หมึกสีดำของไผ่สีทอง
ความโศกทั้งหลาย ย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้มีจิตมั่นคง ไม่ประมาท เป็นมุนี ศึกษาในทางปฏิบัติถึงมโนปฏิบัติ เป็นผู้คงที่ ระงับแล้ว มีสติทุกเมื่อ,, การไม่ทําบาปทั้งปวงหนึ่ง การยังกุศลให้ถึงพร้อมหนึง การชําระจิตใจของตนให้ผ่องแผ้วหนึ่ง นี่แลเป้นคําสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
23 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
หนีนรก ตอนที่ ๙ - การเจริญสมาธิในพุทธานุสสติกรรมฐาน







ตอนที่ ๙
การเจริญสมาธิในพุทธานุสสติกรรมฐาน


............... ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย สำหรับตอนนี้ก็เป็นตอนที่ ๙ ในเรื่อง ความเป็นมาของการหนีนรก เพราะการปฏิบัติเพื่อการหนีนรกนี้บรรดาท่านพุทธบริษัท ความจริงเป็นการปฏิบัติไม่ยากเลย เพียงแค่มีกำลังใจ คุมใจไว้ไม่ให้ไหลไปสู่อารมณ์ของความผิด คือ ที่มีอารมณ์คิดว่าร่างกายนี้จะไม่ตาย ส่วนใหญ่ของบุคคลเรามักจะคิดว่าร่างกายไม่ตายและตามปกติจริง ๆ ไม่คิดเลยเสียด้วยซ้ำไป ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าการเกิดมาแล้วความจริงมันต้องตาย แต่คนคิดถึงความตายจริง ๆ หายาก มีหน้าที่อย่างเดียวจะประกอบอาชีพ จะทรงอาชีพให้ดีเป็นยังไง รวยขนาดไหน หรือว่าทำยังไงเราจึงจะสวยทำยังไงจะเป็นคนดี ที่จะคิดว่าการตายคราวนี้เราจะไม่ยอมไปอบายภูมินี่หายาก แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาของคนที่เกิดมาในโลก เพราะการเกิดมานี้เราได้รับผลกฏของกรรม ๒ ประการบังคับ คือ กุศลกรรมอย่างหนึ่ง และอกุศลกรรมอย่างหนึ่ง ขณะใดที่อกุศลกรรมบังคับ ขณะนั้นเราจะไม่คิดถึงตามความเป็นจริง ไม่ยอมรับนับถือกฏของธรรมดาขณะใดที่กุศลชาติก่อนให้ผลดลใจ เวลานั้นจะมีความเห็นถูกอยู่เสมอ ตอนนี้จึงมาเตือนกันไว้ ว่าเมื่อเราตายแล้ว การตายมีสภาพไม่สูญ ทางที่จะไปก็คือ

............... ๑. อบายภูมิ แดนของความทุกข์

............... ๒. สุคติ มีสวรรค์ พรหมโลก และนิพพาน แล้ก็

............... ๓. ยับยั้งไว้ที่มนุษย์โลก

............... แต่ถึงกระไรก็ดีบรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้าเราไม่สร้างความดีไว้ กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็เป็นมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความยากไร้อย่างยิ่ง ข้อนี้บรรดาท่านพุทธบริษัทชายหญิง จะทราบตอนที่พูดถึงศีลธรรม วันนี้เราก็มาเตือนกันไว้ก่อน ขอบรรดาท่านพุทธบริษัท ซึ่งเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระชินเวร จงพากันคิดถึงตามความเป็นจริงว่า เราเกิดมาแล้วเราต้องตาย การตายถ้าจิตใจของเราไม่ผ่องใส ประกอบไปด้วยอารมณ์ที่เป็นอกุศล เราก็ไปอบายภูมิ มีนรกเป็นต้น ถ้าจิตใจของเราประกอบไปด้วยกุศลก็ไปสุคติ มีสวรรค์เป็นต้น

............... ฉะนั้นขอบรรดาท่านพุทธศาสนิกชน ถ้ามีความรู้สึกนึกคิดว่า เราจะต้องตายก็ตัดสินใจไว้ก่อนว่าการตายคราวนี้ ไม่ยอมไปอบายภูมิ จะขอยึด พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ เป็นที่พึ่งต่อไป และจะนำศีลห้า เป็นกำแพงกั้นอบายภูมิไว้ โดยจะรักษาศีลให้บริสุทธิ์ผุดผ่องตลอดกาลตลอดสมัย อันนี้เราเตือนกันไว้นะบรรดาท่านพุทธบริษัท แต่ว่าคนเตือนซิ จะนึกถึงเรื่องนี้วันละกี่ครั้งก็ไม่ทราบ

............... ต่อนี้ไปเราก็มาพูดถึง พุทธานุสสติกรรมฐาน แต่ความจริงพุทธานุสสติกรรมฐานนี่บรรดาท่านพุทธบริษัท เราจะพูดกันไปยังไงก็ไม่จบ ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าความดีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีมากมายนัก ก็เป็นอันว่าการเจริญสมาธิในพุทธานุสสติกรรมฐาน ก็เป็นการทรงไว้ซึ่ง สติและสัมปชัญญะ คือ สต ได้แก่การนึกไว้สัมปชัญญะ การรู้ตัว นึกไว้ว่าเวลานี้เรามีอารมณ์ดีหรืออารมณ์ชั่ว รู้ตัวว่าเรามีความคิดดีหรือคิดชั่ว หลงผิดหรือหลงถูก ถ้าขณะใดเราลืมความดีหรืออารมณ์ชั่ว รู้ตัวว่าเรามีความคิดดีหรือคิดชั่ว หลงผิดหรือหลงถูก ถ้าขณะใดเราลืมความดีของพระพุทธเจ้า ถ้าลืมไป นี่แสดงว่าเราพลาดท่าแล้วบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ตายแล้วอาจจะไปอบายภูมิก็ได้ แต่ว่าขณะใดที่เรานึกไว้ถึงพระพุทธเจ้า ภาวนาถึงท่านก็ดี นึกถึงความดีของสมเด็จพระสัมมาสัมมาพุทธเจ้าก็ดี นึกยอมรับนับถือเคารพพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งก็ดี นึกยอมรับนับถือเคารพพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งก็ดี อย่างนี้เป็นพุทธานุสสติถือว่ามีอารมณ์แจ่มใส ถ้าตายเมื่อไรมีความสุขเมื่อนั้น

............... และการภาวนาหรือกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก เช่นภาวนาว่า "พุทโธ" หรือ "สัมมาอรหัง" หรืออะไรก็ได้ ตามใจ เพราะว่าการภาวนานึกถึงความดีของพระพุทธเจ้านี่ไม่มีขอบเขตจำกัด จะถือว่าภาวนาอย่างนั้นถูก ภาวนาอย่างนี้ถูก อันนี้ใช้ไม่ได้ ก็ต้องถือว่าถูกด้วยกันทั้งนั้น อีกประการหนึ่งก่อนภาวนา ถ้าเรานึกถึงพระพุทธเจ้า ถือว่าเป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน

............... ถ้าจะถามว่าการภาวนานี้ดีอย่างไร หรือว่าการพิจารณาการนึกถึงพระพุทธเจ้านี่ดีแบบไหน ถ้าเราตั้งใจใช้คำภาวนาเป็นปกติ อารมณ์ตั้งใจคิดว่า ภาวนานี่ถูกหรือผิดถ้าเรารู้ว่าถูกหรือรู้ว่าผิด ถ้าผิดก็กลับใจเสียใหม่ ภาวนาให้ถูก หรือว่าการกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก อย่างนี้เป็นการระงับนิวรณ์

............... คำว่า "นิวรณ์" ความจริงไม่อยากจะพูดถึง เพราะว่าถ้าพูดถึงนิวรณ์แล้วบรรดาท่านพุทธบริษัทจะท้อถอย แต่ในเมื่อการปฏิบัติเข้ามาถึงก็ต้องพูดกัน คำว่า "นิวรณ์" ที่ในพระไตรปิฏกท่านแปลว่า "คุณชาติกั้นความดี" ขอประทานอภัยนี่ตามแบบนักธรรมโทตามหลักสูตรของนักธรรมโท ท่านบอกว่าคุณชาติกั้นความดี แต่ว่าในพระไตรปิฏกท่านกล่าวว่า เป็นกิเลสหยาบที่ทำปัญญาให้ถอยหลัง นั่นก็หมายความว่า นิวรณ์ ๕ ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าฝังอยู่ในใจของเราในขณะที่เราภาวนาก็ดี ในขณะที่พิจารณาหรือนึกถึงพระพุทธเจ้าก็ดี ถ้านิวรณ์อย่างใดอย่างหนึ่งเข้ามาแทรกตึ๊กเข้าให้ในใจของเรา อย่างนี้ท่านถือว้าปัญญาถอยหลังเสียแล้ว กิเลสหยาบที่มีความร้ายแรงมากเข้ามาสิงใจ ก็รวมความว่าใจของเราชั่วไปเกลือกกลั้วกับกิเลสหยาบ กิเลสที่จำทำให้เราลงอบายภูมิ

............... กิเลสหรือว่านิวรณ์ ๕ ประการก็คือ

............... ประการที่ ๑ อารมณ์ความรักในระหว่างเพศ ที่เรียกกันว่า "กามฉันทะ"

............... ประการที่ ๒ ความโกรธ ความพยาบาท มีการจองล้างจองผลาญซึ่งกันและกัน

............... ประการที่ ๓ คือ ความง่วง

............... ประการที่ ๔ อารมณ์ฟุ้งซ่านเกินไป ควบคุมกำลังจิต กำลังใจไม่อยู่ ภาวนาไม่ถูกหรือลืมภาวนาไปเลย

............... ข้อที่ ๕ ได้แก่การสงสัยในผลของการปฏิบัติ

............... ทั้ง ๕ ประการนี้บรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งสิงใจของเราในขณะที่ภาวนาก็ดี ในเวลาที่พิจารณาก็ดีก็ถือว่าเราพลาดจากความดีไปเสียแล้ว ถ้าจะถามว่าพลาดหมดไหม ก็ต้องตอบว่าพลาดไม่หมด เพราะว่าขณะที่เราพลาดมีอยู่ เพราะว่าการเริ่มต้น เราเอาจิตเข้าไปรับรู้ลมหายใจเข้าออก แล้วเราภาวนาควบคู่กันไป หรือคิดถึงพระพุทธเจ้าในอารมณ์ของเราควบคู่กันไป อย่างนี้ถือว่าตอนนั้นเราได้กำไร ใจของเราเต็มไปด้วยมหากุศลสามารถจะนำตนไปสู่สุคติได้แบบสบาย ๆ

............... แต่ว่าในขณะที่ภาวนาไปก็ดี รับรู้ลมหายใจเข้าออกก็ดี พิจารณาก็ดี นาน ๆ ไปสักนาที 2 นาที 3 นาที ที่ฝึกใหม่ ๆ นะ จิตอาจจะพลาด คิดถึงเรื่องอย่างอื่นเข้ามาแทรกแซงบ้าง ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา อย่าตำหนิตนว่าเลวเกินไป เพราะว่ากำลังใจของเรานี้ คบกับการฟุ้งซ่านมานานนับอสงไขยกัป อยู่ ๆ จะบังคับให้อยู่ในขอบเขตจริง ๆ น่ะ มันเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าต้องอาศัย สติ คือความระลึกนึกไว้ สัมปชัญญะ การรู้ตัวเรื่องอารมณ์เผลอเราห้ามไม่ได้แน่นอนต้องเผลอแน่ ถ้ารู้ตัวขึ้นมาเมื่อไรภาวนาผิดไปแล้วหรือคิดผิดไปแล้วอย่างนี้ เราก็เริ่มต้นใหม่ เอาจิตเข้าจับลมหายใจเข้าออกแล้วภาวนาอย่างนี้ใช้ได้ ก็เรียกว่ามีการผ่อนสั้นผ่อนยาว ความจริงไม่ได้ตั้งใจจะผ่อน แต่ว่าอารมณ์จิตที่มันฟุ้งซ่านผ่อนเอง อย่างนี้ถือว่าชนะ

............... ถ้าหากว่าจิตใจของบรรดาท่านพุทธบริษัท ในขณะที่ภาวนาอยู่หรือพิจารณาอยู่เกิดชนะนิวรณ์ขึ้นมา จะมีอะไรเป็นผลก็ตอบว่ากำลังจิตของบรรดาท่านพุทธศาสนิกชนจะมีความสุขอย่างหาที่เปรียบมิได้ ถ้าจะถามว่าการชนะนิวรณ์ต้องชนะทั้งวันใช่ไหมก็ต้องตอบว่าไม่ใช่ ชนะเฉพาะที่เราภาวนาหรือพิจารณาเท่านั้น คือเป็นการยับยั้งไม่ให้นิวรณ์เข้ามากวนใจ ถ้าเราจะทำลายกันจริง ๆ เฉพาะนิวรณ์นี่ การทรงฌานโลกีย์ก็ดีหรือว่าเป็นพระโสดาบันหรือสกิทาคามีก็ดี เราไม่สามารถจะห้ำหั่นนิวรณ์ให้เด็ดขาดได้ ได้แต่เพียงยับยั้งนิวรณ์ชั่วคราวเท่านั้น

............... นิวรณ์ ๒ ข้อแรก คือ "กามฉันทะ" ความพอใจในเพศตรงกันข้าม หรือว่า "พยาบาท" คิดจองล้างจองผลาญ ความโกรธ ความคับแค้น ทั้ง ๒ ข้อนี้ จะชนะได้จริง ๆ ต่อเมื่อเราเป็นพระอนาคามี สำหรับอีก ๓ ข้อจะชนะได้จริง ๆ ในเมื่อเป็นอรหัตผลถ้ากำลังใจเราไม่ถึงขั้นนั้นเราก็ยับยั้งชั่วคราว อย่างนี้ใช้ได้

............... ถ้าจะถามว่าการระงับนิวรณ์ ยับยั้งชั่งคราวจะมีผลเป็นประการใด ก็ต้องขอตอบว่าจะทำกำลังใจของบรรดาท่านพุทธบริษัทให้มีความสุขขึ้นมาก อารมณ์ชั่วต่าง ๆ เช่น อารมณ์ชั่วในการทำลายศีลห้าก็ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอากันอย่างง่าย ๆ คือความโกรธ ความโกรธเราเคยฉุนเฉียว ถ้าชนะนิวรณ์ครั้งละ ๒-๓ นาที ในการเจริญภาวนาสมมุติว่าเจริญภาวนาจริง ๆ ครั่งชั่วโมง ใช้เวลาครึ่งชั่วโมง แต่การใช้เวลาครึ่งชั่วโมงนั้นไม่ใช่ชนะทั้งครึ่งชั่วโมง มันชนะจริง ๆ แค่ ๒-๓ นาทีเพียงเท่านั้น ทำไปจริง ๆ สักประมาณ 1 เดือน คือวันหนึ่งทำครั้งหนึ่ง จะเป็นเวลาเช้ามืดหรือเวลาหัวค่ำก่อนหลับก็ได้นั่งก็ได้ นอนก็ได้ ยืนก็ได้ เดินก็ได้ ชนะจริง ๆ คือ รู้ลมหายใจเข้าออกโดยเฉพาะ รู้ค่าภาวนาโดยเฉพาะ หรือรู้การพิจารณาการนึกถึงโดยเฉพาะ โดยนิวรณ์ทั้ง ๕ ประการ ไม่เข้ารบกวนใจ หลังจากนั้นจิตก็ฟุ้งซ่านเกินไป ก็ตามใจมัน เราก็เลิก ถ้าฟุ้งซ่านมากเกินไปจริง ๆ เราเลิก บังคับไม่อยู่ เท่านี้แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัทผู้เป็นสาวกขององค์สมเด็จพระบรมครูสักประมาณ 1 เดือน คือชนะวันละเล็กวันละน้อย มันสะสมอยู่ในใจ 1 เดือนผ่านไป กำลังโกรธที่มีความฉุนเฉียวที่เคยมีมา แล้วมันจะลดตัวลง โกรธเหมือนกันแต่ความโกรธจะเบาลง สมัยก่อนยังไม่ภาวนาหรือพิจารณา เราโกรธแล้วเราขังกันไว้นาน จองล้างจองผลาญกันหลายวัน ถ้าทำแบบนี้สักประมาณ ๑ เดือนไม่ขาดโกรธมี แต่ว่าเบากว่าเดิมแล้วก็หายเร็วกว่าเดิม นี่แสดงว่าจิตใจของเราเริ่มเยือกเย็นขึ้นในเมื่อจิตใจเริ่มเยือกเย็นขึ้น ความมีเหตุผลก็มากขึ้น ถ้าตัดกามฉันทะ คือยับยั้งได้ ไม่รุ่มร่ามภายนอกบ้าน พอใจเฉพาะอารมณ์กามฉันทะในบ้าน คือความรักระหว่างคู่ตัวผัวเมียแค่นี้เราจะมีความสุขมากแล้ว

............... ประการที่ ๒ ไม่เป็นคนโมโหร้ายมีจิตใจเยือกเย็น เราก็จะมีเพื่อนที่รักมากขึ้น เราก็จะมีความสุข

............... ประการที่ ๓ เราทำความดีไม่ง่วง สติสัมปชัญญะก็สมบูรณ์ขึ้น

............... ประการที่ ๔ ถ้าจิตใจไม่ฟุ้งซ่านเกินไป การคิดจะทำอะไรจะประกอบกิจการงานต่าง ๆ อารมณ์ก็จะทรงตัว สมองปลอดโปร่ง

............... ประการที่ ๕ ถ้าไม่สงสัยในผลการปฏิบัติ อย่างนี้บรรดาท่านพุทธบริษัทจะพบกับความดีพิเศษที่จะพูดต่อไป

............... รวมความว่ากำลังใจของเราลดเหตุ ๕ ประการลงไปได้ ถึงแม้ว่าตัดไม่ได้ แต่กำลังของเหตุ ๕ ประการคือ นิวรณ์ ๕ ประการนี้ มีกำลังอ่อนไปเราก็จะมีความสุขขึ้นมาก

............... ถ้าเรามามองกันถึงศีล การละเมิดศีลจะละเมิดยากมากขึ้น จะทรงศีลได้ดีขึ้นเพราะสติสัมปชัญญะและการเยือกเย็นของจิต และอารมณ์ที่จะนึกถึงพระพุทธเจ้าก็ดี พระธรรมก็ดี พระอริยสงฆ์ก็ดี หรือว่าความไม่ประมาทที่จะคิดถึงความตายที่จะมีมาในวันก็ดี จะมีอารมณ์ถี่ขึ้นความสุขจะเกิดมากขึ้น นอกจากความสุขจะเกิดขึ้นกับเราแล้วความสุขจะเกิดขึ้นกับบุคคลอื่นด้วย ช่วยให้โลกมีความสุขมากขึ้น ความอุดมสมบูรณ์ในทรัพย์สินก็จะมีมากขึ้น เพราะการไม่เจ้าชู้ และการไม่โหดร้ายเรื่อก่อการวิวาท

............... นอกจากนั้นบรรดาท่านพุทธบริษัท การนึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ สามารถก่อให้เกิดทิพจักขุญาณได้ ความจริงหลักสูตรของวิชชาสาม ก็อยู่ที่พุทธานุสสตินี่แหละถ้าจะบอกว่าต้องกสิณกองนั้นกองนี้ การดูพระพุทธเจ้า การนึกถึงพระพุทธเจ้าก็เป็นกสิณและการดูพระพุทธรูป การนึกถึงพระพุทธรูป การนึกถึงพระพุทธรูปก็เป็นกสิณ ขณะใดที่เราคิดว่าท่านเป็นพระพุทธรูปนี้เป็นพุทธานุสสติ ถ้าพระพุทธรูปสีเหลืองก็เป็นปีตกกสิณด้วย พระพุทธรูปสีขาวก็เป็นโอทาตกสิณด้วย ถ้าหากว่าพระพุทธรูปสีเขียวก็เป็นนีลกสิณด้วยอย่างนี้เป็นต้น

............... รวมความว่าเราก็ปฏิบัติทั้งอานาปานุสสติด้วย พุทธานุสสติด้วย กสิณด้วยไปในตัวเสร็จ

............... ก็เวลาเหลืออีก ๑๐ นาที มีตัวอย่างที่จะคุยให้กับบรรดาท่านพุทธบริษัทรับทราบสักเรื่องหนึ่งเป็นตัวอย่าง

............... เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ปีนั้นมีคุณยายท่านหนึ่ง คุณโยมผู้เฒ่า อายุท่านก็มากแล้วเห็นจะถึง ๗๐ ปี ท่านอยู่ในบ้านท่านเจริญพุทธานุสสติอยู่เสมอ คือว่าใคร ๆ เขาสอนว่าจงภาวนาว่า "พุทโธ" บ้าง มองดูพระพุทธรูปเพื่อเป็นนิมิตเครื่องหมายจับอารมณ์ให้ทรงตัวบ้าง ทำอย่างนี้เป็นปกติ

............... มาในปีนั้นท่านไปเจอะอาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านมีลูกศิษย์ลูกหามาก ท่านสอนกรรมฐาน มีคณะของท่านมากมาย มีชื่อเสียงมาก ก็ไปขออาศัยศึกษาอยู่ในสำนักนั้น ๓ เดือน ความจริงท่านตั้งใจจะอยู่ตลอดชีวิต คิดว่าชีวิตเบื้องปลายเราก็ทำอะไรไม่ไหวแล้วที่พึ่งของเราจริง ๆ ก็คืออารมณ์ที่เป็นมหากุศล เมื่อเข้าไปอยู่ในสำนักแล้วก็ปรากฏว่าท่านอาจารย์ให้ใช้กรรมฐานอีกแบบหนึ่ง

............... ความจริงกรรมฐานจะเป็นแบบไหน ภาวนาแบบไหนก็ตาม แต่จุดมุ่งหมายจริง ๆ ต้องการ คือ

............... ๑. ต้องการศีลบริสุทธิ์

............... ๒. มีอารมณ์ใจเป็นสมาธิ

............... ๓. มีปัญญาแก่กล้าสามารถรู้เท่าทันกิเลส และตัดกิเลสให้เป็นสมุจเฉทปหานได้

............... ความจริงความต้องการของพระพุทธเจ้ามีเท่านี้ ฉะนั้นขอบรรดาญาติโยมพุทธบริษัท การปฏิบัติกรรมฐาน จงอย่าถือว่าที่ไหนผิดและจงอย่าถือว่าที่ไหนถูกแต่แห่งเดียวถ้าทำจิตให้ทรงศีลบริสุทธิ์ได้ทรงสมาธิได้ มีปัญญาสามารถล้างกิเลสได้ที่นั่นถูกทั้งหมด

............... สำหรับวิธีปฏิบัติจริง ๆ มีตั้งหลายพันแบบ ไม่ใช่แบบเดียว

............... ในเมื่อคุณโยมเจริญพุทธานุสสติอยู่เป็นปกติ ไปเจอะอาจารย์สอนผิดไปจากที่เคยปฏิบัติมา ใจก็อดที่จะคิดถึงอารมณ์เก่าไม่ได้ อาจารย์ก็บอกว่า ไม่ได้ ของเก่าใช้ไม่ได้ต้องใช้ของใหม่ที่สอน ไม่ยังงั้นจะไม่มีผล คุณโยมก็อยากจะไปคิดถึงของเดิม ยิ่งไม่นึกถึงเพียงใด ภาวนาหรือพิจารณาตามที่อาจารย์สอน คำว่า "พุธโธ" ไม่มีในใจแต่ภาพพระพุทธรูปปรากฏ แทนที่จะนึกแต่พุทโธอย่างเดียว ไม่นึกละ นึกตามที่อาจารย์สอนภาพพระพุทธรูปลอยเด่นขึ้นข้างหน้า

............... ตอนเช้าอาจารย์สอบอารมณ์ ก็ไปบอกกับอาจารย์ว่า เมื่อคืนเห็นภาพพระพุทธรูปท่านอาจารย์ก็บอกว่า โยมไม่ได้แล้ว ๆ ภาพประเภทนี้เป็นกิเลส ต้องทิ้งไปจงอย่าถือเอาโยมก็พยายามไม่ถือเอาทำใจเป็นสมาธิให้เข้มข้นตามอาจารย์สอน ในเมื่อความเข้มข้นของจิตมีมากขึ้นเพียงใด ภาพพระพุทธรูปก็แจ่มใสมากเพียงนั้น ในที่สุดภาพของพระพุทธรูปก็ขาวเป็นแก้วประกายพรึก เป็นแก้วระยิบระยับ เด่นจับหูจับตา คราวนี้เอาหนักหลับตาก็เห็น ลืมตาก็เห็น จะนอนซ้าย นอนขวา หันหน้าหันหลัง เห็นหมดเห็นตลอดวันเป็นอันว่าจิตของคุณยายทรงฌานั้นสูงในพุทธานุสสติกรรมฐาน อย่างนี้เป็นฌานนะบรรดาท่านพุทธบริษัท ไปรายงานอาจารย์ทีไรอาจารย์ก็บอกว่า "ไม่ไหวแล้วโยมฯ กิเลสเล่นหนักแล้ว" คุณโยมก็เกิดความไม่สบายใจ

............... ต่อไปก็ไม่รายงานอาจารย์ละ ในเมื่อพระพุทธรูปจะมาก็เอาพระพุทธรูปเถอะถ้าอาจารย์ถามว่าเมื่อคืนภาวนาว่าอย่างไร แต่คำภาวนาใช้ตามแบบฉบับของอาจารย์และกำลังใจก็ยินดีในพระพุทธรูป ก็ชื่นใจมาก ยิ่งนานวันจิตยิ่งสดใส พระพุทธรูปก็แจ่มใสมากขึ้นและก็ใหญ่โตมากขึ้น ยิ้มแย้มแจ่มใส คล้าย ๆ กับมีชีวิตชีวา มองเห็นหน้าทีไรก็เห็นพระพุทธรูปยิ้มทุกที

............... ในที่สุดบรรดาท่านพุทธบริษัท ออกพรรษาแล้วคุณยายก็อยู่ไม่ได้ เพราะขวางกับสำนักนั้น ความจริงกิจกรรมไม่ได้ขวาง แต่กำลังใจเห็นภาพพระพุทธรูป ท่านบอกพระพุทธรูปเป็นกิเลส คุณยายก็ต้องกลับบ้าน เมื่อกลับบ้านแล้วพระที่บ้านของท่านก็นำมาหาอาตมา อาตมาเองก็ไม่ทราบว่าคุณยายเห็นภาพพระพุทธรูป ทางสำนักถือว่าเป็นกิเลส ท่านถามว่า การเห็นภาพพระพุทธรูปอย่างนี้เป็นอย่างไร ก็ต้องบอกตามความเป็นจริงว่า

............... "คุณโยม นี่เป็นฌานในพุทธานุสสติกรรมฐานแล้ว แล้วคุณโยมไม่ใช่เข้าถึงฌานเฉย ๆ เป็นผู้ทรงฌานเสียด้วย และฌานนี้ก็เป็นฌานที่สูงมาก สามารถนึกขึ้นมาจะให้พระพุทธรูปใหญ่ขนาดไหนก็ตาม ใหญ่หรือเล็ก สูงหรือต่ำ ยังไงก็ตามเป็นไปตามนั้นหมด"

............... ก็เลยบอกว่า "ถ้าคุณโยมกล้าทำ ถ้าใครเขาพูดถึงใคร ลองนึกในใจขอภาพพระพุทธรูปจงหายไป ขอภาพบุคคลนั้นจงปรากฏแทน" คุณโยมก็ทำอย่างนั้น ในที่สุดใครพูดถึงใครที่ไหน คุณโยมก็ถามว่าคนนั้นรูปร่างอย่างนั้นอย่างนี้ใช่ไหม เขาก็ตอบว่าใช่ เป็นการถูก

............... ก็รวมความว่าคุณโยมต้องการเห็นเทวดา เห็นนรก สวรรค์ โยมก็เห็นหมด ต้องการเห็นคนที่จากไป เวลานี้อยู่ที่ไหน ทำอะไรบ้าง คุณโยมก็เห็นถูก ในเมื่อเขามาหาคุณโยมก็ตอบตรง ตามความรู้สึกที่เห็นไว้

............... นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย การเจริญพุทธานุสสติกรรมฐาน ในที่สุดคุณโยมนั้น ก็เห็นชัดว่านรกเป็นยังไง เปรตอสุรกาย แดนสัตว์เดรัจฉานเป็นยังไงทั้งหมด เวลาคนตายปุ๊บลงไป โยมก็ติดตามคิดว่าคนนี้ไปไหน ภาพก็ปรากฏชัดทันที ถ้าคนนั้นไปสู่แดนอบายภูมิ ก็จะถามเขาว่าเพราะบาปอะไร หรือไปสวรรค์เพราะบุญอะไร แล้วก็ถามคนที่อยู่ที่เขารู้เรื่องราวเขาก็ตอบตรงตามความเป็นจริง

............... นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัทชายและหญิง การเจริญพุทธานุสสติกรรมฐาน ถ้าทำให้ถูกเสียอย่างเดียว ไม่ใช่จะเป็นสุกขวิปัสสโก เป็นวิชชาสามก็ได้ เป็นอภิญญาก็ได้

............... มองดูบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ๓๐ นาทีพอดี สำหรับตอนที่ ๙ นี้ก็ต้องขอลาก่อน เพราะว่าหมดเวลาเสียแล้ว ขอบรรดาสาวกขององค์สมเด็จพระชินวรทุกท่าน จงมีแต่ความสุขสวัสดิ์พัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล และจงเจริญไปด้วยจตุรพิธพรชัยทั้ง ๔ ประการ มีอายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ หากทุกท่านประสงค์สิ่งใด ขอให้ได้สิ่งนั้นสมความปรารถนาทุกประการ สวัสดี...



**********************
ปล. หนีนรก มีทั้งหมด ๒๔ ตอนจบครับ โปรดติดตามตอนต่อไปด้วยนะครับ
ที่มา เวปพุทธภมิ

ทำนองเพลง ลาวม่านแก้ว




รายชื่อผู้ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพกฐิน จ.สุรินทร์

1. คุณ มินทิวาและครอบครัว..................... 1,000.00
2. คุณ แคทรียาและครอบครัว.................... 2,000.00
3. น.ส. ณัฐชนัญ อัศวจารุวรร....................... 500.00
4. นาย นาริโทชิ ฮายาชิ.............................. 500.00
5. คุณ อิสราภรณ์ ศิรคุณ.......................... 1,000.00
6. คุณ ธัญรัศม์ จิรจรัสธีรโชติ
+ คุณ รัชดากร ศรีธราพิพัฒน์.......................500.00
8. นู๋บี Beee_bu......................................... 100.00
9. ป้ากุ๊กไก่ ณ ร่มไม้เย็น.............................. 300.00
10. คุณ กาญและครอบครัว.......................1,000.00
11. นางบุษรัสกรณ์ เบามัณณ...................... 500.00
12. คุณนิดและครอบครัว............................ 150.00
13. คุณปัทมาและครอบครัว .......................1000.00
14. คุณนุ่มและครอบครัว............................ 300.00
15. คุณอริญชยา ศรีขาว
+ John Anthony Early............................ 1000.00
17. คุณอ้อ(เริงฤดี).................................... 345.00
18. กระป๋องแป้งฝุ่น และครอบครัว .................300.00
19. คุณอุ้มและครอบครัว.............................123.00



ยอด ณวันเสาร์ ที่ 10 ตุลาคม 2552
เป็นเงิน 10,495.00 บาท



ที่มา: ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพกฐินสามัคคี สร้างพระอุโบสถ


Create Date : 23 ตุลาคม 2552
Last Update : 23 ตุลาคม 2552 21:39:32 น. 38 comments
Counter : 668 Pageviews.

 
สวัสดีตอนดึกค่ะ....พี่ไผ่

ขอบคุณสำหรับธรรมะดีๆนะค่ะ

พึ่งเข้าใจว่าการเอาชนะนิวรณ์ เป็นการเอาชนะชั่วคราว เรายังไม่สามารถเอาชนะถาวรได้ ทำให้สบายใจขึ้นค่ะ

จะพยายามเจริญพุทธานุสสติ ให้ได้บ่อยๆค่ะ

อนุโมทนาค่ะ

ส่งเข้านอนเลยนะค่ะ
หลับฝันดีค่ะ


โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 23 ตุลาคม 2552 เวลา:21:52:32 น.  

 
ฝันดีนะคะ


โดย: redclick วันที่: 23 ตุลาคม 2552 เวลา:22:00:42 น.  

 
ว่างๆฝากไปยืม blog ผมด้วยน่ะครับ

news
blog เล็้กๆๆของน้องเปรม


โดย: prempcc วันที่: 23 ตุลาคม 2552 เวลา:22:10:55 น.  

 
โมทนาค่ะพี่ไผ่

ราตรีสวัสดิ์นะคะ


โดย: อะนิตา IP: 212.198.64.196 วันที่: 23 ตุลาคม 2552 เวลา:22:31:06 น.  

 
เป็นภาญี่ปุ่นบ้างนะพี่ไผ่ อิอิ..
良い支援の夢。


โดย: แพท IP: 124.120.83.127 วันที่: 23 ตุลาคม 2552 เวลา:22:55:04 น.  

 
ฝันดีเช่นกันจร้า


โดย: พี่นู๋อ้อ (pinuaoo2006 ) วันที่: 23 ตุลาคม 2552 เวลา:23:15:11 น.  

 
อนุโมทนาสาธุค่ะพี่ไผ่ กิเลสหรือว่านิวรณ์ ๕ ประการนี้เอาชนะทุกตัวยากมากน่ะพี่แต่ก็ยังดีน่ัะที่สามารถเอาจิตเข้าไปรับรู้ตัวที่พลาดแล้วพยายามระลึกใหม่ เราเอาจิตเข้าไปรับรู้ลมหายใจเข้าออก แล้วเราภาวนาควบคู่กันไป หรือคิดถึงพระพุทธเจ้าในอารมณ์ของเราควบคู่กันไป อย่างนี้ถือว่าตอนนั้นเราได้กำไร ใจของเราเต็มไปด้วยมหากุศลสามารถจะนำตนไปสู่สุคติได้แบบสบาย ๆ

สติ คือความระลึกนึกไว้ สัมปชัญญะ การเจริญสติดีอย่างนี้น่ะพี่ไผ่เวลาตายจะได้มีสติตลอดเวลาไม่หลง

สาธุ สาธุ สาธุในธรรมทานนี้ค่ะ สุขสันต์วันหยุดยาวค่ะพี่ไผ่และนอนหลับฝันดีค่ะ


โดย: Budratsa วันที่: 24 ตุลาคม 2552 เวลา:0:05:49 น.  

 


เสาร์สวัสดีค่ะ คุณไผ่
บุญรักษา มีแต่ความสุข สดชื่น นะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 24 ตุลาคม 2552 เวลา:6:57:18 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าค่ะ.....พี่ไผ่

วันหยุดพักผ่อนเยอะๆนะค่ะ



โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 24 ตุลาคม 2552 เวลา:7:01:44 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่ไผ่








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 ตุลาคม 2552 เวลา:7:14:52 น.  

 
นิวรณ์ประการที่ 4 คงยากสำหรับยายค่ะ
งานมาก ความคิดเลยฟุ้งซ่าน...แค่นั้นเอง
ให้หลานอยู่เย็นนะค่ะ.....


โดย: กัดหมอน IP: 112.142.55.26 วันที่: 24 ตุลาคม 2552 เวลา:7:34:42 น.  

 


อากาศดีๆ ดื่มน้ำทับทิมกันนะคะ


โดย: redclick วันที่: 24 ตุลาคม 2552 เวลา:10:01:23 น.  

 
คุณไผ่ขา..
ธัญแวะมาส่งความคิดถึงค่ะ
ช่วงนี้อาจห่างหายไปบ้างนะคะ
แต่ยังคงส่งความคิดถึงและความห่วงใย
มาให้กันอยู่เสมอๆนะคะ...


Friends18.com Orkut MySpace Hi5 Scrap Images


โดย: tanjira วันที่: 24 ตุลาคม 2552 เวลา:13:32:09 น.  

 
การสร้างจิตให้ผ่องใส ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยนะคะ วันนึง ๆ เราคิดหลายเรื่องเยอะแยะเลยค่ะ หลงผิดน่ะเป็นบ่อยเลย

“เพราะว่ากำลังใจของเรานี้ คบกับการฟุ้งซ่านมานานนับอสงไขยกัป อยู่ ๆ จะบังคับให้อยู่ในขอบเขตจริง ๆ น่ะ มันเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าต้องอาศัย สติ คือความระลึกนึกไว้” ใช่เลย


โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) วันที่: 24 ตุลาคม 2552 เวลา:14:10:41 น.  

 
สวัสดีค่ะ พี่ไผ่

เอาชนะนิวรณ์ไม่ใช่ง่ายเลยนะคะ
อนุโมทนาค่ะ

title=


โดย: พ่อระนาด วันที่: 24 ตุลาคม 2552 เวลา:15:12:11 น.  

 
สวัสดียามค่ำค่ะ พี่ไผ่

สงสัยงานยุ่งแน่เลย
มาชวนไปอ่านเรื่อง คีโม กับ เซลมะเร็งค่ะ
(ดีนะแค่มาเล็ง) อิอิ

ค่ำแล้วอย่าลืมทานข้าวนะคะ เด๋วหิวค่ะ


โดย: พ่อระนาด วันที่: 24 ตุลาคม 2552 เวลา:19:32:12 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่ไผ่










โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 ตุลาคม 2552 เวลา:8:13:57 น.  

 


โดย: หน่อยอิง วันที่: 25 ตุลาคม 2552 เวลา:9:04:07 น.  

 


โดย: katoy วันที่: 25 ตุลาคม 2552 เวลา:10:26:58 น.  

 
กิ่งไม้ไทยก็ได้ทอดกฐินกับวัดไทยในแคนาดาเหมือนกันค่ะ ก็นำบุญมาฝากนะคะ


โดย: กิ่งไม้ไทย วันที่: 25 ตุลาคม 2552 เวลา:11:21:49 น.  

 
แวะมาเยี่ยมเยียนวันหยุดค่ะพี่ไผ่ ไปพักผ่อนที่ไหนไหมค่ะ
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: sawkitty วันที่: 25 ตุลาคม 2552 เวลา:12:38:04 น.  

 


กำหนดจุดหมายเพื่อช่วยให้เดินได้ตรงทาง…มีความหวัง
และไม่เลื่อนลอย



สวัสดีค่ะคุณไผ่
มีความคิดถึงมาฝากค่ะ

พักหายเหนื่อยหรือยัง ….พรุ่งนี้ต้องกลับไปสนุกกับงานอีกแล้วนะ


คมคำ : แม้เกิดมาต่ำต้อย ….แต่ก็ทำสิ่งที่ดีที่สุดได้





โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 25 ตุลาคม 2552 เวลา:12:48:46 น.  

 


สวัสดีค่ะ คุณไผ่

แวะมาเยี่ยมค่ะ
ไม่ได้เข้ามาบล๊อกหลายวัน
คุณไผ่สบายดีนะคะ


โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 25 ตุลาคม 2552 เวลา:18:33:37 น.  

 
Glitter รัก
ขอadd นะคะ


โดย: หนูดำจำมัย วันที่: 25 ตุลาคม 2552 เวลา:19:33:07 น.  

 
กลับมาแว้ว เปงไงบ้าง สบายดีน๊ะค๊ะ พี่ไผ่
ขอบคุงน๊ะค๊ะ ที่แวะไปเยี่ยมบ้านทูกวัน หมวยเล้กต้องเตรียมร่างกายและสังขาร เข้านอนแระ พร่งนี้จะได้มีแรง!! ทำงาน
,,,เหนื่อยได้อีกเลยตรู,,,

ฝันดีน๊ะค๊ะ


โดย: หมวยเล็ก_รักไม่ช่วยอะไร วันที่: 25 ตุลาคม 2552 เวลา:21:41:55 น.  

 
ฝันดีนะคะ


โดย: redclick วันที่: 25 ตุลาคม 2552 เวลา:21:47:19 น.  

 
ขอบคุณค่ะ.....

หลับฝันดีนะค่ะ.....


โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 25 ตุลาคม 2552 เวลา:21:49:35 น.  

 


หลับฝันดี
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ


โดย: busabap วันที่: 25 ตุลาคม 2552 เวลา:22:50:44 น.  

 
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ พี่ไผ่

หายยุ่งรึยังคะ
แล้วทำไมนอน ตี4 ตี5 ล่ะ
แบบนี้ก็ง่วงแย่สิคะ

title=


โดย: พ่อระนาด วันที่: 25 ตุลาคม 2552 เวลา:23:00:53 น.  

 
สวัสดีค่ะ........พี่ไผ่



โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 26 ตุลาคม 2552 เวลา:6:48:31 น.  

 
อรุณสวัสดิยามเช้าค่ะพี่ไผ่ ขอให้มีความสุขตลอดวันทำงานนะค่ะ
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: sawkitty วันที่: 26 ตุลาคม 2552 เวลา:6:49:11 น.  

 


โดย: tanjira วันที่: 26 ตุลาคม 2552 เวลา:7:12:07 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


สวัสดีเช้าวันจันทร์ค่ะคุณไผ่
มาพร้อมกำลังใจให้สุข สดชื่นตลอดวัน


โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว วันที่: 26 ตุลาคม 2552 เวลา:7:25:56 น.  

 


หมอกขาวขุ่นในตอนเช้า อาจให้แง่คิดแก่เราได้ไม่น้อย...


"หมอกพรางใจ"

"หม่นหมอกมัว ทั่วหน เหมือนมนต์เสก

ดังหมู่เมฆ ลอยหลง ลงโลกล่าง

คลี่ม่านขาว คลุมแสง แสร้งให้จาง

แดดก็เลือน ดินก็ราง หมอกพรางตา..."





โดย: ลุงแว่น วันที่: 26 ตุลาคม 2552 เวลา:7:55:52 น.  

 
วันจันทร์แล้ว


โดย: redclick วันที่: 26 ตุลาคม 2552 เวลา:8:42:20 น.  

 


โดย: กัดหมอน (กัดหมอน ) วันที่: 26 ตุลาคม 2552 เวลา:9:05:10 น.  

 
ขอโทษ ไม่ทราบว่ายายพลาดตรงไหนอีกแล้ว ก็เลยออกมาอย่างที่เห็น
แวะมาอ่านทบทวน.....
ขอให้หลานสุขภาพแข็งแรง และมีเรื่องดีๆให้ยายได้อ่านนานๆ นะค่ะ


โดย: กัดหมอน วันที่: 26 ตุลาคม 2552 เวลา:9:10:08 น.  

 

Friends18.com Orkut MySpace Hi5 Scrap Images
Friends18.com Picture Comments

การสร้างจิตให้ผ่องใสขึ้นอยุ่ที่ตัวเรามีจิตใจสงบพอรึป่าวที่คิดจะทำนะครับ


โดย: katoy วันที่: 26 ตุลาคม 2552 เวลา:9:20:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมึกสีดำ
Location :
ขอนแก่น Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add หมึกสีดำ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.