ตามมา ทั้งคู่ถอนใจยาวอย่างโล่งอก เมื่อสุนัขนับรวมเกือบ ยี่สิบตัวค่อย ๆ วิ่งออกมา จากในตึกด้านใน หญิงสาวทั้งคู่ ลงจากเจ็ทสกีและลากกระเป๋าที่วางอยู่ลงมาด้วย ตักอาหาร แจกจ่ายให้สุนัขจนครบทุกตัว

“ขอโทษด้วยนะที่มาช้า คงหิวกันแล้วละสิ”
เสียงหวานนั้นเอ่ยขึ้นเบา ๆ ดวงตาจ้องมองสุนัขทุกตัวด้วยความรู้สึกดีและดีใจแทนตนเอง ที่สามารถนำอาหารมาส่งให้พวกมันได้ ในยามที่ยากลำบากเช่นนี้ แม้ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะได้มาที่นี่อีกหรือเปล่าและระดับน้ำจะสูงขึ้นอีกเท่าไหร่ แต่ตึกนี่มีหลายชั้นเพียงพอที่จะให้พวกมันได้พักอาศัย จนกว่าน้ำจะลด

“กลับกันเถอะพี่ฟางดึกแล้วนะ มันวังเวงไงก็ไม่รู้”

อีกสาวหนึ่งเอ่ยขึ้นไม่อยากใช้เวลาอยู่ที่นี่นานนักแม้จะมีสุนัขเยอะก็เถอะ แถมไม่มีตัวไหนหอนสักตัว ก็ยังรู้สึกหวั่น ๆ ได้

“ไปก็ไป ..เอาอาหารเม็ดวางไว้ด้วยนะโอ๊ต เผื่อมีใครยังไม่ได้มากินเผื่อจะหิว เผื่อพรุ่งนี้จะเข้ามาไม่ได้”

“จ้า”
ข้าวโอ๊ตรับคำ ก่อนจะทำตามที่พี่สาวสั่ง จากนั้นสองพี่น้องก็ออกจากที่นั่นหลังจากภาระกิจตระเวณให้อาหารสัตว์ในยามค่ำคืนนี้สิ้นสุดลง พร้อมกับความเหนื่อยอ่อนของคนทั้งคู่ แต่ก็ไม่เคยท้อที่จะช่วยเหลือ สัตว์ที่เดือดร้อน


“นะหมอดลนะ ช่วยหน่อยนะ “

รเมศกำลังอ้อนวอนให้ดลชนกเจ้าของรพ.รักษาสัตว์ซึ่งเป็นเพื่อนของเขาให้รับเจ้าขนปุยไปเลี้ยง แม้เขาจะเห็นว่าหมอมีงานรออยู่มากเพียงใดก็ตาม
“ที่นี่เต็มแล้วครับ สัตว์ป่วยและบาดเจ็บเยอะแยะจนดูแลจะไม่ไหวแล้ว”
ดลชนกเอ่ยขึ้นมองหน้า หนุ่มหล่อตรงหน้าและมอง เจ้าขนปุยในตะกร้าเวรกรรมอะไรหนอ ที่ทำให้ คน ๆ นี้ไม่รักมันและมีความคิดที่จะทอดทิ้งมัน

“เลี้ยงไปเถอะนะเมศแค่หมาตัวเดียวฐานะอย่างคุณเลี้ยงมันได้สบายเลยละ มีคนที่ลำบากกว่าคุณมากมายเขายังไม่ทิ้งสัตว์เลี้ยงของพวกเขาเลยนะ”

หมอหนุ่มตัดบทอยากให้รเมศเป็นคนเลี้ยงสุนัขตัวนี้เพราะเขามั่นใจว่ารเมศสามารถเลี้ยงได้ดีแน่นอน
“แต่หมอ..”

อ้าปากไม่ทันขาดคำ ก็มีคนสองคนเดินเข้ามาภายในอุ้มสุนัขพันธ์ไทยขนสีน้ำตาลตัวหนึ่งมาวางบนเตียงพยาบาลกลางห้อง ตามที่ผู้ช่วยพยาบาลนำเข้ามา ดลชนกรีบผุดลุกขึ้นและเข้าไปดูในทันทีสุนัขส่งเสียงร้องครวญครางอยู่ตลอดเวลาด้วยความเจ็บปวดและทรมาน

ทำเอาเจ้าขนปุยในตะกร้าตื่นตกใจเสียจนเขาต้องยื่นมือไปปลอบมันเบาๆ
“ไปโดนอะไรมาครับเกิดอะไรขึ้น”
“สุนัขพลัดหลงกับเจ้าของถูกรถชนคะ”

คนที่เอ่ยบอกหมอนั้นเป็นหญิงสาวที่ก้าวเข้ามาใหม่ ร่างบางสูงโปร่งดูทะมัดทะแมงผมยาวถูกรวบไว้ลวก ๆ เช่นเดียวกับใบหน้ารูปไข่ ที่ปราศจากเครื่องสำอางค์และดูเหมือนเจ้าของจะไม่ได้ใส่ใจกับความสวยงามของตนเองเลย นอกจากเพียงสิ่งมีชีวิตที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง

“ขอบคุณมากนะคะ”

หล่อนเอ่ยบอกคนสองคนนั้นพร้อมกับส่งเงินให้จำนวนหนึ่งอาสาสมัครใจดีที่เข้ามาช่วยหล่อนในยามที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน
“ค่ารถและค่าเสียเวลาคะ”

“ไม่เป็นไรครับ พวกผมช่วยด้วยความเต็มใจครับ เก็บเงินจำนวนนี้ไว้ช่วยเหลือพวกสัตว์เถอะครับ พวกเราชื่นชมในตัวคุณและกลุ่มมากครับ พอรู้ว่าต้องการความช่วยเหลือเลยรีบมานี่แหละครับ ไม่มีอะไรแล้วขอตัวก่อนนะครับเอาใจช่วยให้มันปลอดภัยด้วยครับ”

“ขอบคุณมากนะคะ”
หล่อนเอ่ยอีกครั้งไม่รู้จะพูดอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว รู้สึกซาบซึ้งใจ สองคนนั้นเดินออกไปแล้วโดยที่หล่อนไม่ทราบชื่อ เพียงแค่หล่อนโพสต์ข้อความลงบนหน้ากระดานในเว็บไซต์ ผ่านสังคมออนไลน์ หรือที่เรียกกันว่า ชุมชนเฟชบุ้ค ขอความช่วยเหลือนำสุนัขบาดเจ็บมารพ. สัตว์ไม่กี่อึดใจก็ได้รับโทรศัพท์จากพวกเขา แจ้งพิกัดที่แน่นอนและบึ่งรถมารับในทันทีทันใด

การทำงานจิตอาสาทำให้หล่อนรู้ว่าน้ำใจของคนไทย ยังหาได้ไม่ยากนักแม้ในเวลาที่ผู้คนต่างพากันเดือดร้อนขนาดหนักเพราะภัยธรรมชาติ

ผู้ช่วยพยาบาลสองคนเข้ามาช่วยจับสุนัขดลชนกกำลังดูบาดแผลให้กับสุนัขหญิงสาวถอยออกมาห่างเพื่อไม่ให้กีดขวางการทำงานของทีมแพทย์

รเมศอดไม่ได้ที่จะลอบมองเสี้ยวหน้าของหล่อนด้วยความสนใจดวงตาคมคู่สวยจ้องมองไปที่สุนัขบนเตียงนั้นอย่างห่วงใยราวกับเป็นสุนัขของหล่อนเอง แต่ที่เขาได้ยินเมื่อสักครู่นั้นมันไม่ใช่

และหล่อนก็หันมาเจอกับเจ้าปุยในตะกร้าตรงหน้า รเมศ ชายหนุ่มอึ้งไปกับดวงตาที่สั่นระริกด้วยน้ำ เขาค้อมศีรษะให้หล่อนเบา ๆ หล่อนเหมือนจะพยายามยิ้มให้เขาอย่างเข้มแข็ง

“น่ารักจังคะ สุนัขของคุณเหรอ”
หญิงสาวเอ่ยขึ้นเบา ๆ
“เอ่อครับ”
“ไม่สบายหรือคะถึงได้พามาหาหมอ”
“คือ..”
ชายหนุ่มอึกอัก มองดูหญิงสาวที่แสดงอาการรักและเอ็นดูสุนัขแบบไม่มีเสแสร้งด้วยความรู้สึกประทับใจ หล่อนไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยว่าเขาเป็นคนดัง เอ ..หรือจะไม่รู้จักเขากันนะ

“ชื่ออะไรคะ”
“ปุยครับเจ้าขนปุย”
“มันโชคดีนะคะ ที่มีเจ้านายที่ดีอย่างคุณ ดูแลมันได้ดีเชียวคะ อย่าทิ้งมันนะคะ”

น้ำเสียงสุดท้ายนั้นเหมือนจะอ้อนวอนเขาในที ดวงตาคมสวยซึ้งสบตาเขาเสียจนเขาตกปากรับคำแบบไมรู้เนื้อรู้ตัว
“ครับ”

สายเรียกเข้าโทรศัพท์ของหล่อนดังขึ้นหญิงสาวกดรับสายก่อนจะเดินออกไปนอกห้อง เขาเองก็เช่นกันควรจะไปเสียทีได้แล้ว ดลชนกคงไม่มีเวลาคุยกับเขาอีกแล้ว ชายหนุ่มตัดสินใจหิ้วตะกร้านั้นกลับออกไปหูยังได้ยินเสียงหล่อนสนทนาโทรศัพท์

“ใช่คะ แอดมินเอสโอเอสคะ ไม่ทราบว่าต้องการความช่วยเหลือเรื่องอะไรคะ”

...อืมมคนที่ให้ความช่วยเหลือคนอื่นพูดเพราะขนาดนี้เชียวเหรอ
นึกนิยมหล่อนอยู่เพียงในใจ ขณะก้าวผ่านหูยังได้ยินเสียงหมอดลชนกเรียกชื่อหล่อน

“คุณฟางแก้วครับ เชิญทางนี้หน่อยครับ”
“ฟางแก้ว”

ชายหนุ่มจดชื่อนั้นไว้ในใจตัวเอง ถอนใจยาวเมื่อมองสุนัขในตะกร้า เขาจะทิ้งมันลงได้ยังไงกันหนอ ขนาดเป็นสุนัขของคนอื่นผู้หญิงคนนั้น ยังพร้อมเต็มใจให้ความช่วยเหลือแบบไม่เกี่ยงใคร

ฟางแก้วถอยออกมานั่งด้านนอกปล่อยให้หมอและผู้ช่วยทำการรักษาสุนัขหลงทางตัวนั้นต่อไปภายในห้องนั้นมันเครียดเกินกว่าหล่อนจะทนอยู่ได้ คล้าย ๆ ว่ามันคือนาทีชีวิตของสุนัขตัวหนึ่งทั้ง ๆ ที่พบเห็นเรื่องราวแบบนี้มามากมาย แต่หล่อนก็ยังรู้สึกเสียใจทุกครั้งหากว่า ช่วยเหลือมันไม่ได้ และหวังว่าครั้งนี้มันจะรอด


“พี่ฟางมันเป็นไงบ้างอะ”
สาว ทอมผมสั้นตัวเล็กเดินปรี่เข้ามาหาหล่อนพร้อมกับสาวหวานร่างบางอีกคนสีหน้าของทั้งคู่ร้อนรนพอ ๆ กัน

“หมอดลฉีดมอร์ฟีนให้ไปสองเข็ม ยังไม่หยุดร้องเลยละอ้อ”
“เหรอพี่”

ต้นอ้อ เดินเข้าไปชะโงกหน้าดูด้านไหน เขาเห็นสีหน้าหมอเครียดจัดแล้วก็กลับมาหาฟางแก้ว

“เดี๋ยวกอหญ้าขอถ่ายรูปก่อนนะพี่ฟาง มีเพื่อน ๆ รอฟังข่าวมันอยู่หลายคนเราจะตั้งชื่อมันว่าอะไรดีละ”

“เรียกน้ำตาลไปก่อนละกัน ขนมันสีน้ำตาล”
“น้ำตาลก็น้ำตาล”

กอหญ้าทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของทีมถ่ายรูปเจ้าน้ำตาลที่อยู่ในการดูแลของหมอ เพื่อจะโพสต์ข้อความหน้าเว็บเพจ ให้กลุ่มคนที่รอดูความคืบหน้าของมันได้รับรู้และร่วมส่งใจให้มันสู้อย่างที่สุด ขณะที่มันยังคงส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด เป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก

“เจ้าขนปุย”
เดชายิ้มกว้างเมื่อเข้ามาแล้วพบว่าสุนัขตัวเดิมเดินมาต้อนรับเขาถึงหน้าประตู ส่วนรเมศกำลังสนใจอยู่กับหน้าจอแท็ปแลตไม่ได้สนใจเขาแม้แต่นิดเดียว

“เล่นอะไรอยู่เหรอเมศ”
“กำลังหากลุ่มจิตอาสาที่พวกพี่อยากให้ผมไปร่วมไงครับ”

“ก็หาให้แล้วไงให้เลือก”
“ไม่ผมจะเลือกกลุ่มที่จะไปเอง”

“หือ..”
เดชามองคนตรงหน้าแปลกไป ดูเหมือนวันนี้ รเมศจะมีพลังความตั้งใจที่แปลกประหลาดกว่าเมื่อวานและก็น่าแปลกที่เมื่อเช้าประกาศว่าจะเอาเจ้าขนปุยไปทิ้งแต่ที่สุดกลับมามันก็ยังอยู่ดี

“เอะ..”
สายตาเหลือบไปเห็นของใช้เกี่ยวกับสุนัขที่วางอยู่มุมห้องรับแขกเหมือนคนที่ถือเข้ามาไม่ได้สนใจมันมากนัก

“แฟนคลับเอาของพวกนี้มาให้เหรอเมศ”
“เปล่าครับผมซื้อมาเอง”
..เขาหูฝาดไปหรือเปล่าหนอ ..

อดไม่ได้ที่จะเดินไปดู แชมพูอาบน้ำ โลชั่นบำรุงขน แปรงขน ไดรฟ์เป่าขน อาหารเหลวและขนมสำหรับให้หมาแทะ อ้อมีลูกบอลเล็ก ๆ อีกสองสามลูก มันเกิดอะไรขึ้นกับรเมศกันละเนี่ยอะไรทำให้เขาเป็นไปได้ขนาดนี้

“อะไรเล่าพี่เอาไปทิ้งก็เสียภาพพจน์ผมนะสิ คะแนนนิยมยิ่งลด ๆ อยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ”

“คิดได้แบบนี้ก็ดี”
แต่เดชาก็ยังไม่วางใจอยู่ดีเขามีความรู้สึกว่า อะไรบางอย่างมาเปลี่ยนแปลงความคิดของรเมศไป น่าจะเกี่ยวกับที่เขาพาเจ้าขนปุยออกไปวันนี้หรือเปล่านะ ยากรู้จังว่ารเมศไปเจออะไรมา

“เจอแล้ว”
นักร้องหนุ่มอุทานออกมาด้วยความยินดี ยิ้มจนแก้มแทบปริเมื่อเขาพบกับสิ่งที่เขากำลังค้นหาอยู่

“อะไรเหรอ”
“เอสโอเอส เอนิมอลไทยแลนด์นี่เอง”

ชายหนุ่มส่งยิ้มด้วยความยินดีรอยยิ้มนั้นส่งมาเผื่อแผ่ถึงเดชาด้วยทำเอาผู้จัดการส่วนตัวถึงกับร้อนตัวเพราะมีความรู้สึกไม่ชอบมาพากลในรอยยิ้มนั้น ไม่บ่อยหรอกที่รเมศจะยิ้มหวานให้เขาแบบนี้ ถ้าไม่มีอะไรให้ดีใจมากจริง ๆ

“พี่เดชา ติดต่อกลุ่มนี้เลยนะผมจะไปร่วมอาสากับคนกลุ่มนี้”
“เฮ้ย นี่มันช่วยหมา”
“ก็หมานี่แหละครับ พี่ก็รู้ว่าผมไม่ค่อยชอบทำงานร่วมกับคน ไม่ชอบสร้างภาพ”

“แต่ที่พี่รู้ก็คือ เธอก็ไม่ชอบหมาเหมือนกัน อะไรมาทำให้เปลี่ยนใจ”
ถามอย่างจับผิด ชายหนุ่มมองหน้าผู้จัดการส่วนตัวแล้วก็สั่นหน้า
“ช่วยหมา ยังไงก็ดีกว่าช่วยคน ผมไม่มีทางเลือกให้พี่นะครับถ้าไม่ได้กลุ่มนี้ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน”

“ไม่รู้สิพี่ต้องถามคุณชัยภัคก่อน กลุ่มที่ให้มาตั้งหลายกลุ่มไม่เลือกทำไมต้องเป็นกลุ่มนี้ด้วยนะ มีอะไรพิเศษหรือเปล่า”

เอ่ยถามอย่างไม่ไว้วางใจ
“คงเป็นเพราะเจ้าขนปุยมั้ง”
ดวงตาของรเมศมุ่งมั่นเสียจนเดชาอึ้งสลับกับการดูเจ้าปุยที่นอนหมอบนิ่งอยู่ ไม่เข้าใจว่ารเมศเกิดความรู้สึกรักและผูกพันธ์กับสัตว์ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็เป็นเรื่องน่ายินดี ที่รเมศจะยอมทำอะไรเพื่อสังคมบ้าง ด้วยการ เลือกที่จะร่วมงานกับจิตอาสากลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มนี้
....


จบตอนที่สองคะ

ฝากติ ติด้วยนะคะ
ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ตรวจคำผิดให้คะ
การใช้คำอาจจะคิด ๆ ขัด ๆ ไปบ้างนะคะ


Create Date : 21 ธันวาคม 2554
Last Update : 21 ธันวาคม 2554 23:43:19 น. 12 comments
Counter : 489 Pageviews.

 
ไหนๆก็ไหนๆ จะใช้ทำไมฟางเฟิง...๕๕๕๕


เรียกค่าลิขสิทธิ์ดีไหมนี่..บางชื่อดีไหมนี่


โดย: สาวยิปซี IP: 202.91.19.195 วันที่: 22 ธันวาคม 2554 เวลา:0:27:04 น.  

 
นางเอกไม่เอาอวบอิ่มบ้างอ่ะ..มีแต่สูงโปร่งงงงง... ทุกเรื่องเลยยย...
เอาแบบอวบอิ่มผิวสีน้ำผึ้งไหม้ติดก้นหม้อ...



โดย: สาวยิปซี IP: 202.91.19.195 วันที่: 22 ธันวาคม 2554 เวลา:0:38:46 น.  

 
แวะมาราตรีสวัสดิ์กันก่อนเลยครับ

ไอคร่อกเลยตอนนี้ แฮ่ๆ


โดย: เป็ดสวรรค์ วันที่: 22 ธันวาคม 2554 เวลา:1:12:49 น.  

 
โห...เรื่องยาวอยากอ่านแต่ยังไม่อ่านไม่ไหว
ตอนนี้ง่วงสุดๆ ขอตัวลาไปนอนก่อนนะคะ




โดย: ดาวริมทะเล วันที่: 22 ธันวาคม 2554 เวลา:1:15:41 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับคุณเล็ก








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 ธันวาคม 2554 เวลา:6:44:50 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าคะ


โดย: น้ำขิง และ กิ่งบัว IP: 10.29.21.161, 119.42.116.48 วันที่: 22 ธันวาคม 2554 เวลา:8:23:24 น.  

 
แต่งเองรึค่ะ


โดย: มี๊เก๋&ซีทะเล (kae+aoe ) วันที่: 22 ธันวาคม 2554 เวลา:8:58:18 น.  

 
ผูกเรื่องกับเหตุการณ์ในปัจจุบันได้ดีเยี่ยมค่ะ รออ่านตอนต่อไปนะคะ ^^


โดย: พังเพรียว IP: 125.27.227.213 วันที่: 22 ธันวาคม 2554 เวลา:10:53:07 น.  

 
น่าสน น่าสน ต้องมาอ่านย้อนตั้งแต่ตอนแรกพรุ่งนี้


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 23 ธันวาคม 2554 เวลา:0:10:48 น.  

 
แน่ะ bb ต้องมาติดตามอ่านแล้ว ช่วงนี้ bb ยิ่งบ้า ห้องนิยายอยู่ 5555


โดย: bb_wonder วันที่: 23 ธันวาคม 2554 เวลา:12:03:38 น.  

 
ชีวิตยุ่งเหยิง ตอนใกล้จะเลิกงาน
เล็กเขียนอะไร เจ้ยังไม่อ่านนะ
แค่แวะมาทักทายเฉยๆ


โดย: Life & Learn วันที่: 23 ธันวาคม 2554 เวลา:16:20:27 น.  

 


โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 30 ธันวาคม 2554 เวลา:10:53:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปันฝัน
Location :
สุราษฏร์ธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ตัวเล็ก เป็นแม่ของอาเดียวคะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เป็นแม่ที่ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ แต่มีความตั้งใจ ที่จะเลี้ยงดูลูกชายคนเดียว ที่เกิดจากความรักของคนสองคน แม้ว่าหัวใจคนอีกคนจะสั้นนักก็ตาม

ลูกไม่ใช่ภาระ ลูกคือความสวยงาม เป็นสิ่งที่แสนดี ชีวิตเราในขณะนี้ ลูกคือทุกอย่าง

มาเอาใจช่วยแม่ตัวเล็กพาอาเดียวไปตลอดรอดฝั่งด้่วยนะคะ

เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวไม่ง่ายเลย ใครอย่ามาเลียนแบบนะ บอกเอาไว้ก่อน มันลำบากมากจริง ๆ โดยเฉพาะในวันที่ลูกป่วยและเราตัวคนเดียว


**ลูกโตขึ้นทุกวัน เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ทุกวัน กับโลกว้าง สู้ ๆ เค้านะูลูก

แม่ไม่หวังอะไรปมากกว่าการเห็นลูกเติบโตขึ้นมาเ็ป็นลูกที่น่ารักและเป็นคนดีของสังคม..**
แล็กกราวน์ กล่องเมนท์ กลุ่องเมนท์ กล่องเมนท์ เฟชบุ้ค Mommy's A Deaw

คลิกหาอาเดียวในเฟชบุ๊ค

หน้าอาเดียว

A DEAW

ตามไปกดไลท์ที่เพจของอาเดียวได้ครับ

เพจเอสโอเอส

SOS ANIMALS Thailand

รับปรึกษาและช่วยเหลือสัตว์เลี้ยง/a>
New Comments
Group Blog
 
 
ธันวาคม 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
21 ธันวาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ปันฝัน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.