ก็ว่าจะไม่รัก..(love me my dog story) ตอนที่ 1 เมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้
1. “กรี้ดด” “เป๋งงงง”
เสียงกรีดร้องของคนและสัตว์นั้นดังมาจากห้องน้ำทำให้ชายหนุ่มวัยสามสิบปีเศษที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ถึงกับถอนหายใจยาว และวางหนังสือพิมพ์ลง สีหน้าค่อนข้างหงุดหงิด
..ให้ตายเถอะเขาไม่อยากอยู่ในฐานะแบบนี้เลย.. ผู้ดูแลซุปเปอร์สตาร์..
สาว ๆ หลายคนอาจจะอิจฉาเขาที่ได้ใกล้ชิดกับนักร้องดังที่กำลังฮอตอยู่ในขณะนี้แต่สำหรับเขามันไม่ใช่เลยเพราะต้องมาผจญกับความเรื่องมากของชายหนุ่มที่แสนเฟอร์เฟ็กต์ในสายตาของทุกคน
“เมศ เป็นอะไร” เดชาเคาะประตูห้องน้ำเบา ๆ “ก็ไอ้ตัวนี้นะสิพี่ เข้ามาอยู่ในห้องน้ำได้ไงนี่”
เท้าขาว ๆ ยาว ๆ ของนักร้องหนุ่ม เขี่ยเอาลูกสุนัขขนปุยที่ตอนนี้เปี่ยกมะล๋อกออกมาจากห้องน้ำ “เอามันไปปล่อยเลยนะพี่เดชา ผมคงเลี้ยงมันไม่ได้หรอก”
แล้วประตูห้องน้ำก็ถูกปิดลง เดชาถอนใจยาวก่อนจะอุ้มสุนัขตัวน้อยมาไว้ในอ้อมแขนหาผ้าขนหนุมาเช็ดตัวให้มันอย่างอ่อนโยนที่สุด เขาก็น่าจะรู้ว่ารเมศ เป็นคนไม่รักสัตว์ แต่พวกแฟนคลับไม่รู้ และดันมีแฟนคลับคนหนึ่งมอบเจ้าตัวนี้มาให้ด้วยหวังว่าชายหนุ่มจะรักษาและดูแลมันอย่างดี
“พี่เดชา นั่นผ้าขนหนูผมนะ”
ชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องน้ำ สภาพ ผ้าขนหนูพันกายเพียงท่อนล่าง กล้ามเนื้อสวยงามถูกเกาะพราวด้วยเม็ดน้ำ ผมเผ้ายังเปียกปอนอยู่ เดชาไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านั้นเพราะเขาเห็นจนเจนตาเสียแล้ว หากเป็นคนอื่นละก็พอจะเร้าใจอยู่บ้างหากคนนี้ความเรื่องมากทำให้ เขาเริ่มเบื่อหน่ายทุก ๆ อย่างเสียแล้ว “อะ..”
เขายื่นผ้าขนหนูให้ทันที เพราะว่า เจ้าขนปุยตัวแห้งแล้ว รเมศ รับไปเช็ดผมตนเองก่อนจะหันมองหน้าผู้ดูแล
“เช็ดขนไอ้ปุยแล้วนี่พี่แล้วจะมาเช็ดผม ผมได้ยังไง” เขาโยนผ้าขนหนูลงตะกร้าก่อนจะเดินไปหาผ้าขนหนูผืนใหม่ และมานั่งลงตรงข้ามเดชา
“เอามันไปปล่อยนะพี่ผมจะมีชีวิตอยู่กะมันได้ยังไงกัน ผมรับไม่ได้หรอก” เขาย้ำอีกครั้ง
“ทำไมมันก็อึ ฉี่เป็นที่ดีนี่หน่ากินง่ายนอนง่ายไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร บ้านเราก็มีเนื้อที่พอจะให้มันอยู่ไม่ลำบากอะไร”
บ้านเรา..ที่เดชาเอ่ยถึงคือ เซฟเฮาส์ที่บริษัทต้นสังกัด จัดให้เป็นที่พักของรเมศ ภายในรั้วสูงที่มิดชิด ด้านหน้าเป็นโรงจอดรถที่พอจะจอดได้สองคัน ส่วนด้านหลังได้ถูกแบ่งเนื้อที่เป็นส่วนหย่อมกะทัดรัด ที่สามารถเลี้ยงสุนัขพันธ์เล็กได้สักตัว ในความคิดเห็นของเดชา
“ไม่ครับ” “แต่เมศเป็นคนรับมันมาจากแฟนคลับแล้วถ้าเกิด แฟนคลับเขารู้ว่าเมศเอามันไปปล่อยจะเกิดอะไรขึ้น”
“ก็บอกไปสิครับว่าลอยน้ำไปแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” “นี่แหละปัญหา” “อะไรครับ” “เรื่องหมาน้ำท่วม”
เดชาเปิดหน้าหนังสือพิมพ์ส่งให้รเมศดูชายหนุ่มเพียงแค่มองผ่าน ๆ เท่านั้น “ไปใส่เสื้อก่อนไปเดี๋ยวพี่จะเล่าให้ฟัง”
ออกจะทนไมได้จริง ๆ ที่จะเห็นมานั่งเซ็ดผมในสภาพแบบนี้อย่าคิดสิว่าเดชาแมนร้อยเปอร์เซ็นต์มันใช่ที่ไหนกันเล่า ยังไงก็อดใจมองไม่ได้เหมือนกันถึงจะเห็นบ่อยขนาดไหนก็ตาม
รเมศกลับออกมาพร้อมเสื้อกล้ามตัวหลวมและกางเกงเลแบบสบาย ๆ ที่เขาชอบสวมใส่ประจำ มือของเขายังคงชโลม เส้นผมยาวระบ่าของเขาด้วยวิตามินบำรุงเส้นผม สิ่งที่เขารักมากมายสุดชีวิต
“เห็นคู่แข่งของนายไหม” “อะไรครับ”
ในหน้าหนังสือพิมพ์นักร้องรุ่นใหม่ที่แจ้งเกิดได้ไม่นานได้ออกอาสาช่วยเหลือชาวบ้านและสัตว์เลี้ยงได้รับความชื่นชมมากมาย นั่นหมายถึงคะแนนนิยมจะเพิ่มขึ้นและสร้างผลร้ายให้แก่เขาแน่นอน
“แล้วไงครับกะอีแค่เด็กเมื่อวานซืน” “บอสอยากจะให้เมศทำอะไรสักอย่างเพื่อสังคมแนว ๆ นี้แหละพอไหวไหม”
น้ำเสียงเดชาออกแนวเครียดเพราะเขารู้คำตอบตั้งแต่ยังไม่ทันเอ่ยด้วยซ้ำ “มันจะยากอะไรละครับบริจาคเงินไปสักหนึ่งแสน เลือกที่หักภาษีได้ด้วยนะครับ ไม่มีปัญหาอะไร”
“ปัญหามีแน่ เพราะนายต้องออกพื้นที่ด้วย” “ไม่มีทาง”
เขารีบตอบทันควัน ..ไหมละ..เปะเลย.. “แดดร้อนขนาดนั้นผิวผมเสียหมด แล้วน้ำส่วนใหญ่ก็เป็นน้ำสกปรกผมไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงด้วยหรอกนะ” “รเมศนายคิดให้ดี ๆ นะ สมัยนี้นะคู่แข่งมาก แข่งกันทุกทางอย่าคิดว่าตัวเองดังและอยู่สูงเพราะยังไงเสียมันจะต้องมีวันดับแน่นอน..ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่นายจะทำอะไรเพื่อสังคม ให้คนไทยรู้ว่านายยังรักพวกเขาอยู่ เพื่อชื่อเสียงของนายที่จะอยู่ยาวนานที่สุด”
“แล้วพี่รู้หรือเปล่าครับว่าช่วงนี้เป็นเวลาที่ผมมีความสุขมากขนาดไหน” “ความสุข ได้เห็นผู้คนและสัตว์เลี้ยงเดือดร้อนนี่นะ” “เฮ่ยใครจะคิดแบบนั้นกันละครับ”
เขารีบปฏิเสธทันควัน “ผมแค่ดีใจที่ไม่มีงานจะได้นอนพักเต็มที่เสียหน่อย ไงครับ” “เพราะไม่มีงานนี่ไงถึงเวลาที่เราจะทำอะไรเพื่อสังคมกันแล้วพี่จะเปิดดูกลุ่มจิตอาสาที่ทำงานเพื่อสังคมมาให้นายเลือกก็แล้วกัน ยังไงนายก็ต้องไป”
“ไม่” “นี่เป็นคำสั่งจากต้นสังกัด”
เขาเงียบเสียงลงไปทันที ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องส่วนตัวปิดประตู แต่ไม่ทันแล้วเจ้าปุยวิ่งตามเขาไปด้วยแล้วไม่นานเดชาก็ได้ยินเสียงตุ้บลงใกล้ ๆ ตัวแน่นอนเจ้าปุย ถูกโยนออกมานั่นเอง
“โธ่เอ้ยย” เดชาอุ้มมันมากอดประโลมด้วยความสงสารและเห็นใจ ท่าทางเจ้าปุยจะอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วแน่นอนและเขาก็ไม่คิดว่าเรเมศจะใจร้ายต่อสัตว์เลี้ยงได้มากมายขนาดนี้
คงจะต้องหาทางออกที่ดีสำหรับเจ้าปุยเสียแล้ว
“จิตอาสา” ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนบนเตียงนอนกว้างเอามือก่ายหน้าผากและคิดถึงคำพูดของเดชา ตั้งแต่น้ำท่วมมานี่เขาก็ได้ยินแต่เรื่องจิตอาสานี่แหละที่ใครหลาย ๆ คนพยายามให้เขาไปทำงานรับใช้สังคมมั่ง เพราะใคร ๆ เขาก็ทำกันทั้งนั้นแต่เขาเป็นคนหนึ่งที่ปฏิเสธมัน ไม่คิดว่าตัวเองจะช่วยอะไรสังคมได้และมีความรู้สึกว่าผลเสียมันจะมากกว่าผลประโยชน์ที่ได้รับ แค่ให้ใครต่อใครชื่นชมในตัวเขา แต่ตัวเขากลับต้องมาเผชิญกับแดดร้อนลมแรง ผิวคล้ำหน้าดำเสียหาย ไหนยังจะเสี่ยงกับเชื้อโรคจากน้ำเน่าเสียอีกละ ให้เขานอนอยู่ที่บ้านเถอะเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุดแล้ว
โทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดที่ทันสมัยของเขาดังขึ้นด้วยเพลงสายเรียกเข้าที่เป็นเพลงของเขา “สวัสดีครับ” “รเมศ” “ครับ”
เสียงเข้มน้ำเสียงจริงจังจากอีกฝ่ายทำให้เขารู้ว่า เดชาได้โทรศัพท์รายงานผลการเจรจากับเขาไปสู่ต้นสังกัดเรียบร้อยแล้วไม่อย่างนั้นโปชัยภัคคงไม่โทรมาหาเขาแน่นอน
“รู้เรื่องจิตอาสาแล้วใช่ไหม พี่มีกลุ่มจิตอาสาอยู่สามสี่กลุ่มให้เมศเลือกดูว่าจะไปร่วมกลับกลุ่มไหน เปิดดูในอีเมลล์ได้เลยนะ”
“เดี๋ยวสิครับพี่ ผมไม่อยากไป” ชัยภัคตัดสายไปซะแล้ว โดนไม่รีรอที่จะฟังเหตุผลของเขาสักนิด เขาไม่ใช่คนรักสัตว์นะเออ ทำไมจะต้องยัดเบียดให้เขาไปช่วยพวกมันด้วย “โธ่เอ้ยย” ชายหนุ่มกดปุ่มปิดคอมพิวเตอร์อย่างหัวเสียมิน่าละในตอนนี่ทำไมกระแสของเขาถึงได้เงียบนักเพราะว่ามี คนกลุ่มหนึ่งผันตัวเองจากดารานักร้องไปเป็น จิตอาสาช่วยเหลือกันมากมาย นี่เอง
..แน่นอน คะแนนของเขากำลังตก..
“ทำงานร่วมกับคนเยอะ ๆ จะไหวเหรอ” เดชาเอ่ยขึ้นเมื่อเขากลับออกมาปรึกษา “มันก็ไม่ดีทั้งนั้นละพี่” “เลือกสักกลุ่มเถอะน่าแค่เขาเห็นนายทำทุกอย่างก็โอเคแล้ว” “งั้นเอาเป็นกลุ่มที่เล็กที่สุดนะพี่ ผมไม่อยากเจอหน้าผู้คนมากมาย” “ได้สิ”
เดชาลอบยิ้มอย่างผู้ชนะแค่นี่ก็ต้องให้ถึงมือผู้ช่วยบอส ที่เขาละชักแม่น้ำห้าสาย รเมศก็ไม่เคยสนใจ .. จบตอนที่หนึ่งคะ
ช่วยติติ หน่อยนะคะ
Create Date : 16 ธันวาคม 2554 |
|
11 comments |
Last Update : 16 ธันวาคม 2554 21:00:18 น. |
Counter : 533 Pageviews. |
|
|
|
อ่านง่าน แต่สนุก ไม่ยืดยาดค่ะ
อาเดียวคงฟังนิทานของคุณแม่บ่อยๆ